“ไม่ค่ะ! ฟ้าใสเลิกสนใจคนนิสัยเสียแบบนั้นไปนานแล้วค่ะพี่เกมส์!”
“งั้นเหรอ?”
“อื้ออ!”
พรวดดด
การปรากฏตัวของชายหนุ่มทำเอาเครื่องดื่มที่ฟ้าใสยังไม่ทันจะได้กลืนลงท้อง พุ่งพรวดออกมาจากปากเล็กจนเปรอะเต็มโต๊ะไปหมด
“แคก ๆ ๆ “
ฟ้าใสไอแคกแคก สำลักเครื่องดื่มอุ่นจัดจนหน้าดำหน้าแดง พลางลนลานหยิบทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดพื้นโต๊ะด้วยความอับอาย
ไอ้คนบ้า! ไอ้คนไร้มารยาท! มาตั้งแต่ตอนไหนวะเนี้ย!?
“มึงมาก็ดีเลยครับพ่อคนเด่นดังประจำโรงพยาบาล รบกวนมึงนั่งเป็นเพื่อนน้องฟ้าใสของกูทีนะครับ ตอนนี้กูถูกที่วอร์ดตามตัวแล้ว”
ไร้คำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากหนา มีเพียงสายตานิ่ง ๆ ที่ส่งมาให้ ซึ่งเกมส์ที่รู้จักเพื่อนมานานรู้ดีว่าการเงียบนั้นคือการตอบตกลง
เกมส์จึงยิ้มกริ่มแล้วหันไปลูบศีรษะของรุ่นน้องที่อ้าปากค้าง เครื่องขัดข้องไปแล้วอย่างเบามือ ก่อนจะผลุนผลันลุกออกจากวงสนทนาไปอีกทาง
หากจะหาใครสักคนมาดามอกให้เพื่อนสนิทล่ะก็ ระหว่างหลานสาว ผอ. จอมเอาแต่ใจกับรุ่นน้องที่สวยแต่สติไม่เต็มเต็ง เขาว่าอย่างหลังน่าจะเหมาะสมและลงตัวกับเพื่อนผู้บ้างานของเขาได้ดีกว่า
ฟ้าใสหันขวับมองตามชายเสื้อกาวน์ที่พลิ้วตามแรงเดินแล้วก่นด่าอยู่ในใจ
ไอ้พี่เกมส์! ไอ้พี่ทรยศ! มาเทกันไว้กลางร้านกาแฟแบบนี้ได้ยังไงเนี้ย!?
ก่อนที่เธอจะดึงสายตากลับมายังคู่สนทนา เกิดความเงียบเข้าปกคลุมโต๊ะของเธอทันทีที่ถูกทิ้งให้นั่งอยู่ด้วยกันเพียงสองคน
ความห่างเหินทำให้เธออึดอัดจนเริ่มทำตัวไม่ถูก จึงเลือกที่จะก้มหน้ามองแก้วเครื่องดื่มของตัวเองอยู่อย่างนั้นเงียบ ๆ จนสุดท้ายอีกฝ่ายเปิดปากทักทายขึ้นมาก่อน
“งานการไม่มีให้ทำเหรอครับ คุณนภาสินี”
มาเต็ม! เรียกเต็มยศขนาดนี้ไม่ร่ายนามสกุลออกมาด้วยเลยละคะ! คันปากแต่ก็กล้าบ่นแค่ในใจเพราะกลัวถูกสวน
“มีค่ะแต่หยุดบ้างได้ไหมละคะ”
ฟ้าใสมองค้อนใส่คนสองมาตรฐานแล้วก็เงียบไปอย่างไม่รู้จะต่อบทสนทนากับคนตรงหน้าอย่างไรดี
ไม่เจอกันนานตั้งสามปีแทนที่อธิบายเรื่องไม่ตอบไลน์ หรือเอ่ยทักทายเธอด้วยถ้อยคำดี ๆ แบบคนอื่นเขาบ้าง ฮึ! ไม่มีสักคำ!
“อืม”
อืม!? รุ่นพี่ตอบมาแค่สั้น ๆ แล้วก็เงียบไปอีกครั้งโดยไม่คิดจะพูดอะไรต่อ มือใหญ่ยกแก้วลาเต้ที่เธอซื้อให้รุ่นพี่อีกคนขึ้นจิบเรื่อย ๆ ทำราวกับแก้วนั้นเป็นของตัวเองไปแล้วอย่างหน้าไม่อาย
ใจดวงน้อยเต้นตุ่ม ๆ ต่อม ๆ ขณะชำเลืองมองสีหน้าเรียบเฉยนั้นเป็นระยะ ๆ อย่างเงียบ ๆ ความขุ่นเคืองเมื่อนาทีก่อนถูกแทนที่ด้วยความประหม่าเมื่อได้มองหน้าของเขาใกล้ ๆ ในระยะไม่ถึง 1 เมตร
ฟ้าใสอาศัยจังหวะที่รุ่นพี่หันหน้าออกไปมองนอกร้าน ใช้สายตาลอบสำรวจคนตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ พลางคิดในใจ
พี่นัทเหมือนจะขาวขึ้นนะ ดูสง่า ดูอกผายไหล่ผึ่งขึ้น ใต้เสื้อเชิ้ตนั่น .... จะมีกล้ามเป็นมัด ๆ แบบผู้ชายในซีรี่ส์ไหมนะ?
ขณะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นั้น เธอก็ต้องสะดุ้งแล้วรีบหลุบตาลงมองต่ำเมื่อพบว่าอีกฝ่ายรู้สึกตัวแล้วหันมาจ้องเธอกลับ เธอจึงแก้เก้อด้วยการหลับหูหลับตายกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบรัว ๆ ไม่หยุด
“เฮ้อออ”
นัทถอนหายใจเบา ๆ แล้วส่ายหน้าไปมา มองคราบฟองนมที่เปรอะรอบปากเล็กนั่นแล้วขัดใจ จนต้องหยิบทิชชูขึ้นมาปาดไปตามริมฝีปากของเธอเพื่อเช็ดมันออกให้พ้นสายตาตามนิสัยคนเจ้าระเบียบ
ฟ้าใสชะงักค้าง ตัวแข็งทื่อหยุดทุกการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ต่างจากหัวใจที่มันกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าตกใจ คล้ายว่าเธอกำลังจะประสบภาวะหัวใจล้มเหลวอยู่รอมร่อ
เขา....เขาเช็ดปากให้ฉัน!
นี่ใช่พี่หมอนัทตัวจริงหรือเปล่า? ทำไม โซ โคเรีย แอนด์ โซ โรแมนติกเวอร์วังแบบนี้! อ๊าย ~
ฟ้าใสกรีดร้องในใจขณะเหม่อมองใบหน้าของรุ่นพี่ด้วยแววตาเพ้อฝันราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก แก้มนวลแดงระเรื่อขึ้นเพราะอุณหภูมิของร่างกายกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
‘ตายอย่างสงบ ศพสีชมพู’ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ~
ทว่าดื่มด่ำกับความสุขได้เพียงชั่วครู่ เธอก็ถูกกระชากให้หลุดออกจากห้วงภวังค์อย่างรุนแรง ....
อึก!
ทิชชูชิ้นดังกล่าวถูกจับยัดเอามาในปากเล็กโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะตามมาด้วยประโยคสั้น ๆ ทว่ากลับสามารถทำลายบรรยากาศดี ๆ ให้ย่อยยับลงได้ในพริบตาเดียว
“ยัยเด็กไม่เต็มบาท!”
“ผมต้องขอโทษแทนลูกสาวผมด้วยนะ”“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมมาก่อนเวลาเองครับ”“วันนี้มีธุระที่ไหนอีกหรือเปล่า อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะพ่อนัท”“คงไม่สะดวกค่ะ!”ในที่สุดฟ้าใสก็ไม่อาจทนนั่งปั้นหน้าอยู่ในวงสนทนานี้ได้อีกต่อไป เธอพูดโพล่งขึ้นมากลางวงโดยสนใจว่าคนข้าง ๆ จะตกใจหรือไม่“อ่า งั้นเหรอ แล้วลูกล่ะหิวหรือยัง ให้แสงดาวตั้งโต๊ะเลยไหม”“คงไม่รบกวนหรอกค่ะ เชิญคุณท่านทานก่อนได้เลยค่ะ ฟ้าใสขอตัวนะคะ”สีหน้าของคู่สนทนาเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อถูกตัดบทอย่างไร้เยื่อใย แต่ฟ้าใสรู้ว่านั่นมันก็แค่การแสดงฉากฉากหนึ่งเท่านั้น เธอผุดลุกขึ้นยืนพลางหันไปฉุดมือของรุ่นพี่ให้ลุกขึ้นตามถ้อยคำสร้างภาพที่คนคนนั้นพูดพ่นออกมา มันทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนเสียจนแทบจะอาเจียนอยู่รอมร่อ หากทนฝืนอยู่นานกว่านี้อีกหน่อยเธอคงเก็บอาการไม่อยู่แน่ ๆ“ฟ้าใส!”“พี่นัทมีธุระจะคุยกับฟ้าใสใช่ไหมคะ เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะค่ะ!”แรงฉุดกระชากของหมอสาวแทบไม่สามารถดึงตัวให้เขาลุกขึ้นได้หรอกหากเขาไม่ยินยอม ทว่าแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองระคนเจ็บปวดคู่นั้น มันทำให้เขาขัดใจเธอไม่ลง“ผมขออนุญาตนะครับ”“อืมม ตามสบายนะ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกเด
ก้อกก้อกก้อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ก่อนจะตามด้วยเสียงของแม่นม ผู้ที่เปรียบเสมือนแม่คนที่สองร้องเรียกเธออยู่หน้าประตู“คุณหนู! คุณหนูตื่นหรือยังเจ้าคะ!?”“ค่ะนม”ฟ้าใสซึ่งรู้สึกตัวตื่นมาได้สักพักแล้ว แต่ยังคงนอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงนอนอย่างเกียจคร้าน หันไปขานรับก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู“ มีอะไรหรือเปล่าคะ”“มีแขกมาขอพบคุณหนูเจ้าค่ะ”“หะ? แขก? ใครคะ?”“คุณณัฐพลเจ้าค่ะ”“อ๋อ~ ณัฐพล หะ! ณัฐพล เอ่อ ณัฐพลที่เป็นหมอ หล่อ ๆ สูง ๆ ขาว ๆ หน้าดุ ๆ แก้มนุ่ม ๆ ใช่ไหมคะนม!?”ฟ้าใสทำตาโต ถลาเข้าไปเกาะแขนหญิงสูงวัย แล้วพยายามอธิบายรูปพรรณสัณฐานของบุคคลที่คิดว่า ‘ใช่’ รัวเร็วด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะเขย่าแขนเร่งเร้าเอาคำตอบอย่างร้อนรนเมื่ออีกฝ่ายมัวแต่อ้ำอึ้งอึกอัก“เอ่อ คงใช่ ... ใช่ กระมังคะ”แสงดาวอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะใช่คนเดียวกันกับที่เจ้านายพูดถึงหรือไม่ เพราะอีกฝ่ายก็แต่งกายด้วยชุดลำลองธรรมดาทั่วไปแต่เท่าที่ฟังจากคำบรรยายแล้วก็เข้าเค้าไปเสีย 8 ใน 10 ส่วนเรื่องแก้มนุ่มไหมนั้น.... เธอไม่น่าจะตอบได้“แล้วตอนนี้พี่นัทเขาอยู่ที่ไหนคะ??”“นั่งรออยู
@เช้าวันถัดมา ครืดครืด ครืดครืด ครืดครืดคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่นบ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดของผู้เป็นเจ้าของ หลังถูกรบกวนจากเสียงแจ้งเตือนที่ดังระรัวติด ๆ กันไม่หยุดหย่อนตลอดช่วงเช้าของวันหยุดจนจำต้องตื่นขึ้นมาก่อนเวลาที่ต้องการดวงตาคมกริบเหลือบไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ปรากฏตัวเลข 07:50 บนหัวเตียงแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ยัยเด็กนี่มีธุรกิจพันล้านหรือยังไง ทำไมโทรศัพท์ถึงส่งเสียงดังตลอดเวลาแบบนี้นัทเอื้อมมือไปหยิบเจ้าโทรศัพท์มือถือเครื่องสีชมพูขึ้นมา หมายจะกดปิดเสียงเพื่อตัดความรำคาญ ทว่านิ้วมือกลับชะงักค้างอยู่เหนือปุ่มกด“หึ!”ความงัวเงียสลายหายไปทันทีเมื่อมองเห็นชื่อของเจ้าของข้อความที่ส่งมาก่อกวนนับสิบฉบับเต็ม ๆ ตาตั้งแต่เช้า ไม่ยักรู้ว่าก่อนว่าทั้งสองจะสนิทชิดเชื้อกันจนมีเรื่องให้ต้องสนทนากันมากมายขนาดนี้พี่เกมส์สุดหล่อ (เหรอ?) : ยัยเด็กเอ๋อ เป็นยังไงบ้าง ขาหายเจ็บหรือยัง‘พี่เกมส์สุดหล่อ (เหรอ?) : ถ้าเจ็บหนักก็แวะมาที่โรงพยาบาลได้นะพี่เกมส์สุดหล่อ (เหรอ?) : เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะเสียสละช่วยตรวจดูให้พี่เกมส์สุดหล่อ (เหรอ?) : แลกกับกาแฟสักแก้วสองแก้ว หรือถ้าอยากได้ข้อมูลอย่างอื่น พี
เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันดังขึ้นเมื่อคนข้าง ๆ ขยับตัวพลางยกแขนขึ้นกอดตัวเองแล้วหลับต่ออย่างสบายอกสบายใจ“ยัยเด็กกะโปโลเอ๊ย”นัทหันไปมองเด็กขี้เซาที่ขดม้วนหนีลมแอร์ราวกับเม่นตัวเล็กแล้วอมยิ้มน้อย ๆ อาศัยจังหวะที่รถยนต์จอดแน่นิ่งขณะรอสัญญาณไฟจราจร หันไปดึงเสื้อเชิ้ตสำรองที่มักแขวนเอาไว้ติดรถแล้วค่อย ๆ วางคลุมลงบนร่างของหมอสาวอย่างเบามือฟ้าใสขยับตัวเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงเงาวูบไหวที่ลอยไปมาอยู่เหนือร่าง ทว่าเปลือกตาของเธอกลับหนักอึ้งเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมามองมันความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง มือเล็กจึงเอื้อมมาดึงรั้งแล้วกำเสื้อเชิ้ตไว้ในมือแน่น ปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ขึ้นบนใบหน้าราวกับกำลังฝันดี ก่อนที่เธอจะผ่อนลมหายใจแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง.ไม่นานรถยนต์ก็แล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง นัทปลดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองก่อน จากนั้นจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้ร่างเล็กเพื่อปลดล็อกให้เธอด้วยเช่นกัน“อื้ออ”เสียงหวานครางแผ่วเบาพลางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงดึงรั้งที่พาดทับบนลำตัว พลันดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจเมื่อสิ่งแรกที่ปะทะสายตา คือข้างแก้มขาว ๆ นวลเนียน
น้ำค้างหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี ขยับเข้าไปยืนใกล้ ๆ พี่ชายพลางใช้หัวไหล่กระแซะแขนอีกฝ่ายพร้อมส่งสายตาหยอกล้อ“ฮั่นแน่~ ไม่ต้องทำขรึมกลบเกลื่อนหรอกน่าาาา คนนี้จริงจังเหรอ ฮ่า ๆ ถึงขนาดพาขึ้นห้องเลยอะ”“ไม่ต้องมามอง ไม่ต้องมาทำหน้าล้อเลียน มันไม่มีอะไรทั้งนั้น แค่นัดมาเอาของ”“จะเอา แค่ของเหรอคะ โอ๊ย!”ฝ่ามือพิฆาตฟาดเข้าที่กลางกระหม่อมอันบอบบางของน้ำค้างทันควัน เธอแบะปากคล้ายจะร้องไห้ เพราะน้ำหนักมือที่พี่ชายฟาดมาแต่ละครั้งนั้น ไม่เคยมีคำว่าปราณี“ไอ้พี่บ้า! ฮืออ เจ็บนะ!”“เจ็บแล้วก็จำ! อยากมีน้องเป็นคน ไม่ใช่สัตว์เคี้ยวเอื้อง!“ถ้าจะพูดขนาดนี้ ด่าน้องมาตรง ๆ เลยก็ได้ค่ะ! ที่ถามนี่ก็เพราะเป็นห่วงหรอกนะ!”“ยุ่ง! เป็นเด็กเป็นเล็ก เอาเวลาไปตั้งใจเรียนไป!”“ใครเล็ก ไม่เล็กสักหน่อย ออกจะอวบอึ๋มบึ้มบั้ม! นี่ไง ๆ”น้ำค้างโอ้อวด ใช้สองมือดันหน้าอกหน้าใจที่มีขนาดเกินตัวให้นูนขึ้นมาเด่นชัดกว่าเดิม แล้วลอยหน้าลอยตาใส่พี่ชายอย่างท้าทาย“ถ้าเปลี่ยนเป็นสมอง พ่อกับแม่คงจะดีใจน่าดู”“น้ำค้างก็มีทุกอย่างแหละค่ะ”นัทถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างเอือมระอา ปรายตามองสีหน้าภาคภูมิใจของน้องสาวแวบหนึ่งแล้วเลือก
“ทำอะไรกันน่ะ!”เสียงแหลม ๆ ของผู้มาใหม่ทำให้สองหมอที่กำลังไล่ปล้ำกันในศึกแย่งยิงโทรศัพท์ หยุดเคลื่อนไหวแล้วชะงักแข็งค้างในท่าเดิมด้วยกันทั้งคู่ทันทีฟ้าใสค่อย ๆ หันไปมองโฉมหน้าของผู้มาใหม่อย่างช้า ๆ ใบหน้าหวานเจื่อนลงถนัดตาเมื่อพบว่าเจ้าของประโยคเมื่อครู่เป็นเด็กสาววัยรุ่นในชุดนักศึกษารัดรูปพอดีตัว และมีใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราราวกับตุ๊กตาไม่มีผิดทั้งคำถาม ทั้งสีหน้า และการมีอภิสิทธิพิเศษถึงขนาดรู้รหัสผ่าน ทำเอาใจดวงน้อยวูบโหวงและตระหนักได้ว่า ... ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่เรียกว่า ‘คนพิเศษ’ ที่แท้จริงนัทอาศัยจังหวะที่หมอสาวกำลังตกตะลึงกับการมาของบุคคลที่สามจนลืมเรื่องโทรศัพท์มือถือไปแล้ว รีบสาวเท้าเข้ามายืนขวางกั้นระหว่างสองสาวทันที“มาทำไมน้ำค้าง มีอะไร?”“พี่นัท! นั่นใครคะ!?”น้ำค้างไม่ตอบแต่ถามสวนกลับไปแทน สายตาเอาแต่จับจ้องใบหน้าสะสวยนั่นอย่างไม่วางตา แล้วเดินตรงรี่เข้าไปหาหญิงสาวแปลกหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าใกล้ในระยะ 2 เมตร พี่ชายก็แทบจะถลาเข้ามากินหัวเธอแล้ว“แฟนเหรอ!?”“ไม่ใช่! ถ้าไม่มีธุระอะไรก็เข้าห้องไปได้แล้ว อย่าวุ่นวาย!”“ขอทักทายก่อนสิ น้องเป็นคนมีสัมมาคารวะน้าาาา”“เข้