นักเลงอย่างเขาเคยกลัวใครที่ไหน แต่กลับยัยหมากระเป๋านี่ถึงได้ยอมนัก แตะต้องสีกายังไม่เคยแต่ทำไมกับเธอถึงชอบอยากเข้าใกล้ตลอด "ไต้ฝุ่น เรียกเฮียไต้ก็ได้" "คุณไม่ใช่พี่เราค่ะ" รันรานาแม่งไทป์เขาเลยว่ะ เขาจะทำอย่างไรดี ผู้หญิงคนเดียวที่รู้สึกว่าใช่ขนาดนี้ เขายากที่จะปล่อยเธอไปแต่เขาก็ไม่สามารถมีเมียทั้งๆ ที่เป็นนักเลงแบบนี้ได้เหมือนกัน ยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตใครด้วยซ้ำ ลำพังตัวเขาเองยังเอาตัวไม่รอด “เรารู้สึกดีบางครั้ง แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นความชอบแบบไหน อาจจะแบบพี่ชาย” “ไม่เป็นไรเลยว่ะเธอ” -- เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เตตะวันเคยอยู่ตรงนี้ตลอด คอยตามเธอไปทุกที่ คอยนั่งเฝ้าเวลาเธออ่านหนังสือ แต่ตอนนี้ไม่มีเขาแล้ว และมันทำให้เธอรู้แล้วว่า เธอไม่ได้อยากให้เขาเป็นแค่ พี่ชาย อย่างที่เธอเคยพูดออกไป เธอชอบเขา และเธออาจจะพลาดอะไรบางอย่างไปแล้วก็ได้ “ออกไปเถอะ… อย่าให้ฉันพูดซ้ำอีก” “ถ้าเฮียอยากให้เรากลับไป เราก็จะกลับ… แต่พรุ่งนี้เราจะมาอีกค่ะ” เขาทำเหมือนเธอไม่มีค่า บางทีความรู้สึกของเตตะวันอาจจะเป็นเพียงพายุเหมือนกับชื่อเขา
view moreChapter 1
(บทที่ ๑ )
ท้องฟ้ามืดครึ้มเริ่มมีฝนตกปรอยๆ ท่ามกลางเมืองที่เงียบสงบไร้ผู้คน มีใครบางคนกำลังเดินโซซัดโซเซไปตามริมถนน ตามเนื้อตัวเปื้อนเลือดเหตุเกิดจากบาดแผลของเขา แต่ที่เลือดมันเริ่มไหลอาบเต็มตัวเป็นเพราะว่าสายฝนที่กำลังตกใส่ตัวเขาจนเปียกไปหมด
“เจ็บสัตว์” ไต้ฝุ่น หรือ เตตะวัน สบถออกมา เขากุมไหล่ขวาแน่นเพราะรู้สึกเจ็บมาก ตอนนี้ร่างกายเขาอ่อนล้าเต็มทน ทั้งแสบแผลและจะเป็นลมเพราะเสียเลือด
“โชยุ!แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้แอบออกมาด้านนอก” เขาได้ยินเสียงเล็กๆ แว่วมาจากข้างหน้าก่อนสติจะดับวูบ..
“…”
ตุบ!
“กรี๊ด…!”
ห้องเงียบสงบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงการทำงานของเครื่องปรับอากาศ เปลือกตาหนาค่อยๆ ลืมขึ้น เขาหรี่ตามองแสงไฟที่ให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยแต่รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา โชคดีที่ยังไม่ตาย..
“เมี๊ยว!”
“เฮ้ย! โอ๊ย!”
“ฟื้นแล้วเหรอคะคุณ อย่าพึ่งรีบลุกสิ” เขามัวแต่ตกใจแมวตัวสีดำตาฟ้านี่ แล้วเกิดความสับสนมึนงงไปหมดจนไม่ทันได้เห็นว่ามีใครอยู่ในห้องด้วย
“…” เตตะวันไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาพยายามคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
“อ๋อ..คือเราออกไปตามแมวอยู่ด้านล่างคอนโด แล้วจู่ๆ คุณก็เป็นลมล้มตึงตรงหน้าเราค่ะ เลยพาขึ้นมาที่นี่แล้วก็ทำแผลให้ค่ะ” บุคลิกเธอดูเป็นคนขี้อายแต่กลับพูดออกมาเยอะแยะมากมาย หน้าตาเธอก็จิ้มลิ้มน่ารักมาก ใส่แว่นซะด้วย
“ขอบใจ” เตตะวันแทบไม่มีแรงตอบ เขาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงต่อ ไม่มีแรงเลย
“อะ..เอ่อคุณงีบอีกซักพักก็ได้ค่ะ แต่ต้องกินข้าวต้มกับยาก่อนเพราะคุณตัวร้อนมากค่ะ” เธอไม่มีท่าทีกลัวเขาเหมือนกับคนอื่น ทั้งๆ ที่เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แถมดูทรงแล้วน่าจะพักอยู่คนเดียวด้วย
“ไม่กลัวรึไง”
“ไม่ค่ะ กลับมาต้องกินให้หมดแล้วพร้อมกินยานะคะ” ว่าแล้วเธอก็เดินออกจากห้องนอนไป ใครวะไอ้เหี้ย! นี่เมียกูรึเปล่า
“สั่งจัง” สั่งซะเป็นแม่เลย แต่ก็ยังดีที่เธอช่วยเขาไว้ ต้องขอบคุณสักหน่อยแล้ว
ร่างบางจัดการทำธุระต่างๆ แล้วกลับมายังในห้องที่เงียบสงบของเธอ ถึงตอนนี้มีใครบางคนอยู่ด้วยแต่ก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม
"โชยุ! ข่วนโซฟาอีกแล้วนะ" รันรานา หรือ รานา นักศึกษาแพทย์ปีสอง เธอกำลังดุลูกของเธอ ลูกที่ว่าไม่ใช่คนแต่อย่างใด กลับเป็นเจ้าแมวสีดำตาฟ้าที่กำลังข่วนโซฟาอยู่
"เมี๊ยว!" เจ้าโชยุน้อยร้องตอบเหมือนมันรู้ว่าเธอกำลังดุอยู่
"มานี่เร็วอ้วน" เธออุ้มมันขึ้นมาแนบอก มืออีกข้างก็ถือเสื้อผ้าที่ไปยืมเพื่อนผู้ชายมาให้เขาได้ผลัดเปลี่ยน เขาอยู่ในชุดเปียกปอนเปื้อนเลือดมาตั้งแต่เมื่อคืนเธอไม่กล้าเปลี่ยนให้เขา ตอนนี้มันคงอับมากแล้ว
ก๊อก ก๊อก
“คุณ”
รันรานาเคาะประตูห้องนอนสองสามทีแต่เขาไม่ได้เปิดหรือขานตอบอะไร เธอเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป เพราะอย่างไรก็เป็นห้องเธอ หรือหากเขาเป็นลมล้มพับไปจะได้ช่วยทัน
"..." พอเปิดเข้ามาก็เจอกับภาพที่เตตะวันนั่งมองถ้วยข้าวต้มที่พึ่งถูกกินหมดไปอย่างนิ่งๆ
"เราเอาเสื้อผ้ามาให้คุณเปลี่ยนค่ะ เสื้อผ้าคุณเปียกฝนและเปื้อนเลือด" เธอค่อยๆ เดินไปวางเสื้อผ้าไว้ใกล้ตัวเขา จะได้หยิบได้ง่าย พอมองดีๆ แล้วเขาก็หน้าตาดีใช่เล่น ที่ใบหน้าดูโหดอาจเป็นเพราะรอยแผลแตกบนคิ้ว และรอยฟกช้ำที่มุมปาก แต่ดันตาชั้นเดียวแล้วหางตาเฉี่ยวขึ้น ทำให้เขามีเสน่ห์อย่างไม่เหมือนใคร
อีกทั้งการเจาะคิ้ว เจาะหู แถมมีรอยสักเต็มตัวไปหมดเลยทำให้ดูเท่ห์และน่าเกรงขาม เอาเป็นว่าเขาลุคดูแบดแต่หล่อ คิดอะไรของเธอนาเอ๊ย
"มองเหี้ยอะไรวะ"
"..." ทำเอารันรานาอ้าปากค้างอึ้งไปชั่วขณะ
"เอ่อ..โทษที หมายถึงมองอะไรขนาดนั้นวะ ครับ" เตตะวันพอรู้ตัวว่าตัวเองพูดออกไปด้วยความเคยชินก็รีบขอโทษเธอ ทำไงได้ก็เขาเป็นคนแบบนี้ จะให้มาพูดเพราะๆ มันก็ลืมตัว
"เปล่าค่ะ งั้น รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะค่ะ" รันรานาคิดว่าเขาไม่ได้ดูเป็นนักเลงแค่ลุค อาจจะนิสัยเขาด้วย น่ากลัวอยู่เหมือนกัน
"อืม" เพราะไม่ได้สนิทกันเตตะวันก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอ ปกติเขาก็ไม่ใช่คนพูดเยอะอยู่แล้ว ร่างสูงโปร่งลุกยืนขึ้นแล้วดึงเสื้อขึ้นพร้อมจะถอด
"อะ..เอ่อ จะถอดตรงนี้เลยเหรอคะคุณ" รันรานาตกใจเบิกตากว้าง ถึงเธอจะเรียนหมอต้องเห็นร่างกายคนไข้แต่เธอก็พึ่งกำลังเรียนอยู่ และยังไม่เคยเห็นร่างกายผู้ชายตอนถอดเสื้อหรือชุดแบบนี้ตรงๆ
"ให้ถอดตรงไหน" เตตะวันงงงวย จะให้เขาถอดตรงไหนก็เธอบอกให้เขารีบเปลี่ยนชุด
"ในห้องน้ำก็ได้ค่ะ ยกแขนไหวใช่ไหมคะ" เธอถามเพราะเห็นตอนที่เขากำลังจะยกแขนถอดเสื้อ ถึงใบหน้าเขาจะนิ่งแต่ก็มีวูบนึงที่ทำสีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ และเริ่มมีเลือดซึมตรงผ้าพันแผล
"จะถอดให้เหรอ เอ่อ.. ชื่ออะไร" พอเตตะวันจะเรียกชื่อเธอแต่กลับนึกขึ้นได้ว่าไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร
"เรียกนาก็ได้ค่ะ คุณชื่ออะไรคะ" เธอยิ้มอย่างเป็นมิตร รันรานาเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี ซึ่งแตกต่างจากเตตะวันโดยสิ้นเชิง
"ไต้ฝุ่น เรียกเฮียไต้ก็ได้" เพราะเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเขาไว้หรอกนะจึงอนุญาตให้เรียกได้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ จิ้มลิ้มมาเรียกเขาแบบนี้คงน่ารักดีว่ะ ดูแล้วเธอคงเด็กกว่าเขาอยู่ประมาณนึง
เฮียๆ นี่ใช่ว่าเขาจะยอมให้ใครมาเรียกง่ายๆ เห็นแก่เธอช่วยเขาไว้ครั้งนี้เลยให้เรียกก็แล้วกัน น่ารักก็ส่วนน่ารัก
"คุณไม่ใช่พี่เราค่ะ" เฮียเธอมีคนเดียวคือนารานิลเท่านั้น
Chapter 5( บทที่ ๕)เตตะวันถือวิสาสะหยิบกีตาร์ของเธอมาเล่นเพลงที่มันแล่นเข้ามาในหัวของเขาตอนที่เจอเธอ ณ ตอนนี้ เป็นเพลงที่เหมาะกับเธอดี เป็นเพลงที่เจอเธอแล้วต้องนึกถึงเพลงนี้ เธออย่างกับหลุดออกมาจากความฝันของเขา ปล่อยไปก็ไม่ได้แต่จะเอามาครอบครองก็คงเป็นไปได้ยาก"เพลงเพราะดีนะ ชื่อเพลงอะไรเหรอ" รันรานาแอบใจเต้นแรงกับเนื้อเพลงที่เขาร้องแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ เธอเป็นคนที่ชอบซึมซับความหมายเนื้อเพลงและรู้ว่าเพลงนั้นๆ หมายถึงอะไร แต่เธอก็ไม่อยากคิดไปเอง เตะตะวันอาจจะเล่นเพลงนี้ให้ทุกคนทั่วไปฟัง"เสียดายรักเธอ" บทจะนิ่งเขาก็นิ่งมาก ท่าทางที่นั่งจับคอร์ดกีตาร์อย่างตั้งใจไม่พูดไม่จา ตอบแค่ที่ถาม มันมีเสน่ห์จัง บ้าจริง“แล้วจะสอนเราเล่น..”ครืด..ครืด.."ว่า" จู่ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเขาดังเข้ามา'แดกเหล้าปะ' เขาเปิดสปีกเกอร์ดังให้รันรานาได้ยินเพราะแอบเห็นสายตาเธอที่มองตั้งแต่มือถือดังจนเขากดรับ"ไม่ว่าง" เขาไม่อยากเสียเวลาที่อยู่กับรันรานาไป ไม่ใช่โอกาสที่ใช้เวลาด้วยกันจะมีถมไป กว่าจะขึ้นมาห้องเธอได้ต้องมีข้ออ้างเจ็บตัวใช่เล่น'อะไรเข้าสิงมึงสัตว์ กูหูฝาดไปหรือไรวะ''พลาดได้ไงเส
Chapter 4(บทที่ ๔ )รันรานานั่งรอเขาที่หน้าคณะทั้งๆ ที่เพื่อนกลับกันหมดแล้ว เขาเลทมารับเธอยี่สิบนาทีกว่าเธอควรรอต่อไหม ช่างเป็นคนที่ผิดคำพูดจริงๆ เธอไม่น่าเชื่อคนแบบเขาเลย แค่ตรงเวลายังทำไม่ได้เลยคนๆ นี้"นามาแล้ว ขอโทษว่ะ" สภาพเตตะวันที่ขับมารับเธอคือมุมปากแตกช้ำมีเลือดไหล และแผลที่คิ้วหนากำลังจะหายดีก็กลับเป็นแผลใหญ่ยิ่งกว่าเดิม"เอาอีกแล้วเหรอ ไปมีเรื่องมาเหมือนวันนั้นใช่ไหม” นี่เขาจะมีเรื่องบ่อยขนาดนี้เลยเหรอ แล้วแต่ละครั้งก็เจ็บตัวไม่ใช่น้อยๆ อึดถึกทนขนาดนี้ร่างกายยังเป็นคนอยู่ไหม"ไม่ใช่แบบนั้น ขอโทษว่ะที่มาช้า" เขาคิดว่าจะแวะไปถามข่าวคราวรุ่นน้องแป๊บเดียวกลับกลายเป็นมีเรื่องต่อยตีกับคู่อริต่อ“ไม่ได้ตั้งใจ”"เฮ้อ.. ช่างมันเถอะ ไปโรงพยาบาลไหมคะ" ถึงไม่หนักเท่าวันนั้นแต่เขาควรไปเช็คร่างกายบ้าง เธอไม่ได้สนเวลาว่าจะมาช้าหรือไม่แล้ว สนแค่แผลบนใบหน้าเขาตอนนี้"เฮ้ยนา ไกลหัวใจว่ะเอาจริง" แผลแค่นี้เขาชินแล้ว ตอนนั้นมันแค่พลาดที่ปล่อยให้พวกมันมารอบกัดเฉยๆ"..." รันรานาไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงรับหมวกกันน็อคของเขามาสวมแล้วก้าวขาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถ"คลุมเหอะ" เตตะวันถอดเสื้อช็อปเปื้อนฝุ่นที่น
Chapter 3(บทที่ ๓ )เตตะวันขับรถกลับมาที่ร้านสักอีกครั้ง แต่พอขับมาถึงทำเอาปวดแผลอยู่มากเหมือนกัน เพราะต้องเกร็งแขนในการขับรถและแผลโดนลมแรงจนแสบไปหมด"ไอ้สัตว์ไต้ เลือดอาบแขนมึงละนั่น" เขมทัตที่เข้ามาเห็นเพื่อนนั่งอยู่ห้องสักด้วยภาพที่เลือดซึมอาบแขนก็ได้แต่กุมขมับ"เบาๆ ไอ้เจนมันแทงกู" เวลาที่มีเรื่องกันเขามักจะได้บาดแผลกลับมาแบบนี้เสมอจนชิน บางทีก็เป็นแผลเป็นจนต้องสักทับ"แต่ครั้งนี้มันแรงจนมึงหมดสติไปใช่เปล่ากูได้ข่าว" เขาลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เพื่อนเพื่อทำแผลให้"ข่าวไวจากไหนอีกสัตว์ กูแค่เสียเลือดเยอะเลยวูบ" ข่าวนี้จากไอ้เจมส์แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มเขามีเขมทัตนี่แหละที่พอทำแผลให้เพื่อนได้ตลอดเพราะเขาเรียนหมอ"ฮ่าๆ สมน้ำหน้า ได้ข่าวว่าสาวช่วยไว้" รู้แม่งหมดทุกอย่างจริงๆ ไอ้พวกนี้ เจมส์รู้โลกรู้"เออน่า สาวเหี้ยไรช่างมัน" เขาไม่สนใจเรื่องพรรคนี้อยู่แล้วล่ะ"แล้วเด็กวิลัยฯมึงเป็นไง โดนล่อยับเลยดิ" หลังจากที่พวกคู่อริรอบกัดพวกเขาก็ได้ยกพวกไปต่อยตีกับเด็กที่วิลัยฯเขาต่อ อาศัยจังหวะที่เขาและเพื่อนเจ็บก็โจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว"ยับจัดๆ กูว่าจะไปดูอาการมันอยู่" แต่ตอนนี้เขาก็ขอรักษาต
Chapter 2(บทที่๒ )สี่ล้อรถยนต์เลื่อนมาจอดเทียบฟุตบาทแห่งหนึ่ง โดยมีผู้โดยสารดูแล้วเหมือนโจรลักพาตัวผู้หญิงมาแล้วเรียกรถมาส่ง แต่ดีที่รันรานาไม่ได้ทำมือหรือแสดงการขอความช่วยเหลือใดๆ คนขับจึงเบาใจได้“เธอ ขอบใจว่ะที่มาส่ง” เตตะวันเอ่ยขอบคุณรันรานาจากใจจริง เธอทั้งช่วยเขาไว้และยังอาสามาส่งเขาที่ร้าน“ไม่เป็นไรค่ะ เราแค่นั่งรถมาเป็นเพื่อนเอง” เพราะเธอไม่มีรถยนต์และขับไม่เป็นด้วย เหตุเกิดจากที่บ้านเลี้ยงมาแบบประคบประหงมเกินไป ไม่ยอมให้เธอทำอะไรเองสักอย่าง“เออนี่ ค่ารถกับค่าน้ำใจ” เตตะวันใช้มือข้างเดียวควานหากระเป๋าเงินใบเก่าโทรมของเขาลวกๆ แล้วหยิบธนบัตรสีม่วงยื่นให้เธอหนึ่งใบ“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” เธอไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่เธอได้ช่วยใครซักคนแล้วก็ต้องช่วยให้สุด ช่วยแล้วรู้สึกสบายใจดี ถามว่าตอนเจอเขากลัวไหม ก็แอบกลัว แต่จิตสำนึกก็ต้องช่วยไว้ก่อน“สักฟรีเอาปะ” ในความคิดของเตตะวันเขาไม่ได้รับคิวสักให้ใครง่ายๆ ความหมายของเขาคือเขาอยากสักให้เธอฟรีแทนคำขอบคุณ เขาไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครทั้งนั้น“คะ” เป็นการอึ้งรอบที่เท่าไหร่ของวัน รันรานาก็ไม่สามารถนับได้ตั้งแต่เจอเตตะวัน“สักฟรีไง ขอบคุ
Chapter 1(บทที่ ๑ )ท้องฟ้ามืดครึ้มเริ่มมีฝนตกปรอยๆ ท่ามกลางเมืองที่เงียบสงบไร้ผู้คน มีใครบางคนกำลังเดินโซซัดโซเซไปตามริมถนน ตามเนื้อตัวเปื้อนเลือดเหตุเกิดจากบาดแผลของเขา แต่ที่เลือดมันเริ่มไหลอาบเต็มตัวเป็นเพราะว่าสายฝนที่กำลังตกใส่ตัวเขาจนเปียกไปหมด“เจ็บสัตว์” ไต้ฝุ่น หรือ เตตะวัน สบถออกมา เขากุมไหล่ขวาแน่นเพราะรู้สึกเจ็บมาก ตอนนี้ร่างกายเขาอ่อนล้าเต็มทน ทั้งแสบแผลและจะเป็นลมเพราะเสียเลือด“โชยุ!แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้แอบออกมาด้านนอก” เขาได้ยินเสียงเล็กๆ แว่วมาจากข้างหน้าก่อนสติจะดับวูบ..“…”ตุบ!“กรี๊ด…!”ห้องเงียบสงบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงการทำงานของเครื่องปรับอากาศ เปลือกตาหนาค่อยๆ ลืมขึ้น เขาหรี่ตามองแสงไฟที่ให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยแต่รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา โชคดีที่ยังไม่ตาย..“เมี๊ยว!”“เฮ้ย! โอ๊ย!”“ฟื้นแล้วเหรอคะคุณ อย่าพึ่งรีบลุกสิ” เขามัวแต่ตกใจแมวตัวสีดำตาฟ้านี่ แล้วเกิดความสับสนมึนงงไปหมดจนไม่ทันได้เห็นว่ามีใครอยู่ในห้องด้วย“…” เตตะวันไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาพยายามคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น“อ๋อ..คือเราออกไปตามแมวอยู่ด้านล่างคอนโด แล้วจู่ๆ คุณก็เป็นลมล้มตึงตรงหน้าเราค่ะ เลย
Mga Comments