Share

บทที่ 5

Author: อู๋ตู๋จุ้ยหลิง
หยางเฉินทำศึกสงครามมานานหลายปี ทุกครั้งล้วนรอบคอบระมัดระวัง การถูกซุ่มโจมตีที่เขาซือถัวในครั้งนี้ ทำให้เขาสงสัยว่าตนเองถูกหักหลัง

เมื่อพิจารณาจากการเดินทัพและการจัดทัพของเขา เขาได้หารือแผนการรบนี้กับเสด็จพ่อและแม่ทัพใหญ่แห่งกรมกลาโหมหนานกงอู๋ตี๋เพียงสองคนเท่านั้น หรือว่าแผนการรบจะรั่วไหลออกไป?

เสด็จพ่อไม่มีทางหักหลังตนเอง หนานกงอู๋ตี๋ในฐานะแม่ทัพใหญ่ของจักรวรรดิ ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะคบคิดกับศัตรูเพื่อทรยศชาติ

หรือว่าเป็นเพราะในกองทัพของตนเองมีไส้ศึกของศัตรูแฝงตัวอยู่ และได้ส่งแผนการเดินทัพของตนออกไป?

ในใจของหยางเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย แต่กลับไม่มีหลักฐานแม้แต่น้อย ทำได้เพียงลอบสืบสวนจากแต่ละด้านไปก่อน ดูว่าจะสามารถหาเบาะแสอะไรได้บ้างหรือไม่?

ทว่า สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ย่อมเป็นการฟื้นฟูพลังของตนเอง และสร้างกองกำลังใหม่ของตนขึ้นมา จึงจะสามารถรักษาตำแหน่งองค์รัชทายาทของตนไว้ได้

“แม่ทัพไป๋ เจ้าไปจัดการเรื่องหนึ่ง...” หยางเฉินส่งสัญญาณให้นาง แม่ทัพหญิงจึงขยับเข้าไปใกล้

ไป๋หานอีพยักหน้ารับเล็กน้อย รับคำสั่งแล้วจากไป

หยางเฉินมองร่างของหว่านเอ๋อร์ที่อยู่บนพื้น ในสมองหวนนึกถึงภาพเมื่อวานที่นางพุ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อปกป้องตนเอง น้ำตาก็ไม่อาจกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ไหลรินลงมาเป็นสาย

“หว่านเอ๋อร์ เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ ปกป้องเจ้าไว้ไม่ได้ ข้าขอสาบานว่าจะต้องแก้แค้นให้เจ้าให้ได้!” หยางเฉินแอบสาบานในใจ

นางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ย่อตัวคารวะแล้วกล่าวว่า “ทูลองค์รัชทายาท ท่านอัครมหาเสนาบดีขอเข้าพบเพคะ!”

“ให้เขาเข้ามา” หยางเฉินตอบรับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

นางกำนัลถอยออกไป ย่อตัวคารวะท่านอัครมหาเสนาบดีที่อยู่ด้านนอกแล้วกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี องค์รัชทายาทอนุญาตให้เข้าพบเพคะ!”

ซ่างกวนหลินในฐานะอัครมหาเสนาบดีแห่งจักรวรรดิเฉียนอู่ ผู้นำของขุนนางทั้งปวง ซึ่งเป็นรองเพียงฮ่องเต้แต่อยู่เหนือคนนับหมื่นอย่างแท้จริง และยังเป็นดั่งเข็มทิศชี้ทิศทางลมของราชสำนักทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ เขาก็ค่อนข้างชื่นชมหยางเฉิน ทว่า ตั้งแต่องค์รัชทายาทสูญสิ้นวรยุทธ์ไป อัครมหาเสนาบดีแห่งจักรวรรดิผู้นี้ ก็ย่อมบังเกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้นมา

องค์ชายใหญ่เป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮา ด้วยเหตุนี้ ฮองเฮาจึงต้องการที่จะดึงเขามาเป็นพวก เพื่อช่วยให้องค์ชายใหญ่ชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทมาให้ได้

แน่นอนว่า เซวียกุ้ยเฟยก็ไม่ใช่คนโง่ จึงขอเจรจากับเขาเช่นกัน ต้องการได้รับการสนับสนุนจากเขา และยังเตรียมที่จะให้องค์ชายรองหยางคุนสมรสกับคุณหนูแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีตระกูลซ่างกวน

ซ่างกวนหลินผู้เป็นดั่งสุนัขจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ กลับยังคงรักษาท่าทีอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด เพราะเขาต้องการที่จะมีความคิดเห็นสอดคล้องกับองค์ฮ่องเต้ ตราบใดที่ฮ่องเต้อู่เต๋อยังไม่ได้แต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่ เขาก็ย่อมไม่อาจแสดงท่าทีเร็วเกินไปได้

วันนี้ที่เขามาเข้าพบองค์รัชทายาท ก็ย่อมต้องการที่จะมาดูว่าองค์รัชทายาทผู้นี้ หลังจากสูญสิ้นวรยุทธ์ไปแล้ว มีสภาพเป็นเช่นไร?

“กระหม่อมถวายบังคมองค์รัชทายาท!” ซ่างกวนหลินคุกเข่าลงกับพื้น แสดงความเคารพอย่างสูงสุด

หยางเฉินซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น ปรือตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้สั่งให้เขาลุกขึ้น เพียงแค่โบกมือให้คนอื่น ๆ เป็นสัญญาณให้นำร่างของหว่านเอ๋อร์ออกไป

เมื่อในโถงใหญ่เหลือเพียงสองคน หยางเฉินจึงเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย “ท่านอัครมหาเสนาบดี ลุกขึ้นเถิด”

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาท! กระหม่อมงานราชการรัดตัว ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนองค์รัชทายาท โปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” ซ่างกวนหลินกล่าวเสียงดัง

“ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่ามกลางภารกิจมากมายยังมาเยี่ยมข้า จะมีความผิดได้อย่างไร?” น้ำเสียงของหยางเฉินเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง

“องค์รัชทายาท ได้ยินมาว่าท่านสูญสิ้นวรยุทธ์ไปแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ซ่างกวนหลินเอ่ยถามหยั่งเชิง

“ย่อมเป็นความจริง” หยางเฉินมองเขา ต้องการที่จะได้รับข้อมูลจากแววตาของเขาให้ได้มากขึ้น

หยางเฉินคาดเดาจุดประสงค์ในการมาของตาเฒ่าผู้นี้ได้ คงจะมาเพื่อยืนยันสภาพของตนเองอีกครั้ง แล้วดูท่าทีของตนว่าจะยอมสละตำแหน่งองค์รัชทายาทไปเองหรือไม่?

“ไม่มีทางฟื้นฟูได้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ? ด้วยวิชาแพทย์ของหมอหลวงเวินจากสำนักแพทย์หลวงแล้ว คิดว่าการฟื้นฟูไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่กระมัง?” ซ่างกวนหลินหลบสายตาของหยางเฉิน

“หมอหลวงเวินมาดูอาการแล้ว เส้นลมปราณขาดสะบั้น กระดูกขาแตกละเอียด ในอนาคตจะลุกขึ้นยืนได้หรือไม่ยังยากจะกล่าว” หยางเฉินกล่าวตามความจริง ไม่ได้ปิดบัง

“สาหัสถึงเพียงนั้นเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ?” สีหน้าของซ่างกวนหลินเปลี่ยนไปอย่างมาก ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูราวกับเป็นห่วงหยางเฉินอย่างยิ่ง

“ใช่แล้ว ในสภาพเช่นนี้ของข้า ท่านอัครมหาเสนาบดีคิดว่าข้าควรทำเช่นไร?” หยางเฉินจงใจโยนคำถามกลับไปให้เขา

“พระประสงค์ของฝ่าบาท คิดว่าองค์รัชทายาทย่อมทราบดีอยู่แล้ว ทว่า กระหม่อมกลับไม่เห็นด้วย กระหม่อมคิดว่าองค์รัชทายาทในฐานะองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิ การมีวรยุทธ์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ เพราะการปกครองแผ่นดิน สิ่งที่ต้องใช้คือการปกครองด้วยคุณธรรม ไม่ใช่การเอาแต่สู้รบฆ่าฟันกัน!” ซ่างกวนหลินตอบเสียงดัง

“โอ้ ความหมายของท่านคือให้ข้าเป็นองค์รัชทายาทต่อไปหรือ?” หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“กระหม่อมจะสนับสนุนองค์รัชทายาทอย่างสุดกำลังพ่ะย่ะค่ะ” ซ่างกวนหลินตอบเสียงดัง

หยางเฉินคาดไม่ถึงว่าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ จะยังกล้าที่จะสนับสนุนตนเอง ทว่า ข่าวลือที่ตนได้ยินมานั้น ดูเหมือนว่าท่านอัครมหาเสนาบดีผู้นี้ เตรียมที่จะเปลี่ยนไปเข้าพวกกับองค์ชายองค์อื่นแล้ว

นับตั้งแต่ที่เขาบาดเจ็บสาหัส ราชสำนักก็สั่นคลอนไม่สงบ ขุนนางทุกคนต่างก็หวังที่จะเปลี่ยนไปรับใช้นายที่ดี ส่วนในวังหลัง ก็เต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ ทุกย่างก้าวล้วนแต่มีจิตสังหารซ่อนเร้น

หยางเฉินจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ต้องการที่จะดูให้ออกว่าในใจของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่?

ทว่า บนใบหน้าของซ่างกวนหลินกลับไม่มีความรู้สึกใด ๆ ปรากฏออกมา แม้แต่เปลือกตาก็ไม่กะพริบ

“ท่านอัครมหาเสนาบดี วันนี้ท่านคงไม่ได้มาเพียงเพื่อแสดงความจงรักภักดีกระมัง?” หยางเฉินเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

“องค์รัชทายาท ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะมีพระประสงค์ที่จะแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่ ไม่ทราบว่าก้าวต่อไปท่านมีแผนการอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” ซ่างกวนหลินถามอย่างตรงไปตรงมา

“เหอะ ๆ ๆ ... ท่านอัครมหาเสนาบดี แผ่นดินของข้า ข้าเป็นผู้ครอง! ผู้ใดกล้าแตะต้องแผ่นดินของข้า ข้าจะกำจัดมันผู้นั้นเสีย!” หยางเฉินกล่าวพร้อมแค่นเสียงเย็น

ดวงตาของซ่างกวนหลินเป็นประกาย สายตาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะออกมาเสียงดังพลางเอ่ยขึ้น “องค์รัชทายาททรงมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก! กระหม่อมนับถืออย่างสุดซึ้ง!”

สายตาของหยางเฉินจับจ้องอยู่ที่เขาตลอดเวลา ก็เพื่อต้องการที่จะดูปฏิกิริยาของเขา แต่สุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้กลับนิ่งเฉยไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา ทำให้ไม่อาจหยั่งรู้ความคิดของเขาได้เลย

ในอดีตหยางเฉินมีวรยุทธ์สูงส่ง ใต้บังคับบัญชามีขุนพลผู้กล้าแกร่ง ฮ่องเต้อู่เต๋อก็ทรงโปรดปรานอย่างยิ่ง ท่านอัครมหาเสนาบดีย่อมต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา

ทว่า หยางเฉินสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่า วันนี้สุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ไม่ได้มาเพื่อแสดงความห่วงใยตนเองอย่างแน่นอน แต่มาเพื่อหยั่งเชิงท่าทีของเขาต่างหาก

ส่วนที่หยางเฉินบอกเขาไปว่า ตนเองยังคงมีความทะเยอทะยานที่จะชิงความเป็นใหญ่ในใต้หล้า ก็เพื่อต้องการให้เขามีความเกรงใจ โดยเฉพาะประโยคที่ว่าจะกำจัดมันผู้นั้น ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนซ่างกวนหลิน

“ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านทำภารกิจที่ฝ่าบาทมอบหมายให้ไม่สำเร็จ ท่านจะกลับไปทูลรายงานอย่างไร?” หยางเฉินเอ่ยถามพลางยิ้มเล็กน้อย

“ไม่ขอปิดบังองค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงให้กระหม่อมมาเกลี้ยกล่อมท่านจริง ๆ แต่ว่า กระหม่อมเป็นเพียงขุนนาง เป็นขุนนางของตระกูลหยาง เรื่องความเหมาะสมนี้ กระหม่อมยังพอรู้พ่ะย่ะค่ะ” ซ่างกวนหลินเลี่ยงหนักเอาเบา ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดปิดบังแม้แต่น้อย

“หากฝ่าบาทต้องการที่จะปลดข้าออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาท ข้าย่อมไม่มีทางขัดขืนได้ ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีข้อเสนอแนะที่ดี ๆ บ้างหรือไม่?” หยางเฉินหยิบยกปัญหาที่ยากที่สุดขึ้นมา

ไม่ว่าหยางเฉินจะเก่งกาจเพียงใด เขาก็ยังคงเป็นเพียงองค์รัชทายาท หากฮ่องเต้อู่เต๋อทรงตัดสินพระทัยอย่างแน่วแน่ว่าจะเปลี่ยนองค์รัชทายาทจริง ๆ นอกจากก่อกบฏแล้ว หยางเฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่น

แน่นอนว่า หากสามารถทำให้ฝ่าบาททรงล้มเลิกความคิดนี้ได้ เขาก็จะปลอดภัยไปชั่วคราว

ตราบใดที่ยังเป็นองค์รัชทายาท ก็ยังคงมีอำนาจ และมีความสามารถมากพอที่จะต่อกรกับองค์ชายองค์อื่น ๆ ได้

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 100

    เวลานี้ ภายห้องโถงใหญ่ของพระตำหนัก ฮ่องเต้อู่เต๋อกำลังนำฮองเฮาถวายพระพรและถวายของขวัญให้ไทเฮา ไทเฮาที่นั่งอยู่ตรงกลางดีพระทัยจนแย้มสรวลไม่หยุด รีบสั่งให้คนจัดที่นั่งให้ฮ่องเต้และฮองเฮาผู้ที่มาร่วมงานคล้ายวันพระราชสมภพในวันนี้ ถูกฮองเฮาแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม กลุ่มที่เข้ามาอวยพรวันเกิดเป็นกลุ่มแรกย่อมเป็นบรรดาพระญาติพระวงศ์ ที่สำคัญก็คือเหล่าองค์ชายและพระราชนัดดา แม้แต่องค์หญิงใหญ่หยางจิ่นอวี๋ก็มาด้วยแล้วต่อจากฮองเฮาก็คือเหล่าพระสนมวังหลัง ที่ตามมาติดๆ กันคือเซวียกุ้ยเฟย เซียวซูเฟย และยังมีเจาหรง เจาอี๋ ไฉเหริน และกุ้ยเหรินจากตำหนักในด้วยแม้แต่มารดาของหยางเฉิน ‘พระสนมฉิงกุ้ยเฟย - หลีหว่านฉิง’ ก็ยังมาอวยพรวันเกิดไทเฮาด้วยทว่านอกจากฮองเฮาและกุ้ยเฟยอีกไม่กี่นางแล้ว เหล่านางสนมที่อยู่ด้านหลังพวกนั้นไม่มีแม้แต่ที่นั่ง จึงทำได้เพียงจากไปทางประตูข้างหยางเฉินในฐานะองค์รัชทายาทและผู้นำของทายาทรุ่นที่สาม แม้จะสูญเสียวรยุทธ์ไปจนสิ้นและต้องนั่งอยู่บนรถเข็น ทว่าฐานะของเขายังคงตั้งอยู่ตรงนั้น ดังนั้นจึงเป็นคนแรกที่เข้าสู่ห้องโถงเช่นกัน“หลานหยางเฉินขออวยพรเสด็จย่า ขอพระองค์ทรง ‘โชควาสนาเปี่

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 99

    ด้วยความสามารถระดับสามัญวชิระของเขาในอดีต ต่อให้เป็นเพียงพลังยุทธ์สามส่วน ก็สามารถต่อกรกับยอดฝีมือขั้นแปดลงไปได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังมีวิชาลับอันร้ายกาจที่เพิ่มพูนความสามารถได้อีกวันนี้เป็นวันเกิดของเสด็จย่า หยางเฉินเลือกของขวัญที่ดูเข้าเกณฑ์สองชิ้น เตรียมไปอวยพรวันเกิดให้เสด็จย่าเรื่องใหญ่อย่างงานคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา ย่อมมีฮองเฮาประมุขแห่งวังหลังเป็นผู้กำกับดูแล และมีการเชื้อเชิญเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊กับครอบครัว กล่าวได้ว่าครึกครื้นอย่างที่สุดพระตำหนักฉือหนิง เป็นตำหนักที่ประทับของไทเฮา ผู้เป็นพระพันปีหลวงในตอนที่หยางเฉินมาถึงที่นี่ บรรดาเสด็จพี่เสด็จน้องชายทั้งหลายก็ต่างมาถึงกันแล้ว ต่างกำลังเข้าแถวรออยู่นอกตำหนัก เพื่อเข้าไปมอบของขวัญและอวยพรวันเกิดแก่พระพันปี“เสด็จพี่ใหญ่ เสด็จพี่รอง วันนี้พวกท่านไม่ไปเจรจาสันติภาพหรือ?” หยางเฉินแกล้งถามอย่างประหลาดใจ“พอองค์หญิงได้ยินว่าเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา ก็ให้พวกเรามาอวยพรวันเกิดให้เสด็จย่า พรุ่งนี้ค่อยเจรจากันต่อ” องค์ชายใหญ่ตอบด้วยรอยยิ้มองค์ชายรองยิ้มแทรกขึ้นมาว่า “องค์รัชทายาท องค์หญิงผิงหยางผู้นี้คิดได้รอบ

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 98

    คนที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงทั้งสองต่างวางแผนเล่นงานอีกฝ่าย เจ้าวางแผนใส่ข้า ข้าก็วางแผนใส่เจ้า!ในขณะที่องค์หญิงผิงหยางกำลังยินดีนั่นเอง สาวใช้ทั้งสองคนของนางก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบงัน คุกเข่าลงกับพื้นทั้งคู่“ทูลองค์หญิง ภารกิจล้มเหลวแล้วเพคะ!”“ว่าอย่างไรนะ? ล้มเหลวแล้ว? หรือถูกเขาค้นพบเข้าแล้ว?” องค์หญิงผิงหยางตกตะลึง“องค์หญิง พวกเราวางกำลังดักซุ่มถึงสองครั้ง แต่ในขณะกำลังจะเข้าสู่หลุมพราง เจ้าหยางเฉินผู้นี้ล้วนวกรถม้ากลับไป ทำให้แผนการของเราล้มเหลวทั้งหมด!” ถัดมา อวิ๋นจือก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างละเอียดอีกรอบหนึ่งองค์หญิงผิงหยางฟังคำรายงานของสาวใช้ ในใจพลันกระตุกขึ้นมา โพล่งออกมาว่า “หรือหยางเฉินจะพบว่าพวกเราคิดลอบสังหารเขาจริงๆ ?”“องค์หญิง พวกเรามิได้ถูกเปิดโปงเพคะ เขาน่าจะไม่รู้ว่าพวกเราคิดลอบสังหารเขา!” ชูเซี่ยส่ายหัว คิดว่าหยางเฉินไม่มีทางสังเกตเห็นพวกนาง“หรือเขาคิดได้ระหว่างทางจริงๆ เลยยอมรับข้อเสนอของข้าแล้วย้อนกลับมาบอกข้า?” องค์หญิงผิงหยางคาดเดา“ข้อเสนออะไรหรือเพคะ?” สาวใช้อวิ๋นจือถาม“ข้าคิดขจัดความสงสัยของเขา จึงบอกไปว่าจะแต่งงานกับเขา แล้วช่วยให้ตำแ

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 97

    “เป็นไปไม่ได้ หากฮ่องเต้กล้าปลดท่าน ข้าก็จะให้จักรวรรดิตงเซิ่งเริ่มทำสงคราม หรือฮ่องเต้จะไม่กลัวราษฎรต้องทุกข์ร้อนหรือ?” องค์หญิงผิงหยางเต็มไปด้วยความอหังการหยางเฉินขมวดคิ้ว กล่าวหน้ามุ่ยว่า “องค์หญิง ท่านก็อย่างได้จ้องจะจับข้าอีกเลย ไม่งั้น ท่านไปทำร้ายเสด็จพี่ใหญ่ หรือเสด็จพี่รองแทนเถอะ?”“หยางเฉิน…เจ้ามัน…” องค์หญิงผิงหยางรู้สึกว่าโมโหจนแม้แต่ปอดก็จะระเบิดแล้ว“องค์หญิง ขอลาก่อนล่ะ!” หยางเฉินกลัวจนต้องรีบเผ่นองค์หญิงผิงหยางมองเงาหลังที่จากไปของเขา ความโมโหบนใบหน้าก็ค่อยๆ หายไป กลายเป็นรอยยิ้มเยาะหยันที่แสนเจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกแทน……หลังหยางเฉินขึ้นรถม้าแล้ว ก็มุ่งหน้าไปทางพระราชวัง เตรียมกลับไปที่ตำหนักรัชทายาททว่า หลังจากรถม้าแล่นออกไปได้ไม่ไกล หัวใจของหยางเฉินที่นั่งอยู่ในรถม้าก็สั่นสะท้านขึ้นมา เขารีบเปิดใช้วิชาสดับฟ้าแผ่ขยายออกไปทันที“หยุดรถ!” หยางเฉินออกคำสั่งเสียงดังยอดฝีมือที่สำนักตรวจการส่งมาคุ้มครองเขามีราวยี่สิบคน แต่ฝีมือของคนพวกนี้กลับมิได้สูงมากนัก“องค์รัชทายาท เกิดสิ่งใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” คนผู้หนึ่งเข้ามาใกล้รถม้าแล้วกระซิบถาม“พวกเจ้าไม่สังเกตเห็นว่า

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 96

    ซยงหนูเคลื่อนลงใต้มารุกรานที่ราบภาคกลาง นี่เป็นภัยคุกคามที่มีมานานของจักรวรรดิส่วนการรุกรานในครั้งนี้ของพวกซยงหนู จะเป็นการร่วมมือกับจักรวรรดิตงเซิ่งหรือไม่ หรือจะเป็นเพราะซยงหนูเห็นจักรวรรดิตงเซิ่งปิดล้อมป้อมปราการเกอเอ่อเติง อยากฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ จับปลาในน้ำขุ่น จึงเคลื่อนทัพลงใต้ก็ยากที่จะบอกได้อันที่จริงแล้ว ในสายตาของหยางเฉิน ทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนไม่ได้สำคัญถึงเพียงนั้น ยามนี้พลังยุทธ์ของเขาฟื้นตัวกลับมาได้สามส่วนแล้ว ขอเพียงฟื้นฟูกลับมาได้ห้าส่วน ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นเก้าเขาก็ไม่กลัว สามารถนำทัพออกศึกได้แล้วตามการขยายขอบเขตของ ‘วิชาสดับฟ้า’ ตอนนี้เพียงพอที่จะครอบคลุมระยะยี่สิบเมตรแล้ว หากเขาฝึกฝนต่อไป ระยะหลายร้อยหรือกระทั่งหลายพันเมตรก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาขอเพียงมีวิชาลับนี้อยู่ เขาก็จะไม่มีทางตกสู่หลุมพรางของศัตรูอีกเมื่อเผชิญกับท่าทีบีบคั้นผู้คนขององค์หญิงผิงหยาง หยางเฉินก็มิได้ใส่ใจเลย เขากลับหลุดหัวเราะออกมาราวได้ยินเรื่องตลกว่า “องค์หญิง ท่านคิดว่าคำข่มขู่เล็กๆ นี้ของท่าน จะทำให้พวกเรายอมแพ้ได้หรือ?”“ความหมายขององค์รัชทายาทคือ จะรอจนพวกเราตีป้อมปรา

  • รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่   บทที่ 95

    การเจรจาสันติภาพของนางกับองค์ชายทั้งสองในวันนี้ ไม่อาจเรียกว่าการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งเลยสักนิด รู้สึกเพียงว่ามีแมลงวันสองตัวกำลังส่งเสียงหึ่งหึ่งอยู่ข้างหูนาง และทุกครั้งที่พูดถึงประเด็นสำคัญ พวกเขาก็จะหลีกเลี่ยงไม่ยอมคุยที่น่าโมโหกว่านั้นก็คือ องค์ชายใหญ่จะเชิญนางไปร่วมรับประทานอาหารค่ำ ส่วนองค์ชายรองก็จะเชิญนางไปร่วมชมจันทร์ทันทีที่นึกถึงองค์ชายทั้งสองผู้ใช้ร่างกายท่อนร่างแทนสมอง องค์หญิงผิงหยางก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย ทว่า เมื่อนางแสร้งส่งสัญญาณเป็นนัยว่าตนสนใจหยางเฉิน ก็สามารถปลุกเพลิงโทสะในตัวองค์ชายทั้งสองขึ้นมาได้สำเร็จหากกระตุ้นพวกเขาต่อไป ไม่แน่อาจทำให้พวกเขากำจัดหยางเฉินทิ้งก็ได้นับแต่โบราณมา ‘อุบายหญิงงาม’ ก็เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ร้อยครั้งสัมฤทธิ์ผลร้อยครา องค์หญิงผิงหยางใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ องค์ชายทั้งสองย่อมติดกับเป็นธรรมดาในความเป็นจริงแล้ว เพื่อต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ องค์ชายทั้งสองก็มีความคิดจะสังหารหยางเฉินมานานแล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ส่งคนไปลอบโจมตีเรือนรับรองทิงเฟิงครั้งนี้ องค์หญิงผิงหยางแค่กระตุ้นพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาก็พลันเกิดจิตสังหารต่อหยางเฉินแล้ว

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status