อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ

อยากเนียนเป็นปลาเค็ม แต่ฮ่องเต้ดันจับโป๊ะจากในใจ

By:  กวนเหอว่านหลี่Updated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
10
2 ratings. 2 reviews
83Chapters
22views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ทะลุมิติมายังราชวงศ์ต้าหมิง และได้เข้ามาอยู่ในร่างของท่านอ๋องปัญญาอ่อนคนหนึ่ง ได้รับระบบปลาเค็ม สะสมแต้มปลาเค็มทุกวันด้วยการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไม่เป็นจุดสนใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าจูหยวนจางสามารถได้ยินเสียงในใจของเขาได้ ไม่อยากทำงานทุ่มเทเพื่อเราอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ! ไม่อยากเป็นพระนัดดารัชทายาทอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง!

View More

Chapter 1

บทที่ 1

ณ ราชวงศ์ต้าหมิง เมืองอิ้งเทียน ตำหนักเหวินหัว

เหล่าพระราชนัดดากำลังเปล่งเสียงอ่านตำราอย่างกึกก้องภายใต้การนำของฟางเสี้ยวหรู

จักรพรรดิหงอู่ จูหยวนจาง ยืนฟังอยู่นอกตำหนักครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเข้าไปข้างใน

เสียงอ่านตำราพลันเงียบลง

“เสด็จปู่!”

“เสด็จปู่!”

เหล่าพระราชนัดดาต่างประสานเสียงเอ่ยทักทาย ฟางเสี้ยวหรูรีบก้าวไปข้างหน้า สะบัดชายเสื้อคลุมแล้วคุกเข่าลง

“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทเสด็จมา มิได้ออกไปต้อนรับแต่ไกล โปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

จูหยวนจางโบกมือ “เราฟังอยู่ข้างนอกแล้ว เจ้าสอนได้ดีมาก!”

ฟางเสี้ยวหรู “มิใช่กระหม่อมสอนดี แต่เป็นเพราะเหล่าองค์ชายฉลาดหลักแหลมอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

จูหยวนจางหัวเราะอย่างสดใสพลางเอ่ยขึ้น “ในบรรดาหลานของเรา...”

ทันใดนั้น มีเสียงกรนดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ขัดจังหวะความสำราญของจูหยวนจางดังขึ้นมา

เมื่อมองตามเสียงไป ก็เห็นคนผู้หนึ่งกำลังพิงเสาอยู่ที่มุมห้อง เอนตัวอยู่บนเบาะรองนั่ง

น้ำลายไหลยืดจากมุมปาก

เป็นภาพลักษณ์ที่ดูไม่น่ามองอย่างยิ่ง

ใบหน้าของจูหยวนจางพลันมืดมน แต่เหล่าพระราชนัดดากลับตื่นเต้นอย่างยิ่ง

ผู้ที่กำลังหลับสนิทอยู่นั้นคือหลานชายในชายาเอกของจูหยวนจาง และบุตรชายคนรองในชายาเอกขององค์รัชทายาทจูเปียว

แม้จะมีสายเลือดสูงส่ง แต่เขากลับเป็นคนที่ไร้ความสามารถ

สูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเยาว์วัย นิสัยอ่อนแอ ว่านอนสอนง่าย ไม่กล้าขัดขืน

เวลาตื่นเต้นก็จะพูดจาไม่รู้เรื่อง

แตกต่างจากจูอวิ่นเหวิน บุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยาของรัชทายาทจูเปียวราวฟ้ากับเหว

หนึ่งปีก่อน จูหยวนจางสังเกตเห็นแล้วว่าสุขภาพของจูเปียวทรุดโทรมลงทุกวัน ไม่แน่ว่าอาจจะอายุสั้นกว่าตนเอง

จึงจำเป็นต้องเตรียมการล่วงหน้า กำหนดตัวรัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าหมิงไว้แต่เนิ่นๆ

วันนี้จึงถือโอกาสแวะมาที่นี่ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์การเล่าเรียนของเหล่าพระราชนัดดา

แต่ใครจะไปรู้ จูอวิ่นเทิงจะย่ำแย่ถึงเพียงนี้ ถึงกับมานอนหลับในห้องเรียน!

อันที่จริงร่างของจูอวิ่นเทิงในยามนี้ถูกคนจากยุคปัจจุบันเข้ายึดครองมาตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้ว

นับตั้งแต่นั้นมา จูอวิ่นเทิงก็ได้รับระบบปลาเค็ม[1] ซึ่งสามารถใช้แต้มปลาเค็มแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของและทักษะต่างๆ ได้

ระบบได้เน้นย้ำเป็นพิเศษว่า หากเขาสามารถพัฒนาตนเองอย่างเงียบๆ ไม่เป็นที่สังเกตเป็นเวลาสิบปี หลังจากสิบปีก็จะได้รับทรัพยากรมหาศาลและจะช่วยให้เขาขึ้นสู่จุดสูงสุดของราชวงศ์ต้าหมิง

ต่อให้ระบบไม่เน้นย้ำ จูอวิ่นเทิงก็ไม่กล้าทำตัวโดดเด่นอยู่แล้ว

ในรัชสมัยของจูหยวนจาง การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองในราชวงศ์ต้าหมิง ไม่มีประโยชน์อันใดเลย!

เป็นขุนนางก็เหมือนทำงานโดยเอาหัวเป็นเดิมพัน!

ในฐานะหลานชายสายตรงของจูหยวนจาง คงไม่ถึงกับโดนตัดหัว แต่การต้องตื่นมาเข้าประชุมตอนตีสามกว่าทุกวัน มันทรมานแทบตาย!

สี่ปีผ่านไป จูอวิ่นเทิงเชี่ยวชาญทั้งประวัติศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ภูมิศาสตร์ กลยุทธ์ทางการทหารและอื่นๆ อีกมากมาย

อักษรโบราณที่เหล่าพระราชนัดดาต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะท่องจำได้ จูอวิ่นเทิงมองปราดเดียวก็เข้าใจแล้ว

จูอวิ่นเทิงที่กำลังหลับสนิทรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง พอเขาลืมตาขึ้น อ้อ ตาเฒ่าจูมาแล้ว

จูอวิ่นเทิงรีบคุกเข่าลงทันที พร้อมกับแสร้งทำท่าทีหวาดกลัว

“เสด็จปู่ หลานร่างกายอ่อนแอ พอฟังท่านอาจารย์สอนก็รู้สึกง่วงนอน ท่านอาจารย์สอนอะไร หลานไม่เข้าใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”

จูหยวนจางกำลังจะพิโรธ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของเขา

[เหอะๆ อันที่จริงแล้ว เรื่องที่ฟางเสี้ยวหรูสอน ข้ารู้หมดแล้ว ส่วนสิ่งที่ข้ารู้ ฟางเสี้ยวหรูไม่รู้แน่นอน]

ใครกัน?

จูหยวนจางสะดุ้งตกใจ กวาดสายตามองไปรอบๆ

ในตำหนักนี้ไม่มีคนอื่นอยู่!

บางทีอาจเป็นเพราะอายุมากแล้ว หูก็เลยเริ่มมีปัญหา

จูหยวนจางส่ายหน้า ตัดสินใจว่าอีกสักครู่จะให้หมอหลวงมาตรวจชีพจรเสียหน่อย

“วันนี้เรามาก็เพื่อจะทดสอบการเรียนของพวกหลานๆ เราจะลองแต่งกลอนคู่สักสองสามบทก็แล้วกัน”

ก่อนที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ แม้จูหยวนจางจะไม่ได้มีการศึกษาสูงนัก แต่เขาก็รักการเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องกลอนคู่

หลังจากขึ้นเป็นฮ่องเต้ ก็มักจะประลองแต่งกลอนคู่กับเหล่าขุนนางอยู่เสมอ จนถูกขนานนามว่าเป็นโอรสสวรรค์แห่งกลอนคู่

หลังจากออกกลอนคู่ไปหลายบท เหล่าองค์ชายก็แสดงความสามารถได้ไม่เลว โดยเฉพาะพระราชนัดดาองค์รองจูอวิ่นเหวินที่แสดงฝีมือได้อย่างโดดเด่น

พอหันกลับมามองจูอวิ่นเทิง ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง ช่างไร้ความสามารถจริงๆ

จูหยวนจางเป็นคนตั้งชื่อให้ด้วยตนเอง เขาเปิดตำราค้นหาจนเจออักษรตัวนี้

ตอนแรกนึกว่าตัวอักษร “เทิง” จะมีความหมายว่ารู้แจ้งฟ้าดิน แต่ใครจะไปรู้ว่าความหมายที่แท้จริงของมันคือการอุ่นอาหารที่สุกแล้วให้ร้อน

แต่ในฐานะโอรสสวรรค์ มีหรือจะยอมรับว่าตนเองผิด?

อีกอย่าง ชะตากำหนดไว้แล้วว่าบุตรคนที่สามไม่อาจขึ้นครองบัลลังก์ได้ เช่นนั้นก็แค่กินอิ่มนอนหลับ เป็นท่านอ๋องที่สุขสบาย ไม่ต้องยุ่งเรื่องใดๆ ก็พอแล้ว

จูอวิ่นเหวินสามารถต่อกลอนได้ติดต่อกันหลายบท ทำให้เขาตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ

[เฮ้อ กลอนคู่มีประโยชน์อะไรกัน? ใช้ขับไล่ศัตรูได้ หรือว่าใช้ปกครองบ้านเมืองได้? นึกว่าจูหยวนจางจะเป็นคนที่เน้นการปฏิบัติจริงเสียอีก ไม่นึกเลยว่าจะเหมือนกับพวกบัณฑิตหัวโบราณคร่ำครึอย่างฟางเสี้ยวหรู ชอบเล่นอะไรที่ไร้สาระ!]

มีประโยคหนึ่งดังเข้ามาในหัวของจูหยวนจางอีกแล้ว

มาอีกแล้ว หูมีปัญหาอีกแล้วหรือ?

[ดูพี่รองตื่นเต้นขนาดนั้น ตาเฒ่าจูยังจะกล้ามอบแผ่นดินให้เขาอีก? ไม่น่าแปลกใจเลยว่าจูอวิ่นเหวินได้เป็นฮ่องเต้แค่สี่ปีก็ถูกจูตี้ไล่ลงจากบัลลังก์แล้ว]

หา?!

ในที่สุดจูหยวนจางก็หาที่มาของเสียงเจอจนได้... พระราชนัดดาองค์ที่สาม จูอวิ่นเทิง

แต่ เห็นได้ชัดว่าจูอวิ่นเทิงไม่ได้อ้าปาก ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาเลย!

หรือว่า ตนจะสามารถได้ยินความคิดในใจของจูอวิ่นเทิง?

หืม?

เจ้าเด็กนี่ถึงกับเรียกชื่อเราตรงๆ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย!

แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อน

จูหยวนจางตัดสินใจทดสอบอีกครั้ง “อวิ่นเทิง กลอนคู่แม้จะใช้ปกครองบ้านเมืองไม่ได้ แต่ก็ช่วยขัดเกลาจิตใจได้ จะดูแคลนได้อย่างไร?”

จูอวิ่นเทิงรีบพยักหน้า “เสด็จปู่ตรัสได้ถูกต้องยิ่งนัก! ต่อไปหลานจะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน พัฒนาตนเองทุกวันพ่ะย่ะค่ะ!”

[แปลกจริง ตาเฒ่านี่รู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดอะไรอยู่? หรือว่าเมื่อครู่ข้าแสดงได้ไม่ดีพอ? เผลอแสดงสีหน้าไม่พอใจออกไปอย่างนั้นหรือ? ดูท่าแล้ว คงไม่มีอะไรปิดบังตาเฒ่าคนนี้ได้เลย!]

[สายตาของตาเฒ่าคงจะฝึกฝนมาจากในสนามรบเป็นแน่! ไม่น่าแปลกใจเลยที่องครักษ์เสื้อแพรที่เขาก่อตั้งขึ้น จะไร้เทียมทานทั้งในอดีตและอนาคต ถือเป็นจุดสูงสุดแห่งวงการสายลับโดยแท้!]

จูหยวนจางตกตะลึงในใจ ไม่คาดคิดว่าตนเองจะสามารถได้ยินเสียงในใจของหลานคนนี้ได้จริงๆ!

เจ้าเด็กนี่ถึงกับแสดงละครตบตาต่อหน้าเราอย่างนั้นหรือ?

นับตั้งแต่จูหยวนจางขึ้นเป็นฮ่องเต้ อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง ได้ยินแต่คำประจบสอพลอมาโดยตลอด

ครั้งนี้พอได้ยินความคิดที่แท้จริงของหลานชาย ก็รู้สึกแปลกใหม่เป็นอย่างยิ่ง

ช่างน่าสนใจจริงๆ!

ไม่สิ เหตุใดเด็กคนนี้ถึงได้บอกว่าเรามอบแผ่นดินให้อวิ่นเหวิน?

อืม การที่เขามองเรื่องนี้ออกก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะอวิ่นเหวินฉลาดและเชื่อฟังมาโดยตลอด ตัวเราเองก็ให้ความสนใจเขามากที่สุด

แต่เขาบอกว่า จูอวิ่นเหวินเป็นฮ่องเต้ได้แค่สี่ปีก็ถูกเจ้าสี่จูตี้ไล่ลงจากบัลลังก์?

เป็นไปได้อย่างไร? ไร้สาระสิ้นดี!

แต่จูหยวนจางก็ไม่สามารถถามออกไปตรงๆ เขาจะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาสามารถได้ยินเสียงในใจของพระราชนัดดาคนหนึ่งได้

[ผมของตาเฒ่าขาวขึ้นอีกแล้ว งานฮ่องเต้นี่มันไม่ใช่งานที่คนจะทำได้จริงๆ ทางเหนือก็ยังรบกันอยู่ ทางใต้ก็ไม่สงบสุข รบกันสองด้าน งบการทหารไม่พอ ตาเฒ่าคงปวดเศียรเวียนเกล้าจริงๆ!]

จูหยวนจางตกตะลึง เด็กคนนี้ถึงกับพูดว่า “รบกันสองด้าน”!

จูหยวนจางเพิ่งได้รับรายงานลับมาว่า ซือหลุนฟาแห่งลู่ชวนได้นำทัพมารุกราน อ้างว่ามีกำลังพลสามแสน ตั้งค่ายอยู่ที่ค่ายหมัวซาเลย ทำให้ซีผิงโหวมู่อิงที่ประจำการอยู่อวิ๋นหนานต้องเตรียมรับมืออย่างเข้มงวด

ข่าวนี้นับเป็นความลับสุดยอด ยังไม่ได้ประกาศให้ใครทราบ แล้วเด็กคนนี้รู้ได้อย่างไร?

จูอวิ่นเทิงนั้นไม่เอาไหนมาโดยตลอด ไม่น่าจะมีใครทั้งในและนอกวังมาเข้าหาเขา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับข่าวลับสุดยอดเช่นนี้

หรือว่าเด็กคนนี้จะล่วงรู้อดีต หยั่งรู้อนาคตได้?

ช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

แต่ความจริงก็ทำให้เขาจำต้องเชื่อ

[ที่จริงแล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย ไม่ต้องรวบรวมงบการทหารเพิ่มแล้วด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าข้าไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด]

หืม? เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล?

ตอนนี้หลานอวี้กำลังไล่ล่ากองกำลังหยวนที่เหลืออยู่ หากไม่มีงบการทหารและเสบียงอาหารจะสู้ต่อไปได้อย่างไร?

หรือว่าเขารู้ผลลัพธ์ของเรื่องนี้?

จูหยวนจางไม่สะดวกที่จะเอ่ยถึงสงครามทางตะวันตกเฉียงใต้ จึงใช้เรื่องสงครามทางเหนือมาหยั่งเชิงเขา

“อวิ่นเทิง เจ้ามีความเห็นอย่างไรต่อสงครามทางเหนือ?”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทำเอาเหล่าพระราชนัดดาต่างประหลาดใจอย่างยิ่ง

เรื่องสงครามทางเหนือเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ทุกคนให้ความสนใจ เสด็จปู่ไม่ถามขุนนางใหญ่ ไม่ถามฟ้า กลับมาถามพระราชนัดดาปัญญาอ่อนคนหนึ่ง!

จูอวิ่นเทิงไม่คิดว่าจูหยวนจางจะเรียกชื่อเขาตรงๆ

แม้จะรู้เรื่องราวและผลลัพธ์ของสงครามทางเหนือ แต่ถ้าพูดออกไป ใครจะเชื่อ?

ยิ่งไปกว่านั้น กฎการเอาชีวิตรอดในสิบปีนี้คือ อยู่อย่างสงบเสงี่ยม อย่าให้เป็นจุดสนใจ

“สะ เสด็จปู่ เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ หลานจะไปรู้ได้อย่างไร? พี่รองเก่ง เก่งกาจฉลาดเฉลียว เขาต้องรู้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” จูอวิ่นเทิงเริ่มพูดติดๆ ขัดๆ

แต่ในหัวของจูหยวนจางกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทันที

[อืม ข้ารู้ผลของสงครามทางเหนือ แต่ข้าไม่บอกท่านหรอก! ตาเฒ่าถามแบบนี้ หรือว่าการควบคุมสีหน้าของข้ามีปัญหา? อืม สายตาของตาเฒ่าไหนเลยจะหลอกได้ง่ายๆ ? เช่นนั้นก็ทำใจให้สงบดุจน้ำนิ่ง ไม่หวั่นไหว ดุจพระเข้าฌาน!]

หัวใจของจูหยวนจางในตอนนี้ราวกับถูกแมวข่วน

หลานคนนี้ มันหลานตัวแสบจริงๆ !

ในช่วงเวลาสำคัญ เขากลับหยุดไปดื้อๆ ไม่มีแม้แต่จะบอกว่าโปรดติดตามตอนต่อไป!

เขาลองฟังอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงในใจของหลานคนนี้อีกเลย!

ดูท่า เจ้าเด็กนี่คงจะระวังตัวแล้ว!

เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ค่อยๆ หลอกถามเขาไปเรื่อยๆ ก็ได้

อีกอย่าง เรื่องในวันนี้มันเกินกว่าความเข้าใจของเข้าไปมาก

น่าตกตะลึงเกินไป! ต้องกลับไปที่ตำหนักหย่างซินเพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีเสียก่อน

จูหยวนจางเดินไปถึงประตู แล้วก็หันกลับมาอีกครั้ง “การประชุมเช้าพรุ่งนี้ ให้อวิ่นเทิงเข้าร่วมประชุมด้วย”

______________________________

[1] ปลาเค็ม เป็นศัพท์สแลงในภาษาจีน หมายถึง คนที่ไม่มีความทะเยอทะยาน ใช้ชีวิตไปวันๆ ดังนั้นในเรื่องนี้ ระบบปลาเค็ม เป็นระบบที่ให้รางวัลตัวเอกเมื่อทำตัวสบายๆ ใช้ชีวิตไปวันๆ
Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

default avatar
Popeye Liu
สนุกและตลกด้วย มาอัพต่อนะคะ
2025-09-10 10:16:51
0
user avatar
Hou Jiao
สนุกและขำมาก ชอบเต้อะน่ารัก
2025-09-10 08:22:28
0
83 Chapters
บทที่ 1
ณ ราชวงศ์ต้าหมิง เมืองอิ้งเทียน ตำหนักเหวินหัวเหล่าพระราชนัดดากำลังเปล่งเสียงอ่านตำราอย่างกึกก้องภายใต้การนำของฟางเสี้ยวหรูจักรพรรดิหงอู่ จูหยวนจาง ยืนฟังอยู่นอกตำหนักครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเข้าไปข้างในเสียงอ่านตำราพลันเงียบลง“เสด็จปู่!”“เสด็จปู่!”เหล่าพระราชนัดดาต่างประสานเสียงเอ่ยทักทาย ฟางเสี้ยวหรูรีบก้าวไปข้างหน้า สะบัดชายเสื้อคลุมแล้วคุกเข่าลง“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทเสด็จมา มิได้ออกไปต้อนรับแต่ไกล โปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”จูหยวนจางโบกมือ “เราฟังอยู่ข้างนอกแล้ว เจ้าสอนได้ดีมาก!”ฟางเสี้ยวหรู “มิใช่กระหม่อมสอนดี แต่เป็นเพราะเหล่าองค์ชายฉลาดหลักแหลมอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”จูหยวนจางหัวเราะอย่างสดใสพลางเอ่ยขึ้น “ในบรรดาหลานของเรา...”ทันใดนั้น มีเสียงกรนดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ขัดจังหวะความสำราญของจูหยวนจางดังขึ้นมาเมื่อมองตามเสียงไป ก็เห็นคนผู้หนึ่งกำลังพิงเสาอยู่ที่มุมห้อง เอนตัวอยู่บนเบาะรองนั่งน้ำลายไหลยืดจากมุมปากเป็นภาพลักษณ์ที่ดูไม่น่ามองอย่างยิ่งใบหน้าของจูหยวนจางพลันมืดมน แต่เหล่าพระราชนัดดากลับตื่นเต้นอย่างยิ่งผู้ที่กำลังหลับสนิทอยู่นั้นคือหลานชายในชายาเอกของจูหยวนจ
Read more
บทที่ 2
จูอวิ่นเทิงตกใจอย่างยิ่ง เป็นไปไม่ได้กระมัง จูหยวนจางนี่เกิดนึกอะไรพิเรนทร์ขึ้นมา?“เสด็จปู่ การเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เรื่องใหญ่เช่นนี้จะให้หลานเข้าร่วมได้อย่างไรเล่า? ให้พี่รองไปจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ?”[ตาเฒ่าเอ๊ย เรื่องเหนื่อยยากอย่างการเข้าประชุมเช้า ท่านจะให้ข้าทำได้อย่างไรกัน? กลางคืนข้ายังดื่มเหล้าเคล้านารีอยู่ข้างนอก แล้วตอนเช้าจะให้ตื่นขึ้นมาได้อย่างไรกัน? นี่มันช่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรมจริงๆ !]จูหยวนจางทรงรู้สึกขุ่นเคืองในใจ การประชุมราชสำนัก นั่นไม่ว่าใครก็เข้าร่วมได้หรือ?ให้เจ้าเข้าร่วมประชุม ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณและเกียรติยศอันยิ่งใหญ่เพียงใด? เจ้ากลับบอกว่าโหดร้ายไร้มนุษยธรรม?อะไรนะ? เจ้าเด็กนี่อยู่ข้างนอก กลางคืนดื่มเหล้าเคล้านารีอย่างนั้นหรือ?ช่างเหลวไหลสิ้นดี!ต้องไปสืบสวนให้ดีๆ !จูหยวนจางเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เสียงในใจของจูอวิ่นเทิงก็ค่อยๆ เบาลง จนในที่สุดก็หายไปดูท่าแล้ว การที่จะได้ยินเสียงในใจของหลานคนนี้ คงต้องอยู่ใกล้ๆ เขาหน่อย!จูอวิ่นเหวินมองน้องสามที่ไม่ได้เรื่องคนนี้แล้ว ก็นึกไม่ออกว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!เมื่อครู่เสด็จปู่เสด็จมาทดสอบทุกคน
Read more
บทที่ 3
“หา เรียกข้าหรือ?”จูอวิ่นเทิงตื่นขึ้นมา เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของฉางเซิง ซึ่งฉายแววกังวลอย่างยิ่งฉางเซิงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลากจูอวิ่นเทิงเดินไปข้างหน้าเดิมทีเหล่าขุนศึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้ ฝ่าบาทถึงกับเอ่ยถามว่าจูอวิ่นเทิงมาแล้วหรือยัง!นี่เป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าจะทดสอบจูอวิ่นเทิงหากจูอวิ่นเทิงตอบได้ดี แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่น ก็จะเพิ่มแต้มต่อในการชิงตำแหน่งพระนัดดารัชทายาทได้อย่างมหาศาลแต่ใครจะไปรู้ว่า เจ้าเด็กนี่จะหลับไปเสียได้!ตอนที่เดินออกมา ก็ยังมีท่าทีไม่เต็มใจอีกขาดก็แต่ให้ลุงรองฉางเซิงมาบิดหูเขาเท่านั้นหรือว่าฉางเซิงไม่ได้บอกหลานนอกของเขาถึงความสำคัญของการเข้าร่วมประชุมราชสำนักในครั้งนี้?ฉางเซิงผลักจูอวิ่นเทิงไปอยู่แถวหน้าสุด แล้วจึงถอยกลับไปยังตำแหน่งของตนเองในใจเต้นระรัว หลานผู้แสนดีของข้า หลานแท้ ๆ เอ๋ย เจ้าต้องแสดงความสามารถให้ดีนะ!นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้ว!หากพลาดโอกาสนี้ไป เจ้าและตระกูลฉางของเรา รวมทั้งตระกูลหลานอวี้ เกรงว่าจะต้องเดือดร้อนกันถ้วนหน้า!ทุกสายตาในท้องพระโรงจับจ้องมาที่จูอวิ่นเทิงขุนนางหลาย
Read more
บทที่ 4
ไม่รอช้า จูหยวนจางประกาศเลิกประชุมทันที!พร้อมกันนั้นก็ให้เสนาบดีกรมกลาโหม เสนาบดีกรมคลัง ไคกั๋วกงฉางเซิง และจูอวิ่นเทิง ไปปรึกษาหารือที่ตำหนักหย่างซินทั่วทั้งราชสำนักเกิดความโกลาหล!ดูท่าแล้วฝ่าบาทคงจะหารือเรื่องการเดินทัพหรือถอยทัพของหลานอวี้กันในวงเล็กๆ กรมกลาโหมรับผิดชอบด้านการทหาร กรมคลังรับผิดชอบด้านเสบียงอาหาร ส่วนไคกั๋วกงฉางเซิงนั้นคือผู้ที่รอดชีวิตมาจากกองซากศพในสนามรบ!แต่จูอวิ่นเทิงเล่า มีสิทธิ์อะไร?วันนี้ในราชสำนักจูอวิ่นเทิงมีท่าทีประหม่าไม่กล้าตัดสินใจ แถมยังตอบคำถามอะไรไม่ได้เลย!ดูจากสีหน้ายินดีปรีดาและท่าทีอวดดีตลอดทางของฉางเซิงในวันนี้ หรือว่าจูอวิ่นเทิงได้รับการยอมรับบางอย่างจากฝ่าบาทแล้ว?รัชทายาทจูเปียวไม่อยู่ในช่วงนี้ ได้ยินมาว่าฝ่าบาทให้เขาไปเลือกเมืองหลวงแห่งใหม่เพื่อเตรียมการย้ายเมืองหลวง!การย้ายเมืองหลวงเป็นเรื่องใหญ่หลวงเพียงใด!เหล่าขุนนางต่างวิเคราะห์กันเป็นการส่วนตัวว่า จูหยวนจางชราแล้ว คงไม่มีแรงจะทำเรื่องใหญ่อีกการย้ายเมืองหลวงเป็นเพียงข้ออ้าง ที่จริงแล้วคือการให้จูเปียวไปพักผ่อนหย่อนใจตามสถานที่ต่างๆ เพื่อรักษาสุขภาพเรื่องในวันนี้ช่
Read more
บทที่ 5
เหตุผลที่จูหยวนจางไม่ได้ประกาศเรื่องสงครามทางใต้ในราชสำนัก ก็เพราะเกรงว่าจะทำให้ผู้คนเกิดความตื่นตระหนกเพราะตอนที่ส่งหลานอวี้ขึ้นเหนือไปตีหยวน ก็มีเสียงคัดค้านอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะกลุ่มขุนนางฝ่ายบุ๋นแห่งเจ้อตง มีขุนนางตรวจการบางคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ถึงกับกล่าวว่าการยกทัพขึ้นเหนือไปตีหยวนเป็นการสิ้นเปลืองแรงงานและทรัพย์สิน!หากได้ข่าวว่าคนเถื่อนทางใต้รวบรวมทัพสามแสนนาย ซึ่งมีกองทัพช้างศึกห้าพันตัวรวมอยู่ด้วย คนพวกนี้จะไม่ขวัญหนีดีฝ่อไปเลยหรือ!เสียงที่เรียกร้องให้หลานอวี้ถอยทัพจะต้องดังก้องกังวานขึ้นมาอีกครั้งอย่างแน่นอน!ประกอบกับหลายปีมานี้ ต้องเสริมความแข็งแกร่งของเมืองชายแดนและประสบกับภัยแล้งและอุทกภัยติดต่อกัน ทำให้ไม่สามารถรับมือสงครามสองด้านได้อีกต่อไปเสนาบดีกรมคลังยังคงจ้องมองฎีกาลับอย่างละเอียด เช็ดเหงื่อแล้วทูลว่า “ฝ่าบาท แผนการในตอนนี้ มีเพียงต้องรีบระดมกำลังทหารจากสำนักผู้ว่าการซื่อชวน สำนักผู้ว่าการกว่างซี และสำนักผู้ว่าการกุ้ยโจวไปยังอวิ๋นหนานอย่างเร่งด่วนพ่ะย่ะค่ะ!”ฉางเซิงเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาท กระหม่อมเสนอให้เคลื่อนกองทัพค่ายศาสตราอัคคี มีเพียงอาวุธเพลิงเท่านั้นจึงจะ
Read more
บทที่ 6
“อวิ่นเทิง เหตุใดเจ้าไม่กินเล่า?”จูหยวนจางไม่เข้าใจว่าหม้อไฟที่เจ้าเด็กนี่พูดถึงคืออะไรสำหรับเขาแล้ว เรื่องอาหารการกินไม่เคยเป็นเรื่องที่ใส่ใจมากนักต่อให้เป็นงานเลี้ยงท้อเซียน ก็ยังสู้ซุปไข่มุกหยกขาวและบะหมี่กระเทียมของเขาไม่ได้ครั้งนั้น ตอนที่จูหยวนจางยังเป็นพระสงฆ์และต้องออกบิณฑบาตไปทั่ว อดอยากอยู่หลายวัน จนหิวเป็นลมไปหญิงชราผู้หนึ่งได้ใช้ปลายข้าวกับเต้าหู้ที่เริ่มเปรี้ยวแล้วต้มเป็นโจ๊กชามหนึ่งโจ๊กชามนั้นช่วยชีวิตพระองค์ไว้จูหยวนจางจึงตั้งชื่อให้ปลายข้าว (ไข่มุก) กับเต้าหู้เปรี้ยว (หยกขาว) ว่าซุปไข่มุกหยกขาว“เสด็จปู่ หลานกินอิ่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จูอวิ่นเทิงโกหกคำโต “สองสามวันนี้หลานเวียนศีรษะ กินอะไรไม่ค่อยลงพ่ะย่ะค่ะ”จูหยวนจางรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงจูอวิ่นเทิงลุกขึ้นยืน “เสด็จปู่ ไม่ต้องรบกวนหมอหลวงหรอกพ่ะย่ะค่ะ อาการป่วยของหลาน ส่วนใหญ่เป็นเพราะนอนน้อยเกินไป โดยเฉพาะตอนเช้า ไม่สามารถตื่นเช้าเกินไปได้พ่ะย่ะค่ะ”ไม่ต้องฟังเสียงในใจ จูหยวนจางก็รู้ว่า เจ้าเด็กนี่คิดจะอู้งานแต่ในใจกลับสะดุ้งเฮือกขึ้นมาตั้งแต่เด็ก สุขภาพของจูอวิ่นเทิงดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก เช่นเดีย
Read more
บทที่ 7
หนึ่งเดือนผ่านไปจูอวิ่นเทิงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเช่นเคยเขานอนแผ่หลาอาบแดดอยู่บนเก้าอี้ในลานบ้าน ทางขวามือมีม้านั่งที่ทำมาจากไม้แดงตัวหนึ่ง วางผลไม้และของว่างต่างๆ เช่น องุ่น คุกกี้เหมยเอ๋อร์คอยนวดไหล่ให้เขาอยู่ด้านหลังหลานเอ๋อร์คอยนวดเท้าให้เขาอยู่ด้านหน้าจูอวิ่นเทิงหยิบองุ่นเข้าปาก นี่สิถึงจะเป็นชีวิตสบายๆ ที่ปลาเค็มควรจะมี!หนึ่งเดือนแล้วที่จูหยวนจางไม่มารบกวนอีกเพียงแต่ว่าทุกวันยังคงต้องเข้าวังไปเรียนหนังสือกับฟางเสี้ยวหรูการไปนอนหลับในห้องเรียน ช่างเป็นความทรมานโดยแท้โชคดีที่ฟางเสี้ยวหรูเลิกสนใจเขาไปนานแล้ว ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเพียงแต่บ่อยครั้งที่สายตาของจูอวิ่นเหวินจะกวาดมองมา แฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น ทำให้เขารู้สึกเย็นเยียบในใจดูท่าการที่จูหยวนจางให้เขาเข้าร่วมการประชุมเช้า และร่วมปรึกษาหารือกันที่ตำหนักหย่างซินเมื่อหนึ่งเดือนก่อน คงทำให้จูอวิ่นเหวินเกิดความระแวงในตัวเขาขึ้นมาอยากจะบอกจูอวิ่นเหวินจริงๆ ว่า คนที่เขาควรระวังคืออาสี่จูตี้ต่างหากอันที่จริงจูอวิ่นเหวินระแวงทุกคนพระชายาหลี่ว์บอกเขาว่า จูเปียวผู้เป็นบิดาไปพักฟื้นที่หางโจวหลังจากที่จูหยวนจางส
Read more
บทที่ 8
ฉางเซิงโกรธจัด “อวิ่นเหวิน เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล!”ฉีไท่เสนาบดีกรมกลาโหมกล่าวว่า “ไคกั๋วกง ท่านจะรีบร้อนไปไย ฟังดูก่อนว่ามีเหตุผลหรือไม่”จูอวิ่นเหวินกล่าวเสียงดัง “การเอาชนะฮ่องเต้หยวนได้นั้น ฝ่าบาททรงมีคุณูปการเป็นอันดับหนึ่ง! เป็นเพราะฝ่าบาททรงชี้ที่ซ่อนของฮ่องเต้หยวน แม่ทัพหลานจึงมีเป้าหมาย มีเป้าหมายแล้ว แต่ฮ่องเต้หยวนกลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เปลี่ยนเป็นคนอื่นนำทัพ ก็ย่อมได้รับชัยชนะเช่นกัน”คำพูดนี้ทำเอาเหล่าขุนนางในราชสำนักฮือฮาพระราชนัดดาองค์รองผู้นี้ พูดมีเหตุผลอย่างยิ่ง!เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊อยากจะโต้แย้ง ก็ไม่กล้าหากโต้แย้ง ก็เท่ากับเป็นการลบล้างคุณูปการของฝ่าบาท!ฉางเซิงอัดอั้นตันใจ แต่ก็ระบายออกมาไม่ได้!จูอวิ่นเหวินยิ่งได้ใจ “ในสถานการณ์เช่นนี้ ฝ่ายเรามีกำลังมากกว่าศัตรู ควรจะเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ เหตุใดจึงปล่อยให้ฮ่องเต้หยวนและรัชทายาทหนีไปได้?”“เป็นการบัญชาการของแม่ทัพหลานที่มีปัญหา หรือว่าแม่ทัพหลานจงใจปล่อยฮ่องเต้หยวนและรัชทายาทไป?”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทั่วทั้งท้องพระโรงต่างตกตะลึงเมื่อจูอวิ่นเหวินพูดเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการใส่ร้ายหลานอวี้อย่าง
Read more
บทที่ 9
“หลานอวี้ ถึงกับแอบปล่อยฮ่องเต้หยวนไป!”“หลานอวี้ ถอนรากไม่ถอนโคน จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”“ฝ่าบาท หลานอวี้สมควรได้รับโทษฐานคิดการกบฏพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท หลานอวี้ชั่วร้ายยิ่งกว่าหูเหวยยงเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางที่ปรึกษาบางคนก็ลุกขึ้นมา แจกแจงความผิดของหลานอวี้เป็นข้อๆ เช่น ทะนงตนโอหัง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยึดครองที่นาของราษฎร เกิดเสียงก่นด่าไปทั่ว เลี้ยงดูทาสไว้ในจวน คิดการมิชอบ เป็นต้นฉางเซิงและเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ถึงกับตกตะลึงเดิมทีคิดว่าหลานอวี้จะได้รับการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งจากเรื่องนี้ ที่ไหนได้กลับกลายเป็นบัญชีรายการความผิด!สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือ ฝ่ายตนกลับไม่มีปัญญาจะโต้ตอบ!จูอวิ่นเทิงรู้สึกว่าตนเองต้องพูดอะไรสักอย่างแล้ว หากไม่พูด หลานอวี้ไม่มีทางผ่านด่านวันนี้ไปได้แน่!จูอวิ่นเทิงก้าวออกมาหนึ่งก้าว ทันใดนั้นจูหยวนจางก็ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน “หลานอวี้มีคุณงามความดีใหญ่หลวง! พวกเจ้ากล้าใส่ร้ายเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?”หา?ในท้องพระโรงพลันเงียบสงัดอีกครั้ง ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกจูอวิ่นเทิงก็ตกใจอย่างยิ่ง ตาเฒ่าจู นี่นิสัยเปลี่ยนไปแล้วหรือ?เขานิสัยเปลี่ยนไปจริงๆ แล้
Read more
บทที่ 10
หลานอวี้ยังไม่ทันยกทัพกลับเมืองหลวง จูหยวนจางก็แต่งตั้งหลานอวี้เป็นเหลียงกั๋วกงแล้ว!ฉางเซิงและเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊คุกเข่าลงอีกครั้ง เสียงโห่ร้องสรรเสริญดังกึกก้อง กล่าวขอบพระทัยแทนหลานอวี้สำหรับเหตุผลของจูหยวนจาง พวกเขาก็ไม่สามารถโต้แย้งได้เช่นกัน!ฝ่าบาทก็คือฝ่าบาท สิ่งที่ทรงคิดถึงคือแผ่นดินทั้งหมดพระองค์ไม่ได้ทรงคิดถึงการได้เสียเพียงเมืองเดียวหรือชัยชนะเพียงครั้งคราว แต่ทรงวางแผนกลยุทธ์โดยคำนึงถึงภาพรวมทั้งหมด!จูอวิ่นเหวินคุกเข่าและลุกขึ้นอย่างเหม่อลอย ในใจรู้สึกทุกข์ทรมานอย่างยิ่งอุตส่าห์มีโอกาสเข้าประชุมราชสำนัก อุตส่าห์ได้พูดเป็นคนแรก!อุตส่าห์ได้รับการชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์จากเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋น!อุตส่าห์ทำให้เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ถึงกับพูดไม่ออก!ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่มารดาและฉีไท่สอนเขามาในตอนนั้น เขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีแผนการใดที่จะโหดเหี้ยมและยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้ว!ฉีไท่เป็นเสนาบดีกรมกลาโหม ทำให้เขาได้รับข่าวนี้ล่วงหน้าฉีไท่ยังช่วยให้เขาได้มีโอกาสเข้าประชุมราชสำนักอีกด้วยก็เพื่อรอที่จะแสดงความสามารถในวินาทีนี้ใครจะไปรู้ว่า สิ่งที่รออยู่กลับเป็นความเดื
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status