รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่

รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่

By:  อู๋ตู๋จุ้ยหลิงUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
83Chapters
14views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

หยางเฉินทะลุมิติมายังต่างโลก กลายเป็นองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิเฉียนอู่ ในศึกที่เขาซือถัว เขาถูกคนชั่วหักหลัง จนตกหลุมพรางของจักรวรรดิตงเซิ่ง แม้จะโชคดีหนีรอดมาได้ แต่กลับถูกลอบทำร้าย วรยุทธ์ถูกทำลายจนสิ้น ขาท่อนล่างพิการ แต่โชคดีที่เขาได้ปลุกพลังของจี้หยกประจำตระกูลขึ้นมาโดยบังเอิญ ทำให้บรรพบุรุษตระกูลหยางตื่นขึ้น และได้รับสืบทอดมรดกของตระกูลหยาง นับแต่นั้นมา หยางเฉินก็ได้กุมอำนาจทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ไว้ในมือ มีอำนาจล้นฟ้า ประกาศศักดาไปทั่วหล้า มุ่งหน้าสู่เส้นทางการต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่ในแผ่นดินเฉียนอู่ ที่จะนำมาซึ่งความวุ่นวาย นองเลือดอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง และท้ายที่สุดก็ได้รวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว “เสด็จพ่อ ไหนพระองค์เคยตรัสกับลูกว่า ในภายภาคหน้าแผ่นดินนี้จะเป็นของลูก และจะให้ลูกเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างไม่ใช่หรือ?” “แต่ว่า ยามนี้วรยุทธ์ของเจ้าถูกทำลายสิ้น ทั้งยังเป็นคนพิการ แผ่นดินนี้ เจ้าจะปกครองอย่างมั่นคงได้หรือ?” “เหตุใดจะปกครองอย่างมั่นคงไม่ได้? การปกครองแผ่นดิน ไม่ใช่การต่อสู้ชิงแผ่นดิน สิ่งที่ต้องใช้คือสมอง สมองของลูกไม่ได้พิการเสียหน่อย เหตุใดจะปกครองอย่างมั่นคงไม่ได้? ในเมื่อแผ่นดินนี้เป็นสิ่งที่เสด็จพ่อมอบให้ลูก มันก็ย่อมเป็นของลูก!” “แผ่นดินของข้า ข้าย่อมเป็นผู้ตัดสินใจ! ผู้ใดกล้าแตะต้องแผ่นดินของข้า ข้าจะกำจัดผู้นั้นเสีย!”

View More

Chapter 1

บทที่ 1

“ทูลฝ่าบาท ศึกที่เขาซือถัว กองทัพของเราพ่ายแพ้ยับเยิน ทหารห้าหมื่นนายสิ้นชีพในสนามรบ องค์รัชทายาทในฐานะแม่ทัพใหญ่ของสามเหล่าทัพ ต้องได้รับโทษอย่างหนัก เพื่อให้จิตใจของราษฎรสงบลงพ่ะย่ะค่ะ!”

“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ต้องลงโทษองค์รัชทายาทอย่างหนัก เพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณของเหล่าทหารทั้งห้าหมื่นนาย...”

“กระหม่อมขอเสนอให้ปลดองค์รัชทายาท และแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่ เพื่อความมั่นคงของแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ...”

“ฝ่าบาท ถึงแม้องค์รัชทายาทจะพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นการสู้รบเพื่อบ้านเมือง จะปลดจากต้ำแหน่งไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ มิฉะนั้นจะทำให้ราษฎรทั่วหล้าต้องใจสลาย...”

“...”

ฮ่องเต้อู่เต๋อทอดพระเนตรเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ที่กำลังโต้เถียงกันไม่หยุดเบื้องล่าง ก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา

หนึ่งเดือนก่อน จักรวรรดิตงเซิ่งรุกราน ฮ่องเต้อู่เต๋อได้ส่งองค์รัชทายาทหยางเฉินนำทัพออกศึก แต่กลับตกหลุมพรางของศัตรู เป็นเหตุให้กองหน้าห้าหมื่นนายต้องตายในสนามรบ

หยางเฉินเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส รองแม่ทัพต้องสู้ตายถึงจะช่วยชีวิตเขากลับมาได้ แต่คาดไม่ถึงว่า หลังจากบาดเจ็บสาหัส วรยุทธ์ขององค์รัชทายาทจะสูญสิ้นไปทั้งหมด อีกทั้งขาขวายังพิการไปด้วย

เมื่อกล่าวถึงหยางเฉินบุตรชายคนนี้ เขาคือผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่นเหนือใคร ตอนอายุสิบสามปีก็บรรลุถึงระดับยอดฝีมือขั้นเก้า สิบหกปีบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ ยี่สิบปีก็ก้าวเข้าสู่ระดับเขตแดนสามัญวชิระ

ปีนี้อายุยี่สิบสี่ ก็สัมผัสได้ถึงเขตแดนสวรรค์สำราญแล้ว หากมีเวลาอีกสักหน่อย เขาจะต้องกลายเป็นเซียนกระบี่ที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลหยางได้อย่างแน่นอน

ฮ่องเต้อู่เต๋อเองก็เลี้ยงดูเขาในฐานะผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของจักรวรรดิ แต่บัดนี้ เขากลับกลายเป็นคนพิการไปเสียแล้ว

ผ่านไปแค่ไม่กี่วัน เสียงเรียกร้องในราชสำนักว่าให้ถอดถอนองค์รัชทายาทนั้นก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังต้องการให้ลงโทษองค์รัชทายาทอย่างหนัก เพื่อรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ที่เขาซือถัว

“พอแล้ว หยุดเถียงกันได้แล้ว เรื่องการถอดถอนรัชทายาท ให้เราได้ไตร่ตรองอีกครั้ง!” ฮ่องเต้อู่เต๋อตรัสเสียงดัง

อันที่จริงแล้ว ตอนนี้พระองค์ก็ทรงคิดที่จะถอดถอนหยางเฉิน และแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่แล้ว

ตอนนี้ฮ่องเต้อู่เต๋อมีโอรสอยู่สิบกว่าพระองค์ นอกจากหยางเฉินซึ่งเป็นบุตรคนที่ห้าแล้ว องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง องค์ชายสาม และองค์ชายเจ็ด ล้วนแต่มีความสามารถโดดเด่นทั้งสิ้น

ในเมื่อหยางเฉินกลายเป็นคนพิการไปแล้ว การแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่เพื่อความมั่นคงของบ้านเมือง ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ในฐานะผู้ที่ทะลุมิติมา หยางเฉินเองก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจอย่างยิ่ง ตัวเขาได้ทะลุมิติมาเป็นถึงองค์รัชทายาท แต่กลับกำลังจะถูกปลดในไม่ช้า

หยางเฉินที่นอนอยู่บนเตียง หวนนึกถึงศึกที่เขาซือถัวในหัว แม้ว่าเหล่าทหารของจักรวรรดิเฉียนอู่จะตกหลุมพรางของศัตรู แต่กลับไม่มีผู้ใดยอมจำนน ต่างสู้รบจนตัวตายกันทั้งสิ้น

แม้จักรวรรดิตงเซิ่งจะได้รับชัยชนะ แต่ก็เป็นชัยชนะที่สูญเสียอย่างหนัก จนไม่สามารถรุกคืบมาทางทิศตะวันตกได้อีก ทำได้เพียงล่าถอยกลับไป และทำให้จักรวรรดิเฉียนอู่มีโอกาสได้หยุดพักหายใจ

ศึกที่เขาซือถัว หยางเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายใต้การคุ้มกันอย่างสุดชีวิตของรองแม่ทัพไป๋หานอีและองครักษ์ เขาจึงหนีรอดกลับมาได้

ขณะที่ความทรงจำค่อย ๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน หยางเฉินก็นึกเรื่องบางอย่างออก วรยุทธ์ของเขาถูกคนทำลายระหว่างทาง ขาของเขาก็ถูกคนหักอย่างโหดเหี้ยม

เป็นเพราะกลุ่มคนสวมหน้ากากที่ดักซุ่มโจมตีกลางทางนั่นเอง ที่ทำให้เจ้าของร่างเดิมถูกสังหาร เขาถึงได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างนี้

“ในเมื่อข้ามาอาศัยอยู่ในร่างนี้ ข้าจะหาทางแก้แค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน!”

“ส่วนจักรวรรดิเฉียนอู่นี้ ก็ให้ข้าเป็นคนปกป้องแทนเจ้าก็แล้วกัน!”

หยางเฉินได้รู้จากความทรงจำว่า ในบรรดาพี่น้องตระกูลเดียวกัน เขาเป็นบุตรชายลำดับที่ห้า เดิมทีเป็นองค์ชายห้า แต่ภายหลังเพราะพรสวรรค์อันโดดเด่น จึงได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้อู่เต๋อให้เป็นองค์รัชทายาท

อย่างไรก็ตาม บรรดาพี่น้องของเขาเหล่านั้นต่างหมายปองตำแหน่งรัชทายาทนี้อยู่ตลอดเวลา ครั้งนี้ เขาถูกคนดักซุ่มโจมตีกลางทาง หากจะบอกว่าไม่ใช่ฝีมือขององค์ชายคนใดคนหนึ่ง ต่อให้ตีเขาจนตายเขาก็ไม่เชื่อ

การต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ล้วนโหดร้ายและนองเลือดเสมอมา!

ขณะที่จิตใจของเขากำลังเหม่อลอย เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา รายงานเสียงดังว่า “ทูลองค์รัชทายาท องค์ชายรองกับองค์ชายเจ็ดมาเยี่ยมพระองค์เพคะ”

มาเยี่ยมข้าอย่างนั้นหรือ? คงมาดูเรื่องตลกของข้ามากกว่ากระมัง?

หยางเฉินรู้แจ้งแก่ใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปบอกพวกเขาว่า ข้าบาดเจ็บสาหัส ยังไม่หายดี ไม่ขอพบแขก!”

“รัชทายาท น้ำเสียงของเจ้าฟังดูเปี่ยมด้วยพลัง จะบาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดีได้อย่างไรกัน?”

“ใช่แล้ว รัชทายาท พวกเราอุตส่าห์มาเยี่ยมท่าน ไยจึงไม่ให้พวกเราเข้าพบเล่า?”

เสียงขององค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดดังมาจากนอกประตู

องค์ชายรองหยางคุน และองค์ชายเจ็ดหยางอวี๋ เป็นพี่น้องแท้ ๆ บิดามารดาเดียวกัน มารดาของพวกเขาคือเซวียกุ้ยเฟย ผู้ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้อย่างยิ่ง

องค์ชายรองนั้นเหมือนกับองค์ชายใหญ่ที่หมายปองตำแหน่งรัชทายาทมานาน วันนี้เมื่อได้ยินเสียงเรียกร้องให้ถอดถอนองค์รัชทายาทดังก้องในราชสำนัก ก็ทำให้องค์ชายรองดีใจจนเนื้อเต้น

สิ้นเสียง องค์ชายทั้งสองก็เดินเข้ามาข้างในแล้ว

“พี่รอง พวกท่านมาได้อย่างไร?” หยางเฉินพยายามลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับโบกมือให้สาวใช้ เป็นสัญญาณว่าให้นางออกไปได้

“องค์รัชทายาท ได้ยินว่าขาของเจ้าถูกคนตีจนหัก? วรยุทธ์ก็ถูกทำลายไปด้วย? เช่นนั้นต่อไปเจ้าก็คงกลายเป็นคนพิการแล้วสินะ? ฮ่า ๆ ๆ ...” องค์ชายรองกล่าวเย้ยหยันอย่างอารมณ์ดี

“กลายเป็นคนพิการแล้วจริง ๆ หรือ? ข้าไม่เชื่อ!” สายตาขององค์ชายเจ็ดฉายแววเหี้ยมโหด เขายื่นมือออกไปกดลงบนขาขวาของหยางเฉิน

“อ๊าก...” หยางเฉินเจ็บปวดจนร้องเสียงหลง เหงื่อกาฬไหลซึม

“เจ้าเจ็ด เบามือหน่อย หากไปโดนจุดที่บาดเจ็บขององค์รัชทายาทเข้า เดี๋ยวองค์รัชทายาทก็ไปฟ้องเสด็จพ่อหรอก” องค์ชายรองยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางเอ่ยขึ้น

“ฟ้องหรือ? เช่นนั้นก็ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เปิดปากฟ้องอีกเลย!” องค์ชายเจ็ดกล่าว พร้อมกับใช้มือบีบคอของหยางเฉินอย่างโหดเหี้ยม

“ปล่อย... ปล่อยข้า... อึก... อึก...” หยางเฉินใช้สองมือพยายามแกะมือขององค์ชายเจ็ดออก ปากก็ส่งเสียงอู้อี้

เมื่อถูกบีบคอ หยางเฉินก็หายใจติดขัด ใบหน้าแดงก่ำ สองมือตะเกียกตะกายอย่างสะเปะสะปะ แต่ตอนนี้เขาสูญสิ้นวรยุทธ์ไปแล้ว จึงไม่สามารถสลัดให้หลุดออกจากมือที่แข็งแกร่งของหยางอวี๋ได้เลย

“เมื่อก่อนเจ้าเป็นรัชทายาท พวกเราทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่ตอนนี้เจ้ากลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง พวกเราอยากจะบีบคอเจ้าให้ตาย ก็ง่ายเหมือนกับบี้มดตัวหนึ่ง หากเจ้ากล้าไปฟ้อง ข้ารับรองได้เลยว่าเจ้าจะต้องตายอย่างอนาถ” องค์ชายเจ็ดกล่าวข่มขู่ด้วยรอยยิ้มเย็นชา

องค์ชายรองเห็นว่าหยางเฉินใกล้จะขาดใจตายแล้ว จึงโบกมือให้น้องชายเป็นสัญญาณว่าอย่าเพิ่งฆ่าเขา

แม้ว่าตอนนี้หยางเฉินจะสูญสิ้นวรยุทธ์ และกลายเป็นคนพิการไปแล้ว แต่หากฆ่าเขาในตอนนี้ ก็จะนำปัญหามาสู่พวกเขาไม่น้อย

โดยเฉพาะพวกองค์ชายใหญ่และองค์ชายสามจะต้องฉวยโอกาสนี้มาเล่นงานพวกเขาเป็นแน่ ถึงตอนนั้น เรื่องการชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ก็คงหมดสิทธิ์

“แค่ก... แค่ก...” ในที่สุดหยางเฉินก็ได้สูดอากาศหายใจเข้าไปอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองของเขาเย็นเยียบราวกับคมมีด เปล่งประกายจิตสังหารที่หนาวเหน็บจนถึงกระดูก

คนที่คิดจะฆ่าเขา เขาไม่มีวันปล่อยมันไปเด็ดขาด!

“พวก... พวกท่านแน่จริงก็ฆ่าข้าเสียสิ! มิเช่นนั้น ไม่ช้าก็เร็ว ข้าก็จะฆ่าพวกท่าน!” น้ำเสียงของหยางเฉินเยียบเย็นจนน่าขนลุก

“เจ้ากล้าขู่พวกเราหรือ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้!” จิตสังหารขององค์ชายเจ็ดปรากฏออกมา

“ดีเลย! อย่างไรเสียองค์ชายใหญ่ก็คงจะดีใจจนเนื้อเต้นที่พวกท่านฆ่าข้า หากเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่มีใครไปแย่งตำแหน่งรัชทายาทกับเขาแล้ว”

องค์ชายรองคิดถึงเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงยิ้มอย่างเย้ยหยันพลางกล่าวเสียงเย็น “องค์รัชทายาท ดูเจ้าพูดเข้าสิ พวกเราเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ จะฆ่าเจ้าได้อย่างไรกัน? แม้จะฆ่าเจ้าไม่ได้ ทว่า โทษตายอาจละเว้นได้ แต่โทษเป็นนั้นยากจะหนีพ้น!”

เพียะ!

องค์ชายรองเงื้อมือขึ้นตบเข้าที่ใบหน้าของหยางเฉิน ทิ้งรอยนิ้วมือห้านิ้วไว้บนใบหน้าทันที

ถุย!

หยางเฉินกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง กระเด็นใส่หน้าขององค์ชายรอง “แน่จริงก็ฆ่าข้าสิ!”

“ดูสิว่าปากของเจ้าจะแข็งกว่า หรือหมัดของข้าจะแข็งกว่ากัน!” องค์ชายเจ็ดปล่อยหมัดกระแทกลงไปอย่างแรง

อ๊าก ...

หยางเฉินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แล้วขดตัวเป็นก้อน

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
83 Chapters
บทที่ 1
“ทูลฝ่าบาท ศึกที่เขาซือถัว กองทัพของเราพ่ายแพ้ยับเยิน ทหารห้าหมื่นนายสิ้นชีพในสนามรบ องค์รัชทายาทในฐานะแม่ทัพใหญ่ของสามเหล่าทัพ ต้องได้รับโทษอย่างหนัก เพื่อให้จิตใจของราษฎรสงบลงพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ต้องลงโทษองค์รัชทายาทอย่างหนัก เพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณของเหล่าทหารทั้งห้าหมื่นนาย...”“กระหม่อมขอเสนอให้ปลดองค์รัชทายาท และแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่ เพื่อความมั่นคงของแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ...”“ฝ่าบาท ถึงแม้องค์รัชทายาทจะพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นการสู้รบเพื่อบ้านเมือง จะปลดจากต้ำแหน่งไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ มิฉะนั้นจะทำให้ราษฎรทั่วหล้าต้องใจสลาย...”“...”ฮ่องเต้อู่เต๋อทอดพระเนตรเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ที่กำลังโต้เถียงกันไม่หยุดเบื้องล่าง ก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาหนึ่งเดือนก่อน จักรวรรดิตงเซิ่งรุกราน ฮ่องเต้อู่เต๋อได้ส่งองค์รัชทายาทหยางเฉินนำทัพออกศึก แต่กลับตกหลุมพรางของศัตรู เป็นเหตุให้กองหน้าห้าหมื่นนายต้องตายในสนามรบหยางเฉินเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส รองแม่ทัพต้องสู้ตายถึงจะช่วยชีวิตเขากลับมาได้ แต่คาดไม่ถึงว่า หลังจากบาดเจ็บสาหัส วรยุทธ์ขององค์รัชทายาทจะสูญสิ้นไปทั้งหมด อ
Read more
บทที่ 2
ช่วงเวลาเนิ่นนานที่ผ่านมา สองพี่น้องมีวรยุทธ์ด้อยกว่าหยางเฉิน ทุกครั้งล้วนถูกเขาสั่งสอน และไม่กล้าตอบโต้เมื่อพวกเขารู้ว่าหยางเฉินสูญสิ้นวรยุทธ์ไปแล้ว ก็ตื่นเต้นจนนิ้วทุกนิ้วสั่นระริกโอกาสในการแก้แค้นมาถึงแล้ว!ถึงแม้พวกเขาจะไม่กล้าสังหารองค์รัชทายาทผู้นี้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการระบายความแค้น ด้วยการซ้อมเขาให้หนำใจเลยแม้แต่น้อยพลั่ก พลั่ก พลั่ก...หมัดแล้วหมัดเล่ากระแทกลงบนเนื้อ โลหิตสาดกระเซ็น!สำหรับองค์ชายทั้งสองแล้ว เสียงเหล่านั้นไพเราะราวกับเสียงดนตรีอันงดงาม ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นฮึกเหิมราวกับมีพลังเหลือล้นหยางเฉินกัดฟันแน่น ทนรับความทรมานที่เกินกว่ามนุษย์จะทนไหว ดวงตาทั้งคู่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงดุจมัจจุราชแม้ในอดีตเขาจะเคยสั่งสอนเจ้าสองคนนี้ ทว่า เขาก็ยังเห็นแก่ความเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด จึงได้ออมมือไว้ ไม่ได้ลงมือหนักถึงตายคาดไม่ถึงว่า บัดนี้เมื่อตนสูญสิ้นวรยุทธ์ พวกเขาก็เผยธาตุแท้ออกมา คิดจะจัดการเขาให้ถึงตายให้ได้นี่น่ะหรือคือพี่น้องร่วมสายเลือด?หากไม่ใช่เพราะหยางเฉินยังคงเป็นองค์รัชทายาท การสังหารเขาจะนำมาซึ่งปัญหายุ่งยาก เกรงว่าสองพี่น้องคงจะลงมือ
Read more
บทที่ 3
หยางเฉินโอรสผู้เปี่ยมพรสวรรค์องค์นี้ เป็นความภาคภูมิใจของฮ่องเต้อู่เต๋อมาโดยตลอด และพระองค์ก็ทรงเลี้ยงดูเขาในฐานะผู้สืบทอดบัลลังก์มาโดยตลอดแน่นอนว่า สิ่งนี้ก็ได้บ่มเพาะนิสัยอันยโสโอหัง มองใต้หล้าด้วยสายตาเหยียดหยาม และไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของหยางเฉินขึ้นมาดั่งคำกล่าวที่ว่า ไม้ที่สูงเด่นในป่า ย่อมถูกลมโค่นก่อนเสมอ!ก็เป็นเพราะหยางเฉินเก่งกาจโดดเด่นเกินไป จึงได้นำภัยพิบัติถึงฆาตมาสู่ตน!เจ้าเด็กนี่ถึงกับกล้าเอ่ยคำพูดที่อกตัญญูทรยศอย่างการก่อกบฏออกมา หากเป็นองค์ชายองค์อื่น ฮ่องเต้อู่เต๋อคงสั่งลากตัวไปตัดหัวนานแล้ว“เจ้าลูกอกตัญญู หากไม่ใช่เพราะเจ้าบาดเจ็บอยู่ เราคงจะสังหารเจ้าด้วยฝ่ามือเดียวไปแล้ว! เรื่องที่เราพูดกับเจ้า เจ้าจงกลับไปคิดทบทวนให้ดี ๆ ...” ฮ่องเต้อู่เต๋อสะบัดแขนเสื้ออย่างฉุนเฉียวและจากไป“อั่ก...” หยางเฉินกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ดวงตาฉายแววสังหารอันเย็นเยียบเรื่องที่องค์ชายเจ็ดทำร้ายเขา ในเมื่อเสด็จพ่อทรงทราบแล้วแต่กลับไม่ได้ลงโทษเจ้าเจ็ด นั่นก็หมายความว่าสถานะของเขาในใจของเสด็จพ่อได้ตกต่ำลงอย่างฮวบฮาบแล้วในเมื่อเสด็จพ่อไม่เต็มใจจะช่วยเขาแก้แค้น เช่นนั้นก็มีแต่ต้
Read more
บทที่ 4
หว่านเอ๋อร์เป็นสาวใช้ของเสด็จแม่ นับตั้งแต่ที่ตนย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักบูรพา เสด็จแม่ก็ให้หว่านเอ๋อร์มาคอยดูแลตนเองถึงแม้จะเป็นนายบ่าว แต่ก็สนิทสนมกันราวกับพี่น้อง!บัดนี้กลับมีคนกล้าสังหารนาง แค้นนี้หากไม่ชำระ ข้าหยางเฉินขอสาบานว่าจะไม่ขอเป็นคนอีกต่อไป!“องค์รัชทายาท เมื่อวานหว่านเอ๋อร์กัดองค์ชายเจ็ดจนบาดเจ็บ ข้าน้อยสงสัยว่าเป็นเขาและองค์ชายรองที่สังหารหว่านเอ๋อร์” แม่ทัพไป๋สะกดกลั้นน้ำตา กล่าวเสียงเย็น“เจ้าเดรัจฉานสองตัวนั่น กล้าดีอย่างไรมาฆ่าหว่านเอ๋อร์ ข้าจะสับพวกมันให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้น!” ดวงตาทั้งคู่ของหยางเฉินแดงก่ำ จิตสังหารพลุ่งพล่านออกมา“องค์รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี?” แม่ทัพไป๋เอ่ยถามเสียงเย็นนางคือแม่ทัพหญิงผู้เด็ดขาดในสนามรบ วรยุทธ์ทั่วร่างบรรลุถึงขั้นเก้าแล้ว ขอเพียงหยางเฉินเอ่ยปากคำเดียว ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ นางก็จะไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อยแม้จะต้องไปสังหารองค์ชายทั้งสอง นางก็จะปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีข้อโต้แย้งทว่า ข้างกายองค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดก็มียอดฝีมือคอยคุ้มกันอยู่ หากลงมือขึ้นมา เกรงว่าแม่ทัพไป๋ก็คงจะไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้นับตั้งแต่ศึกที
Read more
บทที่ 5
หยางเฉินทำศึกสงครามมานานหลายปี ทุกครั้งล้วนรอบคอบระมัดระวัง การถูกซุ่มโจมตีที่เขาซือถัวในครั้งนี้ ทำให้เขาสงสัยว่าตนเองถูกหักหลังเมื่อพิจารณาจากการเดินทัพและการจัดทัพของเขา เขาได้หารือแผนการรบนี้กับเสด็จพ่อและแม่ทัพใหญ่แห่งกรมกลาโหมหนานกงอู๋ตี๋เพียงสองคนเท่านั้น หรือว่าแผนการรบจะรั่วไหลออกไป?เสด็จพ่อไม่มีทางหักหลังตนเอง หนานกงอู๋ตี๋ในฐานะแม่ทัพใหญ่ของจักรวรรดิ ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะคบคิดกับศัตรูเพื่อทรยศชาติหรือว่าเป็นเพราะในกองทัพของตนเองมีไส้ศึกของศัตรูแฝงตัวอยู่ และได้ส่งแผนการเดินทัพของตนออกไป?ในใจของหยางเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย แต่กลับไม่มีหลักฐานแม้แต่น้อย ทำได้เพียงลอบสืบสวนจากแต่ละด้านไปก่อน ดูว่าจะสามารถหาเบาะแสอะไรได้บ้างหรือไม่?ทว่า สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ย่อมเป็นการฟื้นฟูพลังของตนเอง และสร้างกองกำลังใหม่ของตนขึ้นมา จึงจะสามารถรักษาตำแหน่งองค์รัชทายาทของตนไว้ได้“แม่ทัพไป๋ เจ้าไปจัดการเรื่องหนึ่ง...” หยางเฉินส่งสัญญาณให้นาง แม่ทัพหญิงจึงขยับเข้าไปใกล้ไป๋หานอีพยักหน้ารับเล็กน้อย รับคำสั่งแล้วจากไปหยางเฉินมองร่างของหว่านเอ๋อร์ที่อยู่บนพื้น ในสมองหวนนึกถึงภ
Read more
บทที่ 6
หากต้องการช่วงชิงอำนาจใต้หล้า ในอดีตหยางเฉินเคยคิดว่าขอเพียงตนเองแข็งแกร่งพอ องค์ชายองค์อื่น ๆ ก็ไม่นับว่าเป็นที่น่ากังวลแต่อย่างใดทว่า ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับคนไร้ค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่เขายังไม่ได้เริ่มฝึกฝน ‘เคล็ดวิชาชีพจรซ่อนเร้นสวรรค์’ ดังนั้น ในช่วงเวลานี้เกรงว่าคงต้องใช้กลอุบายเพื่อถ่วงเวลาองค์ชายองค์อื่น ๆ ไปก่อนการที่เขาโยนปัญหานี้ไปให้ซ่างกวนหลิน ก็เป็นการหยั่งเชิงเขาเช่นกัน เพราะซ่างกวนหลินในตอนนี้ ย่อมต้องมีแผนการในใจที่มากกว่าเป็นไปตามคาด เมื่อซ่างกวนหลินได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มอย่างเฉยเมยแล้วเอ่ยขึ้น “ความโปรดปรานที่ฝ่าบาททรงมีต่อองค์รัชทายาทนั้น เป็นสิ่งที่องค์ชายองค์อื่นมิอาจเทียบได้ กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทจะไม่ปลดองค์รัชทายาทออกจากตำแหน่งพ่ะย่ะค่ะ”หยางเฉินมองดูคำพูดบ่ายเบี่ยงของซ่างกวนหลิน ก็คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ขณะที่ในใจกำลังทอดถอนใจกับความเปลี่ยนแปลงของน้ำใจผู้คน กลับรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยอย่างบอกไม่ถูกตอนนี้เขาสูญสิ้นวรยุทธ์ และยังเป็นคนพิการ ก็เป็นการดีที่จะได้เห็นอย่างชัดเจนว่าในราชสำนักนี้ ผู้ใดกันแน่ที่เต็มใจจะติดตามตนเองอย่างแท้จริง?ท่
Read more
บทที่ 7
แม้ว่าจักรวรรดิเฉียนอู่จะก่อตั้งขึ้นด้วยการทหาร ทว่า ขนบธรรมเนียมและกฎเกณฑ์ก็ยังคงเข้มงวดอย่างยิ่งองค์รัชทายาทคือองค์รัชทายาทของจักรวรรดิ การที่องค์ชายรองเรียกชื่อของเขาตรง ๆ นับเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่ง หากเป็นในยามปกติ หยางเฉินคงตบหน้าเขาไปฉาดหนึ่งแล้วแต่ว่า ตอนนี้เขาสูญสิ้นวรยุทธ์ไปแล้ว หากลงมือขึ้นมา ย่อมไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดองค์ชายรองกล่าวเย้ยหยันหยางเฉินว่าเป็นคนพิการต่อหน้าเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ เดิมทีแล้วก็เพื่อต้องการที่จะยั่วยุหยางเฉิน และในขณะเดียวกัน ก็เพื่อให้เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ได้เห็นว่า ตนเองแข็งข้อกับองค์รัชทายาทอย่างไร?แน่นอนว่า นี่ก็เป็นการบอกแก่ขุนนางที่เคยสนับสนุนหยางเฉินว่า ยุคของหยางเฉินได้ผ่านพ้นไปแล้ว พวกท่านสามารถเลือกข้างใหม่ได้แล้ว“พี่รอง ความหมายของท่านคือท่านคู่ควรที่จะเป็นองค์รัชทายาทสินะ” หยางเฉินกล่าวพลางแค่นเสียงเย็น“อย่างน้อยข้าก็ไม่ใช่คนพิการ ไม่ใช่คนไร้ค่า เจ้าว่าจริงหรือไม่?” หยางคุนถามกลับเสียงเย็น“เมื่อก่อนยามเจอหน้าข้า ก็เหมือนหนูเจอแมว ไม่เดินเลี่ยงก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น คนไร้ค่าอย่างท่านยังกล้ามาเยาะเย้ยข้าอีกหรือ? ช่าง
Read more
บทที่ 8
การคาดเดาพระราชประสงค์โดยพลการ นับเป็นข้อห้ามร้ายแรง!เพียงชั่วพริบตาเดียว ฮ่องเต้อู่เต๋อก็ทรงตัดสินพระทัยว่า วันนี้ไม่ใช่วันดีที่จะปลดองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน ทำได้เพียงหาโอกาสในภายหลังเท่านั้น“เจ้าเจ็ด วันนี้เราเห็นแก่ความเยาว์วัยไม่รู้ความของเจ้า จะไม่ลงโทษเจ้า แต่ว่า ตำแหน่งองค์รัชทายาทคือรากฐานของจักรวรรดิ คือรากฐานของบ้านเมือง พวกเจ้ามิอาจคาดเดาความคิดของเราโดยพลการได้” ฮ่องเต้อู่เต๋อยังทรงเมตตาอยู่มาก ไม่ได้ทรงตำหนิองค์ชายเจ็ดมากเกินไป“ขอบพระทัยเสด็จพ่อในพระมหากรุณาธิคุณ ลูกจะจดจำไว้ในใจ ไม่กล้าอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” องค์ชายเจ็ดรีบโขกศีรษะขอบพระทัยหยางเฉินฉวยโอกาสนี้ทันที ทูลถามเสียงดัง “เสด็จพ่อ เช่นนั้นแล้ว เรื่องการปลดองค์รัชทายาท ก็เป็นเพียงเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้นใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“เจ้าในฐานะองค์รัชทายาท แม้ว่าจะพ่ายแพ้ในศึกที่เขาซือถัว แต่ก็ได้สร้างคุณูปการขยายดินแดนให้จักรวรรดิมามากมาย ถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะสูญสิ้นวรยุทธ์แล้ว แต่การปกครองบ้านเมืองนั้น ไม่ได้ต้องการกำลังรบมากนัก เรายังไม่มีแผนที่จะแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่ในตอนนี้” ฮ่องเต้อู่เต๋อทำได้เพียงฝืนพระทัยตอบรั
Read more
บทที่ 9
เมื่อฝ่าบาททรงเอ่ยปากแล้ว เจ้าพวกนั้นก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นของตนอีกต่อไป บรรยากาศพลันเงียบสงบลงทันทีขณะที่ทุกคนกำลังปิดปากเงียบ หยางเฉินก็ทูลขึ้นเสียงดัง “ทูลเสด็จพ่อ ตอนนี้ลูกสูญสิ้นวรยุทธ์ไปแล้ว ขาข้างขวาก็พิการ ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองค์รัชทายาทของจักรวรรดิจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ลูกทูลขอให้เสด็จพ่อทรงปลดลูกออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาท แล้วแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่พ่ะย่ะค่ะ!”“ว่ากระไรนะ? เจ้า...เจ้าจะให้เราปลดเจ้าหรือ?” ฮ่องเต้อู่เต๋อทรงตกพระทัยอย่างยิ่งเจ้าลูกสารเลวคนนี้ เมื่อวานซืนยังพูดอยู่เลยว่า “แผ่นดินของข้า ข้าเป็นผู้ครอง” วันนี้กลับมาจะให้เราปลดเขา เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?สิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือ ตนเพิ่งจะพูดไปว่า ยังไม่มีแผนที่จะแต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่ในตอนนี้ เจ้าเด็กนี่กลับกระโดดออกมาจะให้เราปลดเขาอีก?นี่ต้องการจะให้เราถอนคำสั่ง ตบหน้าตัวเองอย่างนั้นหรือ?เหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊คนอื่น ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ก็ตกใจอย่างยิ่ง ต่างพากันหันขวับมามอง รู้สึกงุนงงไปตาม ๆ กันแน่นอนว่า คนที่ตกใจที่สุดย่อมต้องเป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่าอย่างซ่างกวนหลิน อย่างไรเสีย
Read more
บทที่ 10
ฮองเฮาในฐานะมารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชายใหญ่ ย่อมหวังให้หยางเฉินสละตำแหน่งให้ผู้ที่มีความสามารถมากกว่า ทว่า นางมองปราดเดียวก็รู้ว่าหยางเฉินกำลังใช้กลยุทธ์ถอยเพื่อรุก จึงไม่ได้รีบเอ่ยปากอย่างไรเสีย เรื่องเช่นนี้ก็ต้องให้ฮ่องเต้อู่เต๋อทรงตัดสินพระทัยด้วยพระองค์เอง แต่การที่องค์ชายทั้งสองรีบร้อนก้าวออกมาเช่นนี้ ก็ทำให้ฮ่องเต้อู่เต๋อจำต้องยึดมั่นในคำพูดที่พระองค์ได้ตรัสไปก่อนหน้านี้แน่นอนว่า ในพระทัยของฮ่องเต้อู่เต๋อก็ทรงทราบดีว่า ถึงแม้หยางเฉินจะพ่ายศึก แต่ก็เป็นความพ่ายแพ้ที่ยังคงไว้ซึ่งเกียรติภูมิ ไม่ได้มีความผิดมหันต์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ในราชสำนักยังมีคนช่วยทูลขอความเมตตาให้เขาฮ่องเต้อู่เต๋อไม่ต้องการที่จะยืดเยื้อเรื่องนี้อีกต่อไป ทรงหันไปทอดพระเนตรแม่ทัพหนานกง แล้วตรัสถามเสียงดัง หนานกงอู๋ตี๋ สถานการณ์ทางฝั่งจักรวรรดิตงเซิ่งเป็นอย่างไรบ้าง?”“ทูลฝ่าบาท แม้ว่าจักรวรรดิตงเซิ่งจะได้รับชัยชนะในศึกที่เขาซือถัว แต่เมื่อเทียบกับกองทัพห้าหมื่นนายของเราแล้ว พวกเขากลับมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บถึงแปดหมื่นนาย อาจกล่าวได้ว่า ศึกที่เขาซือถัวนั้น จักรวรรดิตงเซิ่งพ่ายแพ้อย่างยับเยินพ่ะย่ะค่ะ” หนานกง
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status