ฟงจินหมิงก้มหน้าลงกดจูบหลี่ลี่เหมยอีกคราแต่ทว่าเริ่มร้อนแรงมากกว่าเดิม เขาคลึงริมฝีปากเคล้าปลายลิ้นเข้าใส่นางอยู่ครู่ใหญ่จนนางเริ่มหายใจไม่ทันจึงปล่อยริมฝีปากนางให้ได้เป็นอิสระก่อนจะไล้ริมฝีปากไปทางปลายคางมนอย่างต่อเนื่องหญิงสาวแหงนหงายใบหน้าหลับตาพริ้มปล่อยอารมณ์ให้เป็นไปตามแต่ชายหนุ่มจะนำพาความรัญจวนเกิดขึ้นมาคล้ายระลอกคลื่นเข้าถาโถมจนซัดชนกับโขดหิน เมื่อฟงจินหมิงเริ่มเคลื่อนริมฝีปากร้อนลวกไปตามลำคออย่างเร่าร้อน ไล้เลียปลายลิ้นไปที่ติ่งหู ดูดดันลงต่ำที่จุดอ่อนไหวก่อนจะเคลื่อนที่ไปที่เนินอกอวบนูนที่พ้นขอบเอี้ยมเนื้อบางเบาฝ่ามือของเขาที่อุ่นร้อนค่อยๆ ลากไล้ผิวนวลนางขึ้นมาคล้ายยั่วเย้าเร้าอารมณ์ ก่อนจะปลดเอี้ยมตัวบางอันเป็นปราการสุดท้ายของยอดบัวตูมให้หลุดออกไปหลี่ลี่เหมยถึงกับสะท้านอยู่ในอกเฮือกใหญ่ เมื่อริมฝีปากร้อนชื้นของฟงจินหมิงตรงเข้าจัดการกับยอดบัวงามที่กำลังเบ่งบานชี้ยอดชูชัน เรียวขาของนางถึงกับต้องยกขึ้นชันเข่า เมื่อปลายเล็บเท้าเริ่มจิกเกร็งบนที่นอน นางถึงกับแอ่นโค้งเรือนร่างตามริมฝีปากเขาแล้วบิดตัวไปมาอย่างซ่านเสียวและเพียงไม่นานชั้นในตัวน้อยที่อยู่กลางร่างพลันหลุดร่วงออก
ฟงจินหมิงคลี่ยิ้มอบอุ่นเอ่ยอย่างปลอบโยน“ไม่ต้องกลัว”หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ ตอบรับอีกหนึ่งทีอย่างขวยเขินเอียงอายเกินเก็บข่ม ชายหนุ่มจึงขยับกายแกร่งเข้าใกล้นางอีกนิดก่อนจะเอื้อมมือขึ้นจับไหล่บางประคองร่างนางให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกันกับเขา แล้วเอื้อมมือขึ้นมาปลดเครื่องประดับออกจากศีรษะให้นางอย่างช้าๆ พลางก้มหน้ามองนางใกล้ๆ ลมหายใจกรุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งรินรดใบหน้างามในระยะประชิดเมื่อปลดเครื่องประดับจนหมดสิ้นปล่อยผมดำขลับแผ่สยายคล้ายม่านผ้าไหม เขาจึงเอื้อมมือมาปลดผ้าให้นางออกทีละชั้นอย่างใจเย็นหญิงสาวยืนตัวตรงแข็งทื่อในแบบที่ไม่เคยเป็น เมื่อเรียวนิ้วร้อนลวกของชายหนุ่มตรงหน้าเริ่มแตะถูกเนื้อนวลนาง และยิ่งรู้สึกได้ว่านิ้วแกร่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผ้าชั้นสุดท้ายถูกปลดออกไปจนหลุดร่วงลงสู่พื้นห้องและกองอยู่ตรงปลายเท้า จนเหลือเพียงเอี้ยมสีแดงตัวเบาเนื้อบางปกปิดยอดปทุมถันบนทรวงอกเต่งตึงและชั้นในตัวน้อยปกปิดส่วนสำคัญก็เท่านั้น เมื่อปลดเปลื้องปราการบนร่างงามตรงหน้าออกไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเริ่มปลดปราการบนเรือนร่างของตนเองออกบ้างเขาค่อยๆ เอื้อมมือปลดสายคาดเอวบนอาภรณ์สีมงคลของเขาโดยที่สายตาเรียวคมย
ผ้าคลุมหน้าสีแดงของเจ้าสาวถูกฝ่ามือของเจ้าบ่าวเปิดออก ทั้งสองจึงได้มีโอกาสมองสบสายตากันและกันดวงตาเรียวคมของเจ้าบ่าวมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาคมดำลึกล้ำ ดวงตาเรียวสวยของเจ้าสาวมองบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาโฉบเฉี่ยวคล้ายรู้ทันทั้งสองมองจ้องกันคล้ายประเมินคล้ายหยั่งเชิง“แผนการของเจ้าช่างลึกล้ำ ถึงขนาดปล่อยข่าวตั้งครรภ์” ฟงจินหมิงเอ่ยคำพร้อมดวงตายั่วเย้ายกยิ้มรู้ทันขณะรินเหล้ามงคลใส่จอกสองจอก“แผนการของท่านช่างลึกล้ำ ท่านทำทีเป็นฝากรอยรักไว้ที่ลำคอของข้าเพื่อตบตาทุกคนหมายจับจองข้าทั้งเรือนร่างทั้งกายใจ” หลี่ลี่เหมยเอ่ยขึ้นบ้างยามรับเหล้ามงคลมาแล้วคล้องแขนกับเขาก่อนยกขึ้นดื่มนางกล่าวต่อหลังจากดื่มเหล้าลงคอ “เห็นได้ชัดว่าท่านยิงธนูดอกเดียวได้นกเหยี่ยวถึงสองตัว”“ใครว่า! ข้าเป็นพญาอินทรีย์ที่ถูกหงส์เพลิงอย่างเจ้ายิงจนร่วงตกลงมาต่างหากเล่า” ฟงจินหมิงยกยิ้มยิ่งกว่าเดิมพลางบีบจมูกนางอย่างนึกเข่นเขี้ยว“ข้าเป็นหงส์เพลิงเมื่อใดกัน ข้าเป็นแม่วัวของท่านต่างหากเล่า” หญิงสาวหัวเราะเสียงใสทั้งยั่วเย้าทั้งเจ้าเล่ห์ “ท่านเป็นพ่อวัวพันธุ์ดีของข้า”“อา...” ฟงจินหมิงครางออกมา “เช่นนั้นเรามาผลิตลูกวัวกันเถิด แ
สัญญาสงบศึกเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเฉินและเป่ยฉีดำเนินไปอย่างราบรื่นฉีหย่งเหอเดินทางต่อไปยังแคว้นต้าโจวเพื่อรับราชธิดาของต้าโจวกลับไปแต่งงานที่เป่ยฉีและแต่งตั้งเป็นสนมชั้นสูงเหนือสนมทุกนาง ต้าโจวเป็นพันธมิตรกับแคว้นจ้าวซึ่งมีอาณาเขตเชื่อมต่อกับแคว้นเฉิน เมื่อเฉินกับเป่ยฉีเป็นดั่งแคว้นพี่แคว้นน้องเอื้อประโยชน์ต่อกันด้วยพันธะสัญญาอันยาวนาน จ้าวเชื่อมกับต้าโจวที่ผูกกับเป่ยฉีจึงมีสัญญาร่วมกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงคงเหลือเพียงแคว้นเว่ยกับแคว้นหานที่เฉินกับเป่ยฉีต้องร่วมกันกดดันมิให้เหิมเกริมในขณะที่แคว้นหลากแคว้นกำลังดำเนินการเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างดุเดือด ภายในวังของชินอ๋องก็เชื่อมสัมพันธ์กันอย่างดุเดือดเลือดพล่านไม่แพ้กัน เนื่องจากเฉินจิ้นเหอตัดสินใจให้พระชายาผู้เลอะเลือนและบ้าอำนาจผิดที่ผิดทางทำได้เพียงนั่งปฏิบัติธรรมคล้ายนักโทษถูกคุมขังโดยมิให้ออกมาเจอฟ้าเจอลมเจอโลกภายนอกอีกต่อไป พระองค์จึงรับนางสนมเข้าวังมาจนครบทุกตำแหน่งและทุกค่ำคืนพระองค์ยังเลือกป้ายวนเวียนเพื่อท่องราตรีไปยังตำหนักต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ พระองค์ร่วมภิรมย์กับสนมแต่ละนางอย่างรื่นเริงสุขสำราญทำให้สีพระพักตร
หลี่ลี่เหมยเห็นฟงจินหมิงร่วมเล่นงิ้วด้วยอย่างนั้นจึงไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างใด นางร้องขึ้น “อ๊ะ! จินหมิง”“หืม” ผู้ถูกเรียกก้มหน้ามอง“ลูกในท้องกำลังดิ้นรุนแรง ลูกคิดถึงพ่อ!”“...!?”สองชายหนุ่มในศาลาพลันตาเบิกค้าง ทั้งฟงจินหมิงและฉีหย่งเหอตาโตพอกันฉีหย่งเหอยิ่งตื่นตะลึงเหลือประมาณ เขาเลื่อนสายตาที่กำลังจับจ้องใบหน้าของหลี่ลี่เหมยอันเต็มไปด้วยรอยแผลลงมาที่บริเวณท้องของนางนางกำลังตั้งครรภ์รึ!เขาสังเกตเห็นท้องของนางคล้ายกับนูนออกมาเล็กน้อย และนั่นยิ่งทำให้เขาต้องเบิกตากว้างหลี่ลี่เหมยลอบยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่นางจะออกมาที่ศาลาแห่งนี้ อาซ้อให้นางม้วนผ้ายัดท้องเอาไว้เล็กน้อยด้วยความแนบเนียน ไม่เสียแรงเปล่าเลยเสียงแหลมสูงกล่าวต่อรัวเร็ว “เขาจะมาแย่งลูกไปจากข้าหรือ? ไม่นะ! ไม่! ไม่!” นางตื่นกลัวลนลานยิ่ง ฉีหย่งเหอเริ่มอ้าปากตาค้างให้ความรู้สึกคล้ายกับหัวใจถูกแขวนแล้วเหวี่ยงออกอย่างแรงเขาจึงถามตามตรงไปทางฟงจินหมิง “เจ้าบอกว่านางหลงรักเจ้า ด้วยนิสัยของบุรุษเพศ เจ้าจึงตอบสนองนางรึ?”“ใช่!” ฟงจินหมิงตอบทันที “นางงามเกินห้ามใจ”“...”และอีกคราที่สีหน้าของฉีหย่งเหอต้องตื่นตะลึงเบิกตา
ฉีหย่งเหอขมวดคิ้วมองฟงจินหมิง เขารู้สึกถึงแรงสะเทือนแห่งอารมณ์ในประโยคที่สั่นเทานั้น นอกจากสั่นเทาแล้วยังแหบแห้งสั่นพร่าคล้ายร่ำไห้อีกด้วย เรื่องนี้ย่อมเป็นจริงแน่แท้... บุรุษสูงศักดิ์ปักใจเชื่อทันใด เขาจึงตกตะลึงจนตัวแข็งค้างเนิ่นนานกว่าจะตั้งสติได้ “ลี่เหมย...” เสียงทรงอำนาจเอ่ยเรียกสตรีในอ้อมแขนของชายหนุ่มตรงหน้า “จำเราได้หรือไม่ เราฉีหย่งเหอ” เขากลั้นใจถามออกมาหลี่ลี่เหมยมองฉีหย่งเหออย่างหวาดหวั่นนัยน์ตาสั่นไหว แสดงออกถึงความสะพรึงอย่างรุนแรง อึดใจน้ำตาพลันไหลพรากอาบสองข้างแก้ม นางร้องไห้โฮอย่างไร้เหตุผลมองแล้วน่าสงสารอย่างเหลือล้น…ฟงจินหมิงถึงกับทำอันใดไม่ถูก มิคาดว่ามารยาของนางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ นางคือหงส์มายาอย่างแท้จริงเส้นเสียงทุ้มต่ำอันสั่นพร่าและแหบแห้งของฉีหย่งเหอเอ่ยออกมาอีกครา “เราคือคู่หมั้นของเจ้า เราจะพาเจ้ากลับเป่ยฉี เราจะพาเจ้าไปรักษา” “...!?”ประโยคที่จักรพรรดิหนุ่มเอ่ยออกมาทำให้หลี่ลี่เหมยพลันนิ่งขึงถอยหลังไปหนึ่งก้าว ฝ่ามือน้อยๆ ที่อกเสื้อฟงจินหมิงพลันแข็งเกร็ง ดวงตาฉ่ำน้ำพลันเบิกค้าง นางอ้าปากน้อยๆ ไปต่อมิได้ มิคาดว่าฉีหย่งเหอจักใจกว้างยิ่งกว่าแม่น้ำ