แมทธิวและไอรดา สบตากันอยู่แบบนั้น จนเธอเริ่มอึดอัด
“คุณต้องการอะไร? เอางี้ดีกว่า พูดมาตรงๆเลย”
ไอรดาอยากจบการสนทนาที่เธอรู้สึกว่ามันยืดเยื้อ
“ผมอยากพิสูจน์ว่าไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังเงิน ผมมีเวลาที่ไทยไม่มากเพราะต้องกลับไปทำงาน จะขออยู่จนถึงวันจันทร์ คุณก็ไม่ให้อยู่ ผมไม่อยากยอมแพ้ ไม่งั้นคง
ไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
“ทำไมคิดว่าจะไม่มีโอกาส?”
“คุณคงมีคนเข้าหาเยอะ ถ้าผมกลับไปกว่าจะกลับมา คุณอาจไม่โสดอีกแล้ว”
“กะจะไม่ให้โอกาสฉันได้เจอคนอื่นบ้างล่ะ คิดกลับกันบ้างสิ”
“ผมรู้สึกได้ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปว่าคุณก็มีความรู้สึกให้อยู่เหมือนกัน
แต่ไม่ยอมรับ”
บ้าจริง….ไอรดาที่หน้าตารวบตึงแต่ข้างในนั้นไขว้เขว
“ผู้หญิงที่รักตัวเองมากพอ จะไม่ไล่ล่าแต่จะดึงดูดสิ่งที่มีความหมายให้มาพบเจอเธอเอง ผมรู้ว่าเป็นสิ่งนั้นให้คุณได้ ถ้าคุณให้โอกาส”
ตื้อมากใช่มั้ย? ได้สิ….
“ปกติฉันไม่เคยคิดอยากคบกับคนอายุมากกว่าเป็นสิบปี เพราะความคิดอาจ
จะไม่บาลานซ์กัน คุณเคยหย่าร้างแถมมีเรื่องเด็กด้วย ถึงไม่ใช่ลูกคุณจริงๆ แต่ในเมื่อคุณรับเป็นลูกก็เท่ากับมีภาระติดตัวมา ขอโทษที่พูดตรงๆ ถ้าเราคุยกันไปนานวันเข้า
ไม่นานก็คงมีปัญหาแล้วก็จบไม่ดีแน่”
แมทธิวฟังเธออย่างตั้งใจจนจบ
“ปัญหาคือ คุณไม่อยากคบคนมีภาระ มองว่าไม่แฟร์สำหรับคุณ ส่วนเรื่องอายุ
คุณกลัวความต่างจะทำให้คิดไม่เหมือนกัน แต่ถ้าผมบาลานซ์ความสัมพันธ์และเรื่อง
ลูกได้ จะไม่ให้มาเดือดร้อนคุณเลย พอจะได้มั้ย?”
“แมทธิว..คุณไม่คิดว่าวันนึงถ้ามีลูกของตัวเองล่ะ จะเป็นยังไง? ฉันไม่แน่ใจว่า
จะใจกว้างได้นะ ขอโทษที”
“คุณพูดเหมือนจะมีลูกให้ผมเหรอ? ไอรดา”
เธอทำหน้าเหลอหลาใส่เขา
“คิดได้ไง พึ่งรู้จักได้แค่สามวัน…ถ้าอยากพิสูจน์ตัวเอง ก็ให้เวลาเป็นคำตอบแล้วกัน กินข้าวเถอะ จะเย็นหมดแล้ว”
ไอรดาออกไปจากห้อง ลงไปกินข้าวและกลับขึ้นมาอยู่ในห้องตามเดิม
ตอนนี้สองทุ่มแล้ว เขาดูเงียบไป คงหลับอยู่เพราะไม่สบาย ส่วนเธออยากออกไปซื้อดอกไม้ที่ตลาดวโรสเพื่อใช้ไหว้ในห้องพระสำหรับตอนเช้า ไอรดาแต่งตัวสบายๆลง
มาก็เจอเขายืนเช็ดรถให้เธออยู่ ในโรงรถข้างบ้าน
“แมทธิว ไม่ต้องทำหรอก ฉันเอาไปคาร์แคร์ได้ คุณโอเคแล้วเหรอ ทำไมไม่พักผ่อน?”
“ผมดีขึ้นแล้ว มาเดินเล่นสักพัก เห็นมันสกปรกนิดหน่อยเลยทำความสะอาดให้ แล้วนี่คุณจะไปไหน?”
เขาสังเกตเห็นเธอถือกระเป๋าเงินกับกุญแจรถอยู่
“จะไปข้างนอกไม่นาน เดี๋ยวก็กลับ”
เธอไม่ออกปากชวนเขา ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถ เหลือบมองกระจกหลังที่เห็นเขายืน
ถือผ้าเช็ดรถ มองจนเธอเลี้ยวรถออกจากบ้านไป
ไอรดาไปตลาดซื้อดอกมะลิและดาวเรืองมาถุงใหญ่ ก่อนจะไปที่ครูบาศรีวิชัยเพื่อซื้อดอกไม้กราบไหว้ แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อขนมและเครื่องดื่ม เธอตั้งใจออกไปข้างนอกนานๆ เพื่อหวังว่าเมื่อกลับไปแมทธิวคงจะเข้านอนแล้ว
แมทธิวอยู่บ้านรอเธอนานร่วมชั่วโมง เลยถือโอกาสเดินดูทั่วๆบ้าน เขาไม่เห็นภาพ
ของครอบครัวหรือพ่อแม่ของเธอเลย…
สองชั่วโมงผ่านไป สี่ทุ่มเศษๆ ไอรดาถึงกลับเข้ามา แมทธิวที่อยู่ห้องนั่งเล่น ออก
มาเห็นเธอถือถุงพะรุงพะรัง เลยเข้ามาช่วยโดยไม่พูดอะไร ก็พอดีที่จูนโทรเข้ามา
“คุณช่วยเอาไว้ที่ห้องครัวที ขอบคุณมาก”
เธอปล่อยให้เขาเข้าไปในบ้านคนเดียว โดยที่ยืนคุยอยู่นอกบ้านเกือบสิบนาที พอไป
ที่ห้องครัวก็เจอเขานั่งดูโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“ผมเก็บของให้หมดแล้ว ดอกไม้ผมเอาใส่ตู้เย็นไว้ เพราะไม่รู้คุณจะใช้ทำอะไร
ตอนไหน? ขนมเยอะแยะ ผมเอาไว้ในลิ้นชักใต้บาร์ทำอาหาร คุณจะได้ไม่ต้องเอื้อม
สูงๆ เครื่องดื่มก็แช่ไว้ให้หมดแล้ว”
“ทำไมต้องพยายามทำอะไรแบบนี้?..อยากเอาใจฉันเหรอ? คุณนี่ดื้อรั้นเหมือน
กันนะ ทั้งที่หน้าตาดูเหมือนไม่ใช่คนแบบนั้น”
“คุณเคยพาผู้ชายมาพักที่บ้านนี้มั้ย?”
“เคย…ตอนนี้ไง”
“คุณออกไปนานๆเมื่อกี้ ผมเป็นห่วง ไม่รู้ว่าไปไหน จะโทรถามก็กลัวคุณรำคาญ”
ไอรดาขยับมายืนใกล้เขาที่นั่งอยู่ มือข้างหนึ่งยันโต๊ะไว้
“ฉันไม่ชอบคนจู้จี้ มีพ่อคนเดียวก็พอแล้ว”
“ผมไม่เห็นภาพของครอบครัวหรือพ่อแม่คุณในบ้านเลย ปกติคนเรามักมีความ
ทรงจำในสถานที่ๆพิเศษ”
ไอรดาเอามือออกจากโต๊ะ แล้วไปยืนตรงกันข้าม “สถานที่พิเศษ อยู่ในนี้”
เธอจิ้มที่หน้าผากของตัวเอง
“ดึกแล้ว ฉันว่าไปพักผ่อนกันดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยคิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหน”
พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องครัว
แมทธิวรีบลุกตามแล้วจับแขนเธอให้หันมา เขาก้มหน้าลงไปประทับจูบกับริมฝีปาก
อันแสนหวานของเธอ ก่อนจะถอนปากออกอย่างช้าๆ….
ไอรดาจ้องด้วยตาที่โตเท่าไข่ห่าน ผิดกับเขาที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มให้เธอตาหยี
“รังเกียจใช่มั้ย?”
เขากระซิบถาม เธอก้มหน้าไปนิดนึงก่อนจะตอบ
“ห่างเหินผู้หญิงมาหลายเดือน อยากหาที่ลงสินะ ไม่ง่ายแบบนั้นหรอก”
พูดแบบนั้นแต่ในใจกลับเป็นอีกอย่าง ทำให้เธอสับสนและหงุดหงิดตัวเองหน่อยๆ
“ถ้าผมเป็นแบบนั้น ก็ใช้เงินไปสถานบริการก็ได้ แต่นี่มันไม่ใช่แบบนั้น”
เขาเดินขยับเข้าไปหา จนเธอต้องถอยหลังไปชนกำแพง เอามือยันกลางอกเขาไว้
“จะทำอะไร? ฉันไม่น่าคิดผิดให้มาพักที่นี่”
“งั้นผมไปตอนนี้ก็ได้ ถ้ามันคือความต้องการของคุณ”
แมทธิวผละจากเธอแล้วเดินเข้าห้องของเขาไป โดยไม่ปิดประตูห้องเพื่อให้เธอเห็นว่าเขาเก็บของจริงๆ น้ำเสียงของเขาไม่ได้แสดงว่าโกรธ แค่อยากทดสอบอะไรนิดหน่อย
ไอรดาเห็นแบบนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องของเขา ก่อนจะมองหน้ากัน เธอมีสีหน้าที่โกรธและสะบัดหน้าหนีเดินเข้าห้อง ปิดประตูเสียงดังสนั่น
พอเที่ยงคืน ไอรดาแอบออกจากห้อง แล้วเดินไปดูที่ห้องของเขา ปรากฏว่าเขานอนหลับทั้งที่เปิดประตูไว้เหมือนเดิม
ไม่เห็นแน่จริงแบบปากพูด……
เธอกลับเข้าไปนอน จนเช้าวันรุ่งขึ้น เสียงเคาะประตูทำเอาตื่น
“ไอรดา มากินมื้อเช้าเถอะ”
ไอรดาถอนหายใจ ฝืนร่างกายให้ลุกมาเปิดประตูด้วยผมเผ้าที่ยุ่งแต่ก็ยิ้มมุมปากแนวเยาะเย้ยให้เขา
“อ้าว..นึกว่าไปแล้ว ยังอยู่หรอกเหรอ คุณแมทธิว”
“ไม่ไปไหนหรอก พูดแค่นั้นคุณยังโกรธ นึกว่าประตูห้องจะพังไปแล้วซะอีก”
“หลงตัวเองชะมัด”
พูดแค่นั้น แล้วหันหลังไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน ทำให้แมทธิวเห็นภายในห้องนอนของเธอ ทุกอย่างถูกออกแบบอย่างดี ทุกอย่างสีขาวสะอาดไปทั้งห้องและมีกลิ่นหอม
“ผมลงไปรอข้างล่างนะ” เขาตะโกนไม่ดังมากเพื่อบอกเธอ
แมทธิวทำอาหารง่ายๆให้ สไตล์อาหารเช้าของฝรั่ง ออมเล็ต เบคอน ไส้กรอก และน้ำส้ม เธอมานั่งที่โต๊ะอาหาร มองทุกอย่างแล้วถามเขา
“ของพวกนี้ฉันไม่ได้ซื้อมา คุณไปซื้อตอนไหน?”
“เมื่อเช้าผมหาพิกัดร้านสะดวกซื้อ เห็นมี 7-11 นอกหมู่บ้าน เลยเดินออกไปไม่ไกลมากแค่สิบนาที”
เธอแอบอมยิ้มแล้วทำหน้าเหมือนไม่สนใจ แต่ก็กินจนหมด
“ปกติเวลาคุณอยู่ที่นี่ ชอบไปไหนหรืออยู่บ้าน?”
“ฉันชอบอยู่บ้าน บางครั้งก็ไปนั่งชิลคนเดียว บาร์ที่ไม่ต้องใหญ่ คนไม่ต้องเยอะ
มีร้านนึงอยู่ไม่ไกลที่นี่มีอาหารด้วย ปิดเที่ยงคืน”
“งั้นวันนี้คุณอยู่บ้าน ผมจะอยู่ด้วย พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว อยากใช้เวลาเท่าที่พอมี
ทำความรู้จักคุณให้มากขึ้นอีกหน่อย”
เธอยักไหล่ จากนั้นขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมาเอาดอกไม้เพื่อขึ้นไปห้องพระ ก่อนจะเอ่ยชวนเขาที่นั่งเปิดโน้ตบุ๊คอยู่ที่ห้องครัวพอดี
“คุณอยากไปห้องพระกับฉันมั้ย?”
“ได้สิ” เขาปิดโน้ตบุ๊คแล้วรีบเดินตามไปทันที
ห้องพระขนาดใหญ่ที่สวยงาม ในห้องมีรูปพ่อแม่ของเธอ รวมถึงอัลบั้มรูปวางตั้งอยู่ แมทธิวนั่งลงกับพื้น มองที่รูปอย่างสนใจ
“คุณสวยเหมือนคุณแม่นะ ไอรดา”
“ขอบคุณ...พวกท่านรักกันมาก ขนาดที่จะไปก็ไปด้วยกัน ไม่ยอมทิ้งกันแม้
วินาทีสุดท้าย”
แมทธิวแอบมองเธอที่หลับตาพนมมือไหว้พระ
ไอรดาคงไม่อยากอ่อนแอจึงเก็บความทรงจำทุกอย่างเอาไว้ในห้องนี้ อาจเพื่อไม่ให้
ตัวเธอเองต้องโศกเศร้าเกินไป
“ครอบครัวคุณมีธุรกิจสินะ ถึงได้ร่ำรวย แต่คุณบอกผมว่าไม่ได้ทำงานอะไร นอกจากรับงานนิดๆหน่อยๆ”
“ฉันขอไม่พูดเรื่องนี้ ขอโทษด้วย”
เขาพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะไหว้รูปพ่อแม่ของเธอ พลางคิดว่า ถ้าพอจะมีโอกาส
ก็ขอให้พ่อแม่ช่วยเขาให้เอาชนะใจเธอได้
พอตอนเที่ยง ไอรดาเกิดเปลี่ยนใจ ชวนเขาขับรถไปเที่ยวปางช้างแล้วกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวและชวนเขาอีกครั้ง เพื่อไปร้านที่เธอพูดถึงเมื่อตอนเช้า
ทั้งคู่ไปที่ Noor Cafe & Restaurant เป็นร้านที่มีโซนแอร์และโซนสวนเล็กๆ แต่
ไอรดาเลือกด้านในเพื่อไม่ให้ยุงกัดเนื่องจากตอนนี้มืดแล้ว
ตอนแรกคิดว่าหนุ่มฝรั่งหน้าตี๋หน้าตาธรรมดา แต่จริงๆก็ดูดีอยู่เหมือนกัน อีกอย่างคือเขาสูงกว่า รูปร่างน่าจะซ่อนรูปเพราะเขาไม่ใช่คนผอมแห้ง….เธอคิดพิจารณาอยู่ในใจ
ทั้งคู่กินไปคุยไปในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากขึ้น แมทธิวรู้สึกว่าเธอเป็นคนเก็บความรู้สึก ระมัดระวังคำพูด เหนืออื่นใดคือเธอสวยและมีเสน่ห์ในสายตาเขา
“พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งคุณที่สนามบินเชียงใหม่แต่เช้านะ คุณเช็คอินออนไลน์ไว้เลยแล้วกัน”
อยู่ๆเขาก็จับมือเธอที่วางบนโต๊ะ
“คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าผมจะขอโทรหาทุกวัน ไม่กี่นาทีก็ได้”
“ก็ได้นะ แต่ถ้าฉันไม่ว่างก็ห้ามมาว่าล่ะ”
เธอดึงมือออก ทว่าในใจนั้นหวั่นไหว
เกือบห้าทุ่ม ที่ทั้งคู่กลับมาที่บ้าน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปห้องของตัวเอง แมทธิวเข้ามากอดเธอจากข้างหลัง
“ทำไมอยู่ๆผมรู้สึกเป็นห่วงคุณมากมายแบบนี้ก็ไม่รู้นะ”
“มีอะไรน่าห่วง? ฉันโตแล้ว ดูแลตัวเองมาตั้งนาน”
เธอส่ายหัวเบาๆ อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นจากอกกว้างของเขา
“คุณก็เป็นผู้ชายที่ดูดีนะ ช่างเอาอกเอาใจ ทำไมเธอถึงไปสนใจคนอื่น หรือฉัน
อาจยังไม่เห็นธาตุแท้ของคุณ”
“ไว้คุณรู้จักผมไปจนกว่าคุณจะแน่ใจ ก็ลองบอกข้อเสียของผมดูก็ได้ ผมมั่นใจว่าทำทุกอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว..ในอดีต”
ไอรดาจับแขนเขาที่กอดเธอออก “ปล่อยเถอะ ฉันง่วงแล้ว ฝันดีนะ”
เธอหันหลังไป โดยที่มือเขาสัมผัสเส้นผมของเธอที่เดินจากไปอย่างเบามือ...
หกโมงเช้า ไอรดาลงไปที่ห้องนั่งเล่น ก็เจอแมทธิวที่นั่งรออยู่แล้ว
“แมทธิว…” เขาลุกขึ้น แล้วลูบผมเธอเบาๆ
“ไปกันเลยมั้ย?”
เธอพยายามทำเป็นไม่คิดอะไร แล้วเดินนำไปที่รถ เมื่อไปถึงสนามบิน ไอรดาจอดรถให้เขาลงที่ประตูทางเข้า เธอตั้งใจจะไม่เข้าไปส่ง แมทธิวเองรู้สึกเสียใจนิดหน่อย
“ขอให้เดินทางโดนสวัสดิภาพ แมทธิว”
เขาพยักหน้า แล้วจับแก้มเธอให้หันมา พลันจู่โจมจูบอย่างรวดเร็ว ไอรดาได้แต่ตกใจ ก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าเขา จน รปภ ต้องเป่านกหวีดเตือนไม่ให้จอดนานเกินไป
“ฉันไปก่อนนะ โดน รปภ ไล่”
พอแมทธิวปิดประตูรถและเอากระเป๋าเดินทางของเขาลงไปแล้ว ไอรดาก็ขับออกไปทันที
เขายืนอยู่กับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ มองดูรถเธอขับออกไปจนพ้นสายตา แล้วส่งข้อความทิ้งไว้ให้เธอว่า ช่วยบอกเขาด้วยถ้าถึงบ้านแล้ว….
ไอรดาทิ้งตัวลงบนเตียง พลางหยิบโทรศัพท์มาอ่านข้อความจากเขา เธอตัดสินใจโทร
หาเพราะพอมีเวลาก่อนที่แมทธิวจะไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้
“วันนี้คุณต้องบินกลับอเมริกาด้วย…safe flight นะ”
“ผมกำลังคิดว่าจะออกจากสนามบินดีมั้ย แต่คุณโทรมาก่อน”
“บ้าไปแล้ว อย่าทำแบบนั้น เสียงานเสียเงินฟรีตั้งเยอะแยะ”
“ไอรดา…ผมขอโอกาสแค่สามเดือน ถ้าคุณรู้สึกว่าไม่ชอบหรือเราเข้ากันไม่ได้ ผมจะเข้าใจและไม่ตอแยคุณอีก”
บ้าบอ…เขากำลังขอคบฉันงั้นเหรอ? สงสัยที่บอกไปจะไม่เข้าใจง่ายๆ
“ฉันยังไม่อยากปิดกั้นตัวเองและอยากได้โอกาสเลือกเหมือนกัน คุณสามารถ
โทรหาฉันก็ได้แบบที่คุณขอ”
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”
เขาวางสายไปแล้วด้วยเสียงที่เธอรู้สึกได้ว่าเขาผิดหวัง…
ไอรดานั่งแปลนิยายจนเกือบเย็นๆ พลางคิดว่าเขาน่าจะขึ้นเครื่องกลับบ้านไปแล้ว ข้อความก็ไม่มี แล้วก็ไม่โทรมาด้วย
ดีแล้วล่ะ…ฉันไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดจะต้องง้อพ่อม่ายหรอก…
เวลาผ่านไปจนกระทั่งวันศุกร์ ไอรดานัดไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เชียงใหม่ แล้วได้รู้จักเพื่อนของเพื่อนคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่ดูเนิร์ดเรียบร้อย ผิวขาว สูงกว่าเธอ
ไม่มากนัก เป็นลูกชายเจ้าของภัตตาคารชื่อดังในเชียงใหม่ ชื่อ บอส ในใจเธอถูกชะตาเขา เพราะนิสัยของไอรดาชอบผู้ชายที่ดูเรียบร้อยเป็นพิเศษ
เธอกลับถึงบ้านเกือบตีสอง แล้วลงรูปที่ถ่ายกับเพื่อนๆในไอจี โดยในรูปฝั่งขวาของเธอมีบอสยืนอยู่ข้างๆเธอ จากนั้นเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการธุระส่วนตัว แล้วออกมาเปิดคอมนั่งทำงานต่อพร้อมกับเปิดเพลงเบาๆ
มีสายโทรเข้ามา… ทำเอาเธอแอบใจเต้นแรงเสียแบบนั้น
“ฮัลโหล”
“สวัสดีอาย ยังไม่นอนเหรอ? ดึกแล้วนะ”
“ใช่ กำลังนั่งทำงานนิดนึง สักพักว่าจะนอน”
เขาเงียบนิดนึง ตอนนั้นเองที่เธอเห็นว่า เขากดไลค์โพสต์ในไอจีภาพที่เธอพึ่งไปเที่ยว
“พอดีผมพึ่งออกมากินมื้อเที่ยง งานเยอะน่ะ”
ในเมื่อเธอไม่ถาม เขาเลยบอกเอง
“ก็…อย่าทำงานหักโหมจนไม่ดูแลสุขภาพล่ะ”
“คุณด้วยไอรดา เที่ยวจนนอนดึก ไม่ดีต่อสุขภาพ”
นี่เขาย้อนฉันหรือยังไงกัน….
“นานๆทีจะเป็นอะไรไปล่ะ ฉันไม่ได้เจอเพื่อนบ่อย”
“พรุ่งนี้จะไปไหนมั้ย อาย?”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันอยากทำงานนิดนึงก่อนจะไปนอน คุณมีอะไรอีกมั้ย?”
“ไม่รบกวนคุณแล้ว ฝันดีล่วงหน้านะ”
ไอรดารู้สึกไม่พอใจที่เขาไม่โทรหาเธอเมื่อถึงกรุงเทพหรือลงเครื่องที่อเมริกา แถม
หายเงียบไปอีกสองวัน พอโทรมาก็ไม่พยายามอธิบายอะไรอีกต่างหาก
แต่แล้วก็มีข้อความหนึ่งเข้ามาทางไอจีของเธอ ซึ่งก็คือ บอส เพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกัน
เขาชวนเธอไปกินมื้อเที่ยงพรุ่งนี้ ซึ่งเธอไม่ปฏิเสธ
11.30 ไอรดานัดเจอกับบอสที่ ร้านอาหารแห่งหนึ่งนอกเมือง เขาดูเรียบร้อยออกไปทางนุ่มนิ่ม จนเธอคิดว่าเขาไม่ใช่ชายแท้ในตอนแรก แต่พอได้คุยกัน เขาคุยเก่งมาก
ทั้งคู่คุยเรื่องสัพเพเหระจนถึงเรื่องครอบครัวเธอและเขานิดหน่อย สักพักแมทธิวโทร
เข้ามา เธอไม่รับสาย แต่เลือกส่งข้อความกลับไปว่าจะโทรกลับ
เป็นฝ่ายรอบ้างเถอะ…มือไวแล้วยังขโมยจูบอีก…
“อายจะกลับกรุงเทพวันจันทร์ใช่มั้ย เราอยากไปส่งเธอที่สนามบิน”
“ไม่เป็นไร รบกวนเปล่าๆ บินแต่เช้าเลย”
“พรุ่งนี้ไปดูหนังกันมั้ย” เขาถามอย่างอายๆ
“ไม่ล่ะ อีกอย่างวันอาทิตย์วันครอบครัว บอสควรใช้เวลากับพ่อแม่เยอะๆนะ เสียดายที่อายไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
เขายิ้มให้ก่อนจะเปิดประตูรถและปิดให้เธอ พร้อมโบกมือให้ ไอรดายิ้มให้กับท่าทาง ของเขาที่เหมือนเด็ก
บอสดูนิสัยดี แต่ไม่น่าเป็นคนที่เอาเธออยู่ ถึงแม้พื้นเพจะดีแต่อยู่ด้วยแล้วอาจจะเบื่อ
เข้าสักวัน
พอถึงบ้านเธอนึกได้ว่าบอกแมทธิวว่าจะโทรกลับ แต่เมื่อดูเวลาแล้วน่าจะเกือบตีหนึ่งของซานฟรานซิสโก ชั่งใจอยู่พักหนึ่งก็โทรหาเขาจนได้ ซึ่ง…แมทธิวรับสายอย่างเร็ว
“ทำใจแล้วว่าคุณจะลืม ดีใจนะที่โทรมา”
“ก่อนอื่น…ฉันอยากต่อว่าคุณ ที่มาจับมือหลายรอบ จูบไปสองครั้ง แล้วมาทำ
เป็นเงียบไปสองสามวัน แย่ที่สุด”
ไม่รู้ว่าในใจเธอเกิดงี่เง่าอะไรขึ้นมา อยู่ๆอยากจะวีนเขา
แมทธิวที่ได้ยินแบบนั้นก็อมยิ้ม ก่อนจะตอบไปยังสาวสวยที่ทำเสียงเหวี่ยงวีนที่ปลายสายนั้น
“ผมยอมรับทุกอย่าง อยากให้ทำอะไรเพื่อให้คุณสบายใจหรืออยากให้บินไปหาก็ได้”
ไอรดาเงียบไปพักหนึ่ง เธอเริ่มรู้สึกดีที่เขาง้อ
“วันนี้ฉันไปเดทมาล่ะ ไปกินข้าวกับผู้ชายที่เพื่อนแนะนำให้รู้จัก คนที่อยู่ในภาพ
ที่คุณกดไลค์เมื่อคืน”
“เป็นไงบ้าง เดทกับเขา”
“อืมม..เขาเรียบร้อย พูดเก่งดี แต่ก็คุยเรื่องทั่วๆไป ดูเป็นผู้ชายบอบบาง คุณต้องเห็นตอนเขายืนโบกมือให้ฉันตอนจะขับรถกลับบ้าน เหมือนเด็กที่โบกมือให้แม่ตอนไปส่งที่โรงเรียนตอนเช้า”
แมทธิวหัวเราะเบาๆในลำคอ เสียงเขาทุ้มดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี
“อาย…คุณบอกว่าอยากมีโอกาสเลือก ก่อนนี้คุณบอกอยู่คนเดียวได้ ไม่เปิดใจ สรุปยังไง?”
“แล้วคุณจะทำไมล่ะ? ฉันอายุแค่นี้ รู้จักคนได้อีกเยอะ”
“ขอเปิดกล้องคุยได้มั้ย?”
“หืออ อยากโชว์อะไรให้ฉันดูหรือไง?” ไอรดาพูดเองขำเอง
พอเขากดโทรมาแบบเปิดกล้อง เป็นเธอฝ่ายเดียวที่ได้เห็นเขา
“เอ้า อาย ทำไมไม่ให้ผมเห็นคุณสักหน่อย”
แมทธิวยิ้มน้อยๆ ยื่นหน้ามาที่กล้อง “อย่าใจร้ายนักเลย”
ไอรดาแอบอมยิ้ม เธออยากยั่วเขาให้ง้อ เหมือนมันคือเกมที่สนุก
แมทธิวกลับมาพร้อมกับข่าวดีที่จะทำให้ภรรยาของเขาได้สบายใจ จากที่เธอกังวลมาตลอดเก้าเดือนเต็ม เขายื่นโทรศัพท์ให้ไอรดาเพื่อให้แจ้งข่าวนี้ไปถึงคนที่เขาเกลียดที่สุด“ผมดูแลลูกเอง คุณพักก่อนเถอะ แล้วบอกพวกเขาซะ จะได้ขาดกันเสียที”ไอรดารับโทรศัพท์มาพร้อมกับยิ้มอย่างโล่งอก พลางเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อสูดอากาศที่สดชื่นเป็นพิเศษสายเข้าจากไอรดา ทำให้เจตสุวีย์ที่กำลังกินมื้อเย็นอย่างหดหู่กลับตื่นเต้นขึ้นมาจนต้องขอตัวจากโต๊ะอาหารขึ้นไปคุยที่ห้องส่วนตัวที่ชั้นสอง “พี่คิดถึงหนูมาก เฝ้ารอว่าหนูจะโทรกลับหรือส่งข้อความมาสักนิดก็ยังดี” “เปิดกล้องหน่อยดีมั้ยคะ เพราะมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราอาจจะได้คุยกัน” พื้นที่ใต้เท้าเขาเหมือนมันถล่มดูดกลืนร่างของเขาให้จมลงในธรณีนี่จะเป็นการคุยผ่านวีดีโอคอลครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเขาแบบนั้นสินะ..“พี่ขอโทษทุกอย่างที่ทำลงไป..ใจพี่เป็นของหนูไปแล้วตั้งแต่แรกที่ได้เจอเด็กสาวคนนั้นที่บ้านที่เชียงใหม่ สุดท้าย..พี่พยายามทำทุกอย่างให้หนูเป็นของพี่ แต่จริงๆแล้วพี่ต่างหากที่เป็นของหนู”ไอรดาเห็นเขาที่ดูหน้าตอบลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาเขาเศร้าหมองและใต้ตาคล้ำ ต่างกับหนุ่มเ
เจตสุวีย์อัพเดทเรื่องของไอรดาผ่านน้องสาวอยู่ตลอด ตอนนี้เธอตั้งครรภ์เข้าเดือนที่สอง แล้ว เขาเริ่มเข้าข้างโอกาสสุดท้ายของตัวเองว่าเด็กในท้องต้องเป็นลูกของเขา แต่ทว่าช่วงนี้ เขาเริ่มเจอปัญหาในโรงงานที่พึ่งจะก่อตั้งและลงทุนไปเยอะมาก เงินที่ขายหุ้นไปได้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของที่ลงทุนไปเท่านั้น เจตสุวีย์ได้ยินเรื่องการดีลและซื้อขายวัตถุดิบที่เหมือนกับที่เขาใช้ในโรงงานไปเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศและแถบอาเซียน มีการวิ่งเสนอราคาให้ลูกค้าทั้งต่อหน้าและตัดราคาลับหลัง โดยบริษัทหนึ่งที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาสงสัยนั้นจะตรงกับที่เคยเห็นครอบครัวที่มากับไอรดาหรือไม่ เธอไปรู้จักคนพวกนั้นได้ยังไง? พวกเขาเป็นใครกันแน่? เขาสั่งให้เลขานุการไปหาข้อมูลจาก ชื่อและนามสกุลของหุ้นส่วนใหญ่คนใหม่ของไอรดา และแล้วเจตสุวีย์ก็ได้เห็นว่า สามีของผู้หญิงที่ชื่ออุษา คือ แพทริค แอรอน สมิธ ครอบครัวนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งระดับ Billionaire เบอร์ต้นของแคลิฟอร์เนีย ธุรกิจในมือของแพทริคมีมากกว่า 20 แบรนด์อยู่ในมือ หลายหลายธุรกิจทั้งขาวและเทา กระจายอยู่ในยุโรปและอเมริกา บริษัท Startup ในซิลิค
จูนมองหน้าพี่ชายด้วยความผิดหวังอย่างที่สุด ก่อนจะมองตามหลังเพื่อนสนิทที่เดินออกไป“พี่โจใช้คนตามพวกเขาเหรอ? ที่มันเข้าข่ายคุกคามนะ แล้วเรื่องบริษัท จูนพึ่งรู้ว่าพี่จะทิ้งบริษัทไป แล้วเอาแต่เงินทุนออกเพื่อเอาตัวรอด ป๊ายกให้พี่โจตอนไหน? ทำไมจูนไม่รู้เรื่อง? แล้วป๊ากับม๊ารู้หรือยังว่าพี่โจถอนหุ้นทิ้งอายเอาไว้คนเดียว”เจตสุวีย์เหลือบตามองน้องสาวจอมดื้อของตัวเองที่ตั้งคำถามรัวไปหมด พลางถอนหายใจ“ก็ไม่ได้อยากทำหรอก พี่เสนอทางเลือกให้ก็ไม่เอา ยังจะไปกับไอ้นั่นอีก”“พี่โจ..ฟังนะ พวกเขาจดทะเบียนสมรสที่อเมริกาไปแล้ว พี่อยากเป็นชู้รึไง? บ้าจริง ปล่อยเพื่อนจูนไปเถอะ พอได้แล้ว”“จดหลังจากเป็นเมียพี่แล้ว ไม่ตลกไปหน่อยเหรอ อยากประชดพี่เรื่องเมียเก่าไอ้นั่นมั้ง”“พวกเขารักกันจริงๆไม่ได้ประชดพี่ เชื่อจูนสิ”“ว่าแต่เราเถอะ อย่าให้พี่เห็นหน้ามันอีกแล้วกัน ผู้ชายมีตั้งเยอะตั้งแยะ”“นั่นสิพี่โจ ผู้หญิงก็มีตั้งเยอะตั้งแยะเหมือนกัน”เจตสุวีย์เมินใส่น้องสาวที่พูดประชดประชัน เขาสั่งเช็คบิลแทน แล้วให้ลูกน้องพาไปที่บาร์ของเขาต่อ ส่วนจูนนั้นแยกไปหาแฟนหนุ่มแทนเพราะสงสารที่โดนพี่ชายเธอไล่วันต่อมาไอรดากับแมทธิวไปท
ทั้งสี่คนเมื่อถึงที่บ้านที่เชียงใหม่ ป้ารินที่รออยู่ก็ยิ้มแป้น โดยที่เด็กน้อยรีบโผเข้าไปกอด“หนูกลับมาแล้วววว คุณป้าขา”ทำเอาคุณย่าของเธอทำหน้าสลดลงนิดหน่อย ส่วนแมทธิวอาสาเอากระเป๋าของทุกคนไปเก็บ “แมทธิว ให้คุณย่านอนกับวีวี่นะ ให้พวกเขาได้คุ้นเคยกันอีกหน่อยเพราะเวลามีไม่มาก”ไอรดารีบเอ่ยปากชวนคุณย่าคุยต่อที่ห้องรับแขก ส่วนป้ารินออกไปข้างนอกกับวีวี่ที่จับจักรยานสีชมพูไปปั่นรอบๆบ้าน “ท่าทางคุณย่าเสียใจนะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าได้คลุกคลีหรือพบเจอกันบ่อยๆ เธอคงคุ้นเคยไปเอง แกยังเด็กรับอะไรได้ง่ายกว่าถ้าโตแล้ว”“เด็กวัยรุ่นมันไม่รู้จักโตกัน พอท้องมาก็รับผิดชอบไม่ไหว แต่งงานมัดมือกันไปหม้อข้าวไม่ทันดำก็เลิก ทางนู้นไม่ให้มาเจอจะเอาแต่เงิน ทางนี้ส่งเงินให้ก็ไม่ได้มาก ทุกคนก็ช่วยๆกันเพราะลูกชายก็เรียนอยู่ตอนนั้น มารู้อีกทีแม่เด็กตัดขาดบอกไม่ต้องยุ่งเพราะแต่งงานมีผัวใหม่จะไปได้ดิบได้ดีที่ต่างประเทศ”“เอ่อ…แฟนหนู คือ สามีเก่าของเธอเอง แต่เขารักหลานของคุณย่าเหมือนลูกแท้ๆ หนูไม่รู้จะทำไง เขารักใครหนูก็รักด้วย”คุณย่าถึงกับมึนในความสัมพันธ์แปลกๆที่ยุ่งเยิงไปหมด “เลิกกันนานหรือยังก่อนมาเจอหนูน่ะ”
ขณะอยู่ในรถหลังจากมื้อเที่ยงเสร็จสิ้นลง และทั้งคู่กำลังไปโรงพยาบาลอยู่นั้น ก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาไอรดา“ดี…คุณเป็นพ่อที่ดีมาก มันต้องแบบนี้สิ แล้ววันที่ไปน่ะ ซื้อของไปเยอะๆ เข้าใจมั้ย ให้ภรรยาเก่าประหลาดใจไปเลย เข้าใจหรือยัง? แล้วฉันจะไปรับที่บ้านคุณ ส่งโลเคชั่นทิ้งไว้ในไลน์ให้ฉันด้วยแล้วกัน”พอวางสาย ไอรดารีบโอนเงินไปห้าหมื่น แล้วส่งสลิปให้ปลายทางเพื่อยืนยันการโอน “พรุ่งนี้เราต้องบินแต่เช้านะ ไปขอนแก่น” แมทธิวที่ขับรถอยู่ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก “เอ้า ไม่ต้องงง ขับรถดีๆ เดี๋ยวรถก็ชนหรอก”“ที่รัก แล้วคุณคุยกับใครเมื่อกี้? พอวางสายก็บอกไปขอนแก่น”“พ่อของยัยเด็กดื้อน่ะสิ ใช้เขาให้ไปเอาเด็กมา แกล้งบอกว่าบ้านนั้นอยากอยู่กับหลานบ้าง ตอนแรกภรรยาเก่าคุณก็อิดออด แต่ฉันวางแผนไว้แล้วว่า ให้เขาแกล้งเสนอจะเอาเงินให้กานต์วิภาไปสองหมื่น เธอเลยตกลงง่ายหน่อย ส่วนเขา..ฉันให้สามหมื่นไปใช้เล่นๆ” “เสียเงินอีกแล้วที่รัก ไม่ดีเลยแบบนี้”แมทธิวพูดเสียงอ่อยๆ เขาก็มีส่วนที่ทำให้เธอต้องเสียเงินติดสินบนคนพวกนี้“คุณจองตั๋วด้วยแล้วกัน เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า hubby”ไอรดาเอาศีรษะมาซบไหล่เขาอ้อนๆ แค่นี้เขาก็ลืมอะ
แมทธิวเฝ้าดูแลไอรดาให้กินยาจนหลับไป แล้วเอาโน้ตบุ๊คคู่ใจขึ้นมาทำงานบนเตียง เขาแอบปรึกษาพ่อแม่และอากงอาม่าถึงสิ่งที่ไอรดากำลังประสบปัญหาอยู่ในแชทกลุ่มครอบครัว ซึ่งทุกคนพร้อมจะเสี่ยงกับเขา แต่ไปๆมาๆ เขามองว่า มันต้องใช้เงินเยอะมากและทุกคนไม่มีความรู้เกี่ยวกับคาร์บอนเชิงกล กราไฟต์ หรือมอเตอร์อะไรต่างๆ จนกระทั่งเขาได้พิมพ์ชื่อโรงงานนี้ในกูเกิ้ล ได้เห็นความสำเร็จมากมาย มีลูกค้าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ก่อนจะเริ่มอ่านข้อมูลต่างๆอย่างละเอียด เขาเริ่มใช้ความรู้เกี่ยวกับการเป็น Developer ทำแผนงานขึ้นมาและสร้าง Presentation คร่าวๆ เพื่อเสนอให้ใครบางคนที่มีหัวธุรกิจ ร่ำรวยและกล้าได้กล้าเสียมากพอ เขากดส่งทั้งหมดพร้อมกับภาวนาให้คุณพ่อคุณแม่ของไอรดาได้ช่วยเขาอีกครั้ง เหมือนตอนที่เขาขอเพื่อจะได้รักเธอขอให้สำเร็จกับสิ่งที่ผมอยากกอบกู้มันขึ้นมาเพื่อช่วยเธอ..ได้โปรด..Kensington,London Englandแพทริคที่กำลังทานมื้อเย็นกับภรรยาและลูกสาว เห็นแจ้งเตือนมีเมลเข้ามาจากในโทรศัพท์ “ขนาดอยู่ไทย ดึกแล้วยังขยันทำงาน”อุษาที่กำลังอุ้มอลิชาเพื่อป้อนข้าวอยู่นั้น เธอแค่ฟังแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ แพทริคทำสีหน้าสนใจอะ