เธอคือผู้หญิงธรรมดาที่มีสถานะไม่ต่างจากคนรับใช้ของผู้หญิงที่เขาควงอยู่ด้วย และในสายตาของเธอ เขาก็เป็นแค่ผู้ชายที่ใช้เงินซื้อผู้หญิง ใครจะคิดว่าวันหนึ่งเธอจะกลายเป็นผู้หญิงคนนั้น คนที่เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้ตัวเธอมา นิยายเรื่องนี้ เขียนไว้เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วแล้วนะคะ หากมีอะไรที่รู้สึกว่าเชย (เช่น ทำไมพระนางไม่แลกไลน์กัน ๕๕) ก็คือตามนั้นล่ะจ้ะ ไรต์ขออนุญาตไม่แก้ไขในบริบท ขอบคุณสำหรับการติดตามจ้
View Moreเวลาล่วงเข้าไปเกือบตีสอง นีออนหลากสียังสว่างไสวทั่วเมืองหลวงของประเทศไทย
ณ ห้องพักชั้นบนสุดของโรงแรมเครือดังระดับโลก ภายในห้องชุดกว้างขวางหรูหราและเย็นฉ่ำ นาตาเลีย นางแบบสาวชาวรัสเซียกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลัเอนหลังกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนโซฟาเนื้อนุ่มกลางห้องชุดหรู
ร่างนั้นสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตรตามแบบชายตะวันตก งดงามด้วยมัดกล้ามที่ผ่านการเพาะปั้นมาอย่างตั้งใจ ไร้ไขมันส่วนเกินให้ระคายตา เรือนกายแกร่งที่ชวนให้น้ำลายหกกำลังเปลือยเปล่าอย่างไม่กลัวหนาว เขาเงยหน้าไปด้านหลังน้อย ๆ อย่างคนที่ผ่อนคลายกับสัมผัสที่นางแบบสาวกำลังปรนเปรอให้
“ไหวไหม แนต”
เลออง เดอ วีแลล หรี่ดวงตาสีฟ้ามองเธอและสัพยอกด้วยน้ำเสียงขาดห้วงแกมขบขัน เมื่อเห็นว่าเธอพยายามสวาปามหอกร้อนแก่นกลางกายของเขาเข้าไปให้หมดในคราวเดียวทั้งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ความใหญ่โตที่ธรรมชาติประทานมาให้อาจชวนให้หญิงสาวทุกรายตาโตอย่างตื่นตะลึง บางคนที่อ่อนประสบการณ์สักหน่อยอาจจะชะงักอย่างลังเล แต่ถ้ามีประสบการณ์มาแล้วโชกโชนอย่างนาตาเลีย เธอสู้ตายและดูท่าจะลุ่มหลงมันมากเสียด้วย
“ไหวสิคะ...อย่าได้คิดจะให้ฉันหยุดตอนนี้เชียวนะ”
นางแบบสาวพึมพำตอบเสียงอู้อี้ เธอไม่มีวันเบื่อกับความใหญ่โตของปีศาจร้ายตนนี้ โดยเฉพาะในยามที่มันเกรี้ยวกราด พองโต และพ่นพิษใส่อย่างดุดัน เธอชอบที่จะใช้เวลากับมันนาน ๆ และอยากได้ยินเสียงครางกระหึ่มสุดเซ็กซี่ของชายหนุ่มในยามที่เธอปรนเปรออย่างสุดฝีมือด้วยมือนุ่มและเรียวลิ้น
“แนต...พอก่อน"
เลอองออกคำสั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ นางแบบสาวเงยหน้าช้อนตามองอีกครั้งอย่างเสียดาย แต่นัยน์ตาขุ่นมัวด้วยแรงอารมณ์ของชายหนุ่มกำลังบอกให้เธอทำมากกว่านั้น นาตาเลียจึงยืนขึ้นอย่างเชื่องช้าและเต็มไปด้วยจริตที่ถูกฝึก ร่างเปลือยเปล่าของเธอก้าวขึ้นคร่อมร่างใหญ่ที่เอนหงายรออยู่ เธอรู้เสมอว่าต้องทำอย่างไรจึงจะถูกใจเขา...
“ไอ แอม ยัวร์ จ๊อกกี้”
นางแบบสาวเอ่ยเซ็กซี่ ก่อนจัดแจงให้ความแข็งแกร่งสอดแทรกเข้าไปและเริ่มแสดงบทบาทนักขี่ม้าแข่งอย่างที่เธอบอกเขาเมื่อครู่ เลอองพึมพำคำชมเป็นภาษาฝรั่งเศสเหมือนทุกครั้งที่อารมณ์เขาล้นปรี่ เขาไม่ปล่อยให้หญิงสาวควบคุมจังหวะรักโดยลำพัง หากเร่งเร้าตอบสนองอย่างไม่ยอมแพ้ มือยึดกุมสะโพกเนียนแน่นเอาไว้และเขยื้อนกายสวนทางกับจังหวะที่กระแทกกระทั้นลงมา นาตาเลียครวญครางไม่เป็นภาษา...เสียงงึมงำกลายเป็นครางกระเส่า หอบสะท้าน ความเสียวซ่านเสียดแทงไปทั่วทุกขุมขนจนนางแบบสาวแทบจะร้องขอให้เขาคร่าให้เธอพ้นไปจากความทรมานอันนี้...เล็บแหลมของนาตาลีจิกไหล่กว้างแข็งแกร่งของเลอองจนเลือดซิบแต่ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้าน นาตาลีบ้าคลั่งเท่าไรเขาก็โต้ตอบรุนแรงมากเท่านั้น...
เสียงกรีดร้องโหยหวนของเธอชวนให้คนที่ได้ยินคิดว่าในห้องนี้กำลังมีมหกรรมทรมานร่างกายกันอย่างโหดร้าย...โชคดีที่เป็นห้องเก็บเสียง นาตาลีจึงกรีดเสียงของเธอได้เต็มที่และเธอก็ชอบมันเสียด้วย ความแข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยความเป็นชายชาตรีของเลอองแทบจะทำให้ขาดใจตายได้ทุกขณะ แต่นอกจากจะไม่เกรงกลัว นาตาเลียยังเดินหน้าต่อสู้กับมัน โขกขย่มอย่างรุนแรงยิ่งกว่าจ๊อกกี้ที่ใกล้จะถึงเส้นชัย...
“อ๊า...”
นาตาเลียร้องไม่ได้ศัพท์ออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาพร่างพรายเหมือนมีดาวนับร้อยมาระเบิดตัวอยู่ตรงหน้า...ก่อนจะฟุบหน้าอย่างหมดแรงลงกับแผงอกกว้างที่แน่นแข็งเหมือนกำแพงหิน
เลอองลูบเรือนผมสีทองนั้นเบาๆ และให้โอกาสเธอได้พักหายใจหายคอแต่ความปรารถนาที่เร่าร้อนของเขาไม่อาจรอได้นานกว่านั้น
“ตาผมบ้างล่ะ”
เลอองกระซิบ ก่อนจับขาเรียวยาวของนางแบบสาวให้เกี่ยวกับเอวของเขา ลุกขึ้นยืนและอุ้มเธอกลับไปที่ห้องนอนเล็กที่ไม่ใช่ห้องนอนส่วนตัว แต่เป็นห้องที่ถูกจัดสรรไว้เพื่อรองรับผู้หญิงของเขาโดยเฉพาะ นาตาเลียซบหน้ากับไหล่กว้าง เล็บจิกแผ่นหลังขาวสะอาดของชายหนุ่มเพื่อช่วยผ่อนปรนประสาทสัมผัสที่พุ่งแหลมในทุกจังหวะที่เขาย่างเท้า...
เขาวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล นาตาเลียสีหน้าเหยเกด้วยความซ่านสยิว สองมือจิกขยุ้มผ้าปูเตียงเนื้อนุ่มลื่น เรือนกายผอมบางบิดเร้าและแอ่นรับตอบสนองสัมผัสของชายหนุ่ม จากจังหวะรักเนิบช้าค่อยกลายเป็นร้อนขึ้น แรงขึ้น เลอองขู่คำราม นาตาเลียก็เกรี้ยวกราดใส่เหมือนทั้งคู่จะโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน บางจังหวะที่เธอพ่นถ้อยคำเผ็ดร้อนท้าทายและเขาก็กำราบเธอด้วยการจ้วงแทงท่อนหอกร้อนผ่าวเข้าใส่...สนามรบระหว่างหนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศสกับสาวรัสเซียดำเนินไปอย่างเร่าร้อนจนผ้าปูที่นอนแทบจะติดไฟได้ แม้บางขณะหญิงสาวร้องขอชีวิตเพราะแทบจะขาดใจตายไปเสียจริงๆ แต่นักรบนักล่าอย่างเลอองก็ไม่มียับยั้งลังเล...
นาตาเลียกัดริมฝีปากจนห้อเลือดและส่ายหน้าจนผมสีทองแผ่กระจาย ยกสะโพกขึ้นต่อสู้กับเขาอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เสียงแหบห้าวจะคำรามขึ้นสอดประสานกับเสียงกรีดร้องเล็กแหลมของนาตาเลีย...เปลวเพลิงที่โหมกระพือค่อยๆ ริบหรี่จนเหลือแต่เพียงเสียงหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยแต่ทะลักล้นด้วยความสุข...
“คุณไม่เปลี่ยนเลยนะคะเลออง ไม่รู้เอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน”
นาตาเลียเย้าทั้งที่น้ำเสียงยังหอบเหนื่อย
“ผมขอโทษถ้ารุนแรงกับคุณเกินไป...”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ฉันชอบ”
ชายหนุ่มเอื้อมมือลูบเรือนผมนุ่มลื่นสีบลอนด์ของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“พรุ่งนี้คุณจะไปทำงานต่อไหวหรือ”
“ถ่ายงานเสร็จหมดแล้วล่ะค่ะ พรุ่งนี้ก็กลับบ้าน...”
นาตาเลียหมายถึงกรุงมอสโคว์ที่เป็นบ้านเกิดของตัวเอง เมื่อพูดถึงบ้าน หญิงสาวชั่งใจอยู่ครู่ก่อนจะพลิกตัวมากอดชายหนุ่มไว้หลวม ๆ และเอ่ยถามเบา ๆ อย่างไม่แน่ใจนัก
“เอ่อ...เลอองคะ คุณอยากไปเที่ยวบ้านฉันบ้างมั้ย”
“หมายถึงไปเที่ยวรัสเซียน่ะหรือ”
“หมายถึง...บ้านของฉันน่ะค่ะ"
ถามออกไปก็กลั้นหายใจ แล้วก็รู้สึกว่าพลาดไปจริง ๆ เมื่อเลอองค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น
“ผมมีงานต้องทำ คุณหลับพักผ่อนได้ตามสบายเลยนะครับ”
“เลอองคะ ฉัน...ฉันขอโทษ”
“ช่วงนี้พี่อั๋นก็งานยุ่งมากเลยสินะคะ”“ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วลิลล่ะ เป็นยังไงบ้าง”“ลิลก็เรื่อย ๆ ค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำดู”“ฮ้า...จริงหรือเปล่า หมายถึงงานใหม่หรือ” “ยังไม่แน่ใจค่ะ พี่อั๋นอย่าเพิ่งบอกใครนะคะ ห้ามเด็ดขาดเลย”“ได้สิ เรื่องของลิล พี่ไม่บอกใครหรอก”แววตาคมจ้องมองมาตรง ๆ และค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น ตอนแรกหญิงสาวก็ยิ้มขอบคุณแต่วินาทีต่อมาเริ่มสัมผัสได้ว่าอรรณพมองเธอด้วยสายตาวาววามแปลก ๆ“ลิล สุดสัปดาห์นี้พอจะว่างบ้างมั้ย พวกพี่กับเพื่อนจะไปปาร์ตี้วันเกิดกันที่หัวหิน แต่พี่ไม่อยากไปคนเดียว กำลังหาเพื่อนไปด้วย”ลลิลอึกอัก ไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไร“อย่าคิดมากนะ พี่แค่หาคนไปด้วยจะได้ไม่เหงา พวกเพื่อน ๆ มันก็ควงแฟนกันไปหมด พี่ยังไม่มีใคร ไปคนเดียวก็ตะหงิด ๆ เราจะอยู่ในงานกันสักพักก็ได้ แล้วถ้าลิลอยากไปเที่ยวหรือไปกินอะไรเป็นพิเศษ พี่ค่อยพาไป...”อรรณพมองลลิลอย่างคาดหวัง จะว่าไปเขาก็เลียบเคียงหญิงสาวมานานแล้วแต่เธอไม่เคยรู้ตัว เห็นทีหนนี้ต้องแสดงออกไปให้ชัด ๆ จะได้รู้ว่าเขาสนใจเธอ“คือว่าลิล...”“อ้าว! คุณ...มาอยู่นี่นี่เอง คุณดาด้าเขาตามหาคุณอยู่น่ะ”เสียงดังทร
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”“ไม่คิด แต่ก็ทำอยู่”“แต่ผู้หญิงทุกคนรวมถึงคุณเมลิสา ต่างก็คบกับผมโดยที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีใครเอาเปรียบใคร มันเป็นข้อตกลงของเราสองคน”“คุณพูดเหมือนไม่เคยรักใคร เพราะถ้าคุณรักใครคุณก็คงจะเข้าใจว่าทำไมฉันบอกว่าคุณใจร้าย”เลอองหัวเราะอีก“ความรักน่ะหรือ...ไร้สาระน่า คุณนี่ไร้เดียงสากว่าที่ผมคิดอีกนะ”“ความรักเป็นเรื่องไร้สาระงั้นหรือคะ”“ก็ไม่เชิง...แค่ผมไม่สนใจ”ลลิลแสร้งถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มองเขาเหมือนเห็นใจอย่างสุดซึ้ง“ฉันสงสารผู้หญิงของคุณจังเลย ที่ต้องคบหากับผู้ชายที่ไม่รู้จักความรัก เพราะผู้หญิงพวกนั้นก็คงจะไม่มีวันได้รับความรักจากคนอย่างคุณ”เลอองยังยิ้ม แต่แววตากระด้างขึ้น เขาชะโงกหน้ามากระซิบ“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่คบหากับผมเขาต้องการความรัก...สิ่งที่ผมให้กับพวกเธอเหล่านั้นมันสำคัญแล้วก็...เร้าใจ...ยิ่งกว่าความรักเสียอีก ถ้าพูดขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เข้าใจ ไว้สักวันผมจะสาธิตให้ดูเอาไหมล่ะว่าอะไรที่มันน่าสนใจกว่าความรักเพ้อ ๆ ที่คุณว่ามานั่น”ลลิลอึ้ง เขาจงใจกวาดสายตามองเธอเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปในเนื้อผ้า“ทุเรศ น่ารังเกียจ!”“ไม่เคยมีใครบอกว่
ลลิลเกริ่นเรื่องหางานใหม่กับมาลินี...และดูว่าแม่ของเมลิสาจะยินดีกับข่าวนี้เป็นอันมากเพราะคิดแล้วว่าผู้ช่วยคนใหม่ อย่างไรก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้ถูกกว่าที่จ่ายให้ลลิลแน่ ๆ“ไว้แกรอให้ฉันหาคนใหม่มาให้ลูกเมได้ก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยลาออกไป...”“ได้ค่ะคุณมาลินี”“ว่าแต่แกจะไปทำมาหากินอะไร มีงานใหม่ที่ไหนแล้วหรือ”“ยังหรอกค่ะ...ไว้คุณมากับคุณเมหาคนใหม่ได้แล้ว ลิลค่อยมองหางานใหม่ก็แล้วกันค่ะ”“ก็ดี...”มาลินีตอบสั้น ๆ ระยะเวลายาวนานที่หญิงสาวคนนี่้รับใช้ครอบครัวของเธอมาไม่ได้ทำให้เกิดความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ลลิลนึกน้อยใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าดีแค่ไหนแล้วที่คิดจะออกจากบ้านหลังนี้ เพราะคงไม่มีใครนึกเห็นคุณค่าในตัวเธอขึ้นมาได้แม้จะอยู่ไปจนตายก็ตามแม้แต่เมลิสาเมื่อได้ทราบว่าลลิลอาจจะลาออกในไม่ช้า ก็ยังไม่แม้แต่พูดจารั้งไว้ เพราะเธอกำลังคลั่งไคล้ใหลหลงอยู่กับเลอองจนไม่สนใจเรื่องอื่น...ชีวิตของผู้หญิงอย่างลลิลนี่มันช่างต่ำต้อยจนหาคนมาใยดีไม่ได้เลยจริง ๆ...* * * * *นิตยสารรับสมัครงานเล่มโตถูกกางเต็มโต๊ะเล็ก ๆ ในร้านกาแฟหอมกรุ่นแห่งนั้น ลลิลกำลังนั่งเปิดพลิกทีละหน้าอย่างพินิจพิ
“ดูคุณยังเป็นกังวลนะ เลออง”โรเบิร์ตเอ่ยเสียงเรียบหลังจากสังเกตเห็นว่าตั้งแต่กลับเข้าห้องพักมาในเวลาเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สลับถอนหายใจหนัก ๆ เป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่า...”“ขอบคุณมากครับลุง เรื่องนั้นผมวางใจลุงเสมอ”เลอองชิงบอกก่อน“ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทราบหรือไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณกลุ้มอกกลุ้มใจมากขนาดนี้”“มัน...ชัดเจนมากเลยหรือครับ”“พอสมควร”เลขาฯ วัยหกสิบเลื่อนสมุดปกหนังไปอีกทาง และประสานมือใต้คาง เป็นกริยาที่เขามักทำเวลาจะตั้งใจรับฟังเรื่องที่สำคัญของเลอองท่าทางแบบนี้ทำให้เลอองไว้ใจโรเบิร์ตมาเสมอ แต่แปลก...ครั้งนี้เขากลับลังเลที่เอ่ย“คือ...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”เลอองเกริ่น ก่อนจะเล่าเรื่องที่ลลิลฉีกเช็คที่เขามอบให้เธอให้โรเบิร์ตฟังคนเป็นเลขาฯ ปล่อยให้เจ้านายเล่าจนจบ นึกแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเลอองเก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาเป็นกังวลแต่ก็ไม่เอ่ยถึงข้อสังเกตนี้ออกไปได้แต่ออกความเห็นอย่างเป็นกลาง“คุณผู้ช่วยคนนั้น เธออาจนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำขอบคุณด้วยวิธีนั้น"“ผมไม่ได้คิดจะดูถูกเธอแม้
วินาทีถัดมานาตาเลียก็ถูกรวบตัวโดยบอดี้การ์ดร่างใหญ่อีกสองคนที่สมทบมาติด ๆ ขวดแก้วในมือเธอร่วงหล่นแตกกระจาย แต่ของเหลวข้างในนั้นถูกสาดออกไปหมดแล้ว“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบถามลลิลที่ยังยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น...ลลิลไม่ทันตอบได้แต่ก้มดูแขนของตัวเองที่เริ่มแสบเป็นรอยแดง...ครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน* * * * *นาตาเลียเอาแต่นั่งร้องไห้เมื่อถึงมือตำรวจ นางแบบสาวสารภาพว่าติดยากล่อมประสาทจนพักหลังทำงานไม่ค่อยได้ทำให้ไม่ค่อยมีงานเข้ามาเหมือนแต่เคย รวมกับอีกหลาย ๆ เรื่องก็ทำให้เธอเครียดจนไม่รู้ว่าทำมันไปได้อย่างไร เธอสารภาพว่าตั้งใจจะเอาน้ำกรดไปสาดใส่ผู้หญิงคนใหม่ของเลออง ก็คือเมลิสาไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่คนที่รับเคราะห์นั้นไปแทนคือผู้ช่วยของเมลิสา...ก็คือลลิล แต่อาจเป็นโชคดีของนาตาเลียก็ได้ เพราะถ้าเมลิสาบาดเจ็บแม้เพียงปลายเส้นผม รับรองว่าเธอคงจะโดนฟ้องชนิดไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลอองพาเมลิสาไปนั่งสงบสติอารมณ์ และคุยกับเธออยู่นาน กว่าจะออกมาบอกว่าเมลิสาและเขาจะไม่แจ้งความ และฝากให้มือขวาอย่างโรเบิร์ตจัดการเรื่องให้จบโดยเงียบ
“นาตาเลีย... ผมไม่คิดว่าจะได้พบคุณอีกที่นี่”คิ้วเข้มของเลออง เดอ วีแลล ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยตอนที่โรเบิร์ตบอกว่านางแบบสาวชาวรัสเซีย อดีตคู่นอนคนล่าสุดของชายหนุ่มมาขอพบเป็นการส่วนตัวเลอองแปลกใจเพราะคิดว่าหญิงสาวกลับบ้านที่รัสเซียหรือไม่ก็กลับไปทำงานที่ฝรั่งเศสต่อเพราะโมเดลลิ่งต้นสังกัดของหญิงสาวอยู่ที่ปารีส แต่ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาเมืองไทยเพื่อตั้งใจมาหาเขาแบบนี้นาตาเลียยิ้มหวาน แว่นตากันแดดอำพรางอยู่เกือบครึ่งใบหน้า เธอหวังว่าเขาจะชวนเธอขึ้นไปพบบนห้องพักชั้นพิเศษ...ห้องที่เธอกับเขาเคยมีกิจกรรมที่เร่าร้อนต่อกัน... แต่โรเบิร์ตกลับบอกว่าเลอองสั่งให้เธอมารอที่ห้องอาหารของโรงแรมแล้วเขาจะลงมาหาเอง แม้จะเป็นห้องรับรองแขกระดับวีไอพี...แต่สำหรับคนที่เคยนอนบนเตียงเดียวกับเลออง เดอ วีแลล มาแล้วด้วยซ้ำ การกระทำเช่นนี้ก็บอกได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอเหลือเพียงอะไร“ช่วงนี้ฉันพอจะมีเวลาว่างค่ะ ก็เลยกลับมาพักร้อนที่เมืองไทย ทราบว่าช่วงนี้คุณก็ยังทำงานอยู่ที่นี่ ยังไม่ได้ไปที่อื่น ก็เลย...เอ่อ...อยากแวะมาหา...ฉันคิดถึงคุณค่ะ”&ldquo
Comments