Accueil / รักโบราณ / วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน / ๐๒ วสันต์กาลผันผ่าน ชีวิตใหม่เพิ่งผลิบาน

Share

๐๒ วสันต์กาลผันผ่าน ชีวิตใหม่เพิ่งผลิบาน

last update Dernière mise à jour: 2025-06-03 22:53:59

ยามอรุณเบิกฟ้า แสงเงินยวงของรุ่งอรุณทาบทาผืนฟ้าสีคราม ส่งมอบความอบอุ่นแก่โลกหล้า แม้จิตใจของตู้เยี่ยนอวี่จะยังคงสับสนดุจเรือน้อยกลางทะเลกว้าง แต่กายเนื้อกลับเริ่มฟื้นฟูคืนกำลังทีละน้อย

เสียงเจื้อยแจ้วของนกน้อยนอกหน้าต่าง และกลิ่นไอดินที่ลอยมาตามสายลมยามเช้า ล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในโสตประสาทของนาง¹

“คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ?” เสี่ยวจูผู้เป็นดุจเงาตามตัวของนาง เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารเช้าที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมกรุ่น “ฮูหยินสั่งให้บ่าวทำโจ๊กสมุนไพรบำรุงกำลังมาให้เจ้าค่ะ”

ตู้เยี่ยนอวี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองไปยังเสี่ยวจูที่กำลังจัดสำรับอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางของนางดูเป็นธรรมชาติและคุ้นเคย ดุจพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน แตกต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าวที่นางเคยจินตนาการไว้จากนวนิยายโบราณโดยสิ้นเชิง

“ข้ามิได้เป็นอันใดแล้ว” เยี่ยนอวี่ตอบเสียงเบา พลางพยุงกายขึ้นนั่งพิงหมอน “แค่ยังรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง”

เสี่ยวจูส่งถ้วยโจ๊กมาให้ เยี่ยนอวี่จึงรับมาถือไว้

สัมผัสถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากถ้วย หน้าตาของโจ๊กนั้นขาวนวล มีกลิ่นหอมของข้าวและสมุนไพรบางชนิดลอยแตะจมูก

“คุณหนูต้องทานให้มากนะเจ้าคะ จะได้มีเรี่ยวแรง” เสี่ยวจูกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย ดวงตาใสซื่อคู่นั้นสะท้อนภาพของความบริสุทธิ์ใจ

เยี่ยนอวี่ตักโจ๊กเข้าปากช้า ๆ รสชาติที่หอมหวานและนุ่มละมุนละไมแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น บ่งบอกถึงความตั้งใจของผู้ปรุง และความห่วงใยที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

“ท่านแม่ฝีมือดีจริง” เยี่ยนอวี่เผลอเอ่ยปากชม

เสี่ยวจูยิ้มกว้าง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยในทีกับคำพูดของนาง

“ฮูหยินของเราเป็นแม่ศรีเรือนที่เก่งกาจเจ้าค่ะ ทั้งงานบ้านงานเรือน การจัดการทรัพย์สิน หรือแม้แต่การเย็บปักถักร้อย ล้วนทำได้อย่างไร้ที่ติ” นางกล่าวสรรเสริญฮูหยินของตนด้วยความภาคภูมิใจ ดุจลูกกตัญญูที่ยกย่องมารดา

เยี่ยนอวี่รับฟังอย่างเงียบ ๆ พลางนึกถึงชีวิตเดิมของตนที่แทบจะมิได้เข้าครัวเลยแม้แต่น้อย ความรู้เรื่องการทำอาหารของนางมีเพียงเท่าที่เรียนรู้จากตำราและรายการโทรทัศน์ ยิ่งคิดก็ยิ่งตระหนักว่าโลกใบนี้แตกต่างจากเดิมมากเพียงใด

“เสี่ยวจู” เยี่ยนอวี่เอ่ยขึ้นอีกครา “เจ้าช่วยเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านซีหลินให้ข้าฟังได้หรือไม่ ข้าอยากรู้เรื่องราวรอบตัวให้มากขึ้น”

เสี่ยวจูมิได้ฉงนใจ นางคิดว่าคุณหนูคงจะความจำเลอะเลือนจากพิษไข้ จึงเล่าเรื่องราวของหมู่บ้านอย่างละเอียดลออ

“หมู่บ้านซีหลินเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซีหลินเจ้าค่ะ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกข้าว ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ มีร้านค้าเล็ก ๆ ไม่กี่แห่ง แต่ผู้คนก็อยู่กันอย่างสงบสุขและพึ่งพาอาศัยกัน”

นางเล่าถึงผู้คนในหมู่บ้าน ร้านค้าประจำหมู่บ้าน เทศกาลท้องถิ่นที่จัดขึ้นเป็นประจำ และแม้แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น การที่เด็ก ๆ ในหมู่บ้านชอบวิ่งเล่นไล่จับกันริมแม่น้ำยามเย็น

“แล้วเรื่องการแพทย์เล่า ? ในหมู่บ้านมีหมอหรือไม่ ?” เยี่ยนอวี่ถามด้วยความสนใจ

“มีเจ้าค่ะ มีหมอหลี่ ท่านเป็นหมอเก่าแก่ประจำหมู่บ้าน มีความรู้เรื่องสมุนไพรและการฝังเข็ม” เสี่ยวจูตอบ “แต่ยามใดที่มีคนป่วยหนัก หรือเกิดโรคระบาดใหญ่ ก็มักจะไปขอความช่วยเหลือจากหมอผู้เก่งกาจในเมืองหลวง”

เยี่ยนอวี่พยักหน้าช้า ๆ “เช่นนั้นเอง”

ในใจนางเกิดประกายความคิดขึ้นเล็กน้อย แม้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่จะแตกต่างจากแพทย์แผนโบราณมาก แต่หลักการพื้นฐานบางอย่าง เช่น สุขอนามัย การปฐมพยาบาล หรือการแยกโรค ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถนำมาปรับใช้ได้

“คุณหนูมีสิ่งใดให้บ่าวช่วยอีกหรือไม่เจ้าคะ ?” เสี่ยวจูถามอย่างเอาใจใส่

“ยังมิมี” เยี่ยนอวี่ตอบ “เจ้าไปพักเถิด”

หลังจากเสี่ยวจูออกไปแล้ว ตู้เยี่ยนอวี่ก็ค่อย ๆ พยุงกายลงจากเตียง สัมผัสของพื้นไม้ที่เย็นเยียบกระทบเท้าเปล่า ทำให้รู้สึกเหมือนจริงยิ่งขึ้น นางเดินสำรวจห้องอย่างช้า ๆ ข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นล้วนบ่งบอกถึงยุคสมัยที่ห่างไกลจากที่นางเคยอยู่

นางเดินไปที่หน้าต่างไม้ บานหน้าต่างถูกเปิดออก เผยให้เห็นทิวทัศน์ภายนอก

สายลมพัดโชยมาปะทะใบหน้า นำพาเอาไอเย็นและกลิ่นหอมของดอกไม้ยามเช้าเข้ามาในห้อง เบื้องหน้าคือกำแพงเตี้ย ๆ ของเรือนเล็ก ถัดไปคือสวนหย่อมขนาดไม่ใหญ่นัก มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา และแปลงผักเล็ก ๆ ที่ปลูกผักสวนครัว

“ชีวิตใหม่ของข้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” นางพึมพำกับตนเอง

วันเวลาหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างเชื่องช้า แต่ก็เต็มไปด้วยการเรียนรู้ ตู้เยี่ยนอวี่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสี่ปี พยายามปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของสกุลตู้ นางสังเกตพฤติกรรมของผู้คนรอบข้าง เรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณี และพยายามทำความเข้าใจภาษาและสำเนียงการพูดที่ไม่คุ้นเคย

ทุกเช้านางจะลุกขึ้นมาเดินเล่นในสวน เพื่อทำความคุ้นเคยกับธรรมชาติรอบตัว เรียนรู้พืชผักและสมุนไพรต่าง ๆ ที่ปลูกอยู่ในสวน แม้จะมิได้มีความรู้ด้านพฤกษศาสตร์มาก่อน แต่ด้วยสัญชาตญาณของการเป็นแพทย์ นางก็เริ่มแยกแยะสมุนไพรบางชนิดได้

“นี่คือต้นบัวบกใช่หรือไม่ ?” นางถามเสี่ยวจูขณะชี้ไปที่พืชเลื้อยชนิดหนึ่ง

เสี่ยวจูพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูจะใช้ไปทำอันใดหรือเจ้าคะ ?”

“เปล่า” เยี่ยนอวี่ตอบ “แค่สงสัยเฉย ๆ” ในใจนางนึกถึงสรรพคุณของบัวบกที่ใช้ในตำรับยาแผนปัจจุบัน ทั้งช่วยสมานแผล และบำรุงสมอง

นางยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องสมุดเก่าแก่ของตระกูลตู้ ซึ่งเต็มไปด้วยตำราโบราณมากมาย แม้หลายเล่มจะเป็นตำราที่เขียนด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจ แต่บางเล่มก็เป็นบันทึกเรื่องราวในอดีต หรือตำราสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ทำให้ตู้เยี่ยนอวี่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น

“ตำราเล่มนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก” นางพึมพำกับตนเอง ขณะเปิดอ่านตำราสมุนไพรเล่มหนึ่ง ในตำรามีภาพประกอบและรายละเอียดของสมุนไพรพื้นบ้านมากมาย พร้อมสรรพคุณและวิธีการใช้

ยิ่งอ่านก็ยิ่งตระหนักว่าโลกใบนี้แม้จะล้าหลังในด้านเทคโนโลยี แต่ภูมิปัญญาโบราณเกี่ยวกับธรรมชาติและสมุนไพรกลับลึกล้ำยิ่งนัก

“ลูกรัก อ่านตำราแต่เช้าเลยนะ” เสียงท่านผู้เฒ่าตู้ดังขึ้นจากด้านหลัง

เยี่ยนอวี่หันไปมอง “ท่านพ่อ ข้ากำลังศึกษาตำราสมุนไพรอยู่เจ้าค่ะ”

ท่านผู้เฒ่าตู้ยิ้มอย่างอบอุ่น “อวี่เอ๋อร์ของพ่อช่างเป็นเด็กใฝ่เรียนรู้ยิ่งนัก ยามเจ็บป่วยเช่นนี้ก็ยังมิได้หยุดพักผ่อน”

“ข้ามิได้เป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ เพียงแต่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ” เยี่ยนอวี่ตอบอย่างสุภาพ “ท่านพ่อมีความรู้เรื่องตำราเหล่านี้มากใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”

“พอมีความรู้บ้าง” ท่านผู้เฒ่าตอบด้วยความถ่อมตน “ตำราเหล่านี้เป็นของตกทอดของตระกูลเรา มีทั้งตำราการแพทย์ ตำราปรัชญา และตำราเกี่ยวกับประเพณี”

บทสนทนาระหว่างตู้เยี่ยนอวี่และท่านผู้เฒ่าตู้ดำเนินไปอย่างเนิบนาบ แต่นางก็ได้เรียนรู้เรื่องราวมากมายจากบิดา ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ท้องถิ่น วัฒนธรรม หรือแม้แต่เรื่องราวปรัชญาชีวิตที่ฝังรากลึกในยุคสมัยนี้

บางครั้งนางก็ช่วยมารดาทำงานบ้านงานเรือน แม้จะมิเคยทำมาก่อน แต่ด้วยความตั้งใจเรียนรู้ นางก็เริ่มทำอาหารง่าย ๆ หรือเย็บปักถักร้อยได้บ้าง แม้จะยังไม่สวยงามประณีตเท่ามารดา แต่ก็เป็นสิ่งที่นางภาคภูมิใจที่ได้เรียนรู้

“คุณหนูช่างเก่งกาจเสียจริงเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูเอ่ยชมยามที่เยี่ยนอวี่สามารถเย็บชายผ้าได้ตรง แม้จะใช้เวลานานก็ตาม

“ก็ต้องเรียนรู้ไว้บ้าง” เยี่ยนอวี่ตอบพลางยิ้ม “ยามใดที่มิมีบ่าวรับใช้ จะได้มิอดอยาก”

เสี่ยวจูหัวเราะคิกคัก “คุณหนูพูดจาตลกนัก”

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดุจสายน้ำที่ไหลเอื่อย

ตู้เยี่ยนอวี่เริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตในหมู่บ้านซีหลินได้มากขึ้น นางเริ่มคุ้นชินกับกิจวัตรประจำวัน การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในหมู่บ้านที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

แม้ในบางคราวความคิดถึงโลกเดิมจะเข้ามารบกวนจิตใจ แต่ตู้เยี่ยนอวี่ก็เรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง และก้าวเดินต่อไป

“เส้นทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร มิอาจคาดเดาได้” นางรำพึงรำพันกับตนเองยามค่ำคืน พลางเหม่อมองแสงจันทร์ที่ทอแสงผ่านหน้าต่าง “แต่ข้าจะมิยอมแพ้ จะใช้ชีวิตในร่างนี้ให้ดีที่สุด”

————————

¹นาง หลังจากนี้ไปจะบรรยายตัวละครของนางเอก โดยใช้คำว่านาง แทนคำว่าเธอ หรือใช้ศัพท์สำนวนจีนต่าง ๆ  เพื่ออรรถรสในการอ่าน

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 5 วิวาห์ใต้เงาจันทร์

    ปลายเดือนเจ็ด รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมฆหมอกร้ายที่เคยปกคลุมวังหลวงได้ถูกปัดเป่าไปจนสิ้น ประหนึ่งรัตติกาลที่ยอมจำนนต่อแสงอรุณ พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แห่งต้าเฉินและองค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ได้ดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุด ท้องพระโรงหลวงที่เคยเป็นเวทีแห่งการพิพากษา บัดนี้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณสีแดงสดและทองอร่าม เสียงดนตรีมงคลดังกังวานก้องไปทั่ว ขับขานบทเพลงแห่งสันติภาพและสัมพันธไมตรีที่ถูกเชื่อมประสานขึ้นใหม่อย่างแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่กำลังแซ่ซ้องถวายพระพร พวกเขาคือวีรบุรุษและวีรสตรีผู้พิทักษ์แผ่นดินอีกครั้ง แต่ในใจของทั้งสองกลับมิได้มีความลำพองใจแม้แต่น้อย มีเพียงความโล่งใจที่ได้เห็นแผ่นดินกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริงภายหลังจากพระราชพิธีหลักเสร็จสิ้นลง ฝ่าบาทผู้ทรงมีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความสุขและความปีติยินดี ได้มีรับสั่งให้ทั้งสองเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงบ“หากมิได้มีพวกเจ้าทั้งสอง” ฝ่าบาทตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 4 กระชากหน้ากากอสรพิษ

    ปลายเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเวลาเปรียบประหนึ่งเม็ดทรายในนาฬิกาที่ร่วงหล่นลงอย่างไม่ปรานี พระอาการขององค์หญิงมู่หลินทรุดลงทุกขณะ ประกายสีครามบนผิวพระองค์เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นแม้ในยามกลางวัน ลมหายใจแผ่วเบาราวกับจะดับสูญได้ทุกเมื่อ ความกดดันที่มองไม่เห็นได้แผ่ขยายไปทั่ววังหลวง มันมิใช่เพียงชีวิตขององค์หญิงที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่คือสันติภาพของสองแผ่นดินที่กำลังจะขาดสะบั้นลงท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น ตู้เยี่ยนอวี่ได้ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วยกู้เหยียนหลงและองค์หญิงลี่หัว ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงัด นางได้ทูลเสนอแผนการสุดท้ายที่อาจหาญและเสี่ยงอันตรายที่สุด“ฝ่าบาท” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว “การจะจับอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เรามิอาจรอให้มันเผยตัวออกมาเองได้ แต่เราต้องสร้างเหยื่อล่อที่หอมหวานที่สุด เพื่อล่อให้มันคายพิษออกมาด้วยตนเองเพคะ”นางได้สร้างเรื่องราวของสมุนไพรวิเศษในตำนานขึ้นมา รากวิญญาณจันทรา พฤกษาทิพย์ที่กล่าวกันว่าสามารถชำระล้างพิษได้ทุกชนิด และจะเบ่งบานเพียงคืนเดียวใต้แสงจันทร์เต็มดวง ณ อารามเมฆขาวบนยอดเขาไท่ซานเท่าน

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 3 อสรพิษแดนใต้

    กลางเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองวังหลวงที่เคยประดับประดาด้วยโคมไฟแห่งการเฉลิมฉลอง บัดนี้กลับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความวิตกกังวลที่มองไม่เห็น การประชวรขององค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ ได้กลายเป็นหินถ่วงก้อนมหึมาที่ถ่วงดุลแห่งสัมพันธไมตรีระหว่างสองแผ่นดินให้สั่นคลอนอย่างน่าหวาดเสียว การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบงันและเร่งด่วน ประหนึ่งการเดินหมากบนกระดานที่ทุกก้าวล้วนเดิมพันด้วยสันติภาพของต้าเฉินสมรภูมิในครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองแนวรบที่ดำเนินไปพร้อมกันแนวรบแรกคือห้องปรุงยาหลวงของตู้เยี่ยนอวี่ ที่นี่มิได้มีเสียงคมดาบปะทะกัน มีเพียงเสียงบดยาอันแผ่วเบา เสียงเปลวเทียนที่สั่นไหว และเสียงลมหายใจที่จดจ่อของแพทย์เทวดา ห้องของนางได้แปรสภาพเป็นศูนย์บัญชาการแห่งการพิสูจน์หลักฐาน มันคือการผสมผสานอย่างน่าทึ่งระหว่างเครื่องมือโบราณและนวัตกรรมที่นางประดิษฐ์ขึ้นจากความทรงจำในอีกโลกหนึ่ง ทั้งเครื่องกลั่นขนาดเล็กที่ทำจากแก้วใส และแว่นขยายที่เจียระไนอย่างประณีตนางทุ่มเทเวลานานถึงสองวันสองคืนในการวิเคราะห์เถ้ากำยานปริศนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิดคละคลุ้งไปทั่ว

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 2 เงาอดีตที่หวนคืน

    ต้นเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมืองหลวงที่ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงได้จากไปเมื่อหนึ่งปีก่อน บัดนี้ได้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณและโคมไฟสีแดงสดอีกครั้งหนึ่ง โคมไฟนับพันดวงถูกแขวนประดับไปตามชายคาของอาคารบ้านเรือน สะบัดพลิ้วตามสายลมคิมหันตฤดูราวกับฝูงผีเสื้ออัคคีที่เริงระบำ ผ้าไหมสีมงคลถูกขึงทอดยาวไปตามถนนสายหลัก บ่งบอกถึงงานมงคลอันยิ่งใหญ่ที่แผ่นดินต้าเฉินกำลังรอคอย บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรื่นเริงและความคาดหวัง ทว่าสำหรับผู้ที่เจนจบในเล่ห์กลแห่งราชสำนักแล้ว ความสงบสุขที่ผิวเผินนี้เปรียบดั่งผิวน้ำอันราบเรียบ แต่เบื้องล่างนั้นกลับซ่อนเร้นไว้ด้วยกระแสธารอันเชี่ยวกรากที่พร้อมจะพัดพาทุกสิ่งให้พังพินาศการกลับมาของทั้งสองมิได้เอิกเกริก แต่กลับเงียบงันดุจเงาที่เคลื่อนไหวในรัตติกาล สถานที่นัดพบแห่งแรกของพวกเขามิใช่ท้องพระโรงอันโอ่อ่า แต่เป็นโรงน้ำชาเก่าแก่ในตรอกเร้นลับ ที่ซึ่งจางอู๋จีในชุดบัณฑิตเรียบง่ายนั่งรออยู่แล้ว“ท่านทั้งสองดูแข็งแกร่งและสงบขึ้นมาก” จางอู๋จีเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขายังคงคมกริบดุจเหยี่ยวเฒ่าเช่นเดิม “ดูเหมือนว่าสายลมแห่งแดนเหนือจะขัดเกลาหยกงามทั้งสองให

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 1 ราชโองการหวนคืน

    ปลายเดือนสี่ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองหนึ่งปีเต็มที่เปลวเพลิงแห่งสงคราม ณ ชายแดนภาคเหนือได้มอดดับลง สายลมวสันตฤดูที่พัดผ่านเมืองผิงหยวนในยามนี้มิได้หอบเอาฝุ่นควันและกลิ่นคาวเลือดมาด้วยอีกต่อไป หากแต่เป็นกลิ่นไอดินอันบริสุทธิ์และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ป่าที่เพิ่งจะแย้มบาน เมืองหน้าด่านที่เคยเป็นดั่งสุสานกลางแจ้ง บัดนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ประหนึ่งต้นไม้แห้งแล้งที่ได้รับสายฝนชโลมใจเสียงค้อนที่ตอกลงบนโครงสร้างบ้านเรือนหลังใหม่ดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างมีชีวิตชีวา แทนที่เสียงดาบที่เคยกระทบกันอย่างน่าสะพรึงกลัว รอยยิ้มได้กลับคืนสู่ใบหน้าของชาวบ้านที่เคยซูบตอบด้วยความสิ้นหวัง แม้ร่องรอยความเหนื่อยล้าจะยังคงอยู่ แต่ในแววตาของพวกเขากลับเปี่ยมด้วยประกายแสงแห่งความหวังณ ใจกลางของความเปลี่ยนแปลงนี้ คือเรือนพักชั่วคราวของสองวีรชนผู้พลิกชะตาแผ่นดินตู้เยี่ยนอวี่ในอาภรณ์ผ้าฝ้ายสีขาวเรียบง่าย กำลังเดินตรวจดูแปลงสมุนไพรในสวนโอสถร้อยสกุลที่นางริเริ่มขึ้นด้วยตนเอง มันมิใช่สวนบุปผาที่งดงามเพื่อการชื่นชม แต่คือคลังยาที่มีชีวิตซึ่งนางจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นรากฐานของระบบสาธารณสุขชุมชน นางกำลังสอนกลุ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๔๗ วสันต์คืนสู่แดนเหนือ

    บนสมรภูมิทะเลสาบกระจกที่บัดนี้เงียบสงัดลงแล้ว มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านผืนเกลือสีขาวและเสียงครวญครางของผู้บาดเจ็บ คำประกาศยอมแพ้ของจ้าวอู๋จี้ดังก้องอยู่ในความเงียบนั้น ประหนึ่งคำพิพากษาสุดท้ายที่ปิดฉากสงครามอันนองเลือดแห่งแดนเหนือลงโดยสมบูรณ์เขามิได้มีท่าทีของนักโทษผู้สิ้นหวัง แต่กลับเป็นความสงบนิ่งของนักปราชญ์ผู้ยอมรับในผลลัพธ์ของกระดานหมากที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จ้าวอู๋จี้เดินลงจากเนินดินอย่างเชื่องช้า เขาปลดดาบประจำกายที่อยู่ข้างเอวออก และยื่นมันให้แก่กู้เหยียนหลงด้วยสองมือ“นี่คือสัญลักษณ์แห่งการยอมจำนนของข้า” เขากล่าวเสียงเรียบ “และคือการยอมรับในชัยชนะของท่าน”กู้เหยียนหลงรับดาบเล่มนั้นมาถือไว้ เขามิได้แสดงท่าทีของผู้ชนะที่ลำพองใจ แต่กลับประสานมือคารวะคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย“ท่านคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยพบพาน” กู้เหยียนหลงกล่าว “การพิพากษาท่านมิใช่หน้าที่ของข้า แต่เป็นหน้าที่ของราชสำนักและประวัติศาสตร์”เขาออกคำสั่งให้นำตัวจ้าวอู๋จี้และเหล่าแม่ทัพนายกอ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status