หน้าหลัก / รักโบราณ / วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด / บทที่ 25 ฮูหยินสหายมีปัญหา (2)

แชร์

บทที่ 25 ฮูหยินสหายมีปัญหา (2)

ผู้เขียน: เทียนสื่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-24 12:00:11

เว่ยเสี่ยวเฉินวิ่งถลาออกไปที่หน้าจวนอย่างรวดเร็ว กระนั้นหลานอี้ซินก็จากไปแล้ว รถม้าของเขาทะยานไปแทบไม่เห็นฝุ่น “เจ้าแม่ทัพบัดซบ! ไร้วาสนาอะไรกันเล่า เจ้าไม่อยากช่วยก็บอกเซ่ โธ่ เจ้านี่มันช่าง!...หึ้ย”

เว่ยเสี่ยวเฉินพูดไม่ออก ทำได้เพียงระบายโทสะกับต้นไม้ใบหญ้าที่ปลูกไว้หน้าเรือน บ่าวไพร่บริเวณนั้นเห็นอาการเจ้านายประสาทเสียไปแล้วก็หน้าซีดกันเป็นแถบ

“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนอารมณ์เสียรึ หากมองไม่เลิก ข้าจะตัดเบี้ยหวัดเจ้าทุกคน!”

บ่าวไพร่ที่ทำงานอยู่แถวนั้นสะดุ้งตัวโยน คนที่ตัดเล็มต้นไม้ก็เร่งมือต่อ คนกวาดพื้นก็ทำไปแต่ไร้ทิศทาง

เว่ยเสี่ยวเฉินสบถในใจ ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่เคยพบหน้าสตรีที่ตนใฝ่หาอีกเลย ไม่ว่าจะพลิกฟ้าถลกปฐพีเขาก็หานางไม่พบ หรือว่าเขาตาฝ้าฟางไปชั่วขณะจนเห็นนางฟ้าตกมาจากสวรรค์เช่นนั้นหรือ

รถม้ายังคงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ระหว่างทางไป๋เฉินเซียงแทบไม่ได้สนทนาใดเลย เมื่อครู่ตอนที่นางออกไปไม่คิดเลยว่าคุณหนูเถียนที่เอาแต่ระรานนางจะกล่าวขอโทษและยอมรับผิดทั้งหมด แม้ท่าทีดูฝืนใจแต่ทว่านางก็คงรู้สึกผิดจริง ส่วนคุณชายเถียนเยี่ยหัวเพ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 33 เพราะเหตุใด (2)

    ไป๋เฉินเซียงเห็นอีกฝ่ายยืนยันเช่นนั้นก็ประหนึ่งฟ้าถล่มลงตรงหน้า “ทะ…ท่านรู้มานานเท่าใดแล้วเจ้าคะ”“ก็สักพัก”ไป๋เฉินเซียงพูดไม่ออก หลินกวางหมิงจึงเอ่ยเพื่อทำลายบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้น “แม่นางไป๋ ไม่สิ ข้าต้องเรียกเจ้าว่าสะใภ้รองหลานสินะ เจ้าทำได้อย่างไร ใบหน้าของเจ้าและอีเอ๋อร์จึงได้เหมือนกันราวกับแกะ”ไป๋เฉินเซียงยิ้มแหย “นี่เรียกวิชาแปลงโฉมเจ้าค่ะ”หลินกวางหมิงตาโต “ช่างร้ายกาจยิ่งนัก”ไป๋เฉินเซียงไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงใดอีก “อยู่เช่นนี้ข้าก็อึดอัดเหมือนกัน”วูหลิงอีเอ่ย “แม่นางไป๋ ลำบากเจ้าแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า”ไป๋เฉินเซียงพยักหน้าหลานอี้ซิน “หากเจ้าอึดอัดก็ปลดวิชาแปลงโฉมนี้ออกก่อนเถิด”ไป๋เฉินเซียงมองทุกคนสลับไปมา จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างนึกปลดปลง “เจ้าค่ะ”พริบตาใบหน้าจิ้มลิ้มงดงาม ก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าพริ้มเพราสะสวย หลานอี้ซินมองไป๋เฉินเซียงแทบลืมหายใจ ทั้งยังจ้องเขม็งตาไม่กะพริบไป๋เฉินเซียง “แบบนี้คง ไม่อึดอัดกันแล้วกระมัง”วูหลิงอียิ้มบาง สีหน้าของนางสลดลงพลันคว้ามือทั้ง

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 33 เพราะเหตุใด (1)

    ไป๋เฉินเซียงรู้สึกกระอักกระอ่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนสับสน กระนั้นก็ต้องเหลียวมองบุรุษข้างกายด้วยความฉงนเมื่อรถม้าเคลื่อนมาได้สักพักก็หยุดลง“ยังไม่ถึงจวนสกุลวูนี่เจ้าคะ”“เรามีบางอย่างต้องสะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน”หลานอี้ซินคว้าแขนไป๋เฉินเซียงออกจากรถม้าด้วยความรวดเร็วเท้าเล็กเดี๋ยวเดินเดี๋ยววิ่งตามแรงดึง “ช้าก่อนเจ้าค่ะ เราจะไปที่ใดกันหรือเจ้าคะ”“ไปถึงเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” หลานอี้ซินผินหน้าไปยังหลีซงซึ่งทำหน้าที่เป็นสารถีจำเป็น “เจ้าพาคนนำของกำนัลไปยังจวนสกุลวูก่อน บอกว่าข้ากับฮูหยินจะตามไปโดยเร็ว ฮูหยินของข้าต้องการชมความงามของธรรมชาติชั่วครู่”ไป๋เฉินเซียงกะพริบตาถี่ “ข้าอยากชมตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ ไยท่านจึงคิดเองเออเองเก่งเพียงนี้”หลานอี้ซินแสร้งเมิน “ไปกันเถิดมีเวลาไม่มาก”หลานอี้ซินใช้มือทั้งสองคว้าเอวคอดไว้แน่น จากนั้นยกร่างระหงจนตัวลอยหวือขึ้นนั่งบนหลังม้า ร่างสูงกระโจนตามไปอย่างรวดเร็วพลางโอบแขนรอบเรือนร่างบอบบางเอาไว้ ไป๋เฉินเซียงใจเต้นระรัว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาพลันซับสีแดงระเรื่อ“จับไว้ดี ๆ เล่า” ลมห

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 32 พิสูจน์ความจริงใจ

    ไป๋เฉินเซียงต้องเร่งเตรียมตัวเพื่อกลับบ้านเดิมอย่างกะทันหัน นางพยายามขบคิดหาทางออกให้ตัวเองเพราะยังไม่อยากเผชิญหน้ากับครอบครัวของวูหลิงอีอีกครั้งในยามนี้“หรือข้าต้องส่งจดหมายไปหานางกันนะ” ไป๋เฉินเซียงพึมพำเสียงเบาหลานอี้ซินรับรู้ได้ว่าสตรีข้างกายตนยามนี้กำลังเกิดความกังวล “เจ้าไม่อยากกลับบ้านเดิมหรือ”ไป๋เฉินเซียงสะดุ้ง “…เปล่าเจ้าค่ะ ข้าเอง…ข้าก็คิดถึงท่านพ่อท่านแม่มากเหมือนกัน หลายเดือนมานี้เกิดเรื่องราวมากมายข้าเลยหลงลืมไปชั่วขณะ”หลานอี้ซินพยักหน้า “เช่นนี้เอง ลำบากเจ้าแล้ว”ไป๋เฉินเซียงยิ้มแห้งขอด “ไม่เลยเจ้าค่ะ”“นอนเถิด พรุ่งนี้ต้องเร่งเดินทางแต่เช้า”จากท่วงท่านอนหงายมองเพดาน อยู่ ๆ ร่างระหงก็พลิกกายอย่างรวดเร็ว เดิมทีไป๋เฉินเซียงและหลานอี้ซินเคยนอนร่วมเตียงกันแทบจะนับครั้งได้ จมูกเชิดรั้นยื่นเข้าใกล้หูอีกฝ่ายพลางหรี่ตาลงจนแคบ ลมอุ่น ๆ ที่เป่ารินรดใบหูเป็นเหตุให้หลานอี้ซินใจเต้นระส่ำ“จะ...เจ้าเป็นอะไร”“ท่านเร่งร้อนเกินไปแล้วนะเจ้าคะ คืนนี้ข้ายังไม่รู้จะนอนหลับหรือไม่ ต้องตื่นเร็วเพียงน

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 31 เผยตัวตน

    เหตุการณ์ก่อนเดินทางไปยังเรือนหวังเหล่ย [1] “เจ้าบอกความจริงมา เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้อย่างไร” เสียงทุ้มตวาดลั่น สาวใช้ข้างกายของจูจวิ้นอี๋ตัวสั่น“ท่านแม่ทัพ คือ…”“หากยังอ้ำอึ้งข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้ง!”สาวรับใช้หลับตาแน่น ยามนี้นางกำลังถูกไต่สวนอย่างหนัก ร่างกายโดนทารุณสารพัดจนสภาพดูไม่จืด แขนขาห้อยต่องแต่งเพราะกระดูกแตกละเอียด“…นั่นเพราะสะใภ้ใหญ่อยากวางยาสะใภ้รองเจ้าค่ะ”หลานจิ้นถงตะคอกโกรธเคือง “ไยนางต้องทำเช่นนั้น”“ในงานวิจารณ์ภาพวาดหนก่อน สะใภ้รองทำให้สะใภ้ใหญ่ขายหน้า ครั้งนี้นางอยากเอาคืน แต่ไม่รู้เหตุใดสะใภ้รองจึงมีสติครบถ้วนไม่ถูกพิษ ทว่ากลับเป็นสะใภ้ใหญ่เองที่โดนพิษนั่น เกรงว่า…กาสุราอาจถูกสับเปลี่ยนเจ้าค่ะ”หลานจิ้นถงกำหมัดจนกายสั่นสะท้าน “บัดซบ!”ฉับ!มือหยาบกร้านตวัดดาบหนึ่งหนด้วยความเดือดดาล โลหิตสีแดงฉานกระเซ็นเปรอะกำแพงเก่าสีลอกล่อน สาวใช้คนสนิทของจูจวิ้นอี๋แต่กาลก่อนถูกปลิดชีพสิ้นลมในที่สุด หากเขาไม่กำจัดนางทิ้ง เ

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 30 ผู้ร้ายตัวจริง

    อนุและบ่าวในเรือนหวังเหว่ยถูกไต่สวนจนถึงรุ่งสาง ทุกคนต่างไม่รู้เห็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะวุ่นวายกันมาทั้งคืนแต่ก็ยังไร้เบาะแส หลานจิ้นถงจำต้องมาเยือนที่เรือนหวังเหล่ย“น้องรอง”มือหยาบระคายที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบชะงักลงหลีซงค้อมศีรษะ “ท่านแม่ทัพ”หลานจิ้นถงพยักหน้าเป็นการทักทาย ร่างสูงเดินอ้อมไปยังเก้าอี้ไม้สักขัดเงาอีกด้าน หลานอี้ซินได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ริมฝีปากของเขาขยับยกเป็นรอยยิ้มจาง ๆ“พี่ใหญ่ เหตุใดวันนี้มาที่เรือนข้าแต่เช้า” แววตาของหลานอี้ซินยังคงดูเหม่อลอยไร้แสงเช่นเดิม นัยน์ตาเรียบเรื่อยทอดมองไปเบื้องหน้าหลานจิ้นถงสังเกตสีหน้าน้องชายพักหนึ่ง ต่อมาจึงตัดสินใจนั่งลงขนาบข้าง หลีซงเห็นเช่นนั้นก็เข้ามารินชาให้เขา ก่อนถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่หลานจิ้นถงมองควันสีขาวที่ลอยขึ้นจากชาถ้วยเล็ก ยามนี้เขาไม่อาจกระเดือกสิ่งใดให้ไหลผ่านลำคอของตนลงไปได้เลย“พี่ใหญ่ ท่านคงมีเรื่องไม่สบายใจกระมัง”หลานจิ้นถงถอนหายใจ “ข้าคิดว่าเจ้ารู้แล้ว”หลานอี้ซินตอบ “ข้าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย”หลาน

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 29 ภาพหลอน

    ปลายยามฮ่าย [1] หลังงานน้ำชาเลิก“สะใภ้ใหญ่ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ”“อย่าเข้ามานะ เจ้าถอยออกไป ถอยไป!” จูจวิ้นอี๋ดึงทึ้งศีรษะของตนประหนึ่งคนเสียสติสาวใช้ข้างกายร่ำไห้น้ำตานองหน้า นางคิดหาทางออกไม่เจอสักทาง พยายามเข้าห้ามทุกครั้งก็ถูกจูจวิ้นอี๋ผลักจนล้มก้นจ้ำเบ้าทุกรอบ ครั้นจะวิ่งไปหาหลานจิ้นถงยามนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด อันที่จริงเขาไม่โผล่มาที่นี่หลายวันแล้ว จูจวิ้นอี๋เอาแต่พูดคำเดิมซ้ำ ๆ วนไปมาพลางขับไล่สาวใช้คนสนิทดั่งเห็นปีศาจร้าย จูจวิ้นอี๋เอาแต่ทำร้ายตัวเองจนเกิดบาดแผลเต็มตัว ปลายเล็บของนางจึงเต็มไปด้วยเส้นผมคราบโลหิต“เจ้าอย่าเข้ามานะ ถอยไป ถอยออกไปเดี๋ยวนี้!”ท่ามกลางหมอกควันสีขาวซึ่งลอยโขมงขึ้นกลางอากาศ หญิงสาวร่างระหงสวมอาภรณ์สีขาวบางขาดกะรุ่งกะริ่ง ทั้งตัวของนางเปียกโชกไปด้วยน้ำ เส้นผมยาวสยายดำขลับแนบลู่ปกปิดระใบหน้า ขาเสลาที่เต็มไปด้วยบาดแผลและร่องรอยฟกช้ำค่อย ๆ ย่างกรายเข้าหาจูจวิ้นอี๋ที่กำลังนั่งหดขาตัวเกร็ง แววตาเย็นยะเยือกสาดสะท้อนไอสังหารแล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status