Home / รักโบราณ / วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด / บทที่ 27 งานเลี้ยงน้ำชา ณ เรือนหวังเหว่ย

Share

บทที่ 27 งานเลี้ยงน้ำชา ณ เรือนหวังเหว่ย

last update Huling Na-update: 2025-07-26 12:00:37

หลังกลับจากงานวิจารณ์ภาพวาดหนนั้น น้อยครั้งมากที่ไป๋เฉินเซียงจะได้พบหน้าหลานอี้ซิน กระนั้นทุกวันนางก็จะเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้เขาเสมอ

เช้าวันนี้ก็เช่นกัน เหตุใดสามีของนางจึงทำตัวราวเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง [1] เวลาล่วงเลยมาหลายเดือนแล้ว เป้าหมายของนางยังไม่ลุล่วง เพราะไป๋เฉินเซียงเองก็เฉียดไปที่เรือนหวังเหว่ยน้อยครั้งมาก 

“สะใภ้รองเจ้าคะ”

ไป๋เฉินเซียงละมือจากงานปักตรงหน้า “ว่าอย่างไร”

“สะใภ้ใหญ่เชิญท่านไปร่วมจิบชาชมดอกไม้เจ้าค่ะ”

ไป๋เฉินเซียงครุ่นคิด ไม่นานก็ตอบ “ได้”

ซูซินถามย้ำ “ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าอยากไป เรื่องในตอนนั้น สะใภ้ใหญ่จะเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยหรือไม่เจ้าคะ”

ไป๋เฉินเซียงยิ้มบาง “ข้าไม่เป็นไร เจ้าก็รู้ว่าข้าดูแลตัวเองได้”

ไป๋เฉินเซียงรู้นิสัยของจูจวิ้นอี๋นางนี้ดี นางเป็นคนขี้หึง ทั้งยังเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ครานั้นคงฝากบาดแผลในใจอีกฝ่ายไม่น้อย ยามนี้คงหมายตาเอาคืนแล้วกระมัง ไป๋เฉินเซียงก็กำลังมองหาจังหวะเหมาะอยู่พอดี 

ไป๋เฉินเซียงแต

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 33 เพราะเหตุใด (2)

    ไป๋เฉินเซียงเห็นอีกฝ่ายยืนยันเช่นนั้นก็ประหนึ่งฟ้าถล่มลงตรงหน้า “ทะ…ท่านรู้มานานเท่าใดแล้วเจ้าคะ”“ก็สักพัก”ไป๋เฉินเซียงพูดไม่ออก หลินกวางหมิงจึงเอ่ยเพื่อทำลายบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้น “แม่นางไป๋ ไม่สิ ข้าต้องเรียกเจ้าว่าสะใภ้รองหลานสินะ เจ้าทำได้อย่างไร ใบหน้าของเจ้าและอีเอ๋อร์จึงได้เหมือนกันราวกับแกะ”ไป๋เฉินเซียงยิ้มแหย “นี่เรียกวิชาแปลงโฉมเจ้าค่ะ”หลินกวางหมิงตาโต “ช่างร้ายกาจยิ่งนัก”ไป๋เฉินเซียงไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงใดอีก “อยู่เช่นนี้ข้าก็อึดอัดเหมือนกัน”วูหลิงอีเอ่ย “แม่นางไป๋ ลำบากเจ้าแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า”ไป๋เฉินเซียงพยักหน้าหลานอี้ซิน “หากเจ้าอึดอัดก็ปลดวิชาแปลงโฉมนี้ออกก่อนเถิด”ไป๋เฉินเซียงมองทุกคนสลับไปมา จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างนึกปลดปลง “เจ้าค่ะ”พริบตาใบหน้าจิ้มลิ้มงดงาม ก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าพริ้มเพราสะสวย หลานอี้ซินมองไป๋เฉินเซียงแทบลืมหายใจ ทั้งยังจ้องเขม็งตาไม่กะพริบไป๋เฉินเซียง “แบบนี้คง ไม่อึดอัดกันแล้วกระมัง”วูหลิงอียิ้มบาง สีหน้าของนางสลดลงพลันคว้ามือทั้ง

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 33 เพราะเหตุใด (1)

    ไป๋เฉินเซียงรู้สึกกระอักกระอ่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนสับสน กระนั้นก็ต้องเหลียวมองบุรุษข้างกายด้วยความฉงนเมื่อรถม้าเคลื่อนมาได้สักพักก็หยุดลง“ยังไม่ถึงจวนสกุลวูนี่เจ้าคะ”“เรามีบางอย่างต้องสะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน”หลานอี้ซินคว้าแขนไป๋เฉินเซียงออกจากรถม้าด้วยความรวดเร็วเท้าเล็กเดี๋ยวเดินเดี๋ยววิ่งตามแรงดึง “ช้าก่อนเจ้าค่ะ เราจะไปที่ใดกันหรือเจ้าคะ”“ไปถึงเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” หลานอี้ซินผินหน้าไปยังหลีซงซึ่งทำหน้าที่เป็นสารถีจำเป็น “เจ้าพาคนนำของกำนัลไปยังจวนสกุลวูก่อน บอกว่าข้ากับฮูหยินจะตามไปโดยเร็ว ฮูหยินของข้าต้องการชมความงามของธรรมชาติชั่วครู่”ไป๋เฉินเซียงกะพริบตาถี่ “ข้าอยากชมตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ ไยท่านจึงคิดเองเออเองเก่งเพียงนี้”หลานอี้ซินแสร้งเมิน “ไปกันเถิดมีเวลาไม่มาก”หลานอี้ซินใช้มือทั้งสองคว้าเอวคอดไว้แน่น จากนั้นยกร่างระหงจนตัวลอยหวือขึ้นนั่งบนหลังม้า ร่างสูงกระโจนตามไปอย่างรวดเร็วพลางโอบแขนรอบเรือนร่างบอบบางเอาไว้ ไป๋เฉินเซียงใจเต้นระรัว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาพลันซับสีแดงระเรื่อ“จับไว้ดี ๆ เล่า” ลมห

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 32 พิสูจน์ความจริงใจ

    ไป๋เฉินเซียงต้องเร่งเตรียมตัวเพื่อกลับบ้านเดิมอย่างกะทันหัน นางพยายามขบคิดหาทางออกให้ตัวเองเพราะยังไม่อยากเผชิญหน้ากับครอบครัวของวูหลิงอีอีกครั้งในยามนี้“หรือข้าต้องส่งจดหมายไปหานางกันนะ” ไป๋เฉินเซียงพึมพำเสียงเบาหลานอี้ซินรับรู้ได้ว่าสตรีข้างกายตนยามนี้กำลังเกิดความกังวล “เจ้าไม่อยากกลับบ้านเดิมหรือ”ไป๋เฉินเซียงสะดุ้ง “…เปล่าเจ้าค่ะ ข้าเอง…ข้าก็คิดถึงท่านพ่อท่านแม่มากเหมือนกัน หลายเดือนมานี้เกิดเรื่องราวมากมายข้าเลยหลงลืมไปชั่วขณะ”หลานอี้ซินพยักหน้า “เช่นนี้เอง ลำบากเจ้าแล้ว”ไป๋เฉินเซียงยิ้มแห้งขอด “ไม่เลยเจ้าค่ะ”“นอนเถิด พรุ่งนี้ต้องเร่งเดินทางแต่เช้า”จากท่วงท่านอนหงายมองเพดาน อยู่ ๆ ร่างระหงก็พลิกกายอย่างรวดเร็ว เดิมทีไป๋เฉินเซียงและหลานอี้ซินเคยนอนร่วมเตียงกันแทบจะนับครั้งได้ จมูกเชิดรั้นยื่นเข้าใกล้หูอีกฝ่ายพลางหรี่ตาลงจนแคบ ลมอุ่น ๆ ที่เป่ารินรดใบหูเป็นเหตุให้หลานอี้ซินใจเต้นระส่ำ“จะ...เจ้าเป็นอะไร”“ท่านเร่งร้อนเกินไปแล้วนะเจ้าคะ คืนนี้ข้ายังไม่รู้จะนอนหลับหรือไม่ ต้องตื่นเร็วเพียงน

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 31 เผยตัวตน

    เหตุการณ์ก่อนเดินทางไปยังเรือนหวังเหล่ย [1] “เจ้าบอกความจริงมา เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้อย่างไร” เสียงทุ้มตวาดลั่น สาวใช้ข้างกายของจูจวิ้นอี๋ตัวสั่น“ท่านแม่ทัพ คือ…”“หากยังอ้ำอึ้งข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้ง!”สาวรับใช้หลับตาแน่น ยามนี้นางกำลังถูกไต่สวนอย่างหนัก ร่างกายโดนทารุณสารพัดจนสภาพดูไม่จืด แขนขาห้อยต่องแต่งเพราะกระดูกแตกละเอียด“…นั่นเพราะสะใภ้ใหญ่อยากวางยาสะใภ้รองเจ้าค่ะ”หลานจิ้นถงตะคอกโกรธเคือง “ไยนางต้องทำเช่นนั้น”“ในงานวิจารณ์ภาพวาดหนก่อน สะใภ้รองทำให้สะใภ้ใหญ่ขายหน้า ครั้งนี้นางอยากเอาคืน แต่ไม่รู้เหตุใดสะใภ้รองจึงมีสติครบถ้วนไม่ถูกพิษ ทว่ากลับเป็นสะใภ้ใหญ่เองที่โดนพิษนั่น เกรงว่า…กาสุราอาจถูกสับเปลี่ยนเจ้าค่ะ”หลานจิ้นถงกำหมัดจนกายสั่นสะท้าน “บัดซบ!”ฉับ!มือหยาบกร้านตวัดดาบหนึ่งหนด้วยความเดือดดาล โลหิตสีแดงฉานกระเซ็นเปรอะกำแพงเก่าสีลอกล่อน สาวใช้คนสนิทของจูจวิ้นอี๋แต่กาลก่อนถูกปลิดชีพสิ้นลมในที่สุด หากเขาไม่กำจัดนางทิ้ง เ

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 30 ผู้ร้ายตัวจริง

    อนุและบ่าวในเรือนหวังเหว่ยถูกไต่สวนจนถึงรุ่งสาง ทุกคนต่างไม่รู้เห็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะวุ่นวายกันมาทั้งคืนแต่ก็ยังไร้เบาะแส หลานจิ้นถงจำต้องมาเยือนที่เรือนหวังเหล่ย“น้องรอง”มือหยาบระคายที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบชะงักลงหลีซงค้อมศีรษะ “ท่านแม่ทัพ”หลานจิ้นถงพยักหน้าเป็นการทักทาย ร่างสูงเดินอ้อมไปยังเก้าอี้ไม้สักขัดเงาอีกด้าน หลานอี้ซินได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ริมฝีปากของเขาขยับยกเป็นรอยยิ้มจาง ๆ“พี่ใหญ่ เหตุใดวันนี้มาที่เรือนข้าแต่เช้า” แววตาของหลานอี้ซินยังคงดูเหม่อลอยไร้แสงเช่นเดิม นัยน์ตาเรียบเรื่อยทอดมองไปเบื้องหน้าหลานจิ้นถงสังเกตสีหน้าน้องชายพักหนึ่ง ต่อมาจึงตัดสินใจนั่งลงขนาบข้าง หลีซงเห็นเช่นนั้นก็เข้ามารินชาให้เขา ก่อนถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่หลานจิ้นถงมองควันสีขาวที่ลอยขึ้นจากชาถ้วยเล็ก ยามนี้เขาไม่อาจกระเดือกสิ่งใดให้ไหลผ่านลำคอของตนลงไปได้เลย“พี่ใหญ่ ท่านคงมีเรื่องไม่สบายใจกระมัง”หลานจิ้นถงถอนหายใจ “ข้าคิดว่าเจ้ารู้แล้ว”หลานอี้ซินตอบ “ข้าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย”หลาน

  • วิวาห์ลวงรักแม่ทัพตาบอด   บทที่ 29 ภาพหลอน

    ปลายยามฮ่าย [1] หลังงานน้ำชาเลิก“สะใภ้ใหญ่ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ”“อย่าเข้ามานะ เจ้าถอยออกไป ถอยไป!” จูจวิ้นอี๋ดึงทึ้งศีรษะของตนประหนึ่งคนเสียสติสาวใช้ข้างกายร่ำไห้น้ำตานองหน้า นางคิดหาทางออกไม่เจอสักทาง พยายามเข้าห้ามทุกครั้งก็ถูกจูจวิ้นอี๋ผลักจนล้มก้นจ้ำเบ้าทุกรอบ ครั้นจะวิ่งไปหาหลานจิ้นถงยามนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด อันที่จริงเขาไม่โผล่มาที่นี่หลายวันแล้ว จูจวิ้นอี๋เอาแต่พูดคำเดิมซ้ำ ๆ วนไปมาพลางขับไล่สาวใช้คนสนิทดั่งเห็นปีศาจร้าย จูจวิ้นอี๋เอาแต่ทำร้ายตัวเองจนเกิดบาดแผลเต็มตัว ปลายเล็บของนางจึงเต็มไปด้วยเส้นผมคราบโลหิต“เจ้าอย่าเข้ามานะ ถอยไป ถอยออกไปเดี๋ยวนี้!”ท่ามกลางหมอกควันสีขาวซึ่งลอยโขมงขึ้นกลางอากาศ หญิงสาวร่างระหงสวมอาภรณ์สีขาวบางขาดกะรุ่งกะริ่ง ทั้งตัวของนางเปียกโชกไปด้วยน้ำ เส้นผมยาวสยายดำขลับแนบลู่ปกปิดระใบหน้า ขาเสลาที่เต็มไปด้วยบาดแผลและร่องรอยฟกช้ำค่อย ๆ ย่างกรายเข้าหาจูจวิ้นอี๋ที่กำลังนั่งหดขาตัวเกร็ง แววตาเย็นยะเยือกสาดสะท้อนไอสังหารแล

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status