(ต่อ)
ติ๊ด...ติ๊ด...
เสียงกรีดร้องจากโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันภายในห้องพักของโรงแรมระดับห้าดาว ร่างเปลือยเปล่าสองร่างยังคงอิงแอบแนบซบกันไม่ยอมห่างหาย หลังจากบทเพลงแห่งรักได้จบสิ้นลงไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน น่านพยัคฆ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างนุ่มนิ่มออกห่างแม้แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว เขายังคงตระกองกอดร่างงามเอาไว้ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ กลิ่นกายหอมอ่อนจากเนื้อนวลทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย จนหลับสบายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต ตั้งแต่วัยเด็กจวบจนกระทั่งวัยหนุ่ม...บางอย่างที่เขาขาดหายและไม่เคยได้รับจากใคร แม้แต่ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดของตัวเองแท้ๆ เขาก็ไม่เคยได้รับจากท่านเลย มันรู้สึกอิ่มเอมหัวใจอย่างบอกไม่ถูก หรือนี่เขาจะหลงแม่เนื้อหอมเข้าให้แล้วก็ไม่รู้...
ส่วนนิดาเองก็หลับสนิทเพราะฤทธิ์ของยาสลบยังคงไม่หมดประสิทธิภาพ อีกทั้งผสมกับหญิงสาวถูกวายร้ายสูบเอาพลังแรงกายจนหมดสิ้นไปตอนสูญเสียพรหมจรรย์ให้กับตัวร้ายอย่างหน้าด้านๆ หากหญิงสาวตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย ยังไม่รู้เลย เธอจะทำเช่นไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แต่ในความฝันอันเลวร้ายนั้น กลับมีบางอย่างทำให้นิดารู้สึกและรับรู้ได้ เธอจะปลอดภัยเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่นนี้...
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...
เสียงเตือนจากสายเรียกเข้ายังคงแผดเสียงร้องดังอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ร่างใหญ่ขยับตัวขึ้นมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด...
“ใครวะเสือกโทรมาตอนนี้...” น่านพยัคฆ์ขมวดคิ้วหงุดหงิด แต่ก็ยังปล่อยให้เครื่องมือสื่อสารแผดเสียงดังต่อไป
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...
“อืม...” เสียงห้าวร้องครางออกมาเมื่อเสียงรบกวนเวลาพักผ่อนไม่ยอมหยุดลงง่ายๆ มือใหญ่จึงค่อยๆควานหาต้นตอแห่งเสียงอันน่ารำคาญ ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับวัตถุสีทองยี่ห้อใหม่ล่าสุด พร้อมกับนิ้วแกร่งกดรับลงบนปุ่มหน้าจอ โดยไม่ยอมลืมเปลือกตาขึ้นมองหน้าจอเลยด้วยซ้ำว่าใครโทรเข้ามา
“นาย...นายครับ...นายสิงห์แย่แล้ว...” เมื่อปลายสายกดปุ้มรับปุ๊บ มืดจึงไม่รอให้ทางปลายสายนั้นเอ่ยเสียงใดๆออกมาด้วยซ้ำ พอสัญญาณบ่งบอกว่ามีคนรับสาย มืดก็รีบรายงานข่าวร้ายกับเจ้านายด้วยจิตใจร้อนรน ปากก็รายงานตัวเองก็รีบวิ่งไปยังชั้นจอดรถยนต์ด้วยความเร่งรีบ ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับหนุ่มไทยฉายความวิตกกังวลอย่างเด่นชัด เมื่อก่อนหน้านี้ทางไร่ราชพยัคฆ์โทรเข้ามาหาเขา นายน่านสิงห์ขับรถชนต้นไม้ ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู อาการยังน่าเป็นห่วงอยู่ห้าสิบห้าสิบ...
ร่างใหญ่ที่นอนพักเอาแรงหลังจากหมดพลังงานไปกับการกินเนื้อหอมหวาน ก็ถึงกับลืมตาโพลง เมื่อได้ยินชื่อของบิดาตัวเอง...
“ พ่อข้าเป็นอะไร...มึงพูดใหม่สิไอ้มืด” น่านพยัคฆ์ถามลูกน้องกลับด้วยน้ำเสียงติดกระด้าง รีบกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังระมัดระวังวางร่างน้อยลงกับเตียงนอนอย่างแผ่วเบา เขาค่อยๆผ่อนศีรษะทุยสวยวางลงบนหมอนใหญ่ ก่อนจะกระโจนออกไปยืนคุยโทรศัพท์ยังด้านนอกระเบียงแทน เพราะกลัวเสียงดังของเขาจะไปรบกวนเวลานอนของนิดาเอาได้
“ว่าไง!...พ่อกูเป็นอะไร” น่านพยัคฆ์ตะคอกเสียงดังด้วยความร้อนใจ
“นายสิงห์ประสบอุบัติเหตุรถชนกับต้นไม้ครับนาย...” มืดรายงานผู้เป็นนายเมื่อขับเคลื่อนยานพาหนะคู่ใจมาจอดตรงบริเวณด้านหน้าของตัวโรงแรม
“ห๊า!!! มึงว่าพ่อกูเป็นอะไรนะ...” น่านพยัคฆ์ตัวชาวาบรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาฉับพลัน
“รีบๆลงมาเถอะนาย มืดขับรถมาจอดรอตรงหน้าทางเข้าโรงแรมแล้ว ส่วนตั๋วเครื่องบินมืดก็โทรจองให้นายเรียยร้อยแล้วด้วยครับ...” มืดเร่งเจ้านายให้ลงมาด่วน เมื่อมืดวางสายจากทางไร่เสร็จ ก็รีบจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมอย่างรู้งาน เมื่อใจของมืดเอง ก็รู้สึกเป็นห่วงเจ้านายใหญ่แห่งไร่ราชพยัคฆ์ไม่ต่างกัน
“เออ...เดี๋ยวกูลงไปไม่เกินห้านาที มึงเตรียมสตาร์ทรถรอกูไว้เลย...” น่านพยัคฆ์กดวางสายลูกน้อง ก่อนจะเดินเข้ามาภายในห้องพักหรูหราเหมาะสมกับค่าพักคืนล่ะหลายหมื่นบาท สายตาคมกริบกวาดมองร่างหอมของคนตัวเล็กอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่รู้พรุ่งนี้ถ้าหากหญิงสาวตื่นขึ้นมาจะตกใจมากน้อยแค่ไหน หากเธอเห็นสภาพของตัวเองเป็นเช่นนี้
รอยแดงเป็นจ้ำตามเนื้อตามตัวเต็มไปหมด ไหนจะลอยเลือดจางๆบนผ้าปูสีขาวนั่นอีก ไม่บอกก็พอจะเดาได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่องรอยต่างๆทั้งบนร่างของหญิงสาวกับเตียงนอน... แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อพ่อของเขากำลังตกอยู่ในช่วงวิกฤต ไม่รู้อาการของท่านจะหนักเบาเพียงใด เอาไว้เขาจะกลับมาจัดการกับแม่เมียขัดดอกของเขาทีหลังก็แล้วกัน ถึงยังไงเสียเขาก็ไม่อาจปล่อยให้แม่เนื้อหอมของเขาต้องตกไปเป็นของใครได้อีกแล้ว ในเมื่อเธอเป็นของเขา และก็ต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นด้วย....แววตาสีสนิมเหล็กทอดมองร่างน้อยด้วยความห่วงแหน ริมฝีปากหยักสวยยกยิ้มอย่างอิ่มเอมใจเมื่อหวนคิดถึงห้วงเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไปเมื่อครู่นี้ ทุกอย่างยังคงแช่มชื่นในหัวใจของเขาไม่จืดจาง แต่ก็ต้องรีบตัดใจ เมื่อบิดาของเขาก็อาการไม่ดีจนเขาอดห่วงไม่ได้เช่นกัน...