Share

บทที่ 4

last update Huling Na-update: 2025-08-19 11:30:36

บทที่ 4

แต่งงานกับคนป่าคลั่งรัก

               ตกเย็น อาหารที่ขึ้นโต๊ะมีมากกว่าเดิม หนึ่งในนั้นคือไก่ตุ๋นที่นางเรียกร้องไป

               อีกอย่าง อาหารส่วนใหญ่นั้นเป็นของที่ได้จากชาวบ้านเมื่อตอนกลางวันทั้งสิ้น หรงหรานมองอาหารและสุราด้วยสีหน้าฉงน

               “เจ้าคนป่าเถื่อนนี่ อยากเลี้ยงฉลองให้ข้าที่หายดีเหมือนกันสินะ”

               นางพูดยิ้มๆ

               เหล่ยเซินไม่ตอบ กลับก้มหน้ารินสุราใส่จอก

               เมื่อรินสุราใส่จอกทั้งสองใบเรียบร้อย จอกหนึ่งเขายื่นให้นาง อีกจอกเป็นของเขาเอง   

               “ชน” เขาบอกสั้นๆ

               นางทำตามด้วยสีหน้างุนงงเช่นเคย

               อึดใจต่อมา หลังจากกระดกสุราในจอกจนหมดแล้ว เหล่ยเซินก็พูดขึ้นว่า “แต่งงานเรียบร้อย”

               “เอ๊ะ!?” หรงหรานเอียงศีรษะร้องด้วยความแปลกใจ “เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ”

               แต่งงานหรือ แต่งงานอะไร

               ระหว่างคิดหรงหรานมองสุราที่เพิ่งดื่มเข้าไปสลับกับมองเหล่ยเซิน

               “แต่งงานเรียบร้อย” เขาย้ำ

               “เดี๋ยวสิ นี่คือสุราเคียงใจหรอกหรือ”

               “อืม”

               “ตลกแล้ว แค่ดื่มสุราไปจอกเดียวก็คือการแต่งงานหรือ ไม่สิ แต่งงานต้องมีแม่สื่อ และยังต้องมีพิธีกราบไหว้ฟ้าดินด้วยไม่ใช่หรือ”

               หรงหรานไม่ยอมรับ แต่งงานต้องมีญาติผู้ใหญ่ มีการกราบไหว้ฟ้าดิน แค่ดื่มสุราจอกเดียวกับอาหารจัดเต็มโต๊ะจะเรียกว่าแต่งงานได้อย่างไร  

               “หมู่บ้านนี้ไม่มีพิธีรีตองขนาดนั้น”

               “หา?”

               “คนที่นี่ หากรู้ว่าบ้านไหนกำลังมีงานมงคล พวกเขาก็จะเอาหมูเห็ดเป็ดไก่มาให้เพื่อร่วมยินดี และเจ้าก็รับมาโดยไม่ปฏิเสธ”

               สิ้นคำพูดนั้น หรงหรานสูดหายใจลึกติดๆ กันหลายเฮือก  

               “ใครจะรู้ว่าอาหารที่พวกเขาเอามาให้เหล่านี้จะมีไว้เพื่องานมงคล ที่สำคัญ ท่านมีสิทธิ์อะไรมาทำกับข้าเช่นนี้”

               “ข้าบอกไปแล้วว่าจะรับผิดชอบ”

               “แต่ก็ควรถามความเห็นของข้าก่อนสิ!”

               เพราะเริ่มโมโห นางจึงขึ้นเสียงกับเขา  

               เขานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้าจะเข้าหอกับข้าเลยหรือไม่”

               “ไม่” นางตอบทันควัน

               อย่างไรเสีย ประเด็นสำคัญไม่ใช่คำถามนี้ เขาต้องถามนางว่า ‘จะยอมแต่งกับเขาหรือไม่’ ถึงจะถูก

               “แต่เจ้าดื่มสุราเคียงใจไปแล้ว”

               “เช่นนั้นจะถามข้าเพื่ออะไร”

               “เจ้าบอกให้ถาม”

               คราวนี้หรงหรานพูดไม่ออก ชายคนนี้โง่งมหรือดื้อรั้นกันแน่

               ดียิ่ง...อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ได้ขืนใจนางทันทีหลังจากดื่มสุราเข้าไป นางคิดอย่างประชด ว่าก็ว่าเถอะ บัดซบเอ๊ย ถามนางสักคำหรือไม่ว่ายินยอมแต่งด้วยหรือเปล่า

               “พอเลย ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ยอมรับงานแต่งนี้” นางสรุป

               “แต่ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้กันหมดแล้ว”

               เนื่องจากเหล่ยเซินบอกคนทั้งหมู่บ้านว่าจะแต่งงาน พวกเขาเหล่านั้นจึงนำอาหารมาให้เพื่อแสดงความยินดี รวมถึงสุราเคียงใจ อีกทั้งนางยังรับของเหล่านี้มาเองกับมือ บอกว่าไม่แต่งเอาตอนนี้เกรงว่าสายไปแล้วกระมัง

               แม้ไม่มีการจัดงานใหญ่โต ไม่มีพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน แต่แค่คำบอกกล่าวสองสามคำ ทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้ก็กันถ้วนทั่ว

               หรงหรานฟุบหน้าลงกับโต๊ะ สักครู่สั้นๆ นางพลันลุกจากเก้าอี้แล้วพุ่งเข้าใส่เหล่ยเซินหมายขย้ำคอเขาให้ตาย งานแต่งนี้จะได้เป็นโมฆะ

               “ตายซะ เจ้าคนป่าเถื่อน!”

               รู้ว่าวิธีเช่นนี้เป็นการกระทำของคนที่โง่เขลา แต่เมื่อความโมโหบังตา ทุกคนต่างทำสิ่งโง่เขลากันทั้งนั้น

               ทว่าพอสองมือยื่นออกไปหมายบีบคอหนาๆ ของเหล่ยเซิน หรงหรานก็เป็นฝ่ายถูกเขาจับยึดข้อแขน ถูกช้อนขึ้นอุ้ม ก่อนจะพาไปที่เตียงนอน

               เมื่อร่างแบบบางถูกวางบนเตียงที่ปูด้วยขนสัตว์

               เขาไม่พูดพล่ามใดๆ ถอดชุดของนางออก ไม่สิ แทนที่จะเรียกว่าถอด ต้องบอกว่าเขากระชากชุดออกด้วยความดิบเถื่อนต่างหาก

               “บัดซบเอ๊ย! ปล่อยข้านะ”

               นางกรีดร้อง ยกเท้าถีบเร่าๆ แต่แล้วมือหนาก็ขยำทรวงงามขาวผ่อง มืออีกข้างที่ว่างก็ลูบไล้ไปทั่วส่วนเว้าส่วนโค้ง

               “...อ่าาา”

               ทั้งที่ไม่เต็มใจ หากนางกลับอ่อนระทวยใต้มือสากหนาของเหล่ยเซิน

               ดีที่เขารู้จักวิธีเล้าโลม ไม่ได้ดันทุรังจ้วงแทงเข้าใส่ทันที

               ไม่สิ นางไม่ควรเคลิบเคลิ้ม

               หรงหรานผลักไสเหล่ยเซิน ทั้งทุบทั้งตี ทั้งยังยกเท้าถีบไม่ยั้ง

               แต่แล้ว มือหนาที่ขยำทรวงอกอิ่มสวยก็เปลี่ยนมาบดคลึงเม็ดทับทิมที่อยู่ปลายถัน นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของเหล่ยเซินบดขยี้ยอดอกที่เริ่มแข็งคัดเป็นไต  

               “อ๊ะ อื้อ...”

               ไม่เพียงเล้าโลมทรวงอกงาม เหล่ยเซินยังโน้มหน้าลงมาประกบปากของนาง หนวดเคราของเขาทำเอานางคันยุบยิบ แต่ลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาในโพลงปากทำให้เคลิบเคลิ้มอย่างแปลกพิกล

               นางเปิดปากตอบรับจูบของเขา 

               ทันใดนั้น นางรับรู้ได้ถึงนิ้วหยาบที่ลูบไล้เนินสาวเบื้องล่าง

               “อ๊าาา!!!”

               ความเสียวแล่นพล่านจากกึ่งกลางลำตัว เอวบางสั่นระริก  

               “จุ๊บ...”

               เหล่ยเซินยังคงพรมจูบทั่วใบหน้าของหรงหราน  

               “อื้อ อ๊าาา”

               มือหยาบกระด้างปรนเปรอร่างกายแบบบาง ซ้ำจูบอันเร่าร้อนยังทำให้นางรู้สึกดีเกินบรรยาย นางอดจะสบถในใจมิได้

               ‘บ้าเอ๊ย บ้าเอ๊ย!’  

               ใช่ หรงหรานคงบ้าไปแล้ว ทั้งที่สภาพไม่ต่างจากถูกบังคับ แต่ร่างกายกลับเร่าร้อนดั่งถูกไฟเผา ยิ่งถูกเล้าโลมสมองของนางก็ยิ่งขาวโพลน ดวงตาคู่สวยหรี่ปรืออย่างเคลิ้มลอย   

               จังหวะนั้นเอง เหล่ยเซินผละตัวออกแล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเอง เมื่ออาวุธร้ายคู่กายถูกชักออกมา หรงหรานก็ตื่นจากภวังค์

               ท่อนร้อนที่ผงาดอย่างอหังการตรงหน้ามีขนาดใหญ่ มิหนำซ้ำรอบๆ ยังมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นบอกถึงความแข็งแรงอันทรงพลัง นางสะดุ้งเฮือก ตื่นจากอาการเคลิบเคลิ้ม และอดคิดไม่ได้ว่า ‘ข้าจะตายเพราะอาวุธของเขาหรือไม่’

               พอได้สติ หรงหรานรีบส่ายหน้าระรัวพร้อมกระถดถอยตามสัญชาตญาณป้องกันตัว

               “ไม่มีทาง ใส่เข้ามาไม่ได้หรอก”

               “ได้”

               “ท่านอยากทำให้ข้าตายหรือ”

               “เจ้าไม่ตายหรอก”

               ระหว่างที่ทั้งสองโต้เถียงกันไปมานั้นเอง เหล่ยเซินดึงนางกลับมาอยู่ใต้ร่างดั่งเดิม เขาเล้าโลมนางด้วยมือและริมฝีปากต่อ มิหนำซ้ำนิ้วแกร่งยังสอดเข้ามาในใจกลางบุปผาเพื่อเปิดทางให้สะดวกยิ่งขึ้น

               “อ๊า!”

               นางหวีดร้อง สะโพกลอยขึ้นจากเตียง

               ไม่ได้เจ็บแต่อย่างใด เนื่องจากก่อนหน้านั้นถูกเขาเล้าโลมจนเกิดอารมณ์หวามไหว บุปผางามจึงหลั่งน้ำหวานออกมาทำให้นิ้วแกร่งสอดเข้ามาได้อย่างสะดวก ถึงอย่างนั้นก็ยังคับแน่นอยู่ดี   

               “ข้าชอบเจ้า”

               เหล่ยเซินประกาศ 

               ร่างกายของหรงหรานร้อนวูบวาบเมื่อได้ยินอย่างนั้น ลืมสิ้นเรื่องที่เขากระทำป่าเถื่อนกับนางตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้

               เหล่ยเซินก้มหน้าลง ก่อนลิ้นสากร้อนจะกวาดเลียยอดปทุมถันสีหวาน ความดื้อรั้นของเขาทำเอานางใจอ่อนยวบ ในท้องปั่นป่วน  

               “ดะ ได้...ข้ายอมเป็นเมียเจ้า....อ๊ะ อ๊ะ ก็ได้”

               เสียงของนางสั่นเครือ สุดท้ายก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดจากปาก นอกจากเสียงครวญคราง

               ในตอนนั้น นิ้วที่สองและสามถูกสอดเข้ามาในดอกบัวตูมซึ่งบานสะพรั่งแล้ว สะโพกผายแอ่นโค้ง หญิงสาวครางอื้อๆ อ๊าๆ พร้อมกับส่วนล่างที่กระเด้งกระดอนรับกับจังหวะนิ้วซึ่งขยับอยู่ในกาย

               เสียงครางของนางดังกลบเสียงเฉอะแฉะยามที่เขาขยับนิ้วระรัว

               หลังจากเหล่ยเซินเตรียมพร้อมให้นางเรียบร้อย อาวุธแสนอหังการก็ถูกจับดันเข้ามาในกายสาว เขาดันเข้ามาช้าๆ กระทั่งสุดลำ

               ทั้งที่ยังไม่ได้ขยับ ข้างในของนางก็เสียววาบจราวกับจะปลดปล่อยอยู่รอมร่อ

               “อื้อ...อ๊า...”

               หรงหรานแยกขาออกกว้างตามสัญชาตญาณความต้องการ ทั้งยังบิดเอวอย่างเร่าร้อนไปด้วย

               “ข้าจะขยับแล้วนะ”

               เขาบอก ก่อนประคองสะโพกงามให้ลอยสูงกว่าเดิม อึดใจต่อมาบั้นเอวแกร่งก็เริ่มโยกไหว จากจังหวะเนิบช้าค่อยเร่งความเร็ว

               หรงหรานโยกคลอนไปตามจังหวะของเหล่ยเซิน พร้อมส่งเสียงครวญครางรัญจวนด้วยความสุขสม

               ท่อนร้อนอันใหญ่โตยามเสียดสีเข้าๆ ออกๆ ทำเอานางเสียววาบจนขนลุกขนชันไปทั้งร่าง

               “อ๊ะ อื้อ...อ๊ะๆ อ๊า!”

               ตอนที่เหล่ยเซินเร่งความเร็วขึ้นอีกหน่อย หรงหรานก็ครางเสียงแหลมพร้อมกับเอวบางที่สั่นกระตุก ในที่สุดนางก็แตะขอบสวรรค์ หากกระนั้น บั้นเอวแกร่งยังคงขยับเข้าขยับออกอย่างต่อเนื่อง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังท่ามกลางความสุขรัญจวน

               ตลอดทั้งคืนนางถูกเขาจับหงายจับคว่ำ ถูกเติมเต็มครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งรุ่งสาง เขาจึงยอมผละออกจากนาง

               หรงหรานที่ตัวเล็กกว่าเหล่ยเซิน พอนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดดูเหมือนจะเข้ากันอย่างพอดิบพอดี ซ้ำร่างกายของเขายังอบอุ่นและให้รู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างยิ่ง พอปิดเปลือกตาลง นางก็เข้าเฝ้าเทพเจ้าแห่งความฝันทันที

              

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 47

    บทพิเศษต่างก็คลั่งรักพอกลับมาถึงตำหนักท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว เซียวอวิ้นหยางถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินไปนั่งบนเตียงขนาดใหญ่เอ่ยปากบอกพร้อมกับตบลงบนตักของตนด้วยประกายตาที่สั่นไหว “มานี่” ทีแรกฟางถิงถิงงุนงงเล็กน้อย แต่แล้วก็นึกได้ว่าตอนขี่ม้ารับลมชมวิวอยู่ข้างนอก เซียวอวิ้นหยางทั้งบอกรักทั้งจูบนางอย่างดูดดื่ม ช่วงเวลานั้นบรรยากาศเป็นใจยิ่งนัก หากไม่ติดว่าอยู่ข้างนอก เขาคงครอบครองนางตรงนั้นแล้วกระมัง นางยิ้มน้อยๆ พร้อมเดินเข้าไปนั่งลงบนตักของสามี จากนั้นยกสองมือขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรง ภายในห้องไม่ได้จุดเทียน มีเพียงแสงสว่างสีเงินยวงจากดวงจันทร์ที่ลอดเข้ามาทางกรอบหน้าต่าง กระนั้นตอนที่สบประสานสายตากันก็ยังมองเห็นว่าพวกเขาต่างก็โหยหากันมากแค่ไหน เซียวอวิ้นหยางโอบกอดเอวบาง ซ้ำยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปกดจูบกลีบปากอิ่มสวย “อื้อ...” เสียงของนางดังลอดออกจากริมฝีปากแผ่วเบา มิหนำซ้ำยังเผยอริมฝีปากเพื่อเปิดรับลิ้นร้อนที่ชอนลึกเข้ามาในโพรงปาก ทันใดนั้นราวกับเปลวไฟแห่งราคะถูกจุดให้ลุกโชยขึ้นกลางอก มือใหญ่ที่ป

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 46

    บทที่ 46คลี่คลาย (2) ย้อนกลับมาทางเซียวอวิ้นหยาง ทันทีที่กลับเข้าตำหนักก็ถูกภรรยาวิ่งเข้ามาสวมกอด “เป็นอย่างไรเพคะ ถูกฝ่าบาทลงโทษหรือไม่” ฟางถิงถิงร้อนรนถามหลังจากผละออกไป ทั้งยังมองสำรวจร่างกายของเซียวอวิ้นหยางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสีหน้ากังวล เซียวอวิ้นหยางยิ้มมองพระชายาสุดที่รัก ยื่นมือลูบเส้นผมนุ่มลื่นของนางพลางกล่าวว่า “ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง แค่ถูกฝ่าบาทตำหนินิดหน่อยเท่านั้นเอง” “แค่นั้นจริงๆ หรือเพคะ” “แค่นั้นจริงๆ” เซียวอวิ้นหยางย้ำ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังบอกเล่าเกี่ยวกับราชโองการให้นางฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องที่เซียวจื้ออี้ถูกถอดออกจากตำแหน่งรัชทายาท หลินซวงเอ๋อร์ถูกเนรเทศ และเสนาบดีหลินถูกพักงาน รวมถึงเรื่องที่เขาและนางจะต้องเดินทางกลับดินแดนซีโจวด้วยกัน เมื่อมองจากสีหน้าแล้วเห็นเซียวอวิ้นหยางไม่ได้โกหก ฟางถิงถิงจึงถอนใจด้วยความโล่งอก “จะอยู่เมืองหลวงหรือต่างแดนหม่อมฉันไม่คิดมากหรอกเพคะ แต่ที่สงสัย พระองค์ร่วมมือกับองค์ชายสามตั้งแต่เมื่อไร” “ที่แท้เจ้าก็ติดใจ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 45

    บทที่ 45คลี่คลาย (1) เพียงคืนเดียว วีรกรรมของเซียวออวิ้นหยางก็ดังมาถึงพระกรรณฝ่าบาท โดยเฉพาะฆ้องปากแตกอย่างเสนาบดีหลินจะอยู่เฉยได้หรือในเมื่อบุตรสาวของตนถูกกระทำเช่นนั้น เสนาบดีหลินรีบเข้าวังตั้งแต่เช้าตรู่ ใช้เรื่องที่หยางอ๋องกับองค์ชายสามรังแกบุญสาวของตนมาเรียกร้องหาความเป็นธรรม แน่นอนว่าเซียวอวิ้นหยางก็ถูกเรียกเข้าเฝ้าภายในตำหนักส่วนพระองค์เช่นเดียวกัน “คราวนี้เจ้าทำเกินไปแล้ว ถ้ารัชทายาทเจ็บตัวขึ้นมา เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ” “ไม่เจ็บตัวหรอกพ่ะย่ะค่ะ ตรงนั้นยังมีทหารตั้งสองนายคอยคุ้มกันรัชทายาท” “ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ภาพลักษณ์ที่รัชทายาทถูกจับมัด ร้องไห้ฟูมฟายถูกแพร่งพรายออกไปแล้ว คราวนี้เจ้าตัวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยังมีอีก คุณหนูหลินเองก็เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย เจ้ารู้หรือไม่” “ฝ่าบาทคงลืมไปแล้วกระมัง ชื่อเสียงของหลินซวงเอ๋อร์เสื่อมเสียตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ความผิดของกระหม่อมสักหน่อย” “แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้...เฮ้อ!” ทันทีที่มาถึงตำหนักส่วนพระองค์ เซียวอวิ้นห

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 44

    บทที่ 44มีแค้นต้องชำระ (2) “จับข้ามัดเนี่ยนะคือเล่นสนุก?” รัชทายาทถามหน้าตาขึงขัง “ถูกต้อง ข้าอยากลองเปลี่ยนจากผู้ล่าให้เป็นผู้ถูกล่าบ้าง” “เจ้าสาม เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้รึ!?” รัชทายาทเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่องค์ชายสาม หากแต่ฝ่ายหลังกลับไม่มีท่าทีว่าจะหวาดกลัว ตรงข้าม องค์ชายสามยิ้มครึ้มใจแล้วกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน ทว่าน้ำเสียงกลับน่าขนลุกสุดๆ “เสด็จพี่รัชทายาท ข้าได้ยินมาว่าเสด็จอาของเราเก่งเรื่องล่าสัตว์ สมัยอยู่ที่ซีโจวแค่ผิวปากครั้งเดียว ฝูงหมาป่าละแวกใกล้ๆ ก็กรูกันเข้ามา ข้าอยากเห็นเสด็จอาควบคุมฝูงหมาป่ากับตาตัวเอง ท่านอยากเห็นหรือไม่” “มะ...หมายความว่ายังไง” “มาดูวิธีเรียกหมาป่าของเสด็จอากันดีกว่า ข้าอยากเห็น เสด็จพี่รัชทายาทก็ช่วยให้ความร่วมมือหน่อยเถอะ” เมื่อองค์ชายสามพูดจบ เสียงผิวปากยาวแหลมก็ดังขึ้นอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า ก่อนเสียงเห่าหอนของฝูงหมาป่าจะดังตามหลัง รัชทายาทกับหลินซวงเอ๋อร์ที่ถูกมัดขยับไปไหนไม่ได้หวาดกลัวตัวสั่นเทิ้ม สักครู่ต

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 43

    บทที่ 43มีแค้นต้องชำระ (1) ภายในกระโจม ฟางถิงถิงนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์โดยมีม่านเอ๋อร์ สาวใช้ประจำตัวคอยบีบนวดไหล่ให้ “อือ...ม่านเอ๋อร์บีบนวดได้ดีที่สุด” “ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู อ๊ะ ไม่สิๆ ขอบพระทัยเพคะพระชายา ว่าแต่ พระชายามีเรื่องอะไรสนุกๆ หรือเพคะ เห็นอมยิ้มตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” “ข้ายิ้มหรือ” ฟางถิงถิงถามพลางแตะหน้าตัวเอง ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังยิ้มอยู่ “พระชายายิ้มอยู่จริงๆ เพคะ” ม่านเอ๋อร์ย้ำ “อย่างนั้นหรือ” “เพคะ” เมื่อครู่นั้น ฟางถิงถิงกำลังคิดถึงเซียวอวิ้นหยาง และเรื่องสนุกๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเพราะเหตุนี้นางจึงอารมณ์ดีจนเผลอยิ้มออกมาก็เป็นได้ ฟางถิงถิหันไปหยิบขนมชิ้นหนึ่งแล้วส่งให้กับม่านเอ๋อร์ “อะไรหรือเพคะ” ม่านเอ๋อร์ถามด้วยความใสซื่อ “วันนี้ข้าอารมณ์ดี อีกอย่าง ฝีมือการนวดของเจ้าก็พัฒนาขึ้น ข้าให้รางวัลน่ะ” “ขอบพระทัยเพคะ” ม่านเอ๋อร์ย่อกายทำความเคารพ ก่อนจะรับขนมจากเจ้านายด้วยสีหน้าเบิกบานแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย ฟางถ

  • สามีข้า คือคนป่าคลั่งรัก   บทที่ 42

    บทที่ 42เอาคืน ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดทำให้ฟางถิงถิงถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ตอนได้สติและตื่นขึ้นมาร่างกายของนางจึงปวดระบมมากกว่าปกติ หนำซ้ำนางยังรู้สึกผิดต่อเซียวอวิ้นหยาง เขาช่วยเหลือนางครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่ช่วยบรรเทาความร้อนจากพิษกำหนัดก็ด้วย...คิดแล้วก็หันมองชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาหลงใหล “ขอบคุณ...สามี” นางกระซิบบอกเขาด้วยความซาบซึ้ง ดวงตาคู่งามยังคงจับจ้องใบหน้าคมสันของสามี ในมุมมองของเซียวอวิ้นหยาง ตั้งแต่ที่สัมผัสได้ถึงสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองตน สัญชาตญาณของนักล่าก็ตื่นตัว ทว่าคนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่หาใช่คนอื่น หากเป็นฟางถิงถิง ชายาของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงแกล้งหลับต่อไป ทว่าตอนที่ได้ยินนางเรียกเขาว่า 'สามี' วิญญาณนักล่าราวกับประทับลงร่าง ทันทีที่เปลือกตาของเขาเปิดขึ้น มือใหญ่ก็เอื้อมมือออกไปโอบกอดเอวบางแล้วดึงนางเข้ามาแนบอก ครั้นร่างนุ่มนิ่มแนบชิดหน้าอกแกร่ง เซียวอวิ้นหยางอดจะสูดหายใจลึกไม่ได้ แค่ได้กอดภรรยา ความปรารถนาก็พลอยจะตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง ตรงข้ามกับฟางถิงถิง พอถูกโอ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status