เธอขอให้ตนเองได้มีชีวิตครอบครัวที่แสนอบอุ่นสักครั้ง หากในชาติภพนี้ไม่สมหวัง ในชาติภพหน้าจะมีหวังไหมนะ คำขอพรสุดท้ายพร้อมกับลมหายใจที่หมดลง ' ซันนี่ 'สาวน้อยเสียโลกปัจจุบันชีวิตเพราะลูกชิ้นติดคอ แต่ว่านะขอบ่นหน่อยเถอะจะตายทั้งที จะตายดีๆ สวยๆ หน่อยก็ไม่ได้ ดันมาตายเพราะลูกชิ้นติดคอ แถมที่น่าหดหู่ที่สุดก็คือการยังไม่มีแฟนนี้ล่ะ บัดซบซะจริง แต่เดี๋ยวนะ ที่นี้ที่ไหน ตื่นมาทำไมมีผัวเลยล่ะ ข้ามขั้นไปนะพี่สาวเมิ่ง
View More“พี่อี้หลินคือข้ามีเรื่องจะบอกท่านเจ้าค่ะ”“เจ้ามีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ข้าไม่ได้มีเวลาว่างจะมานั่งคุยกับเจ้าได้ทั้งวันหรอกนะ” เขาเบื่อหน่ายสตรีนางนี้ยิ่ง ก่อกวนครอบครัวเขาไม่เลิก คราวนี้จะมีแผนอะไรอีกเขาอยากจะรู้นัก เห็นทีหลังจากนี้หากไม่เลิกราจะต้องสั่งสอนกันบ้างให้หลาบจำ"พี่อี้หลินที่ข้ามาหาท่านเพราะจะมาเตือนเรื่องภรรยาท่าน ตอนนี้นางกำลังจะสวมหมวกเขียวให้ท่านนะเจ้าคะ""เจ้าพูดอะไรของเจ้าข้าไม่เชื่อ" หวังอี้หลินมองอีกฝ่ายอย่างกินเลือดกินเนื้อ เขารู้ดีว่าภรรยาเขาเป็นเช่นไร"ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ ข้าเห็นมากับตาว่านางนัดพบกับไป๋ถังคนรักเก่า ข้ายังเห็นหยุนชิงนำของมากมายไปมอบให้ด้วย แถมยังหยอกล้อต่อกระซิกกันดูมีความสุขด้วยเจ้าค่ะ" เมื่อเห็นสีหน้าชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนนิ่งขรึมไม่พูดไม่จา นางจึงเดินเข้าไปใกล้แตะหลังมือหวังอี้หลินให้คลายความไม่พอใจลงด้วยเพราะคิดว่าชายหนุ่มไม่พอใจหยุนชิงที่คิดนอกใจเขา ไปพลอดรักกับคนรักเก่า เพียงเท่านี้แผนการนางก็สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วเผยอวี้เห็นหวังอี้หลินไม่สะบัดมือออก ก็เริ่มได้ใจมืออีกข้างของนางเคลื่อนมากอบกุมมือชายหนุ่ม มองเขาด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ"ไม่เ
ย้อนไปก่อนหน้านั้นหวังอี้หลินที่กำลังรดน้ำผักอยู่ที่สวนหลังบ้าน เขาได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างรั้วหน้าบ้าน เขาจึงเดินไปดูว่าเป็นใครกันที่มาส่งเสียงดังน่ารำคาญแต่เช้าร่างเล็กของอาจูน้อยกำลังให้อาหารน้องไก่อยู่พอได้ยินเสียงอาจูรู้ได้ทันทีว่าผู้มาเยือนคือใคร เด็กน้อยจึงวิ่งออกไปก่อน ร่างเล็กป้อมนั้นยืนเท้าสะเอวแหงนหน้าจนคอตั้งมองเผยอวี้อย่างเอาเรื่อง"ท่านป้ามาหาใครหรือเจ้าคะ" เด็กน้อยเอ่ยถามแต่ก็ไม่ยอมเปิดประตูให้"ใครป้าเจ้ากัน ข้าจะมาหาใครมันก็เรื่องของข้าเด็กเหลือขออย่างแกอย่ามาแส่" เผยอวี้ตวาดลั่นถึงเด็กนี่จะเป็นลูกของชายที่นางพึงใจ แต่อย่างไรเล่ามิใช่ลูกนางเสียหน่อยต่อไปในอนาคตนางก็จะมีบุตรให้หวังอี้หลินเอง"แต่ท่านป้ามาบ้านข้า" อาจูน้อยก็ไม่ยอมแพ้เช่นกันแม้นางจะยังเป็นแค่เด็กสามขวบ แต่นางก็รู้ว่าสตรีตรงหน้าจะมาแย่งท่านพ่อไปจากท่านแม่"นั่นมันเรื่องของข้าเป็นเด็กเป็นเล็กควรอยู่ในที่ของตน ภายภาคหน้าหากข้ามาเป็นแม่เลี้ยงเจ้าจะได้ไม่ลำบากมาก""แม่ข้ามีคนเดียวคือท่านแม่หยุนชิงท่านออกไปห่าง ๆ บ้านข้านะ" เด็กน้อยเริ่มเบะปากน้ำตาคลอมองซ้ายมองขวาก้มหยิบหินก้อนเล็กปาใส่เผยอวี้"อีนัง
แต่หลังจากแต่งงานหยุนชิงกลับห่างหายไปไม่ค่อยออกมาพบปะกันอย่างเช่นเคย ได้ข่าวแค่ว่าล้มป่วยเคยไปเยี่ยมสองสามครั้งหยุนชิงกลับไม่ยอมพบ อีกทั้งช่วงนั้นแม่สามีล้มป่วยทางบ้านเกิดปัญหามากมาย ทำให้ไม่ได้ไปเยี่ยมสหายอีกเลย"ข้าสบายดีตอนนี้แข็งแรงแล้วเจ้าอย่าห่วงไปเลยข้าก็คิดถึงเช่นกัน" หญิงสาวกอดตอบตบหลังสหายเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล"ฮือ ๆ จะให้ข้าคลายใจได้อย่างไรไปหาเจ้าก็ไม่ได้เจอสักครั้ง""ข้าขอโทษต่อไปจะไม่ทำตัวเช่นนี้อีกแล้ว" หยุนชิงปลอบสหายได้สักพักซือซือจึงสงบลง"ซือซือแล้วท่านป้าไป๋ล่ะไม่อยู่รึ" หยุนชิงถามถึงไป๋หงส์แม่สามีของสหาย"ท่านแม่เสียไปเมื่อปีที่แล้วน่ะ" ไป๋ถังเป็นผู้ตอบแทนภรรยา"ข้าเสียใจด้วยนะเจ้าคะ"เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มกลับมาเศร้าอีกครั้ง หยุนชิงจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้ทั้งสองคลายจากความเศร้าใจ"จริงสิข้าเอาของมาเยี่ยมพวกเจ้าด้วย" หยุนชิงยื่นตะกร้าของเยี่ยมให้กับสหายไป๋ถังกับซือซือเห็นของข้างในก็มีสีหน้าไม่สู้ดี จะให้รับได้อย่างไรมีแต่ของดี ๆ ทั้งนั้น อีกทั้งเงินที่หยุนชิงให้มาเพิ่มในสินสอด พวกตนยังไม่มีปัญญาหามาคืนให้ด้วยซ้ำ หากจะรับของก็ละอายใจเกินไป"อย่า
หลายวันต่อมาหยุนชิงกำลังจะไปเยี่ยมซือซือสหายสนิทของนาง ตั้งแต่ตนกับสหายต่างแยกย้ายกันแต่งงานออกเรือนไปพวกนางก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ประกอบกับว่าตัวหญิงสาวนั้นป่วยเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยออกไปไหนถึงแม้ตอนนี้จิตวิญญาณจะไม่ใช่หยุนชิงคนเดิมแล้ว แต่ความรู้สึกความผูกพันก็ยังมีของคนเดิมทุกอย่าง ดังนั้นหญิงสาวก็จะเหมารวมว่าอีกฝ่ายเป็นสหายของนางด้วยเช่นกันในมือมีของเยี่ยมทั้งนมข้าวโพด ขนมถั่วกวน ไข่อีกสิบฟอง และผักสดจากสวนหลังบ้าน ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนั้นจะมีความเป็นอยู่เช่นไรบ้าง นานมากแล้วที่ไม่ได้พบกันเลย ถึงแม้ว่าจะอยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่หลายปีมานี้วิญญาณเดิม ก็เอาแต่เศร้าตรอมใจร่างกายก็อ่อนแอจนไม่ไปไหนมาไหนเลยเดินมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้นหยุนชิงเหลือบไปเห็นไป๋ถัง สามีของซือซือเข้าพอดี ในมือเขามีตะกร้าใส่ผักป่ามานิดหน่อยสีหน้าก็ดูเป็นกังวลหญิงสาวจึงเอ่ยถาม"พี่ถังท่านไปไหนมาเจ้าคะ"ไป๋ถังที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบกลับบ้าน ได้หันกลับไปทางเสียงที่เรียกตน นั่นหยุนชิงนี่เขาได้ข่าวว่านางป่วยหนักมานานตอนนี้ดูแข็งแรงถึงเพียงนี้เชียวรึดีจริง"อาชิงเองรึ นั่นเจ้าจะไปไหน" เมื่อรู้ว่าเป็นใครไป๋ถังยิ้มเต็
ร่างบางเมื่อเห็นเป้าหมายที่ต้องการ ก็รีบดึงมือสามีไปทันที หวังอี้หลินเห็นสิ่งที่ภรรยาเขาต้องการก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าผลสีม่วง สีแดง นั้นเป็นผลไม้มีพิษหรือ เขาไม่เห็นว่าจะมีใครเก็บมันไปกินด้วยซ้ำ“ชิงเอ๋อร์ เจ้าผลไม้ป่าพวกนี้กินได้ด้วยหรือ”“กินได้สิเจ้าคะ เจ้าผลกลมสีม่วงเรียกว่าบลูเบอร์รี มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานอุดมด้วยวิตามินหลายชนิด มีประโยชน์ ช่วยลดการเสื่อมของร่างกาย ช่วยเรื่องความจำ ส่วนผลนี้ที่มีสีแดง และสีม่วงเข้มเรียกว่า ราสเบอร์รี มีรสค่อนไปทางรสเปรี้ยว อุดมด้วยกรดเอลลาจิก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีประโยชน์ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียด้วยนะเจ้าคะ”“มีประโยชน์เพียงนี้เชียวรึ แล้วที่เจ้าบอกว่าอะไรนะ จิก จิก และยังมี ไวไว แบกทีอีกมันคือสิ่งใดหรือ” เขาเริ่มจะมึนหัวกับคำพูดแปลกของภรรยาแล้ว“เอาเป็นว่ามันมีทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดีแล้วกันเจ้าค่ะ บุรุษโบราณนี่ช่างสงสัยซะจริง” หยุนชิงเมื่อโดนคำถามเช่นนี้ของสามีก็เริ่มจะแปลไม่ถูกเหมือนกัน นางจึงเลือกบอกปัดไป และยังแอบบ่นชายหนุ่มเสียงเบาตอนท้ายอีกด้วย“ผู้ใดบุรุษโบราณรึ”“ไม่มี๊ ไม่มีเจ้าค่ะ ท่าน
การค้าน้ำผึ้งของบ้านตระกูลหวังเป็นไปด้วยดี จากที่มียอดสั่งเดือนละหนึ่งร้อยไหเพิ่มเป็นสองร้อยไห จากที่จ้างชาวบ้านทำงานตอนแรกแค่สามคน ตอนนี้ก็เพิ่มเป็นสิบคนโดยให้ค่าแรงรายวันคนละยี่สิบอีแปะ ค่าแรงยี่สิบอีแปะนี้ถือว่าเท่ากันกับการเดินทางเข้าไปทำงานในเมืองก็ว่าได้ มีหรือชาวบ้านจะไม่อยากทำกันก่อนจ้างทำงานหยุนชิงให้ทุกคนลงชื่อทำสัญญา ว่าจะไม่นำสูตรการทำน้ำผึ้งนี้ ไปทำสิ่งใดก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของสูตร ซึ่งส่วนนี้หวังอี้หลินเป็นคนแนะนำนางมา หยุนชิงก็เห็นว่าดีจึงได้ทำสัญญานี้ขึ้นมาก่อนจะตกลงทำงานบ้านตระกูลหวังตอนนี้ก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินแต่อย่างใด ทั้งสองสามีภรรยาก็ได้บริจาคเงินทุกเดือน จำนวนสองตำลึงเข้ากองกลางหมู่บ้าน เพื่อไว้ทำคุณประโยชน์และพัฒนาหมู่บ้านต่อไปเรื่องนี้ทำให้ชาวบ้านดีใจกันเป็นอย่างมาก ถนนหนทางในหมู่บ้านเป็นทางเรียบตลอด ไม่มีหลุมมีบ่อเหมือนเมื่อก่อน และการเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ได้งานทำ ไม่ต้องออกไปหางานกันข้างนอกให้ลำบากผู้นำหมู่บ้านก็ถึงกับยิ้มแก้มปริ เนื่องจากได้รับคำชมจากทางการว่าเขาทำงานได้ดี จนไม่รู้จะขอบคุณครอบครัวหวังอย่างไรดี หากมีปัญหาเขาก็จะช่วยเต็มที่แน่
Comments