หลังจากที่ชญาดาช่วยพ่อของเธอล้างของและเก็บกวาดร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อของเธอก็เสนอเมนูเย็นนี้ว่าจะทำหมูกระทะฉลองในโอกาสที่เธอเรียนจบทั้งคู่เลยแวะซื้อของที่ตลาดสดหน้าปากซอยทางเข้าบ้านแบ่งกันไปซื้อ ชโลธรเป็นคนไปเดินเลือกซื้อผักและชญาดาไปซื้อพวกหมูสามชั้นกับของทะเลนิดๆ หน่อยไม่อยากซื้อไปเยอะมากเพราะกินกันแค่สองคนพ่อลูก และนัดว่าให้ไปเจอกันที่รถ
“ไหนดูสิคนสวยของพ่อได้อะไรมาบ้าง มาๆ เดี๋ยวพ่อช่วยถือแขนแดงหมดแล้ว” ชโลธรพูดขึ้นทันทีที่เห็นลูกสาวของตนเดินมาถึงรถและรีบเข้าไปรับของที่เธอมาช่วยถือไว้กลัวว่าแขนเล็กๆ นั่นจะหักเอาเสียก่อนดูสิแค่นี้ผิวขาวๆ ของเธอก็ขึ้นรอยแดงเต็มไปหมด
“โอ๊ยพ่อ.. เวอร์ไปไหมเนี่ยเฌอแค่ถือของนะคะไม่ได้แบกเสาเข็ม ไปเปิดท้ายเลยค่ะเฌอจะได้เอาของใส่รถเห็นตัวแค่นี้แต่เฌอแข็งแรงมากเลยนะขอบอก” เธอกลอกตาไปมาเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของผู้เป็นพ่อที่ดูจะเป็นห่วงเธอเอามากๆ ทั้งๆ ที่วันนี้ทั้งวันเธอทำอะไรที่มันหนักหนากว่านี้ตั้งหลายเท่า
“ครับๆ ลูกผมมันเก่งอยู่แล้วครับ” ชโลธรจีบปากจีบคอพูดใส่ลูกสาวของตนด้วยความมันเขี้ยว
“เก่งได้พ่อแหละ ฮ่าๆ” เฌอหัวเราะชอบใจพร้อมกับวางของในมือลงที่ท้ายรถและเดินขึ้นไปนั่งประจำที่เบาะข้างคนขับตามด้วยคนขับรถสุดหล่อของเธอที่ขึ้นมานั่งประจำที่หลังพวงมาลัยคู่ใจ
“ยังไม่ตอบพ่อเลยนะว่าซื้ออะไรมาบ้าง” พอล้อเริ่มหมุนออกจากตลาดชโลธรก็ทวงถามลูกสาวของตนอีกครั้ง ดูท่าลูกสาวตัวดีของเขาคงจะขี้หลงขี้ลืมตั้งแต่ยังไม่ทันแก่
“โอ๊ะ! ลืมไปเลยนะเนี่ยว่าพ่อถามอะ” นั่นไงล่ะผิดจากที่เขาคิดเสียเมื่อไหร่
“ยังไม่ทันแก่ก็ขี้ลืมแล้วเหรอครับคุณลูก” ไม่วายพูดหยอกลูกสาวของตนไปที
“พ่ออะ!” ชญาดาทำท่ากระเง้ากระงอดกอดอกทำแก้มพองลมใส่ผู้เป็นพ่ออย่างขัดใจกับคำพูดที่เขาหาว่าเธอแก่เมื่อครู่
“ฮ่าๆ โอเคๆ ไม่แก่ๆ ลูกสาวพ่อออกจะน่ารักตั้งขนาดนี้” ชโลธรผละมือออกจากพวงมาลัยข้างหนึ่งมาขยี้ผมของลูกสาวด้วยความเอ็นดู ‘ลูกน่ะน่ารักเหมือนกับแม่ของลูกนั่นแหละเฌอ’
“หนูก็ซื้อหมูสามชั้นสไลด์กับสันคอหมูสไลด์มาอย่างละแพ็ค แล้วก็กุ้งครึ่งโลหมึกครึ่งโล อ้อ! แล้วก็ไส้กรอกชีสอีกหนึ่งแพ็คด้วย” ชญาดายกนิ้วมือขึ้นมาไล่นับตามจำนวนสิ่งของที่เธอพูดบอกกับคนเป็นพ่อ “แล้วพ่อล่ะได้ผักอะไรมาบ้างคะ ไม่ใช่ว่ามัวแต่ไปเหล่แม่ค้าสาวๆ สวยๆ จนไม่ได้อะไรมาเลยหรอกใช่ไหม” เธอหรี่ตามองหมายจะจับผิด
“จะบ้าเหรอไอลูกคนนี้นี่ พ่อไปซื้อผักก็ต้องได้ผักมาสิ ได้ทั้งผักบุ้ง ผักกาดขาว ขึ้นฉ่าย แล้วก็ได้ข้าวโพดหวานมาด้วย” ชโลธรร่ายยาวบอกกับลูกสาวที่จ้องจะจับผิดตนถ้าให้พูดจริงๆ ก็ยอมรับว่าก็มีแอบเหล่บ้างนิดหน่อยพอให้เป็นอาหารสายตา
“ยังไม่ครบเลยนะคะ” เธอท้วงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ขาดอะไรอีกล่ะ นี่พ่อก็ซื้อตามที่เฌอบอกทุกอย่างเลยนะหรือว่าน้ำจิ้มแต่เราก็ตกลงกันแล้วนะว่าจะกลับไปทำน้ำจิ้มสูตรเด็ดของแม่กันที่บ้าน”
“ก็ชีสกับวุ้นเส้นของโปรดเฌอไงพ่อ” คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันในตอนที่พูดออกไปแล้วผู้เป็นพ่อทำท่าทีตกใจเหมือนกับว่าเพิ่งนึกขึ้นได้
“โอ๊ะ! คือพ่-”
“พ่อลืม? นี่พ่อลืมของโปรดลูกตัวเองได้ยังไงคะแล้-”
“พ่อแค่จะบอกว่าพ่อซื้อมาแล้วครับลูก..” ชโลธรลากเสียงยาวบอกกับลูกสาวที่กำลังงองแงคิดว่าเขาลืมของโปรดของเธอ จะลืมได้ยังไงล่ะก็ตั้งแต่เด็กๆ เวลาที่เขากลับไปเที่ยวหาเธอที่บ้านทีไรทุกครั้งก็จะต้องกินเลี้ยงหมูกระทะกันและสิ่งที่จะขาดไม่ได้ในทุกๆ ครั้งก็คือชีสยืดๆ กับวุ้นเส้นใสๆ ของโปรดของคุณชญาดาเขาเนี่ยแหละ
“หูยยย.. พ่อใครเนี่ยน่ารักที่สุ๊ดดดด” เธอโน้มตัวเอาหัวไปถูไถกับแขนของพ่ออย่างน่าเอ็นดู
“น่ารักก็ต้องรักพ่อมากๆ นะครับลูกสาว”
“ไม่ให้เฌอรักพ่อแล้วจะให้เฌอไปรักใครล่ะคะคุณพ่อขา” เธอพูดพร้อมกับทำสายตาวิ๊งๆ ส่งให้พ่อของตัวเอง
“ทำเป็นพูดไปเดี๋ยวพอมีแฟนก็ลืมพ่อแล้วมั้งเรา” ชโลธรพูดแอบเหล่มองลูกสาวของตนเล็กน้อยเห็นแค่ว่าเธอทำตาปริบๆ ใส่เขาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“แฟนเฟินอะไรล่ะพ่อ โตมาขนาดนี้แล้วเฌอยังไม่เคยมีแฟนสักคนใครจะมาชอบผู้หญิงบ้านๆ แบบเฌอล่ะหน้าก็ไม่แต่งแป้งยังไม่ทาเลยแต่งตัวก็เช๊ยเชยแบบนี้ ชาตินี้ทั้งชาติเฌอก็คงจะอยู่เกาะพ่อกินไปจนแก่นั่นแหละ ฮ่าๆๆ” เธอพูดทีเล่นทีจริงก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกันจนดังกึกก้องไปทั่วรถ
ไม่นานทั้งคู่ก็ขับรถมาถึงบ้านสองชั้นหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ที่หน้าบ้านมีต้นไม้และดอกไม้ปลูกเรียงรายอยู่เต็มไปหมดยิ่งพอถึงตอนกลางคืนพวกมันก็จะส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณได้กลิ่นทีไรรู้สึกชื่นใจทุกที บ้านหลังนี้ชโลธรเก็บเล็กผสมน้อยซื้อมันมาด้วยตัวเองจากการที่เขาขายอาหารตามสั่งนั่นแหละ เขาทั้งรักแล้วก็ศรัทธาในอาชีพของตนมากอาจจะไม่ถึงกับว่ารวยล้นฟ้าโอ่อ่าเหนือใครๆ แต่มันทำให้เขามีกินมีใช้ไม่ลำบากจนถึงทุกวันนี้
ชญาดาอาสาในการล้างผักและหมักหมูทั้งหมดรวมไปถึงการก่อเตาถ่านตรงลานหน้าบ้านด้วย เพื่อนๆ ของเธอเคยถามว่าทำไมถึงไม่ใช้เตาไฟฟ้าล่ะสะดวกสบายกว่าเยอะไม่ต้องมานั่งก่อไฟให้ยุ่งยากด้วยไหนกว่ามันจะติดอีกแต่เธอก็ไม่สนใจเพราะคิดว่าหมูกระทะยังไงมันก็ต้องกินกับเตาถ่านสิถึงจะอร่อยกลิ่นหอมๆ ของหมูที่กำลังสุกด้วยความร้อนจากถ่านนี่แหละคือเดอะเบสเลยขอบอก
ชญาดาไล่ให้พ่อของเธอไปทำน้ำจิ้มรสเด็ดและน้ำซุปแสนกลมกล่อมในครัวซึ่งใช้เวลาไม่นานหม้อน้ำซุปกับถ้วยน้ำจิ้มใบใหญ่สองใบก็ถูกวางลงบนโต๊ะ เธอไม่รอช้าตั้งกระทะลงบนเตาตักน้ำซุปในหม้อใส่ลงตรงช่องข้างๆ แล้วใช้ตะเกียบคีบหมูสามชั้นถูวนไปรอบๆ เตาจนมันวาวไปทั่วทั้งเสียงทั้งกลิ่นของมันทำให้ทั้งคู่รอช้าต่อไปไม่ได้จัดการลงมือคีบหมูขึ้นมาย่างจนเต็มไปหมด บางทีก็มีไปแย่งชิ้นที่ตัวเองไม่ได้ย่างมาบ้าง
“แล้วที่บอกพ่อว่าไม่เคยมีแฟนนี่ไม่มีใครมาจีบหรือมีแต่เฌอไม่ชอบล่ะลูก” ระหว่างที่กินไปชโลธรก็วกกลับมาถามเรื่องเดิมกับเธออีกครั้งก่อนที่เขาจะคีบหมูที่ตุนไว้ในถ้วยเข้าปากไปอีกคำเคี้ยวไปก็มองหน้าเธอไป
“ก็มีนะพ่อคนมาจีบอะแต่ก็เป็นอย่างที่พ่อพูดนั่นแหละเขาชอบเฌอแต่เฌอไม่ชอบเขาอะ พอคิดว่ามันไม่ใช่ก็ปฏิเสธเขาไปเลยตัดไฟตั้งแต่ต้นลมดีกว่าลองคบกันไปแล้วต้องมาเสียใจทีหลังเฌอว่ามันไม่โอเค” สำหรับเธอคนไม่ใช่มันก็คือไม่ใช่นั่นแหละจะฝืนหัวใจตัวเองไปทำไมช้ำใจเปล่าๆ
“แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เฌอคิดว่ามันไม่ใช่”
“ก็ใจเฌอมันบอกแบบนั้น.. อีกอย่างตอนนั้นเฌอก็โฟกัสกับเรื่องเรียนมากกว่าไม่มีเวลาไปใส่ใจใครหรอกค่ะ” เธอพูดไปก็หยิบข้าวโพดหวานที่ตัดเป็นท่อนขึ้นมาแทะไปด้วยน้ำซุปที่ซึมข้าวไปในข้าวโพดงี้หวานมากๆ เลยล่ะ
“แล้วใจเฌอมันบอกด้วยหรือเปล่าล่ะว่าคนแบบไหนที่ใช่สำหรับเฌอ” ชโลธรรู้สึกขอบคุณลูกสาวของตนอยู่ในใจไม่น้อยที่เธอคิดได้แบบนั้นมันเลยทำให้เขาไม่ต้องมานั่งเป็นกังวลหรือหนักใจในเรื่องพวกนี้
“อืมม.. แบบไหนที่ใช่น่ะเหรอคะ ก็คงจะเป็นคนที่เขาดูเป็นผู้ใหญ่ ดูแลเฌอได้ คอยสอนเฌอดุเฌอเวลาที่ทำอะไรผิด แล้วก็ต้องเข้ากับคุณพ่อสุดที่รักของเฌอได้ด้วย ประมาณนั้นล่ะมั้งคะ..” พูดไปพูดมาทำไมใบหน้าของคนที่ลืมเงินทอนไว้ที่ร้านวันนี้มันถึงลอยเข้ามาในหัวเธอได้ล่ะเนี่ย
“แล้วแบบ ‘คุณอัฐ’ ล่ะเป็นไงพอจะเข้าข้อไหนบ้างไหม”
ชญาดาชะงักไปเล็กน้อยในตอนที่พ่อของเธอเอ่ยชื่อของอรรถกรณ์ขึ้นมา เธอหลุบตาลงต่ำทำทีเป็นคีบหมูเข้าปากกลัวว่าพ่อจะจับได้ว่าเธอกำลังนึกถึงคนที่พ่อเอ่ยชื่อออกมาเมื่อครู่ แต่เขาก็ยังนั่งจ้องเธออยู่แบบนั้นไม่วางตาทำเอาเธอกลืนอะไรแทบไม่ลงจนต้องยอมตอบคำถามเขาไป“เขากะ.. ก็ดูเป็นคนดีนะคะ” เธอตอบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“แค่นั้นเองเหรอ” ชโลธรหรี่ตามองลูกสาวของตัวเองอย่างจับผิด“แค่นั้นสิคะ พ่อคิดว่ายังจะมีอะไรอีกล่ะคะ”“เปล่านี่.. พ่อก็แค่คิดเล่นๆ ว่าถ้ามีลูกเขยเป็นประธานบริษัทจะเป็นยังไงนะ” ชโลธรพูดไปก็กลั้นขำไปแอบเห็นใบหน้าหวานของลูกสาวขึ้นสีระเรื่อในตอนที่เขาพูดคำว่า ‘ลูกเขย’“เฌอว่าพ่อเมาหมูกระทะแล้วเนี่ยพูดอะไรก็ไม่รู้”“แต่พ่อว่าเฌอรู้นะว่าพ่อพูดเรื่องอะไร ใช่ไหม” ชญาดาที่เห็นสายตาของพ่อที่หรี่มองเธอพร้อมกับคำถามแบบนั้นก็ได้แต่อมตะเกียบที่เพิ่งคีบหมูเข้าปากไปค้างไว้แบบนั้นก่อนจะเอามันออกมาวางลงบนโต๊ะเงียบๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนเป็นพ่อที่ยังคงนั่งจ้องเธออยู่แบบนั้น“เฌอไม่รู้เหมือนกันค่ะพ่อว่าความรู้สึกแบบนี้มันจะเรียกว่าชอบได้ไหม แต่เฌอรู้แค่ว่าเฌอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน” ตอบเหมือนกั
หลังจากที่ชญาดาช่วยพ่อของเธอล้างของและเก็บกวาดร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อของเธอก็เสนอเมนูเย็นนี้ว่าจะทำหมูกระทะฉลองในโอกาสที่เธอเรียนจบทั้งคู่เลยแวะซื้อของที่ตลาดสดหน้าปากซอยทางเข้าบ้านแบ่งกันไปซื้อ ชโลธรเป็นคนไปเดินเลือกซื้อผักและชญาดาไปซื้อพวกหมูสามชั้นกับของทะเลนิดๆ หน่อยไม่อยากซื้อไปเยอะมากเพราะกินกันแค่สองคนพ่อลูก และนัดว่าให้ไปเจอกันที่รถ“ไหนดูสิคนสวยของพ่อได้อะไรมาบ้าง มาๆ เดี๋ยวพ่อช่วยถือแขนแดงหมดแล้ว” ชโลธรพูดขึ้นทันทีที่เห็นลูกสาวของตนเดินมาถึงรถและรีบเข้าไปรับของที่เธอมาช่วยถือไว้กลัวว่าแขนเล็กๆ นั่นจะหักเอาเสียก่อนดูสิแค่นี้ผิวขาวๆ ของเธอก็ขึ้นรอยแดงเต็มไปหมด“โอ๊ยพ่อ.. เวอร์ไปไหมเนี่ยเฌอแค่ถือของนะคะไม่ได้แบกเสาเข็ม ไปเปิดท้ายเลยค่ะเฌอจะได้เอาของใส่รถเห็นตัวแค่นี้แต่เฌอแข็งแรงมากเลยนะขอบอก” เธอกลอกตาไปมาเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของผู้เป็นพ่อที่ดูจะเป็นห่วงเธอเอามากๆ ทั้งๆ ที่วันนี้ทั้งวันเธอทำอะไรที่มันหนักหนากว่านี้ตั้งหลายเท่า“ครับๆ ลูกผมมันเก่งอยู่แล้วครับ” ชโลธรจีบปากจีบคอพูดใส่ลูกสาวของตนด้วยความมันเขี้ยว“เก่งได้พ่อแหละ ฮ่าๆ” เฌอหัวเราะชอบใจพร้อมกับวางของในมือลงที่ท
“ทานให้อร่อยนะครับ” เขายิ้มตอบให้เฮียชลก่อนจะก้มมองอาหารจานโปรดของตนชนิดที่ว่าเอาปูอลาสก้าตัวล่ะหมื่นห้ามาแลกก็ไม่ยอม แต่ไหงวันนี้สีสันของมันถึงได้ดูจัดจ้านเป็นพิเศษสงสัยเฮียชลคงปรับสูตรกระมัง“แค่กๆ!” ทันทีที่ข้าวคำแรกเข้าปากอรรถกรณ์ก็แทบจะคายออกในทันทีถ้าไม่ติดว่าเฮียชลมองเขาอยู่เลยทำได้แค่ฝืนกลืนมันลงไป ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยแต่มันเผ็ด! เผ็ดมากขนาดที่ข้าวคำเดียวเขาต้องดื่มน้ำตามเป็นขวดไม่รู้เฮียชลทำพริกคว่ำลงไปในกระทะหรืออย่างไรมันถึงได้เผ็ดขนาดนี้ แล้วอีกอย่างที่ไม่เหมือนทุกทีก็คือวันนี้ไม่มีน้ำซุปที่ปกติจะเสิร์ฟคู่กันกับข้าวตลอด“ไม่อร่อยเหรอครับคุณอัฐ” ชโลธรถามเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอรรถกรณ์ ใบหน้าของเขาแดงก่ำพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายออกมาตามกรอบหน้าจนชุ่มไปหมด“อะ.. อร่อยครับ แต่ผมขอน้ำเปล่าเพิ่มอีกขวดละกันครับ” ฝ่ามือหนาปาดเหงื่อตามใบหน้าแล้วรีบตักข้าวเข้าปากไวๆ หลังจากที่เฮียชลเดินหันหลังไปหยิบน้ำเปล่าที่ตู้เขาหวังว่าถ้ากินไวความเผ็ดมันก็คงจะไม่มากเท่าไหร่แต่มันไม่ใช่แบบที่คิดเพราะยิ่งกินมันก็ยิ่งเผ็ดขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องสูดปากยกใหญ่แล้วนี่ทำไมเฮียชลถึงไปหยิบน้ำน
ในเช้าวันทำงานวันแรกของสัปดาห์แบบนี้ผู้คนต่างขวักไขว่ตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อรีบเตรียมตัวไปเข้างานให้ทันเวลาตามที่บริษัทของแต่ละคนกำหนดเหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะไม่อยากเข้างานสายตั้งแต่วันแรกของสัปดาห์เช่นเดียวกับ ‘ชญาดา’ ที่วันนี้เธอจะเข้าไปช่วยพ่อที่ร้านอาหารตามสั่งในศูนย์อาหารของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท ATK เป็นวันแรกหลังจากที่เรียนจบ ปวส. จากวิทยาลัยแถวบ้านมาตัวเธอเองก็ลองพยายามหาสมัครงานตามที่ต่างๆ แต่ไม่ว่าเข้าไปที่ไหนทุกๆ ที่ก็จะพูดประโยคเดียวกันกับเธอ ‘ไว้จะติดต่อกลับไปอีกทีนะคะ’ แล้วก็เป็นไปตามสูตรไม่มีที่ไหนติดต่อเธอกลับมาเลยแม้แต่ที่เดียว ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกยิ่งช่วงเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้การที่เธอจะหางานยากแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเมื่อหางานไม่ได้เธอเลยตัดสินใจปรึกษากับคุณ ‘ชโลธร’ บิดาบังเกิดเกล้าเพียงคนเดียวของเธอเขาก็เลยยื่นข้อเสนอให้เธอเข้าไปช่วยที่ร้านอาหารตามสั่งของเขาชั่วคราวก่อนหางานได้เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เธอเลยต้องพาตัวเองนั่งรถจากบ้านนอกเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงเป็นครั้งแรกเกิดมา 21 ปีคำว่า ‘เมืองศิวิไล’ มันก็เพิ่งประจักต่อสายตาชญาดาวันนี้นี่เองทั้งแสง สี เส