“ชอบลูกสาวเจ้าของร้าน... ชอบเฌอครับ อยากได้มาเป็นเมีย”
Voir plusในเช้าวันทำงานวันแรกของสัปดาห์แบบนี้ผู้คนต่างขวักไขว่ตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อรีบเตรียมตัวไปเข้างานให้ทันเวลาตามที่บริษัทของแต่ละคนกำหนดเหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะไม่อยากเข้างานสายตั้งแต่วันแรกของสัปดาห์เช่นเดียวกับ ‘ชญาดา’ ที่วันนี้เธอจะเข้าไปช่วยพ่อที่ร้านอาหารตามสั่งในศูนย์อาหารของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท ATK เป็นวันแรก
หลังจากที่เรียนจบ ปวส. จากวิทยาลัยแถวบ้านมาตัวเธอเองก็ลองพยายามหาสมัครงานตามที่ต่างๆ แต่ไม่ว่าเข้าไปที่ไหนทุกๆ ที่ก็จะพูดประโยคเดียวกันกับเธอ ‘ไว้จะติดต่อกลับไปอีกทีนะคะ’ แล้วก็เป็นไปตามสูตรไม่มีที่ไหนติดต่อเธอกลับมาเลยแม้แต่ที่เดียว ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกยิ่งช่วงเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้การที่เธอจะหางานยากแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เมื่อหางานไม่ได้เธอเลยตัดสินใจปรึกษากับคุณ ‘ชโลธร’ บิดาบังเกิดเกล้าเพียงคนเดียวของเธอเขาก็เลยยื่นข้อเสนอให้เธอเข้าไปช่วยที่ร้านอาหารตามสั่งของเขาชั่วคราวก่อนหางานได้เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เธอเลยต้องพาตัวเองนั่งรถจากบ้านนอกเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงเป็นครั้งแรกเกิดมา 21 ปีคำว่า ‘เมืองศิวิไล’ มันก็เพิ่งประจักต่อสายตาชญาดาวันนี้นี่เองทั้งแสง สี เสียง มันช่างดูหวือหวาน่าตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด
“เฌอเอ้ย! เด็ดกะเพราเสร็จหรือยังลูก” เสียงเรียกของผู้เป็นพ่อดึงชญาดาออกจากภาพความทรงจำเมื่อวันที่เธอนั่งรถเข้าเมืองแล้วทอดสายตามองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ
“เสร็จแล้วจ้ะพ่อ” ชญาดาเดินออกมาจากหลังครัวพร้อมกับตะกร้าใบใหญ่ด้านในใส่ใบกะเพราที่ถูกเด็ดและล้างแล้วเรียบร้อยไว้ในมือ “นี่จ้ะ”
“เออๆ เอาวางไว้เลย ถ้าไม่มีอะไรทำก็ไปจัดโต๊ะแล้วก็เช็ดสักหน่อยไป” ชญาดาพยักหน้ารับคำพ่อของเธอก่อนที่จะหยิบหนังยางในตะกร้าขึ้นมาหนึ่งเส้นแล้วจัดการเกล้ารวบผมขึ้นมัดเป็นดังโงะไว้ที่กลางหัวแล้วเดินหยิบผ้าไปเช็ดโต๊ะตามที่พ่อเธอบอกด้วยท่าทางขะมักเขม้น
‘พริกแกงทะเลของโต๊ะ 2 ได้แล้ว!’
‘ข้าวผัดหมูไม่ผักโต๊ะ 5’
‘ราดหน้าหมูหมักโต๊ะ 8’
ในช่วงเวลาพักกลางวันแบบนี้พนักงานส่วนใหญ่ก็จะเข้ามาฝากท้องที่ศูนย์อาหารของบริษัทมากเสียส่วนใหญ่เพราะสะดวกแล้วราคาก็สบายกระเป๋าแถมเรื่องรสชาตินี่อร่อยอย่าบอกใครโดยเฉพาะอาหารตามสั่งร้านเฮียชลที่มีลูกค้าพากันเข้ามาไม่ขาดสายจนคนเดินเสิร์ฟอย่างชญาดาเดินจนขาพันกันเป็นระวิงไหนจะต้องคอยจดเมนูลูกค้าที่มาใหม่อีกแถมบางครั้งบางครายังต้องมาตอบคำถามลูกค้าขาประจำของพ่อเธออีกว่าเธอเป็นใครแล้วเป็นอะไรกับเฮียชล
พอใกล้หมดช่วงเวลาพักผู้คนในศูนย์อาหารก็เริ่มบางตาลงเรื่อยๆ พอให้ชญาดาได้หยุดพักหายใจแต่ก็ใช่ว่าเธอจะอยู่นิ่งๆ เสียเมื่อไหร่ยังไม่วายหยิบผ้าเดินเช็ดทำความสะอาดตามโต๊ะอีก เธอไล่เช็ดไปทีละโต๊ะๆ ก่อนหางตาจะเหลือบไปเห็นว่ามีลูกค้าเข้ามานั่งใหม่หนึ่งคนที่โต๊ะ 8
ชญาดาหยุดมือที่กำลังเช็ดโต๊ะเก็บผ้ายัดใส่ผ้ากันเปื้อนเอาไว้ก่อนจะหยิบกระดาษกับปากกาออกมาแทนแล้วเดินเข้าไปหาคุณลูกค้าโต๊ะ 8 อย่างรวดเร็ว
“รับอะไรดีคะ ดูเมนูก่อนได้นะคะ” ริมผีปากเอ่ยพูดอย่างฉะฉานแต่ถึงแบบนั้นน้ำเสียงก็ยังคงหวานน่าฟังเสียจนคนถูกถามอดที่จะเงยหน้ามองเจ้าของเสียงไม่ได้
ทันทีที่ดวงตาของทั้งคู่สบกันในเวลาที่ประจวบเหมาะพร้อมกันพอดิบพอดีก็เหมือนกับว่าโลกมันหยุดหมุนไปชั่วขณะเหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นตัดผ่านไปทั่วทุกส่วนของร่างกายจนไม่สามารถขยับตัวและละสายตาออกไปจากตรงนี้ได้ หัวใจที่เต้นแรงเหมือนกับว่ามีคนรัวกลองชุดอยู่ข้างในอย่างบ้าระห่ำของทั้งคู่มันช่างไร้เหตุผลทั้งเขาและเธอไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้
“ทำอะไร พ่อเห็นแกยืนอยู่โต๊ะนี้นานแล้ว ลูกค้าเขายังเลือกไม่ได้เหร- อ้าว!” ชโลธรที่เห็นลูกสาวของตนมายืนรอรับเมนูจากลูกค้าโต๊ะนี้เป็นเวลานานเลยลองเดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะร้องออกมาเสียงหลง
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับคุณอัฐ.. ผมก็นึกว่าใครเสียอีก” ชโลธรกุลีกุจอยกมือรับไหว้ ‘อรรถกรณ์’ เป็นการใหญ่เขาไม่ใช่บุคคลที่จะต้องมาสวัสดีพ่อค้าอาหารตามสั่งอย่างชโลธรเลยสักนิดช่างถ่อมตัวเสียจริง
“นี่ลูกสาวเฮียชลเหรอครับ”
“ใช่ครับ นี่ ‘เฌอ’ ลูกสาวผมเองครับเพิ่งมาจากต่างจังหวัดผมให้มาช่วยที่ร้านวันนี้วันแรกเลยครับ แกไม่ได้ไปเสียมารยาทกับคุณอัฐใช่ไหมเฌอ” ประโยคหลังชโลธรหันมาถามลูกสาวของตน
“เฌอยังไม่ได้ทำอะไรเลยพ่อ” ชญาดาปฏิเสธน้ำเสียงหนักแน่น
“อย่าดุน้องเลยครับ น้องไม่ได้ทำอะไรไม่ดีออกจะ ‘น่ารัก’ เสียด้วยซ้ำ” สายตาที่จับจ้องมาพร้อมกับรอยยิ้มของเขาทำให้ชญาดารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจนเธอต้องหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตากับเขา
“เห็นไหม หนูบอกแล้วพ่อก็ไม่เชื่อ” คนตัวเล็กรีบยืนยันขึ้นอีกครั้ง
“เออๆ ใครมันจะไปรู้วะก็พ่อเห็นแกยืนอยู่ตั้งนานสองนานก็นึกว่าไปทำอะไรไม่ดีเข้าน่ะสิ”
“นี่พ่อเห็นลูกตัวเองเป็นคนยังไงเนี่ย” กอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างงอนๆ
“ขอโทษครับคุณลูก.. พอใจหรือยังล่ะครับคุณชญาดา” ชโลธรลากเสียงยาว
“ดีมากค่ะ ผิดแล้วก็ต้องรู้จักขอโทษนะคะ” ชญาดาฉีกยิ้มอย่างผู้ชนะ
“เดี๋ยวจะโดนให้มันน้อยๆ หน่อยนะเฌอแกน่ะ นู่น! ถ้าว่างมากก็ไปล้างจานหลังร้านเลยไป” เขาทำทีไล่ลูกสาวตัวแสบของตน “ยังไม่ไปอีก”
“ชิ! ไปก็ได้” เธอเดินหันหลังเข้าหลังร้านไปตามที่คนเป็นพ่อบอกโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องทุกการกระทำและคำพูดของเธอไม่วางตา ขนาดที่ว่าเธอเดินหายเข้าไปในหลังร้านแล้วเขาก็ไม่วายชะเง้อชะแง้มองหวังว่าจากตรงนี้อาจจะพอได้มองเห็นร่างเล็กของใครบางคน
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมของพ่อค้าอาหารตามสั่งทำเอาอรรถกรณ์ตกใจรีบหันกลับมาสนใจเขาในทันที มือก็ยกขึ้นมาขยับจัดเนคไทเล็กน้อย
“เหมือนเดิมนะครับวันนี้” เขาหันมองใบหน้าเฮียชลก็พบว่าเขากำลังถามพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้มแบบทุกครั้ง แต่ทำไมวันนี้เขาถึงรู้สึกว่ายิ้มของเฮียชลมันดูเหี้ยมแปลกๆ แต่บางทีก็อาจจะเป็นเขาที่คิดมากไปเองก็เท่านั้น
“ครับ.. เหมือนเดิม”
“ได้ครับ” ชโลธรพยักหน้าน้อยๆ แล้วหันหลังเดินตรงไปที่หน้าเตาคู่ใจ
ปั่กๆๆ!
เสียงสับหมูกรอบดังเป็นระยะๆ และดูเหมือนว่าเฮียชลจะลงแรงสับมันมากกว่าทุกวัน ทำเอาเสียงนั้นดังก้องไปทั่วศูนย์อาหารจนคนที่เดินผ่านบางครั้งก็หันมามองอย่างแปลกใจ
เคล้งๆ แก๊งๆ ฉ่าา..
ว่าเสียงตอนเฮียชลสับหมูกรอบดังแล้วเสียงตะหลิวกระทบกับกระทะตอนแกผัดดังกว่าเป็นไหนๆ อรรถกรณ์เริ่มนึกสงสัยนี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า
ข้าวกะเพราะหมูกรอบไข่ดาวร้อนๆ ที่กำลังส่งกลิ่นหอมชวนหิวถูกวางลงตรงหน้าของอรรถกรณ์พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ ของเฮียชลที่เดินมาเสิร์ฟให้เขาด้วยตัวเองให้พูดตามตรงก็แอบผิดหวังนิดหน่อยเหมือนกันที่ไม่ใช่คนที่เขาชะเง้อมองตามจนคอแทบเคล็ด
ชญาดาชะงักไปเล็กน้อยในตอนที่พ่อของเธอเอ่ยชื่อของอรรถกรณ์ขึ้นมา เธอหลุบตาลงต่ำทำทีเป็นคีบหมูเข้าปากกลัวว่าพ่อจะจับได้ว่าเธอกำลังนึกถึงคนที่พ่อเอ่ยชื่อออกมาเมื่อครู่ แต่เขาก็ยังนั่งจ้องเธออยู่แบบนั้นไม่วางตาทำเอาเธอกลืนอะไรแทบไม่ลงจนต้องยอมตอบคำถามเขาไป“เขากะ.. ก็ดูเป็นคนดีนะคะ” เธอตอบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“แค่นั้นเองเหรอ” ชโลธรหรี่ตามองลูกสาวของตัวเองอย่างจับผิด“แค่นั้นสิคะ พ่อคิดว่ายังจะมีอะไรอีกล่ะคะ”“เปล่านี่.. พ่อก็แค่คิดเล่นๆ ว่าถ้ามีลูกเขยเป็นประธานบริษัทจะเป็นยังไงนะ” ชโลธรพูดไปก็กลั้นขำไปแอบเห็นใบหน้าหวานของลูกสาวขึ้นสีระเรื่อในตอนที่เขาพูดคำว่า ‘ลูกเขย’“เฌอว่าพ่อเมาหมูกระทะแล้วเนี่ยพูดอะไรก็ไม่รู้”“แต่พ่อว่าเฌอรู้นะว่าพ่อพูดเรื่องอะไร ใช่ไหม” ชญาดาที่เห็นสายตาของพ่อที่หรี่มองเธอพร้อมกับคำถามแบบนั้นก็ได้แต่อมตะเกียบที่เพิ่งคีบหมูเข้าปากไปค้างไว้แบบนั้นก่อนจะเอามันออกมาวางลงบนโต๊ะเงียบๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนเป็นพ่อที่ยังคงนั่งจ้องเธออยู่แบบนั้น“เฌอไม่รู้เหมือนกันค่ะพ่อว่าความรู้สึกแบบนี้มันจะเรียกว่าชอบได้ไหม แต่เฌอรู้แค่ว่าเฌอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน” ตอบเหมือนกั
หลังจากที่ชญาดาช่วยพ่อของเธอล้างของและเก็บกวาดร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อของเธอก็เสนอเมนูเย็นนี้ว่าจะทำหมูกระทะฉลองในโอกาสที่เธอเรียนจบทั้งคู่เลยแวะซื้อของที่ตลาดสดหน้าปากซอยทางเข้าบ้านแบ่งกันไปซื้อ ชโลธรเป็นคนไปเดินเลือกซื้อผักและชญาดาไปซื้อพวกหมูสามชั้นกับของทะเลนิดๆ หน่อยไม่อยากซื้อไปเยอะมากเพราะกินกันแค่สองคนพ่อลูก และนัดว่าให้ไปเจอกันที่รถ“ไหนดูสิคนสวยของพ่อได้อะไรมาบ้าง มาๆ เดี๋ยวพ่อช่วยถือแขนแดงหมดแล้ว” ชโลธรพูดขึ้นทันทีที่เห็นลูกสาวของตนเดินมาถึงรถและรีบเข้าไปรับของที่เธอมาช่วยถือไว้กลัวว่าแขนเล็กๆ นั่นจะหักเอาเสียก่อนดูสิแค่นี้ผิวขาวๆ ของเธอก็ขึ้นรอยแดงเต็มไปหมด“โอ๊ยพ่อ.. เวอร์ไปไหมเนี่ยเฌอแค่ถือของนะคะไม่ได้แบกเสาเข็ม ไปเปิดท้ายเลยค่ะเฌอจะได้เอาของใส่รถเห็นตัวแค่นี้แต่เฌอแข็งแรงมากเลยนะขอบอก” เธอกลอกตาไปมาเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของผู้เป็นพ่อที่ดูจะเป็นห่วงเธอเอามากๆ ทั้งๆ ที่วันนี้ทั้งวันเธอทำอะไรที่มันหนักหนากว่านี้ตั้งหลายเท่า“ครับๆ ลูกผมมันเก่งอยู่แล้วครับ” ชโลธรจีบปากจีบคอพูดใส่ลูกสาวของตนด้วยความมันเขี้ยว“เก่งได้พ่อแหละ ฮ่าๆ” เฌอหัวเราะชอบใจพร้อมกับวางของในมือลงที่ท
“ทานให้อร่อยนะครับ” เขายิ้มตอบให้เฮียชลก่อนจะก้มมองอาหารจานโปรดของตนชนิดที่ว่าเอาปูอลาสก้าตัวล่ะหมื่นห้ามาแลกก็ไม่ยอม แต่ไหงวันนี้สีสันของมันถึงได้ดูจัดจ้านเป็นพิเศษสงสัยเฮียชลคงปรับสูตรกระมัง“แค่กๆ!” ทันทีที่ข้าวคำแรกเข้าปากอรรถกรณ์ก็แทบจะคายออกในทันทีถ้าไม่ติดว่าเฮียชลมองเขาอยู่เลยทำได้แค่ฝืนกลืนมันลงไป ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยแต่มันเผ็ด! เผ็ดมากขนาดที่ข้าวคำเดียวเขาต้องดื่มน้ำตามเป็นขวดไม่รู้เฮียชลทำพริกคว่ำลงไปในกระทะหรืออย่างไรมันถึงได้เผ็ดขนาดนี้ แล้วอีกอย่างที่ไม่เหมือนทุกทีก็คือวันนี้ไม่มีน้ำซุปที่ปกติจะเสิร์ฟคู่กันกับข้าวตลอด“ไม่อร่อยเหรอครับคุณอัฐ” ชโลธรถามเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอรรถกรณ์ ใบหน้าของเขาแดงก่ำพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายออกมาตามกรอบหน้าจนชุ่มไปหมด“อะ.. อร่อยครับ แต่ผมขอน้ำเปล่าเพิ่มอีกขวดละกันครับ” ฝ่ามือหนาปาดเหงื่อตามใบหน้าแล้วรีบตักข้าวเข้าปากไวๆ หลังจากที่เฮียชลเดินหันหลังไปหยิบน้ำเปล่าที่ตู้เขาหวังว่าถ้ากินไวความเผ็ดมันก็คงจะไม่มากเท่าไหร่แต่มันไม่ใช่แบบที่คิดเพราะยิ่งกินมันก็ยิ่งเผ็ดขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องสูดปากยกใหญ่แล้วนี่ทำไมเฮียชลถึงไปหยิบน้ำน
ในเช้าวันทำงานวันแรกของสัปดาห์แบบนี้ผู้คนต่างขวักไขว่ตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อรีบเตรียมตัวไปเข้างานให้ทันเวลาตามที่บริษัทของแต่ละคนกำหนดเหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะไม่อยากเข้างานสายตั้งแต่วันแรกของสัปดาห์เช่นเดียวกับ ‘ชญาดา’ ที่วันนี้เธอจะเข้าไปช่วยพ่อที่ร้านอาหารตามสั่งในศูนย์อาหารของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท ATK เป็นวันแรกหลังจากที่เรียนจบ ปวส. จากวิทยาลัยแถวบ้านมาตัวเธอเองก็ลองพยายามหาสมัครงานตามที่ต่างๆ แต่ไม่ว่าเข้าไปที่ไหนทุกๆ ที่ก็จะพูดประโยคเดียวกันกับเธอ ‘ไว้จะติดต่อกลับไปอีกทีนะคะ’ แล้วก็เป็นไปตามสูตรไม่มีที่ไหนติดต่อเธอกลับมาเลยแม้แต่ที่เดียว ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกยิ่งช่วงเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้การที่เธอจะหางานยากแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเมื่อหางานไม่ได้เธอเลยตัดสินใจปรึกษากับคุณ ‘ชโลธร’ บิดาบังเกิดเกล้าเพียงคนเดียวของเธอเขาก็เลยยื่นข้อเสนอให้เธอเข้าไปช่วยที่ร้านอาหารตามสั่งของเขาชั่วคราวก่อนหางานได้เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เธอเลยต้องพาตัวเองนั่งรถจากบ้านนอกเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงเป็นครั้งแรกเกิดมา 21 ปีคำว่า ‘เมืองศิวิไล’ มันก็เพิ่งประจักต่อสายตาชญาดาวันนี้นี่เองทั้งแสง สี เส
Commentaires