Share

บทที่ 579

Author: จิ้งซิง
เวินเฉวียนเซิ่งออกแรงแย่งกล่องไม้นั้นมาจากมือของเวินจื่อเยวี่ย จากนั้นก็กระแทกลงบนโต๊ะหนังสือดัง “ปัง” ชี้ไปที่ยาเม็ดข้างในพลางเอ่ยอย่างโกรธจัด “เจ้าโง่ เจ้ารู้ไหมว่าถ้าของสิ่งนี้ติดไฟ พวกเราทั้งสามคนจะติดไปด้วย! ถึงตอนนั้นใครก็ได้อย่าคิดหนี!”

เวินจื่อเยวี่ยไม่นึกเลยว่าจะยังมีระดับที่ชั่วร้ายเช่นนี้ รีบถอยหลังออกไปหลายก้าวภายในชั่วขณะเดียว

เมื่อมองไปที่ยาเม็ดนั้นอีกครั้ง ก็ยังรู้สึกผวาอยู่ในใจ

หากบิดาไม่ห้ามไว้ได้ทัน เมื่อครู่เขาคงก่อปัญหาใหญ่แล้ว!

เมื่อนึกถึงตรงนี้ แม้ว่าเวินจื่อเยวี่ยจะเหงื่อแตกพลั่กในตอนนี้ แต่ก็อดกัดฟันด้วยความโกรธไม่ได้ “ใครเป็นคนทำของสิ่งนี้ขึ้นมากันแน่ ทำไมถึงได้น่าสะอิดสะเอียนและชั่วร้ายถึงเพียงนี้?!”

“ใครทำออกมาพวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจ นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราควรยุ่ง แค่จำคำพูดของพ่อไว้ให้ดี อยู่ให้ห่างจากของสกปรกเหล่านี้ รวมถึงคนที่แปดเปื้อนของสิ่งนี้ไปแล้วด้วย รู้แล้วใช่ไหม?”

ตอนนี้ทั้งเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยมีหรือจะกล้าไม่ฟังคำพูดเขา ต่างพากันพยักหน้า “พวกเรารู้แล้ว ท่านพ่อ”

เพียงแค่เสียดายเงินของเขาเท่านั้น

แค่ยาเม็ดเดียวเขาก็จ่ายไปในราคาห้าสิบตำล
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 580

    แล้วยังสามารถจัดการกับเวินซื่อได้อย่างเปิดเผยอีกด้วยเมื่อสมุนไพรในแปลงสมุนไพรสุกงอมแล้ว ก็จะถึงเวลาที่นางและเวินซื่อนังสารเลวนั่นจะต้องคิดบัญชีแค้นทั้งเก่าและใหม่รวมกัน!เวินเยวี่ยคิดเช่นนี้ภายในใจ ไม่ได้ปฏิเสธการลงโทษด้วยการขับไล่ให้ไปหาเวินจื่อเฉินตามคาด บิดายังไม่อาจโหดร้ายกับนางได้ลงคอเวินเยวี่ยรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องเป็นอย่างมากภายในใจแต่เห็นได้ชัดว่านางดีใจเร็วเกินไปวินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปากขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่อพี่รองของพวกเจ้าตอนที่ออกจากบ้านไม่ได้นำอะไรไปด้วยเลย ดังนั้นพวกเจ้าก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำสิ่งของใด ๆ ไปด้วย และไม่ต้องกลับไปเก็บข้าวของ ออกเดินทางเลยเถิด”“อะไรนะ?!”เวินเยวี่ยตกตะลึงในทันที“ไม่กลับไปเก็บข้าวของ แล้วต่อไปพวกเราจะใส่เสื้อผ้าอะไร? แม้แต่เสื้อผ้าก็เอาไปด้วยไม่ได้เหมือนกันหรือท่านพ่อ?”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยอย่างไม่ปรานี “ถูกต้อง ห้ามเอาไปด้วย มีปัญหาอะไรพวกเจ้าก็หาวิธีแก้ไขเอง หลังจากฟังเข้าใจแล้วก็อย่าเสียเวลาอีกต่อไป ออกไป”เวินเยวี่ยโกรธจนทนไม่ไหว แต่กลับไม่กล้าตั้งคำถามกับคำพูดของบิดาทำได้เพียงติดตามเวินจื่อเยวี่ยออกไปด้วย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 581

    “เสียงนี่…?”เมื่อเวินจื่อเฉินได้ยินเสียงสนทนาที่ข้างนอก เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆพวกเขามาได้อย่างไร?“ก๊อกๆๆ!”“พี่รอง? พี่รอง!”“พี่รอง รีบเปิดประตูสิ!”“พอได้แล้วพี่รอง ข้ารู้ว่าท่านยังไม่นอน ไฟในห้องของท่านยังสว่างอยู่เลย ประตูให้ข้ากับน้องหกหน่อย”เวินจื่อเฉินไม่อยากเปิดประตู แต่ช่วยไม่ได้เสียงของพวกเขาสองคนดังมากโดยปกติเวลานี้ บริเวณโดยรอบจะเงียบสงบคืนที่เงียบสงบของคืนนี้นับว่าถูกพวกเขาทำลายอย่างสมบูรณ์แล้วท้ายที่สุดเวินจื่อเฉินก็ไปเปิดประตูให้พวกเขา“เอี๊ยด”ทันทีที่เปิดประตู เวินจื่อเฉินยืนอยู่ที่หน้าประตู ขมวดคิ้วมองคนทั้งสองยังไม่สบอารมณ์“ดึกเช่นนี้แล้วพวกเจ้าไม่อยู่ในจวน มาหาข้าทำไม?”“เดี๋ยวก่อนพี่รอง ให้พวกเราเข้าไปก่อนแล้วค่อยคุย เหนื่อยมากเลย ถ้ายังไม่ได้นั่ง ขาข้าจะหักแล้ว”เวินเยวี่ยกับเวินจื่อเยวี่ยทำเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง เบียดเวินจื่อเฉินออกก็เดินเข้าไปแล้ว“นี่พวกเจ้า…”เวินจื่อเฉินไม่ทันได้ห้าม ก็โดนพวกเขาผลักออกไปแล้วรอเขาปิดประตูเสร็จและหันกลับมา พวกเขาสองคนดื่มน้ำชาในกาของเขาจนหมดแล้ว“พี่รอง ยังมีน้ำหรือไม่? ให้พวกเราอีกหน่อย กระหายมากจริงๆ!”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 582

    ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เวินจื่อเยวี่ยต้องเดินออกไปอย่างไม่ลังเลโดยตรงแน่นอน แต่ตอนนี้เขากลับไปไม่ได้เขาไม่เพียงไม่ไป และยังต้องอยู่ต่ออย่างหน้าด้านพร้อมกับน้องหกไม่เช่นนั้นถ้าหากครั้งนี้ล้มเหลว เกรงว่าท่านพ่อจะไม่ให้โอกาสพวกเขาอีกแน่นอนดังนั้นไม่ว่าเพื่อเขาหรือน้องหก เขาก็ต้องอดกลั้นท้ายที่สุดเวินจื่อเยวี่ยกัดฟันอดกลั้นเอาไว้ หลังจากสงบสติอารมณ์ จึงจะเอ่ยปากอีกครั้ง “ขอโทษนะพี่รอง เมื่อครู่ท่าทีของข้าไม่ดี ท่าน…ท่านอย่าโกรธข้าเลย”เวินเยวี่ยเห็นเขาทำเช่นนี้ ก็เข้าใจแล้วเช่นกัน นางเม้มปาก ก้มหน้ากล่าวตามเวินจื่อเยวี่ย “พี่รอง ไม่ใช่ความผิดของพี่สาม เยวี่ยเอ๋อร์เอาแต่ใจเกินไป เยวี่ยเอ๋อร์กินได้เจ้าค่ะ!”เพื่อพิสูจน์คำพูดของตัวเอง นางถึงกับยอมอดกลั้นความรังเกียจในใจ หลับตาแล้วกัดไปที่ขนมแป้งแรงๆ ทีหนึ่งปรากฏว่ากัดคำนี้เกือบทำให้นางฟันร่วงแข็งมากจริงๆ!เวินเยวี่ยเจ็บฟันจนเกือบจะร้องไห้แล้ว แต่สุดท้ายก็ยังกัดลงไปแรงๆ หลังจากนั้นกลืนเข้าไปทั้งน้ำตาแต่เวินเยวี่ยกลับไม่รู้ เพราะการกระทำนี้ของนางทำให้เวินจื่อเยวี่ยเริ่มสงสัยเกิดอะไรขึ้น เมื่อก่อนเวินเยวี่ยไม่เคยแตะต้องของพวกนี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 583

    เมื่อเวินจื่อเยวี่ยได้ยิน ก็มองไปทางเวินเยวี่ยทันทีสายตาที่ดุร้ายอย่างอธิบายไม่ถูกทำให้เวินเยวี่ยหดศีรษะ ในใจยิ่งรู้สึกโกรธเล็กน้อยทั้งหมดเป็นความผิดของเวินซื่อ ถ้าไม่ใช่เพราะนาง เวินจื่อเฉินจะกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!ต้องบอกก่อน เมื่อก่อนเวินจื่อเฉินกล้าปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ที่ไหนกัน!แค่เขาเสียงดังเล็กน้อย นางใช้สายตาที่น้อยอกน้อยใจ ก็สามารถทำให้เวินจื่อเฉินยอมเชื่อฟังแต่โดยดีแล้วสุนัขที่เชื่อฟังและใช้งานง่ายเช่นนี้ ตอนนี้กลับใครเป็นของเวินซื่อแล้ว!เวินเยวี่ยไม่เกลียดสิถึงจะแปลกนางกัดฟันเบาๆ มีประกายแลบผ่านแววตาแต่ว่าไม่เป็นไร ครั้งนี้เป็นโอกาสของนางถ้าหากนางสามารถเกลี้ยกล่อมเวินจื่อเฉิน เช่นนั้นนางก็สามารถชิงสุนัขเชื่องตัวนี้กลับมาต่อให้เกลี้ยกล่อมไม่ได้ ในมือนางยังมีของอีกอย่างที่ดีกว่าไม่ใช่หรือเพราะเวินฉางอวิ้นคนเดียว ทำให้นางไม่กล้าใช้ดอกไม้เหล่านั้นในจวนเจิ้นกั๋วกง แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกงเสียหน่อย และเวินจื่อเฉินยังล่วงเกินท่านพ่อแล้วดังนั้นต่อให้นางใช้ดอกไม้พิษกับเวินจื่อเฉิน ท่านพ่อก็ไม่โทษนางแน่นอนใช่ ในมือเวินเยวี่ยยังมีดอกไม้พิษแต่เม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 584

    “เจ้าพูดอะไรนะ?!”เมื่อเวินจื่อเฉินที่อยู่แต่ตีนเขาภูเขาหนานมาโดยตลอด วันๆ เอาแต่ไปทำงานในหมู่บ้านได้ยินคำพูดของเวินจื่อเยวี่ย เขาเบิกตากว้างฉับพลันเขากล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “พี่ใหญ่เขาเป็นอะไร? เหตุใดเขาถึงล้มป่วยกะทันหัน? และยังป่วยหนักเช่นนั้น?!”ทั้งที่สุขภาพของพี่ใหญ่แข็งแรงเช่นนั้น เหตุใดจู่ๆ ก็เกือบตาย?เดี๋ยวก่อน!เวินจื่อเฉินนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอพี่ใหญ่ในจวนเจิ้นกั๋วกงฉับพลันตอนนั้นสีหน้าของพี่ใหญ่ดูแย่มาก เหมือนป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่างหรือพี่ใหญ่ป่วยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ดังนั้นจึงดูน่าตกใจเช่นนั้น?“พูดมา เจ้ารีบพูดมาเดี๋ยวนี้! ตกลงพี่ใหญ่ป่วยเป็นโรคอะไร?!”เวินจื่อเฉินไม่สนใจเวินจื่อเยวี่ยแล้ว เขากระชากคอเสื้อของเวินจื่อเยวี่ยก็ถามอย่างร้อนใจทันที“ข้าก็ไม่รู้!”เวินจื่อเยวี่ยรีบกล่าว “ตอนนั้นท่านพ่อไม่ได้บอกพวกเราสองคน คนที่รู้อาการป่วยของพี่ใหญ่มีแต่ท่านพ่อกับหมอหลวงหลี่ พี่รอง ถ้าท่านอยากรู้ ก็ต้องไปถามท่านพ่อหรือหมอหลวงหลี่เท่านั้น”แต่พี่รองไม่ยอมไปถามท่านพ่อแน่นอน ต่อให้ถาม ท่านพ่อก็ไม่บอกความจริงพวกเขาและท่านพ่อก็ได้คุยกับทางหมอหลวงหลี่นานแล้ว ไม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 585

    “เจ้า…กำลังโกหกข้า?”เวินจื่อเฉินถามอย่างลังเลเวินจื่อเยวี่ยหัวเราะเบาๆ สายตาดูไม่เต็มใจ “ข้าก็หวังว่าข้ากำลังโกหกท่าน แต่น่าเสียดาย นี่คือความจริง”เวินจื่อเฉินขมวดคิ้วเบาๆ ถามอย่างไม่เข้าใจ “เพราะอะไร?”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวเสียงเรียบ “เพราะเวินซื่อ”เวินจื่อเฉินยิ่งขมวดคิ้วแน่นทันที “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนาง?”“ต้องเกี่ยวอยู่แล้ว เพราะคนที่บีบให้ข้าถอนหมั้นกับหลินเนี่ยนฉือก็คือนาง”ความโกรธในใจเวินจื่อเยวี่ยท่วมท้น เขาแทบอยากวิ่งขึ้นเขาตอนนี้ แล้วบุกเข้าไปตีเวินซื่อในอารามสุ่ยเยว่ เพื่อระบายความโกรธในใจเขาทันที“นี่มันเป็นไปไม่ได้”เวินจื่อเฉินกล่าวอย่างไม่ลังเล “เจ้าอย่าคิดโกหกข้า ด้วยความสัมพันธ์ของน้องหญิงกับหลินเนี่ยนฉือ นอกเสียจากหลินเนี่ยนฉืออยากถอนหมั้นเอง ไม่เช่นนั้นน้องหญิงไม่มีทางทำเช่นนี้”คำพูดนี้จี้จุดโดยตรงและก็เพราะพูดแม่นเกินไป ทำให้เวินจื่อเยวี่ยหน้าบึ้งทันทีใช่แล้ว เป็นหลินเนี่ยนฉือที่อยากถอนหมั้นกับเขา แต่…“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเวินซื่อ หลินเนี่ยนฉือจะถอนหมั้นกับข้าได้อย่างไร?!”เดิมทีโกหกเพื่อให้เวินจื่อเฉินเชื่อว่าพวกเขาทำผิดจึงถูกไล่ออกมา แต่พูดถึงต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 586

    เพียงแต่ตอนนั้นเวินเยวี่ยไม่อยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วกง แต่อยู่ที่กรมอาญา ดังนั้นนางจึงรอดตัวไปตรงกันข้าม ความโกรธทั้งหมดก็ไปลงที่ตัวเวินจื่อเยวี่ยแล้วไม่ใช่หรือ?แต่ในความเป็นจริง แรกเริ่มหลินเนี่ยนฉือก็ไม่เคยคิดจะให้เวินจื่อเยวี่ยเลือกหนึ่งในสองแล้ว แต่ใครให้เขาปกป้องเวินเยวี่ยตรงหน้าหลินเนี่ยนฉือครั้งแล้วครั้งเล่า ปกป้องก็ช่างเถอะ แถมยังกล้าพูดจาดูหมิ่นอาซื่อต่อหน้านาง นี่จะให้หลินเนี่ยนฉือทนไหวได้อย่างไร?ด้วยเหตุนี้จึงมีเหตุการณ์เลือกหนึ่งในสองตามมาการเลือกครั้งนี้ ทำให้เวินจื่อเยวี่ยเจ็บปวด และทำให้หลินเนี่ยนฉือผิดหวังเวินจื่อเฉิน “ดังนั้นเจ้าก็เลยถอนหมั้นกับนาง? เพียงเพราะนางให้เจ้าเลือกระหว่างนางกับเวินเยวี่ย? และเจ้าก็เลือกเวินเยวี่ย?”ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ เวินจื่อเฉินรู้สึกว่าน่าขำมากแต่โชคดีที่น้องชายคนนี้ของเขายังไม่ได้ถึงขั้นเกินเยียวยาเขาส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ตอบตกลง เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากตอบตกลงอยู่แล้ว ต่อให้นางทำเช่นนั้น แต่ข้าก็ยังยืนกรานว่าคู่หมั้นของข้าต้องเป็นนางเท่านั้น และข้าก็จะแต่งงานกับนางคนเดียว”“เช่นนั้นเพราะอะไรกันแน่?”เวินเยวี่ยเงียบไปครู่ห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 587

    เวินเยวี่ยร้องไห้ได้น่าเวทนานัก ใบหน้าน้อยน้ำตาอาบแก้ม และดวงตาแดงก่ำนางยื่นมือไปกระตุกชายเสื้อเวินจื่อเฉินเบาๆ และเงยหน้าขึ้น มองไปทางเวินจื่อเฉินด้วยสายตาที่น้ำตาคลอเหมือนกับว่านางรู้สึกผิดแล้วจริงๆกลัวจริงๆและกำลังขอร้องการให้อภัยจากเวินจื่อเฉินจริงๆแต่สิ่งที่นางคิดในใจตอนนี้…‘ข้าลงทุนเช่นนี้แล้ว เวินจื่อเฉินต้องโดนข้าหลอกแน่นอน!’เวินเยวี่ยมั่นใจในเรื่องนี้มากนางไม่เชื่อว่าใจของเวินจื่อเฉินจะสามารถแข็งเหมือนก้อนหิน เห็นนางที่เป็นเช่นนี้ มีหรือที่จะไม่หวั่นไหวเลย?แต่วินาทีต่อมา…“เพียะ!”เสียงฝ่ามือดังขึ้นในกระท่อมฟางกะทันหันแน่นอน ไม่ใช่เวินจื่อเฉินตบหน้าเวินเยวี่ยแต่เป็นเขายื่นมือไปตบมือของเวินเยวี่ยที่จับชายเสื้อของเขาอย่างไร้เยื่อใยสีหน้าเวินจื่อเฉินเย็นชา เขาก้มมองสภาพนี้ของเวินเยวี่ย และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ“เจ้าไปเป็นขอทานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”“พี่รอง?”เวินจื่อเยวี่ยมองเขาอยากไม่อยากเชื่อ “ท่านจะใจร้าย ไม่สนใจน้องหกเลยจริงหรือ?”“ใจร้าย? ถ้าหากข้าใจร้ายมากพอ ข้าก็ไม่เปิดประตูให้พวกเจ้าแล้ว และยิ่งไม่มีทางเอาอาหารเช้าและเที่ยงของวันพรุ

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 598

    ทั้งเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ย ทั่วทั้งร่างกายและใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยบาดแผลแต่เมื่อเทียบกันแล้ว บาดแผลของเวินจื่อเฉินไม่สาหัสเท่ากับของเวินจื่อเยวี่ยดังนั้น หลังจากเขาพักไปเพียงครู่หนึ่ง ก็ใช้มือยันพื้นแล้วลุกขึ้นยืนเขามองเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยก็สบตากันแวบหนึ่งจากนั้นเวินจื่อเยวี่ยจึงกล่าวว่า “ข้อเท้าของน้องหกเคล็ด อาจจะต้องพักฟื้นสักหน่อย ดังนั้นก็น่าจะราวๆ หนึ่งเดือนกระมัง?”ในเมื่อพี่รองเปลี่ยนใจในที่สุด และยินยอมให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อแล้วถ้าเช่นนั้นก็เผื่อไว้หน่อย บอกให้นานขึ้นอีกสักนิดเวลาหนึ่งเดือนก็น่าจะพอให้พวกเขาทำเรื่องที่ท่านพ่อมอบหมายให้สำเร็จแล้วเวินจื่อเยวี่ยบอกไปเผื่อๆ ว่าหนึ่งเดือน เวินจื่อเฉินแสดงสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าได้หรือไม่ได้เขามองไปรอบๆ กระท่อมฟางทั้งสองด้าน ครู่ต่อมาจึงเอ่ยปาก “เช่นนั้นข้าจะสร้างกระท่อมให้พวกเจ้าอีกสองหลัง”เวลาหนึ่งเดือนจะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้นที่นี่ของเขามีกระท่อมเพียงหลังเดียว ย่อมไม่เพียงพอให้พวก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 597

    “ได้ๆๆ พี่สามผิดไปแล้ว พี่สามจะฟังคำพูดของน้องหก”เวินจื่อเยวี่ยรีบกล่าวขอโทษทันที พร้อมกับยิ้มไปด้วยหลังจากพูดจบ เขาก็เหลือบมองไปทางเวินจื่อเฉินท่าทีไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง ราวกับกำลังบอกเวินจื่อเฉินว่า ดูสิพี่รอง นี่คือทางเลือกของข้าแต่เขากลับไม่รู้เลยว่า ในใจของเวินจื่อเฉินตอนนี้เต็มไปด้วยพายุอารมณ์ที่กำลังก่อตัวเวินจื่อเยวี่ยในเวลานี้ได้ถลำลึกลงไปนานแล้ว จนไม่อาจมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแต่เวินจื่อเฉินที่ตาสว่างแล้ว กลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งนักในขณะที่เวินเยวี่ยกำลังหลอกลวงเวินจื่อเยวี่ยอยู่นั้น เขาก็คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และเห็นแล้วว่าภายใต้ใบหน้าที่แสร้งทำเป็นห่วงใยของเวินเยวี่ยนั้น ปรากฏความรังเกียจที่แวบผ่านไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อน้องสามกล่าวคำรับรองประโยคสุดท้ายนั่น สีหน้าดูแคลนในแววตาของเวินเยวี่ยยิ่งไม่อาจปิดบังได้เพียงแต่เมื่อนางสังเกตเห็นสายตาของเวินจื่อเฉิน ในชั่วพริบตาที่เงยหน้าขึ้นมองมา แววตาดูแคลนนั้นก็เลือนหายไปจนหมดสิ่งที่เหลืออยู่คือ “ความห่วงใย” และ “ความกังวล” ซึ่งเมื่อมองแวบแรก ก็ดูราวกับว่าทั้งหมดนั้นออกมาจากใจจริง“พี่รอง เป็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 596

    เวินจื่อเฉินยื่นมือออกไปรับหมัดของเวินจื่อเยวี่ยอีกครั้งดัง “ผัวะ” จ้องมองเวินจื่อเยวี่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “เรื่องระหว่างเจ้ากับข้า เจ้าจะลากน้องห้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม?”“ข้าก็จะลากนางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนี่แหละ!”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างเคียดแค้น “ใครใช้ให้ท่านตัดความสัมพันธ์กับข้าเพียงเพราะนางเล่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ท่านก็เลือกเอาว่าจะให้ข้าอัดระบายความโกรธ หรือว่าจะอัดข้าให้หมอบไปเลย มิฉะนั้นข้าไม่มีวันปล่อยนางไปแน่!”เวินจื่อเยวี่ยเตะกวาดเข้าใส่เวินจื่อเฉินอย่างแรง เวินจื่อเฉินตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังอย่างฉิวเฉียดพอเขามองไปยังเวินจื่อเยวี่ยอีกครั้ง ความโกรธของเขาก็ปะปนไปด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ “เวินจื่อเยวี่ย! เจ้าอย่าลืมว่านางก็เป็นน้องสาวของเจ้าเช่นกัน เจ้าดีกับคนนอกได้ถึงเพียงนั้น แล้วเหตุใดถึงดีกับน้องสาวแท้ๆ ของตนเองให้มากกว่านี้สักหน่อยไม่ได้?!”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายปนเลือดคำหนึ่งลงพื้นอย่างแรง บนใบหน้าเผยความเหี้ยมเกรียมออกมา “น้องสาวแท้ๆ บ้าบออะไรกัน ตั้งแต่ตอนที่นางบังคับให้ข้าถอนหมั้นกับหลินเนี่ยนฉือ นางก็ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของข้าอีกต่อไปแล้ว!

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 595

    ถึงขั้นที่ว่าพวกเขายังคงต่อสู้กันราวกับจะเอาให้ตาย ยังไม่ทันไร ใบหน้าของทั้งสองคนก็ถูกอีกฝ่ายชกต่อยจนบวมปูดเขียวช้ำ ใบหน้ามีเลือดอาบเวินเยวี่ยที่ตามออกมาคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลงไม้ลงมือกันเร็วขนาดนี้กระทั่งนางยังไม่ทันได้ใช้อุบายของตนเองด้วยซ้ำเห็นได้ชัดว่าการที่ทั้งสองคนต่อสู้กันถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนาง แต่เวินเยวี่ยกลับดีใจไม่ออกทั้งสองคนไม่ได้เป็นเช่นนี้ภายใต้การชักใยของนาง แล้วนางจะมีอะไรให้ต้องดีใจ?ทีละคน สองคน ราวกับหลุดออกจากการควบคุมไปแล้วความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้นี้ ทำให้เวินเยวี่ยรู้สึกขุ่นเคืองอย่างยิ่งได้แต่ยืนมองทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดและเวินเยวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองพวกเขาหลังจากที่มองพวกเขาต่อสู้กันอยู่นาน ในที่สุดทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะเริ่มเหนื่อยล้า การเคลื่อนไหวก็ช้าลงแล้วเวินเยวี่ยมองสภาพของทั้งสองไปทีละคนในเมื่อเวินจื่อเยวี่ยยังคงสู้เวินจื่อเฉินไม่ได้ หากต้องตัดสินแพ้ชนะกันจริงๆ ผู้ชนะย่อมเป็นเวินจื่อเฉินอย่างไม่ต้องสงสัยและเวินจื่อเฉินในตอนนี้ กลับเหมือนยังคงออมแรงไว้อยู่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับน้องชาย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 594

    เวินจื่อเยวี่ยซักถามเวินจื่อเฉินอย่างบ้าคลั่งอีกคนหนึ่งอีกคนหนึ่งแล้วตั้งแต่หลินเนี่ยนฉือ จนถึงเวินจื่อเฉินตั้งแต่คู่หมั้นของเขา จนถึงพี่ชายแท้ๆ ของเขาเหตุใดพวกเขาต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย?!“ท่านตอบมาสิ เพราะอะไร?!”ความโกรธในดวงตาของเวินจื่อเยวี่ยนั้นแฝงไว้ด้วยความรู้สึกซับซ้อนที่ยากจะอธิบาย ราวกับว่าเขาถูกหักหลังทีละคน ทีละคน ต่างก็ทอดทิ้งเขา ละทิ้งเขาในเวลานี้แถมยังจะตัดความสัมพันธ์กับเขาทั้งหมดเขาทำอะไรผิดไปหรือ?แต่เขาผิดตรงไหนกัน?!เขาก็แค่เลือกระหว่างเวินซื่อกับเวินเยวี่ย โดยเลือกเวินเยวี่ยผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเขาก็เท่านั้นเองนี่คือเขาทำผิดแล้วหรือ?เวินจื่อเยวี่ยต้องการคำตอบ น่าเสียดายที่ตอนนี้เวินจื่อเฉินกลับไม่ยอมตอบเขาอีกแล้ว“ระหว่างข้ากับเจ้าไม่มีทางที่จะพูดคุยสื่อสารกันแล้ว”“หึ ไม่มีทางที่จะพูดคุยสื่อสารกัน? เป็นท่านเองต่างหากที่ไม่อยากพูด เมื่อก่อนกับน้องชายเช่นข้าไม่มีอะไรที่พูดกันไม่ได้ แต่ตอนนี้ท่านกลับมาบอกข้าว่าไม่มีทางที่จะสื่อสารกันแล้ว?”“ระหว่างพี่น้องอย่างพวกเรา มันจะมีเรื่องอะไร หรือคำพูดไหนที่สื่อสารกันไม่ได้?!”เวินจื่อเยวี่ยรู้สึกว่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 593

    เวินจื่อเฉินลดสายตาลงมองเวินเยวี่ย ซึ่งบนใบหน้าปรากฏความขุ่นเคืองแล้ว สุดท้าย ก็ใช้น้ำเสียงเย้ยหยันอย่างยิ่ง กล่าวกับนางหนึ่งประโยคราวกับเป็นคำสาปแช่ง“สุดท้ายเจ้าจะไม่เหลืออะไรเลย”“หุบปาก!”เวินเยวี่ยทนต่อไปไม่ไหวแล้วเดิมทีนางคิดว่าหลังจากรอเวินจื่อเฉินกลับมาแล้ว ควรจะเป็นนางเองที่ใช้เรื่องข้อเท้าบาดเจ็บมาควบคุมเวินจื่อเฉินให้อยู่หมัดแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากเวินจื่อเฉินออกไปคืนนี้แล้วกลับมา คนก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ปฏิเสธนางอย่างไม่เหลือเยื่อใยเลยแม้แต่น้อยทุกประโยคล้วนเป็นการเปิดโปงนาง ทุกถ้อยคำล้วนเป็นการเยาะเย้ยนางจนสุดท้าย เขายังกล้าพูดว่านางคือคนที่น่าสมเพชที่สุดอีกหรือ?นางน่าสมเพชตรงไหนกัน?ตอนนี้นางไม่ได้น่าสมเพชเลยสักนิด!เวินซื่อนังเด็กสารเลวนั่นก็ถูกนางเบียดจนกระเด็นออกไปแล้ว ส่วนนางตอนนี้ยิ่งเป็นถึงแก้วตาดวงใจของจวนเจิ้นกั๋วกง!เมื่อเทียบกับเวินซื่อที่ออกบวชเป็นชีแล้ว เห็นได้ชัดว่านางต่างหากคือคนที่ใช้ชีวิตดีมากที่สุด ดังนั้น นางน่าสมเพชตรงไหนกัน?!เวินเยวี่ยลุกขึ้นพรวดพราดจากเตียง ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ พูดไม่ทันขาดคำก็ร้องไห้ทันที “พี่รอง! ข้ารู้ว่าต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 592

    ค่ำคืนนี้ เวินจื่อเฉินนั่งอยู่หน้าประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่จนกระทั่งรุ่งสางเมื่อเสียงระฆังยามเช้าและเสียงสวดมนต์แผ่วๆ ดังแว่วมาจากด้านใน เวินจื่อเฉินก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนหลังจากหันกลับไปมองประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่ที่ปิดสนิทแวบหนึ่ง เขาถึงได้ลากร่างกายที่ทั้งแข็งและหนาวเย็น ก้าวลงจากเขาไปทีละก้าวเมื่อกลับมาถึงกระท่อมฟาง ท้องฟ้าก็เพิ่งจะเริ่มสางแต่เวินจื่อเฉินกลับมองเห็นแสงเทียนริบหรี่ลอดผ่านออกมาจากกระท่อมฟางของตนแต่ไกลเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว หรือว่าน้องสามพวกเขายังไม่พักผ่อนกันอีก?เวินจื่อเฉินรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างบอกไม่ถูกจึงเร่งฝีเท้า ไม่นานก็เดินมาถึงนอกกระท่อมของตน ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู “น้องสาม เปิดประตู”“มาแล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยที่อยู่ด้านในกลับออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าตึงตังวิ่งมา แล้วเปิดประตูให้เวินจื่อเฉินพอเวินจื่อเฉินมองเข้าไป ก็พบว่ามีเพียงเวินเยวี่ยนั่งอยู่ข้างเตียงของเขา กำลังใช้มือนวดคลึงข้อเท้าของนางอย่างระมัดระวัง“เหตุใดพวกเจ้ายังไม่นอนกันอีก? บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้พวกเจ้ารีบพักผ่อนแต่เนิ่นๆ เช้าวันนี้ก็ต้องไปมิใช่หรือ?”เวินจื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 591

    “ไปกัน เจ้าบอกว่าอยากดูดาวมิใช่หรือ? ดูที่ไหนล่ะ พี่รองไม่รู้ทางนะ”“ข้ารู้ ข้ารู้! ข้าจะพาพี่รองไปเอง!”พอเวินซื่อน้อยได้ยินว่าจะไปดูดาว ก็ดีใจขึ้นมาทันที“ได้ เช่นนั้นเจ้าชี้ทาง พี่รองจะอุ้มเจ้าไป”“แต่ว่าข้าหนักมากเลยนะ ถ้าพี่รองอุ้มต้องเหนื่อยแน่ๆ ”“ใครบอกว่าเจ้าหนัก?”“พี่สามบอกเจ้าค่ะ”“เจ้าไก่อ่อนนั่น เทียบกับเจ้าสี่ยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปสนใจเขา ฟังพี่รองนะ น้องห้าของพวกเราไม่หนักสักหน่อย ต่อให้ภายหน้าเจ้าโตขึ้น พี่รองก็ยังอุ้มเจ้าไหว!”“พี่รองดีจริงๆ !”“เช่นนั้นใครดีที่สุด? รีบตอบมา พี่ใหญ่ดีที่สุดหรือว่าพี่รองดีที่สุด?”“อืม~ ดีทั้งคู่!”“ชิ เห็นๆ อยู่ว่าข้าดีที่สุดต่างหาก!”“อิอิ...”วันนั้น สองพี่น้องได้พากันไปยังชานเมือง เฝ้าดูดาวตลอดทั้งคืน เมื่อกลับมา ก็ถูกดุด่าว่ากล่าวอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เมื่อเห็นรอยบวมบนศีรษะของเวินซื่อ เวินเฉวียนเซิ่งเพียงเหลือบมองแวบหนึ่ง หลังจากเรียกหมอมาแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่ได้ลงโทษให้เวินจื่อเฉินคุกเข่าอีกจนกระทั่งตอนนี้ เวินจื่อเฉินพลันเข้าใจขึ้นมาวันนั้น ท่านพ่อคงจะได้ยินคำพูดของน้องสาวแล้วสินะ?

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 590

    “พี่รอง พี่รอง!”“ได้ยินท่านพ่อบอกว่าคืนนี้จะมีดาวเยอะมาก พวกเราไปดูดาวด้วยกันนะ!”ตอนนั้น เวินจื่อเฉินในวัยสิบขวบเพราะตีเด็กคนอื่นในสถานศึกษา จึงโดนพ่อของตัวเองลงโทษให้คุกเข่าที่ลานบ้านและเวินซื่อที่เพิ่งจะอายุหกขวบในเวลานั้น วิ่งเข้ามาก็เห็นภาพนี้ทันที “พี่รอง ท่านเป็นอะไร? เหตุใดคุกเข่าบนพื้น? พี่รองรีบลุกขึ้น บนพื้นเย็น ท่านปู่พ่อบ้านบอกว่าอยู่บนพื้นนานเกินไปจะป่วยนะ”เวินซื่อน้อยเดินไปที่ข้างกายพี่รองของตัวเอง นางกอดแขนของเขา อยากดึงเขาลุกขึ้น“อย่ามายุ่งกับข้า ข้าจะคุกเข่าตรงนี้!”ท่านพ่อลงโทษก็ลงโทษ อย่างไรลงโทษเสร็จเขาก็ยังจะไปตีเจ้าคนปากสุนัขสองตัวนั่นกล้าด่าเขาว่าเป็นลูกไม่มีแม่ คอยดูเขาไม่ตีพวกเขาจนปากฉีกให้มันรู้ไป!เวินจื่อเฉินในวัยสิบขวบไม่พอใจเพราะพ่อลงโทษตัวเอง และกำลังหงุดหงิด เขายกมือขึ้นก็ผลักเวินซื่อน้อยที่มายุ่งกับตัวเองออกไปใครจะรู้ว่าเผลอใช้แรงมากเกินไป จึงผลักเวินซื่อน้อยล้มแล้วศีรษะน้อยๆ ของนางกระแทกโดนพื้น และเสียงดังเป็นพิเศษทำให้สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเวินจื่อเฉินกับเวินซื่อที่รับไม่ทันหน้าถอดสีทันที“น้องห้า!”“คุณหนูห้า!”เวินจื่อเฉินไม่ส

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status