Share

บทที่ 598

Author: จิ้งซิง
ทั้งเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ย ทั่วทั้งร่างกายและใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล

แต่เมื่อเทียบกันแล้ว บาดแผลของเวินจื่อเฉินไม่สาหัสเท่ากับของเวินจื่อเยวี่ย

ดังนั้น หลังจากเขาพักไปเพียงครู่หนึ่ง ก็ใช้มือยันพื้นแล้วลุกขึ้นยืน

เขามองเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยก็สบตากันแวบหนึ่ง

จากนั้นเวินจื่อเยวี่ยจึงกล่าวว่า “ข้อเท้าของน้องหกเคล็ด อาจจะต้องพักฟื้นสักหน่อย ดังนั้นก็น่าจะราวๆ หนึ่งเดือนกระมัง?”

ในเมื่อพี่รองเปลี่ยนใจในที่สุด และยินยอมให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อแล้ว

ถ้าเช่นนั้นก็เผื่อไว้หน่อย บอกให้นานขึ้นอีกสักนิด

เวลาหนึ่งเดือนก็น่าจะพอให้พวกเขาทำเรื่องที่ท่านพ่อมอบหมายให้สำเร็จแล้ว

เวินจื่อเยวี่ยบอกไปเผื่อๆ ว่าหนึ่งเดือน เวินจื่อเฉินแสดงสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าได้หรือไม่ได้

เขามองไปรอบๆ กระท่อมฟางทั้งสองด้าน ครู่ต่อมาจึงเอ่ยปาก “เช่นนั้นข้าจะสร้างกระท่อมให้พวกเจ้าอีกสองหลัง”

เวลาหนึ่งเดือนจะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้น

ที่นี่ของเขามีกระท่อมเพียงหลังเดียว ย่อมไม่เพียงพอให้พวก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (3)
goodnovel comment avatar
tong.tt868
จะยาวไปถึงไหนคะ จะ 600 ตอนแล้วยังไม่ถึงไหนเลย
goodnovel comment avatar
Sudarat Mailmail
ช้าเกินตอนสั้นยังพอทนแต่เนื้อเรื่องที่ไม่ไปไหนจะ600ตอนละยังไม่ครึ่งทางเลยมั้งเพราะตัวเอกยังเหลือ2พี่น้องที่ยังตาบอดแล้วไหนจะพระนางที่ไม่รู้จะลงเอยกันได้ยังไง
goodnovel comment avatar
Adsadi Peace
เนื้อเรื่องเหมือนจะดี แต่ไม่ไปไหนสักที และใช้คำได้เปลืองมาก คนไทยเขียนหรอ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 599

    “พี่รอง เมื่อครู่ท่านเข้าเรือนไปทำอะไรหรือเจ้าคะ? เหตุใดถึงไม่รับเงินของข้าเล่า?”เวินเยวี่ยแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ“ไม่มีอะไร ก็แค่เข้าไปหาของสักหน่อย ตอนนี้หาเจอแล้ว”เวินจื่อเฉินยื่นมือไปรับพวงเงินนั้นมาจากมือของเวินเยวี่ย พอพบว่าแม้กระทั่งเชือกที่ร้อยพวงเงินก็ยังแตกต่างจากเส้นที่เขาใช้ เขาก็ยิ่งแน่ใจมากขึ้น ครั้งนี้ตนเองคงเข้าใจนางผิดไปจริงๆแต่เวินจื่อเฉินก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เงินนี้ข้าจะรับไว้ก่อน คืนนี้พวกเจ้าอยากกินอะไร ข้าจะได้แวะซื้อกับข้าวกลับมาด้วยเลย”เวินเยวี่ยแอบสังเกตการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขาพอเห็นว่าเวินจื่อเฉินเชื่อสนิทใจแล้ว มุมปากนางก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นออกมาเพียงเท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้พวงเงินของพี่รอง “หายไป” ก็จะไม่สงสัยมาถึงตัวนางส่วนนางก็แค่เล่นตุกติกนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเองการหยิบไปทั้งพวงนั้นถูกจับได้ง่าย แต่ถ้าแต่ละพวงหยิบไปแค่สองสามเหรียญ เช่นนั้นเวินจื่อเฉินจะมานั่งนับอย่างละเอียดได้อย่างไรกันประกอบกับพอนางมาถึงก็เอา “เงินของตนเอง” ออกมาใช้แล้ว นางช่าง “ใจดีมีมารยาท” เช่นนี้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 600

    เมืองหลวงจวนเจิ้นกั๋วกง“เอี๊ยด”พ่อบ้านผลักประตูห้องหนังสือเข้าไป แล้วยืนอยู่หน้าโต๊ะหนังสืออย่างระมัดระวัง“หาเจอหรือไม่?”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึมพ่อบ้านรีบก้มหน้าลงทันที “เรียนท่านกั๋วกง คนรับใช้ได้ค้นหาทั่วทั้งจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว แต่ก็ยังคงไม่พบของสิ่งนั้นที่ท่านกล่าวถึงขอรับ”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งพลันมืดมนลงยิ่งกว่าเดิม“คนล่ะ? มีผู้ใดเห็นคนน่าสงสัยเข้าใกล้ห้องหนังสือของข้า หรือว่าปรากฏตัวขึ้นบริเวณใกล้ๆ จวนเจิ้นกั๋วกงบ้างหรือไม่?”พ่อบ้านยังคงส่ายหน้า“ไม่พบขอรับ”เวินเฉวียนเซิ่งโมโหจนแค่นเสียงหัวเราะ “หึ” ออกมาทันที น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง“หาของก็ไม่เจอ หาคนน่าสงสัยก็ไม่พบ ข้าจะมีพวกเจ้าไว้ทำอะไรได้อีก?!”“ปัง!”เวินเฉวียนเซิ่งใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ตวาดด้วยความโมโห “ของสิ่งนั้นวางอยู่ในห้องหนังสือนี้ ข้าเพียงแค่ออกไปครู่เดียว ของก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย อย่างไรกัน หรือว่าจวนเจิ้นกั๋วกงแห่งนี้จะมีผีที่รู้จักขโมยของปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว?!”พ่อบ้านถูกตวาดจนไม่กล้าตอบ ทำได้เพียงหดคอ รอจนกว่าเวินเฉวียนเซิ่งจะระบายความโกรธจนหมดแต่เรื่องในครั้ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 601

    เวินเฉวียนเซิ่งสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ข้าจะไปเอง”พ่อบ้านเข้าใจในทันทีจากนั้น ในไม่ช้าสองนายบ่าวก็มาถึงหน้าห้องหนึ่งในจวนที่ไม่มีคนอาศัยมานานหลายปีหลังจากพ่อบ้านไขประตูแล้ว เวินเฉวียนเซิ่งก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นและผลักประตูให้เปิดออกก่อนหน้านี้จะมีผู้คนมาปัดกวาดที่นี่ทุกวันแม้ว่าจะวังเวงแต่ก็ยังสะอาดสะอ้าน ไร้ฝุ่นสักเม็ดแต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขุดศพจากหลุมครั้งนั้น เวินเฉวียนเซิ่งก็กลัวว่าเวินเยวี่ยจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำอีก ดังนั้นจึงสั่งให้ใส่กุญแจสถานที่แห่งนี้ไว้นี่เพิ่งผ่านไปเพียงสองสามเดือน ภายในห้องก็ดูรกร้างแล้วแม้กระทั่งในหลาย ๆ มุมก็ยังมีใยแมงมุมห้อยอยู่เวินเฉวียนเซิ่งมองใยแมงมุมเหล่านั้นแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในนั้นหลังจากเดินไปถึงกลางห้อง เขาก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นดวงตาอันลุ่มลึกจ้องมองห้องนี้ สายตากวาดไปรอบ ๆ ทีละนิดจริงจังเช่นนั้น ราวกับกำลังค้นหาใคร แต่ก็เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างด้วยแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สุดท้ายเขาก็หาไม่พบอยู่ดีห้องนี้ว่างเปล่าลงไปมากตั้งแต่หลานจื่อจวินตายจากไป เขาก็ย้ายออกจากที่นี่ ซ้ำยังย้ายข้าวของข

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 602

    ในขณะนี้เวินซื่อยังไม่รู้ว่าถึงแม้มดตัวน้อยของนางจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจที่นางสั่งการให้สำเร็จได้ แต่พวกมันก็นำ “ของล้ำค่าชิ้นโต” มาให้นาง กำลังรีบวิ่งเข้าบ้านอย่างกระหืดกระหอบ…กลางอารามสุ่ยเยว่ในเวลานี้“แปลงสมุนไพรในจินโจวและลู่โจวได้ตระเตรียมพร้อมแล้ว เมล็ดพันธุ์สมุนไพรและต้นกล้าชุดแรกก็ได้ทำการปลูกแล้ว ตามที่ทางผู้ดูแลจงเอ้อร์ส่งจดหมายมา การเจริญเติบโตในปัจจุบันนี้ยังดีอยู่ขอรับ”“เช่นนั้นก็ดี”เวินซื่อดูสมุดบัญชีในช่วงนี้ พลางเอ่ยถามไปด้วย “อ้อ ได้ยินมาว่าผู้ดูแลจงเอ้อร์เป็นน้องสาวของผู้ดูแลจง?”พ่อบ้านหลานพยักหน้า “ขอรับ เดิมทีบ่าวต้องการย้ายผู้ดูแลจงไป แต่ผู้ดูแลจงบอกว่าน้องสาวของนางเหมาะสมกว่านางขอรับ”“ผ่านการทดสอบแล้วหรือ?”“คุณหนูไม่ต้องกังวลขอรับ บ่าวทำการทดสอบแล้ว ผู้ดูแลจงเอ้อร์เหมาะสมกว่าผู้ดูแลจงจริง ๆ นอกจากการหัวสมองฉับไวแล้ว ฝ่ายนั้นยังมีความสามารถในการจัดการผู้คนอีกด้วย”จินโจวและลู่โจวอยู่ห่างไกล คนที่จะไปที่นั่นย่อมต้องการคนที่มีความสามารถสักหน่อยพ่อบ้านหลานก็มีความสามารถนี้ แต่เขาอายุมากแล้ว และต้องการอยู่ข้างกายเวินซื่อมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไปไม่ได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 603

    “ขอรับ บ่าวรับทราบแล้ว”หลังจากหารือธุระจบแล้ว เสี่ยวหานกำลังจะส่งพ่อบ้านหลานกลับไป ในเวลานี้หลินเนี่ยนฉือก็เดินออกมาพอดี“ข้าไปส่งพ่อบ้านหลานแล้วกัน วันนี้ข้าจะเดินทางเข้าเมืองหลวงพอดี”“คุณหนูใหญ่หลิน”พ่อบ้านหลานประสานมือคารวะเวินซื่อถามด้วยความงุนงง “ทำไมวันนี้ถึงต้องเข้าเมืองหลวงอีก? เมื่อวานเพิ่งเข้าวังมามิใช่หรือ?”หลายวันมานี้โดยทั่วไปในทุก ๆ สองวัน หลินเนี่ยนฉือจะถูกไทเฮาเรียกตัวเข้าวังบางครั้งก็เข้าไปเพื่อเรียนรู้กฎเกณฑ์และพิธีรีตอง บางครั้งก็แค่ไปสนทนาเป็นเพื่อนไทเฮาเท่านั้นทุกวันนี้ในวังหลังมีคนอยู่ไม่มากนัก ไม่มีแผนการในวังที่สลับซับซ้อนเหล่านั้น บวกกับท่าทีอันมีเมตตาและเป็นมิตรของไทเฮาที่มีต่อนาง ได้ทำให้หลินเนี่ยนฉือรู้สึกเป็นสุขเช่นกัน“ไม่รู้สิ ไทเฮาไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร ถึงอย่างไรก็เรียกข้าเข้าไปในวังอยู่ดี”หลินเนี่ยนฉือยักไหล่ “สบายใจเถอะ คิด ๆ ดูแล้วก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ข้าจะรีบไปรีบกลับ”“ตกลง เดินทางปลอดภัย”เวินซื่อไม่ได้บอกให้นางกลับมาเร็ว ๆ เพราะถึงอย่างไรจากเมืองหลวงมาที่อารามสุ่ยเยว่ก็ค่อนข้างไกล บางครั้งถ้ารีบมาไม่ทันเวลา ไทเฮาก็จะให้หลิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 604

    สีหน้าของเวินเยวี่ยเปลี่ยนไปทันใด หลังจากได้ยินคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยเมื่อสักครู่และคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว นางก็กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วหันหน้าไป “พี่สาม แม่นางผู้นี้คือใครกัน? ทำไมพอนางมาถึงก็พูดจาเช่นนี้?”เวินจื่อเยวี่ยแนะนำให้นางรู้จักด้วยความดีใจ “นางก็คือหลินเนี่ยนฉือคู่หมั้นของข้า น้องหก เรียกนางว่าพี่หญิงเนี่ยนฉือเร็วเข้า”เวินเยวี่ยเผยสีหน้าท่าทางที่ดูไร้เดียงสาออกมา แล้วเรียกหลินเนี่ยนฉือ “พี่หญิงเนี่ยน...”“เอ๊ะ! ยังไม่ยอมหยุดพูดอีก!”เวินเยวี่ยยังเรียกไม่ทันจบ ก็ถูกหลินเนี่ยนฉือยกมือขึ้นเอาแส้ชี้พลางตัดบท “ใครเป็นพี่หญิงเนี่ยนฉือของเจ้า? อย่ามาเรียกมั่วซั่ว พี่น้องที่ดีของข้ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คืออาซื่อ”“ส่วนเจ้า...”หลินเนี่ยนฉือมองพิจารณาเวินเยวี่ยขึ้นลงด้วยสายตารังเกียจ ก่อนจะเอ่ยอย่างดูถูก “ลูกสาวนอกสมรสอย่างเจ้า ยังไม่คู่ควร”ทันทีที่นางพูดประโยคนี้ออกมา เวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยก็เปลี่ยนสีหน้าพร้อมกันเวินเยวี่ยดูคับข้องใจ “พี่หญิงเนี่ยนฉือ ต่อให้ท่านไม่ชอบข้า แต่ท่าน...เหตุใดท่านถึงพูดกับข้าเช่นนี้? เยวี่ยเอ๋อร์ดูเหมือนจะไม่เคยล่วงเกินท่านมาก่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 605

    นั่นคือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดตั้งแต่เด็กจนโตแต่ตอนนี้ เขากลับถูกบังคับให้ลงนามในหนังสือถอนหมั้นด้วยตัวเองแล้วจะให้เขาทำใจยอมรับได้อย่างไร?!เวินจื่อเยวี่ยจ้องมองหลินเนี่ยนฉือไม่วางตา “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ข้าจะไม่ยอมแพ้ในตัวเจ้า เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า แม้ว่าจะถอนหมั้นแล้ว แต่ชาตินี้เจ้าก็ต้องเป็นคนของข้าอยู่ดี!”เวินจื่อเยวี่ยล้วงของสิ่งหนึ่งออกมาจากอก แล้วยื่นไปตรงหน้าหลินเนี่ยนฉือหลินเนี่ยนฉือก้มหน้าลงมอง มันคือจี้หยกที่แกะสลักด้วยมือเวินจื่อเฉินเอง เป็นสิ่งยืนยันการหมั้นหมายในอดีตของพวกเขาด้วยหลินเนี่ยนฉือมองจี้หยกชิ้นนั้นที่ถึงแม้ว่าจะได้รับการซ่อมแซมแล้ว แต่รอยร้าวยังคงเห็นได้ชัดมาก นางไม่ได้เอื้อมมือไปรับมา“แก้วแตกยากจะสมาน และหยกกับคนก็เป็นเหมือนกัน”หลินเนี่ยนฉือพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบราบเรียบแต่เวินจื่อเยวี่ยกลับเอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้าไม่เชื่อ”“จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน ถึงอย่างไรวันนี้ข้าก็ไม่ได้มาหาท่าน”ทันทีที่หลินเนี่ยนฉือพูดจบ สายตาก็เลื่อนไปหาเวินเยวี่ยที่อยู่ข้างกายเขาต้องบอกว่าเวินจื่อเยวี่ยมีความเข้าใจในตัวหลินเนี่ยนฉือในระดับหนึ่งดังนั้นเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 606

    “โอ๊ย!”เวินเยวี่ยร้องอุทานออกมาโดยพลัน ราวกับตกใจอะไรบางอย่าง พลางคว้าแขนของเวินจื่อเยวี่ยไว้ จากนั้นก็หันหลังแล้วกระโจนเข้าไปในอ้อมอกของเขา“พี่สาม พี่หญิงเนี่ยนฉือจะตีเยวี่ยเอ๋อร์อีกแล้ว เยวี่ยเอ๋อร์กลัว!”เวินเยวี่ยมีสีหน้าร้องไห้หวาดกลัว ร้องไห้ดั่งลูกสาลี่ตากน้ำฝน เห็นแล้วก็น่าเอ็นดูเวินจื่อเยวี่ยที่รู้สึกสงสารรีบเอื้อมมือออกไปปกป้องนางไว้ “น้องหกไม่ต้องกลัว มีพี่สามอยู่ พี่หญิงเนี่ยนฉือของเจ้าจะไม่มีทางตีเจ้าอีก”แม้ว่าเมื่อครู่เวินเยวี่ยจะพูดคำเหล่านั้นเพื่อยุแยงตะแคงรั่ว แต่ก็ไม่นึกว่าคำพูดปลอบโยนของเวินจื่อเยวี่ย กลับทำให้นางอดแสยะมุมปากไม่ได้ดวงตาท่านบอดหรืออย่างไร?ไม่เห็นหรือว่านางเฆี่ยนตีข้าต่อหน้าท่านไปแล้วหนึ่งครั้ง?ท่านกล้าพูดได้อย่างไรว่านางจะไม่ตี?เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่เพราะยังท่านมีประโยชน์อยู่เล็กน้อย ท่านคิดว่าข้าจะยังเก็บท่านไว้หรืออย่างไร?!เวินเยวี่ยกลัวว่าหลินเนี่ยนฉือจะลงมืออีกครั้ง จึงรีบคว้าเวินจื่อเยวี่ยไว้ ตัวเองซุกอยู่ในอ้อมอกของเขา ปล่อยให้เขาใช้ร่างกายกำบังให้ทำแบบนี้ นางอยากดูว่าหลินเนี่ยนฉือยังก

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 606

    “โอ๊ย!”เวินเยวี่ยร้องอุทานออกมาโดยพลัน ราวกับตกใจอะไรบางอย่าง พลางคว้าแขนของเวินจื่อเยวี่ยไว้ จากนั้นก็หันหลังแล้วกระโจนเข้าไปในอ้อมอกของเขา“พี่สาม พี่หญิงเนี่ยนฉือจะตีเยวี่ยเอ๋อร์อีกแล้ว เยวี่ยเอ๋อร์กลัว!”เวินเยวี่ยมีสีหน้าร้องไห้หวาดกลัว ร้องไห้ดั่งลูกสาลี่ตากน้ำฝน เห็นแล้วก็น่าเอ็นดูเวินจื่อเยวี่ยที่รู้สึกสงสารรีบเอื้อมมือออกไปปกป้องนางไว้ “น้องหกไม่ต้องกลัว มีพี่สามอยู่ พี่หญิงเนี่ยนฉือของเจ้าจะไม่มีทางตีเจ้าอีก”แม้ว่าเมื่อครู่เวินเยวี่ยจะพูดคำเหล่านั้นเพื่อยุแยงตะแคงรั่ว แต่ก็ไม่นึกว่าคำพูดปลอบโยนของเวินจื่อเยวี่ย กลับทำให้นางอดแสยะมุมปากไม่ได้ดวงตาท่านบอดหรืออย่างไร?ไม่เห็นหรือว่านางเฆี่ยนตีข้าต่อหน้าท่านไปแล้วหนึ่งครั้ง?ท่านกล้าพูดได้อย่างไรว่านางจะไม่ตี?เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่เพราะยังท่านมีประโยชน์อยู่เล็กน้อย ท่านคิดว่าข้าจะยังเก็บท่านไว้หรืออย่างไร?!เวินเยวี่ยกลัวว่าหลินเนี่ยนฉือจะลงมืออีกครั้ง จึงรีบคว้าเวินจื่อเยวี่ยไว้ ตัวเองซุกอยู่ในอ้อมอกของเขา ปล่อยให้เขาใช้ร่างกายกำบังให้ทำแบบนี้ นางอยากดูว่าหลินเนี่ยนฉือยังก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 605

    นั่นคือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดตั้งแต่เด็กจนโตแต่ตอนนี้ เขากลับถูกบังคับให้ลงนามในหนังสือถอนหมั้นด้วยตัวเองแล้วจะให้เขาทำใจยอมรับได้อย่างไร?!เวินจื่อเยวี่ยจ้องมองหลินเนี่ยนฉือไม่วางตา “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ข้าจะไม่ยอมแพ้ในตัวเจ้า เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า แม้ว่าจะถอนหมั้นแล้ว แต่ชาตินี้เจ้าก็ต้องเป็นคนของข้าอยู่ดี!”เวินจื่อเยวี่ยล้วงของสิ่งหนึ่งออกมาจากอก แล้วยื่นไปตรงหน้าหลินเนี่ยนฉือหลินเนี่ยนฉือก้มหน้าลงมอง มันคือจี้หยกที่แกะสลักด้วยมือเวินจื่อเฉินเอง เป็นสิ่งยืนยันการหมั้นหมายในอดีตของพวกเขาด้วยหลินเนี่ยนฉือมองจี้หยกชิ้นนั้นที่ถึงแม้ว่าจะได้รับการซ่อมแซมแล้ว แต่รอยร้าวยังคงเห็นได้ชัดมาก นางไม่ได้เอื้อมมือไปรับมา“แก้วแตกยากจะสมาน และหยกกับคนก็เป็นเหมือนกัน”หลินเนี่ยนฉือพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบราบเรียบแต่เวินจื่อเยวี่ยกลับเอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้าไม่เชื่อ”“จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน ถึงอย่างไรวันนี้ข้าก็ไม่ได้มาหาท่าน”ทันทีที่หลินเนี่ยนฉือพูดจบ สายตาก็เลื่อนไปหาเวินเยวี่ยที่อยู่ข้างกายเขาต้องบอกว่าเวินจื่อเยวี่ยมีความเข้าใจในตัวหลินเนี่ยนฉือในระดับหนึ่งดังนั้นเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 604

    สีหน้าของเวินเยวี่ยเปลี่ยนไปทันใด หลังจากได้ยินคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยเมื่อสักครู่และคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว นางก็กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วหันหน้าไป “พี่สาม แม่นางผู้นี้คือใครกัน? ทำไมพอนางมาถึงก็พูดจาเช่นนี้?”เวินจื่อเยวี่ยแนะนำให้นางรู้จักด้วยความดีใจ “นางก็คือหลินเนี่ยนฉือคู่หมั้นของข้า น้องหก เรียกนางว่าพี่หญิงเนี่ยนฉือเร็วเข้า”เวินเยวี่ยเผยสีหน้าท่าทางที่ดูไร้เดียงสาออกมา แล้วเรียกหลินเนี่ยนฉือ “พี่หญิงเนี่ยน...”“เอ๊ะ! ยังไม่ยอมหยุดพูดอีก!”เวินเยวี่ยยังเรียกไม่ทันจบ ก็ถูกหลินเนี่ยนฉือยกมือขึ้นเอาแส้ชี้พลางตัดบท “ใครเป็นพี่หญิงเนี่ยนฉือของเจ้า? อย่ามาเรียกมั่วซั่ว พี่น้องที่ดีของข้ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คืออาซื่อ”“ส่วนเจ้า...”หลินเนี่ยนฉือมองพิจารณาเวินเยวี่ยขึ้นลงด้วยสายตารังเกียจ ก่อนจะเอ่ยอย่างดูถูก “ลูกสาวนอกสมรสอย่างเจ้า ยังไม่คู่ควร”ทันทีที่นางพูดประโยคนี้ออกมา เวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยก็เปลี่ยนสีหน้าพร้อมกันเวินเยวี่ยดูคับข้องใจ “พี่หญิงเนี่ยนฉือ ต่อให้ท่านไม่ชอบข้า แต่ท่าน...เหตุใดท่านถึงพูดกับข้าเช่นนี้? เยวี่ยเอ๋อร์ดูเหมือนจะไม่เคยล่วงเกินท่านมาก่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 603

    “ขอรับ บ่าวรับทราบแล้ว”หลังจากหารือธุระจบแล้ว เสี่ยวหานกำลังจะส่งพ่อบ้านหลานกลับไป ในเวลานี้หลินเนี่ยนฉือก็เดินออกมาพอดี“ข้าไปส่งพ่อบ้านหลานแล้วกัน วันนี้ข้าจะเดินทางเข้าเมืองหลวงพอดี”“คุณหนูใหญ่หลิน”พ่อบ้านหลานประสานมือคารวะเวินซื่อถามด้วยความงุนงง “ทำไมวันนี้ถึงต้องเข้าเมืองหลวงอีก? เมื่อวานเพิ่งเข้าวังมามิใช่หรือ?”หลายวันมานี้โดยทั่วไปในทุก ๆ สองวัน หลินเนี่ยนฉือจะถูกไทเฮาเรียกตัวเข้าวังบางครั้งก็เข้าไปเพื่อเรียนรู้กฎเกณฑ์และพิธีรีตอง บางครั้งก็แค่ไปสนทนาเป็นเพื่อนไทเฮาเท่านั้นทุกวันนี้ในวังหลังมีคนอยู่ไม่มากนัก ไม่มีแผนการในวังที่สลับซับซ้อนเหล่านั้น บวกกับท่าทีอันมีเมตตาและเป็นมิตรของไทเฮาที่มีต่อนาง ได้ทำให้หลินเนี่ยนฉือรู้สึกเป็นสุขเช่นกัน“ไม่รู้สิ ไทเฮาไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร ถึงอย่างไรก็เรียกข้าเข้าไปในวังอยู่ดี”หลินเนี่ยนฉือยักไหล่ “สบายใจเถอะ คิด ๆ ดูแล้วก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ข้าจะรีบไปรีบกลับ”“ตกลง เดินทางปลอดภัย”เวินซื่อไม่ได้บอกให้นางกลับมาเร็ว ๆ เพราะถึงอย่างไรจากเมืองหลวงมาที่อารามสุ่ยเยว่ก็ค่อนข้างไกล บางครั้งถ้ารีบมาไม่ทันเวลา ไทเฮาก็จะให้หลิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 602

    ในขณะนี้เวินซื่อยังไม่รู้ว่าถึงแม้มดตัวน้อยของนางจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจที่นางสั่งการให้สำเร็จได้ แต่พวกมันก็นำ “ของล้ำค่าชิ้นโต” มาให้นาง กำลังรีบวิ่งเข้าบ้านอย่างกระหืดกระหอบ…กลางอารามสุ่ยเยว่ในเวลานี้“แปลงสมุนไพรในจินโจวและลู่โจวได้ตระเตรียมพร้อมแล้ว เมล็ดพันธุ์สมุนไพรและต้นกล้าชุดแรกก็ได้ทำการปลูกแล้ว ตามที่ทางผู้ดูแลจงเอ้อร์ส่งจดหมายมา การเจริญเติบโตในปัจจุบันนี้ยังดีอยู่ขอรับ”“เช่นนั้นก็ดี”เวินซื่อดูสมุดบัญชีในช่วงนี้ พลางเอ่ยถามไปด้วย “อ้อ ได้ยินมาว่าผู้ดูแลจงเอ้อร์เป็นน้องสาวของผู้ดูแลจง?”พ่อบ้านหลานพยักหน้า “ขอรับ เดิมทีบ่าวต้องการย้ายผู้ดูแลจงไป แต่ผู้ดูแลจงบอกว่าน้องสาวของนางเหมาะสมกว่านางขอรับ”“ผ่านการทดสอบแล้วหรือ?”“คุณหนูไม่ต้องกังวลขอรับ บ่าวทำการทดสอบแล้ว ผู้ดูแลจงเอ้อร์เหมาะสมกว่าผู้ดูแลจงจริง ๆ นอกจากการหัวสมองฉับไวแล้ว ฝ่ายนั้นยังมีความสามารถในการจัดการผู้คนอีกด้วย”จินโจวและลู่โจวอยู่ห่างไกล คนที่จะไปที่นั่นย่อมต้องการคนที่มีความสามารถสักหน่อยพ่อบ้านหลานก็มีความสามารถนี้ แต่เขาอายุมากแล้ว และต้องการอยู่ข้างกายเวินซื่อมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไปไม่ได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 601

    เวินเฉวียนเซิ่งสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ข้าจะไปเอง”พ่อบ้านเข้าใจในทันทีจากนั้น ในไม่ช้าสองนายบ่าวก็มาถึงหน้าห้องหนึ่งในจวนที่ไม่มีคนอาศัยมานานหลายปีหลังจากพ่อบ้านไขประตูแล้ว เวินเฉวียนเซิ่งก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นและผลักประตูให้เปิดออกก่อนหน้านี้จะมีผู้คนมาปัดกวาดที่นี่ทุกวันแม้ว่าจะวังเวงแต่ก็ยังสะอาดสะอ้าน ไร้ฝุ่นสักเม็ดแต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขุดศพจากหลุมครั้งนั้น เวินเฉวียนเซิ่งก็กลัวว่าเวินเยวี่ยจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำอีก ดังนั้นจึงสั่งให้ใส่กุญแจสถานที่แห่งนี้ไว้นี่เพิ่งผ่านไปเพียงสองสามเดือน ภายในห้องก็ดูรกร้างแล้วแม้กระทั่งในหลาย ๆ มุมก็ยังมีใยแมงมุมห้อยอยู่เวินเฉวียนเซิ่งมองใยแมงมุมเหล่านั้นแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในนั้นหลังจากเดินไปถึงกลางห้อง เขาก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นดวงตาอันลุ่มลึกจ้องมองห้องนี้ สายตากวาดไปรอบ ๆ ทีละนิดจริงจังเช่นนั้น ราวกับกำลังค้นหาใคร แต่ก็เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างด้วยแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สุดท้ายเขาก็หาไม่พบอยู่ดีห้องนี้ว่างเปล่าลงไปมากตั้งแต่หลานจื่อจวินตายจากไป เขาก็ย้ายออกจากที่นี่ ซ้ำยังย้ายข้าวของข

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 600

    เมืองหลวงจวนเจิ้นกั๋วกง“เอี๊ยด”พ่อบ้านผลักประตูห้องหนังสือเข้าไป แล้วยืนอยู่หน้าโต๊ะหนังสืออย่างระมัดระวัง“หาเจอหรือไม่?”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึมพ่อบ้านรีบก้มหน้าลงทันที “เรียนท่านกั๋วกง คนรับใช้ได้ค้นหาทั่วทั้งจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว แต่ก็ยังคงไม่พบของสิ่งนั้นที่ท่านกล่าวถึงขอรับ”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งพลันมืดมนลงยิ่งกว่าเดิม“คนล่ะ? มีผู้ใดเห็นคนน่าสงสัยเข้าใกล้ห้องหนังสือของข้า หรือว่าปรากฏตัวขึ้นบริเวณใกล้ๆ จวนเจิ้นกั๋วกงบ้างหรือไม่?”พ่อบ้านยังคงส่ายหน้า“ไม่พบขอรับ”เวินเฉวียนเซิ่งโมโหจนแค่นเสียงหัวเราะ “หึ” ออกมาทันที น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง“หาของก็ไม่เจอ หาคนน่าสงสัยก็ไม่พบ ข้าจะมีพวกเจ้าไว้ทำอะไรได้อีก?!”“ปัง!”เวินเฉวียนเซิ่งใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ตวาดด้วยความโมโห “ของสิ่งนั้นวางอยู่ในห้องหนังสือนี้ ข้าเพียงแค่ออกไปครู่เดียว ของก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย อย่างไรกัน หรือว่าจวนเจิ้นกั๋วกงแห่งนี้จะมีผีที่รู้จักขโมยของปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว?!”พ่อบ้านถูกตวาดจนไม่กล้าตอบ ทำได้เพียงหดคอ รอจนกว่าเวินเฉวียนเซิ่งจะระบายความโกรธจนหมดแต่เรื่องในครั้ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 599

    “พี่รอง เมื่อครู่ท่านเข้าเรือนไปทำอะไรหรือเจ้าคะ? เหตุใดถึงไม่รับเงินของข้าเล่า?”เวินเยวี่ยแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ“ไม่มีอะไร ก็แค่เข้าไปหาของสักหน่อย ตอนนี้หาเจอแล้ว”เวินจื่อเฉินยื่นมือไปรับพวงเงินนั้นมาจากมือของเวินเยวี่ย พอพบว่าแม้กระทั่งเชือกที่ร้อยพวงเงินก็ยังแตกต่างจากเส้นที่เขาใช้ เขาก็ยิ่งแน่ใจมากขึ้น ครั้งนี้ตนเองคงเข้าใจนางผิดไปจริงๆแต่เวินจื่อเฉินก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เงินนี้ข้าจะรับไว้ก่อน คืนนี้พวกเจ้าอยากกินอะไร ข้าจะได้แวะซื้อกับข้าวกลับมาด้วยเลย”เวินเยวี่ยแอบสังเกตการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขาพอเห็นว่าเวินจื่อเฉินเชื่อสนิทใจแล้ว มุมปากนางก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นออกมาเพียงเท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้พวงเงินของพี่รอง “หายไป” ก็จะไม่สงสัยมาถึงตัวนางส่วนนางก็แค่เล่นตุกติกนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเองการหยิบไปทั้งพวงนั้นถูกจับได้ง่าย แต่ถ้าแต่ละพวงหยิบไปแค่สองสามเหรียญ เช่นนั้นเวินจื่อเฉินจะมานั่งนับอย่างละเอียดได้อย่างไรกันประกอบกับพอนางมาถึงก็เอา “เงินของตนเอง” ออกมาใช้แล้ว นางช่าง “ใจดีมีมารยาท” เช่นนี้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 598

    ทั้งเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ย ทั่วทั้งร่างกายและใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยบาดแผลแต่เมื่อเทียบกันแล้ว บาดแผลของเวินจื่อเฉินไม่สาหัสเท่ากับของเวินจื่อเยวี่ยดังนั้น หลังจากเขาพักไปเพียงครู่หนึ่ง ก็ใช้มือยันพื้นแล้วลุกขึ้นยืนเขามองเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยก็สบตากันแวบหนึ่งจากนั้นเวินจื่อเยวี่ยจึงกล่าวว่า “ข้อเท้าของน้องหกเคล็ด อาจจะต้องพักฟื้นสักหน่อย ดังนั้นก็น่าจะราวๆ หนึ่งเดือนกระมัง?”ในเมื่อพี่รองเปลี่ยนใจในที่สุด และยินยอมให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อแล้วถ้าเช่นนั้นก็เผื่อไว้หน่อย บอกให้นานขึ้นอีกสักนิดเวลาหนึ่งเดือนก็น่าจะพอให้พวกเขาทำเรื่องที่ท่านพ่อมอบหมายให้สำเร็จแล้วเวินจื่อเยวี่ยบอกไปเผื่อๆ ว่าหนึ่งเดือน เวินจื่อเฉินแสดงสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าได้หรือไม่ได้เขามองไปรอบๆ กระท่อมฟางทั้งสองด้าน ครู่ต่อมาจึงเอ่ยปาก “เช่นนั้นข้าจะสร้างกระท่อมให้พวกเจ้าอีกสองหลัง”เวลาหนึ่งเดือนจะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้นที่นี่ของเขามีกระท่อมเพียงหลังเดียว ย่อมไม่เพียงพอให้พวก

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status