Share

บทที่ 589

Author: จิ้งซิง
เวินเยวี่ยลากกล่องไม้ที่อยู่ใต้เตียงของเวินจื่อเฉินออกมา

ตอนที่ลากออกมา มีเสียงกริ๊งก๊องดังออกมาจากกล่องไม้ด้วย

ทันทีที่เวินเยวี่ยเปิดออก หลังจากเห็นข้างในเต็มไปด้วยพวงเงิน ดวงตาของนางเป็นประกายทันที

“ที่แท้ยังซ่อนเงินมากมายเช่นนี้ไว้ด้วย”

เวินเยวี่ยมองดูกล่องขนาดใหญ่ รู้สึกดีใจมากทันที

กำลังกังวลว่าไม่มีเงินอยู่เลย ในเมื่อที่พี่รองมี เช่นนั้นก็เป็นของนางไม่ใช่หรือ

อย่างไรสักวันนางก็จะพาเวินจื่อเฉินกลับไป

“ไหนให้ข้านับดูหน่อย พี่รองหาเงินได้เท่าไรแล้ว?”

นางเททวงเงินที่อยู่ในกล่องออกมาทั้งหมด

นางไม่ได้สนใจเหรียญหนึ่งอีแปะที่ร้อยเป็นพวงเหล่านั้นเลย แต่ค้นไปค้นมาในกองเงินเหล่านั้น

หลังจากค้นอยู่หลายรอบ พบว่าข้างในนอกจากพวงเงินก็ยังเป็นพวงเงิน ความดีใจบนใบหน้านางหายไปทันที

นี่มันอะไรกัน?

กล่องใหญ่เช่นนี้ ปรากฏว่ามีแต่เหรียญทองแดง?!

เดิมทีเวินเยวี่ยคิดว่าข้างในต้องมีแท่งเงินบ้างแน่นอน ปรากฏว่าหลังจากเทออกมา นอกจากพวงเงินก็ยังเป็นพวงเงิน

แท่งเงินเอย ตั๋วเงินเอย ไม่มีเลย!

เงินแค่นี้ เขาเวินจื่อเยวี่ยมีชีวิตอยู่เหมือนขอทานเลย?!

เวินเยวี่ยโมโหจนคว้ามาหนึ่งพวงก็ขว้างใส่กล่องไม้

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter
Mga Comments (1)
goodnovel comment avatar
Artima de Greenlea
โอ้โห หมดคำจะพูด นี่อิสามกับยัยหกคือพี่น้องท้องเดียวกันแน่ เห้เกินบรรยายขนาดนี้ ยังชูหางกันไม่หยุด เชื้อโง่ลูกชายบ้านนี้ใครฝังโครโมโซมให้เนี่ย
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 590

    “พี่รอง พี่รอง!”“ได้ยินท่านพ่อบอกว่าคืนนี้จะมีดาวเยอะมาก พวกเราไปดูดาวด้วยกันนะ!”ตอนนั้น เวินจื่อเฉินในวัยสิบขวบเพราะตีเด็กคนอื่นในสถานศึกษา จึงโดนพ่อของตัวเองลงโทษให้คุกเข่าที่ลานบ้านและเวินซื่อที่เพิ่งจะอายุหกขวบในเวลานั้น วิ่งเข้ามาก็เห็นภาพนี้ทันที “พี่รอง ท่านเป็นอะไร? เหตุใดคุกเข่าบนพื้น? พี่รองรีบลุกขึ้น บนพื้นเย็น ท่านปู่พ่อบ้านบอกว่าอยู่บนพื้นนานเกินไปจะป่วยนะ”เวินซื่อน้อยเดินไปที่ข้างกายพี่รองของตัวเอง นางกอดแขนของเขา อยากดึงเขาลุกขึ้น“อย่ามายุ่งกับข้า ข้าจะคุกเข่าตรงนี้!”ท่านพ่อลงโทษก็ลงโทษ อย่างไรลงโทษเสร็จเขาก็ยังจะไปตีเจ้าคนปากสุนัขสองตัวนั่นกล้าด่าเขาว่าเป็นลูกไม่มีแม่ คอยดูเขาไม่ตีพวกเขาจนปากฉีกให้มันรู้ไป!เวินจื่อเฉินในวัยสิบขวบไม่พอใจเพราะพ่อลงโทษตัวเอง และกำลังหงุดหงิด เขายกมือขึ้นก็ผลักเวินซื่อน้อยที่มายุ่งกับตัวเองออกไปใครจะรู้ว่าเผลอใช้แรงมากเกินไป จึงผลักเวินซื่อน้อยล้มแล้วศีรษะน้อยๆ ของนางกระแทกโดนพื้น และเสียงดังเป็นพิเศษทำให้สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเวินจื่อเฉินกับเวินซื่อที่รับไม่ทันหน้าถอดสีทันที“น้องห้า!”“คุณหนูห้า!”เวินจื่อเฉินไม่ส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 591

    “ไปกัน เจ้าบอกว่าอยากดูดาวมิใช่หรือ? ดูที่ไหนล่ะ พี่รองไม่รู้ทางนะ”“ข้ารู้ ข้ารู้! ข้าจะพาพี่รองไปเอง!”พอเวินซื่อน้อยได้ยินว่าจะไปดูดาว ก็ดีใจขึ้นมาทันที“ได้ เช่นนั้นเจ้าชี้ทาง พี่รองจะอุ้มเจ้าไป”“แต่ว่าข้าหนักมากเลยนะ ถ้าพี่รองอุ้มต้องเหนื่อยแน่ๆ ”“ใครบอกว่าเจ้าหนัก?”“พี่สามบอกเจ้าค่ะ”“เจ้าไก่อ่อนนั่น เทียบกับเจ้าสี่ยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปสนใจเขา ฟังพี่รองนะ น้องห้าของพวกเราไม่หนักสักหน่อย ต่อให้ภายหน้าเจ้าโตขึ้น พี่รองก็ยังอุ้มเจ้าไหว!”“พี่รองดีจริงๆ !”“เช่นนั้นใครดีที่สุด? รีบตอบมา พี่ใหญ่ดีที่สุดหรือว่าพี่รองดีที่สุด?”“อืม~ ดีทั้งคู่!”“ชิ เห็นๆ อยู่ว่าข้าดีที่สุดต่างหาก!”“อิอิ...”วันนั้น สองพี่น้องได้พากันไปยังชานเมือง เฝ้าดูดาวตลอดทั้งคืน เมื่อกลับมา ก็ถูกดุด่าว่ากล่าวอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เมื่อเห็นรอยบวมบนศีรษะของเวินซื่อ เวินเฉวียนเซิ่งเพียงเหลือบมองแวบหนึ่ง หลังจากเรียกหมอมาแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่ได้ลงโทษให้เวินจื่อเฉินคุกเข่าอีกจนกระทั่งตอนนี้ เวินจื่อเฉินพลันเข้าใจขึ้นมาวันนั้น ท่านพ่อคงจะได้ยินคำพูดของน้องสาวแล้วสินะ?

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 592

    ค่ำคืนนี้ เวินจื่อเฉินนั่งอยู่หน้าประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่จนกระทั่งรุ่งสางเมื่อเสียงระฆังยามเช้าและเสียงสวดมนต์แผ่วๆ ดังแว่วมาจากด้านใน เวินจื่อเฉินก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนหลังจากหันกลับไปมองประตูใหญ่ของอารามสุ่ยเยว่ที่ปิดสนิทแวบหนึ่ง เขาถึงได้ลากร่างกายที่ทั้งแข็งและหนาวเย็น ก้าวลงจากเขาไปทีละก้าวเมื่อกลับมาถึงกระท่อมฟาง ท้องฟ้าก็เพิ่งจะเริ่มสางแต่เวินจื่อเฉินกลับมองเห็นแสงเทียนริบหรี่ลอดผ่านออกมาจากกระท่อมฟางของตนแต่ไกลเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว หรือว่าน้องสามพวกเขายังไม่พักผ่อนกันอีก?เวินจื่อเฉินรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างบอกไม่ถูกจึงเร่งฝีเท้า ไม่นานก็เดินมาถึงนอกกระท่อมของตน ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู “น้องสาม เปิดประตู”“มาแล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยที่อยู่ด้านในกลับออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าตึงตังวิ่งมา แล้วเปิดประตูให้เวินจื่อเฉินพอเวินจื่อเฉินมองเข้าไป ก็พบว่ามีเพียงเวินเยวี่ยนั่งอยู่ข้างเตียงของเขา กำลังใช้มือนวดคลึงข้อเท้าของนางอย่างระมัดระวัง“เหตุใดพวกเจ้ายังไม่นอนกันอีก? บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้พวกเจ้ารีบพักผ่อนแต่เนิ่นๆ เช้าวันนี้ก็ต้องไปมิใช่หรือ?”เวินจื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 593

    เวินจื่อเฉินลดสายตาลงมองเวินเยวี่ย ซึ่งบนใบหน้าปรากฏความขุ่นเคืองแล้ว สุดท้าย ก็ใช้น้ำเสียงเย้ยหยันอย่างยิ่ง กล่าวกับนางหนึ่งประโยคราวกับเป็นคำสาปแช่ง“สุดท้ายเจ้าจะไม่เหลืออะไรเลย”“หุบปาก!”เวินเยวี่ยทนต่อไปไม่ไหวแล้วเดิมทีนางคิดว่าหลังจากรอเวินจื่อเฉินกลับมาแล้ว ควรจะเป็นนางเองที่ใช้เรื่องข้อเท้าบาดเจ็บมาควบคุมเวินจื่อเฉินให้อยู่หมัดแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากเวินจื่อเฉินออกไปคืนนี้แล้วกลับมา คนก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ปฏิเสธนางอย่างไม่เหลือเยื่อใยเลยแม้แต่น้อยทุกประโยคล้วนเป็นการเปิดโปงนาง ทุกถ้อยคำล้วนเป็นการเยาะเย้ยนางจนสุดท้าย เขายังกล้าพูดว่านางคือคนที่น่าสมเพชที่สุดอีกหรือ?นางน่าสมเพชตรงไหนกัน?ตอนนี้นางไม่ได้น่าสมเพชเลยสักนิด!เวินซื่อนังเด็กสารเลวนั่นก็ถูกนางเบียดจนกระเด็นออกไปแล้ว ส่วนนางตอนนี้ยิ่งเป็นถึงแก้วตาดวงใจของจวนเจิ้นกั๋วกง!เมื่อเทียบกับเวินซื่อที่ออกบวชเป็นชีแล้ว เห็นได้ชัดว่านางต่างหากคือคนที่ใช้ชีวิตดีมากที่สุด ดังนั้น นางน่าสมเพชตรงไหนกัน?!เวินเยวี่ยลุกขึ้นพรวดพราดจากเตียง ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ พูดไม่ทันขาดคำก็ร้องไห้ทันที “พี่รอง! ข้ารู้ว่าต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 594

    เวินจื่อเยวี่ยซักถามเวินจื่อเฉินอย่างบ้าคลั่งอีกคนหนึ่งอีกคนหนึ่งแล้วตั้งแต่หลินเนี่ยนฉือ จนถึงเวินจื่อเฉินตั้งแต่คู่หมั้นของเขา จนถึงพี่ชายแท้ๆ ของเขาเหตุใดพวกเขาต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย?!“ท่านตอบมาสิ เพราะอะไร?!”ความโกรธในดวงตาของเวินจื่อเยวี่ยนั้นแฝงไว้ด้วยความรู้สึกซับซ้อนที่ยากจะอธิบาย ราวกับว่าเขาถูกหักหลังทีละคน ทีละคน ต่างก็ทอดทิ้งเขา ละทิ้งเขาในเวลานี้แถมยังจะตัดความสัมพันธ์กับเขาทั้งหมดเขาทำอะไรผิดไปหรือ?แต่เขาผิดตรงไหนกัน?!เขาก็แค่เลือกระหว่างเวินซื่อกับเวินเยวี่ย โดยเลือกเวินเยวี่ยผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเขาก็เท่านั้นเองนี่คือเขาทำผิดแล้วหรือ?เวินจื่อเยวี่ยต้องการคำตอบ น่าเสียดายที่ตอนนี้เวินจื่อเฉินกลับไม่ยอมตอบเขาอีกแล้ว“ระหว่างข้ากับเจ้าไม่มีทางที่จะพูดคุยสื่อสารกันแล้ว”“หึ ไม่มีทางที่จะพูดคุยสื่อสารกัน? เป็นท่านเองต่างหากที่ไม่อยากพูด เมื่อก่อนกับน้องชายเช่นข้าไม่มีอะไรที่พูดกันไม่ได้ แต่ตอนนี้ท่านกลับมาบอกข้าว่าไม่มีทางที่จะสื่อสารกันแล้ว?”“ระหว่างพี่น้องอย่างพวกเรา มันจะมีเรื่องอะไร หรือคำพูดไหนที่สื่อสารกันไม่ได้?!”เวินจื่อเยวี่ยรู้สึกว่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 595

    ถึงขั้นที่ว่าพวกเขายังคงต่อสู้กันราวกับจะเอาให้ตาย ยังไม่ทันไร ใบหน้าของทั้งสองคนก็ถูกอีกฝ่ายชกต่อยจนบวมปูดเขียวช้ำ ใบหน้ามีเลือดอาบเวินเยวี่ยที่ตามออกมาคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลงไม้ลงมือกันเร็วขนาดนี้กระทั่งนางยังไม่ทันได้ใช้อุบายของตนเองด้วยซ้ำเห็นได้ชัดว่าการที่ทั้งสองคนต่อสู้กันถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนาง แต่เวินเยวี่ยกลับดีใจไม่ออกทั้งสองคนไม่ได้เป็นเช่นนี้ภายใต้การชักใยของนาง แล้วนางจะมีอะไรให้ต้องดีใจ?ทีละคน สองคน ราวกับหลุดออกจากการควบคุมไปแล้วความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้นี้ ทำให้เวินเยวี่ยรู้สึกขุ่นเคืองอย่างยิ่งได้แต่ยืนมองทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดและเวินเยวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองพวกเขาหลังจากที่มองพวกเขาต่อสู้กันอยู่นาน ในที่สุดทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะเริ่มเหนื่อยล้า การเคลื่อนไหวก็ช้าลงแล้วเวินเยวี่ยมองสภาพของทั้งสองไปทีละคนในเมื่อเวินจื่อเยวี่ยยังคงสู้เวินจื่อเฉินไม่ได้ หากต้องตัดสินแพ้ชนะกันจริงๆ ผู้ชนะย่อมเป็นเวินจื่อเฉินอย่างไม่ต้องสงสัยและเวินจื่อเฉินในตอนนี้ กลับเหมือนยังคงออมแรงไว้อยู่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับน้องชาย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 596

    เวินจื่อเฉินยื่นมือออกไปรับหมัดของเวินจื่อเยวี่ยอีกครั้งดัง “ผัวะ” จ้องมองเวินจื่อเยวี่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “เรื่องระหว่างเจ้ากับข้า เจ้าจะลากน้องห้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม?”“ข้าก็จะลากนางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนี่แหละ!”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างเคียดแค้น “ใครใช้ให้ท่านตัดความสัมพันธ์กับข้าเพียงเพราะนางเล่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ท่านก็เลือกเอาว่าจะให้ข้าอัดระบายความโกรธ หรือว่าจะอัดข้าให้หมอบไปเลย มิฉะนั้นข้าไม่มีวันปล่อยนางไปแน่!”เวินจื่อเยวี่ยเตะกวาดเข้าใส่เวินจื่อเฉินอย่างแรง เวินจื่อเฉินตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังอย่างฉิวเฉียดพอเขามองไปยังเวินจื่อเยวี่ยอีกครั้ง ความโกรธของเขาก็ปะปนไปด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ “เวินจื่อเยวี่ย! เจ้าอย่าลืมว่านางก็เป็นน้องสาวของเจ้าเช่นกัน เจ้าดีกับคนนอกได้ถึงเพียงนั้น แล้วเหตุใดถึงดีกับน้องสาวแท้ๆ ของตนเองให้มากกว่านี้สักหน่อยไม่ได้?!”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายปนเลือดคำหนึ่งลงพื้นอย่างแรง บนใบหน้าเผยความเหี้ยมเกรียมออกมา “น้องสาวแท้ๆ บ้าบออะไรกัน ตั้งแต่ตอนที่นางบังคับให้ข้าถอนหมั้นกับหลินเนี่ยนฉือ นางก็ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของข้าอีกต่อไปแล้ว!

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 597

    “ได้ๆๆ พี่สามผิดไปแล้ว พี่สามจะฟังคำพูดของน้องหก”เวินจื่อเยวี่ยรีบกล่าวขอโทษทันที พร้อมกับยิ้มไปด้วยหลังจากพูดจบ เขาก็เหลือบมองไปทางเวินจื่อเฉินท่าทีไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง ราวกับกำลังบอกเวินจื่อเฉินว่า ดูสิพี่รอง นี่คือทางเลือกของข้าแต่เขากลับไม่รู้เลยว่า ในใจของเวินจื่อเฉินตอนนี้เต็มไปด้วยพายุอารมณ์ที่กำลังก่อตัวเวินจื่อเยวี่ยในเวลานี้ได้ถลำลึกลงไปนานแล้ว จนไม่อาจมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแต่เวินจื่อเฉินที่ตาสว่างแล้ว กลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งนักในขณะที่เวินเยวี่ยกำลังหลอกลวงเวินจื่อเยวี่ยอยู่นั้น เขาก็คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และเห็นแล้วว่าภายใต้ใบหน้าที่แสร้งทำเป็นห่วงใยของเวินเยวี่ยนั้น ปรากฏความรังเกียจที่แวบผ่านไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อน้องสามกล่าวคำรับรองประโยคสุดท้ายนั่น สีหน้าดูแคลนในแววตาของเวินเยวี่ยยิ่งไม่อาจปิดบังได้เพียงแต่เมื่อนางสังเกตเห็นสายตาของเวินจื่อเฉิน ในชั่วพริบตาที่เงยหน้าขึ้นมองมา แววตาดูแคลนนั้นก็เลือนหายไปจนหมดสิ่งที่เหลืออยู่คือ “ความห่วงใย” และ “ความกังวล” ซึ่งเมื่อมองแวบแรก ก็ดูราวกับว่าทั้งหมดนั้นออกมาจากใจจริง“พี่รอง เป็

Pinakabagong kabanata

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 602

    ในขณะนี้เวินซื่อยังไม่รู้ว่าถึงแม้มดตัวน้อยของนางจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจที่นางสั่งการให้สำเร็จได้ แต่พวกมันก็นำ “ของล้ำค่าชิ้นโต” มาให้นาง กำลังรีบวิ่งเข้าบ้านอย่างกระหืดกระหอบ…กลางอารามสุ่ยเยว่ในเวลานี้“แปลงสมุนไพรในจินโจวและลู่โจวได้ตระเตรียมพร้อมแล้ว เมล็ดพันธุ์สมุนไพรและต้นกล้าชุดแรกก็ได้ทำการปลูกแล้ว ตามที่ทางผู้ดูแลจงเอ้อร์ส่งจดหมายมา การเจริญเติบโตในปัจจุบันนี้ยังดีอยู่ขอรับ”“เช่นนั้นก็ดี”เวินซื่อดูสมุดบัญชีในช่วงนี้ พลางเอ่ยถามไปด้วย “อ้อ ได้ยินมาว่าผู้ดูแลจงเอ้อร์เป็นน้องสาวของผู้ดูแลจง?”พ่อบ้านหลานพยักหน้า “ขอรับ เดิมทีบ่าวต้องการย้ายผู้ดูแลจงไป แต่ผู้ดูแลจงบอกว่าน้องสาวของนางเหมาะสมกว่านางขอรับ”“ผ่านการทดสอบแล้วหรือ?”“คุณหนูไม่ต้องกังวลขอรับ บ่าวทำการทดสอบแล้ว ผู้ดูแลจงเอ้อร์เหมาะสมกว่าผู้ดูแลจงจริง ๆ นอกจากการหัวสมองฉับไวแล้ว ฝ่ายนั้นยังมีความสามารถในการจัดการผู้คนอีกด้วย”จินโจวและลู่โจวอยู่ห่างไกล คนที่จะไปที่นั่นย่อมต้องการคนที่มีความสามารถสักหน่อยพ่อบ้านหลานก็มีความสามารถนี้ แต่เขาอายุมากแล้ว และต้องการอยู่ข้างกายเวินซื่อมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไปไม่ได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 601

    เวินเฉวียนเซิ่งสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ข้าจะไปเอง”พ่อบ้านเข้าใจในทันทีจากนั้น ในไม่ช้าสองนายบ่าวก็มาถึงหน้าห้องหนึ่งในจวนที่ไม่มีคนอาศัยมานานหลายปีหลังจากพ่อบ้านไขประตูแล้ว เวินเฉวียนเซิ่งก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นและผลักประตูให้เปิดออกก่อนหน้านี้จะมีผู้คนมาปัดกวาดที่นี่ทุกวันแม้ว่าจะวังเวงแต่ก็ยังสะอาดสะอ้าน ไร้ฝุ่นสักเม็ดแต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขุดศพจากหลุมครั้งนั้น เวินเฉวียนเซิ่งก็กลัวว่าเวินเยวี่ยจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำอีก ดังนั้นจึงสั่งให้ใส่กุญแจสถานที่แห่งนี้ไว้นี่เพิ่งผ่านไปเพียงสองสามเดือน ภายในห้องก็ดูรกร้างแล้วแม้กระทั่งในหลาย ๆ มุมก็ยังมีใยแมงมุมห้อยอยู่เวินเฉวียนเซิ่งมองใยแมงมุมเหล่านั้นแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในนั้นหลังจากเดินไปถึงกลางห้อง เขาก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นดวงตาอันลุ่มลึกจ้องมองห้องนี้ สายตากวาดไปรอบ ๆ ทีละนิดจริงจังเช่นนั้น ราวกับกำลังค้นหาใคร แต่ก็เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างด้วยแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สุดท้ายเขาก็หาไม่พบอยู่ดีห้องนี้ว่างเปล่าลงไปมากตั้งแต่หลานจื่อจวินตายจากไป เขาก็ย้ายออกจากที่นี่ ซ้ำยังย้ายข้าวของข

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 600

    เมืองหลวงจวนเจิ้นกั๋วกง“เอี๊ยด”พ่อบ้านผลักประตูห้องหนังสือเข้าไป แล้วยืนอยู่หน้าโต๊ะหนังสืออย่างระมัดระวัง“หาเจอหรือไม่?”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึมพ่อบ้านรีบก้มหน้าลงทันที “เรียนท่านกั๋วกง คนรับใช้ได้ค้นหาทั่วทั้งจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว แต่ก็ยังคงไม่พบของสิ่งนั้นที่ท่านกล่าวถึงขอรับ”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งพลันมืดมนลงยิ่งกว่าเดิม“คนล่ะ? มีผู้ใดเห็นคนน่าสงสัยเข้าใกล้ห้องหนังสือของข้า หรือว่าปรากฏตัวขึ้นบริเวณใกล้ๆ จวนเจิ้นกั๋วกงบ้างหรือไม่?”พ่อบ้านยังคงส่ายหน้า“ไม่พบขอรับ”เวินเฉวียนเซิ่งโมโหจนแค่นเสียงหัวเราะ “หึ” ออกมาทันที น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง“หาของก็ไม่เจอ หาคนน่าสงสัยก็ไม่พบ ข้าจะมีพวกเจ้าไว้ทำอะไรได้อีก?!”“ปัง!”เวินเฉวียนเซิ่งใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ตวาดด้วยความโมโห “ของสิ่งนั้นวางอยู่ในห้องหนังสือนี้ ข้าเพียงแค่ออกไปครู่เดียว ของก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย อย่างไรกัน หรือว่าจวนเจิ้นกั๋วกงแห่งนี้จะมีผีที่รู้จักขโมยของปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว?!”พ่อบ้านถูกตวาดจนไม่กล้าตอบ ทำได้เพียงหดคอ รอจนกว่าเวินเฉวียนเซิ่งจะระบายความโกรธจนหมดแต่เรื่องในครั้ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 599

    “พี่รอง เมื่อครู่ท่านเข้าเรือนไปทำอะไรหรือเจ้าคะ? เหตุใดถึงไม่รับเงินของข้าเล่า?”เวินเยวี่ยแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ“ไม่มีอะไร ก็แค่เข้าไปหาของสักหน่อย ตอนนี้หาเจอแล้ว”เวินจื่อเฉินยื่นมือไปรับพวงเงินนั้นมาจากมือของเวินเยวี่ย พอพบว่าแม้กระทั่งเชือกที่ร้อยพวงเงินก็ยังแตกต่างจากเส้นที่เขาใช้ เขาก็ยิ่งแน่ใจมากขึ้น ครั้งนี้ตนเองคงเข้าใจนางผิดไปจริงๆแต่เวินจื่อเฉินก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เงินนี้ข้าจะรับไว้ก่อน คืนนี้พวกเจ้าอยากกินอะไร ข้าจะได้แวะซื้อกับข้าวกลับมาด้วยเลย”เวินเยวี่ยแอบสังเกตการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขาพอเห็นว่าเวินจื่อเฉินเชื่อสนิทใจแล้ว มุมปากนางก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นออกมาเพียงเท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้พวงเงินของพี่รอง “หายไป” ก็จะไม่สงสัยมาถึงตัวนางส่วนนางก็แค่เล่นตุกติกนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเองการหยิบไปทั้งพวงนั้นถูกจับได้ง่าย แต่ถ้าแต่ละพวงหยิบไปแค่สองสามเหรียญ เช่นนั้นเวินจื่อเฉินจะมานั่งนับอย่างละเอียดได้อย่างไรกันประกอบกับพอนางมาถึงก็เอา “เงินของตนเอง” ออกมาใช้แล้ว นางช่าง “ใจดีมีมารยาท” เช่นนี้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 598

    ทั้งเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ย ทั่วทั้งร่างกายและใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยบาดแผลแต่เมื่อเทียบกันแล้ว บาดแผลของเวินจื่อเฉินไม่สาหัสเท่ากับของเวินจื่อเยวี่ยดังนั้น หลังจากเขาพักไปเพียงครู่หนึ่ง ก็ใช้มือยันพื้นแล้วลุกขึ้นยืนเขามองเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยก็สบตากันแวบหนึ่งจากนั้นเวินจื่อเยวี่ยจึงกล่าวว่า “ข้อเท้าของน้องหกเคล็ด อาจจะต้องพักฟื้นสักหน่อย ดังนั้นก็น่าจะราวๆ หนึ่งเดือนกระมัง?”ในเมื่อพี่รองเปลี่ยนใจในที่สุด และยินยอมให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อแล้วถ้าเช่นนั้นก็เผื่อไว้หน่อย บอกให้นานขึ้นอีกสักนิดเวลาหนึ่งเดือนก็น่าจะพอให้พวกเขาทำเรื่องที่ท่านพ่อมอบหมายให้สำเร็จแล้วเวินจื่อเยวี่ยบอกไปเผื่อๆ ว่าหนึ่งเดือน เวินจื่อเฉินแสดงสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าได้หรือไม่ได้เขามองไปรอบๆ กระท่อมฟางทั้งสองด้าน ครู่ต่อมาจึงเอ่ยปาก “เช่นนั้นข้าจะสร้างกระท่อมให้พวกเจ้าอีกสองหลัง”เวลาหนึ่งเดือนจะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้นที่นี่ของเขามีกระท่อมเพียงหลังเดียว ย่อมไม่เพียงพอให้พวก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 597

    “ได้ๆๆ พี่สามผิดไปแล้ว พี่สามจะฟังคำพูดของน้องหก”เวินจื่อเยวี่ยรีบกล่าวขอโทษทันที พร้อมกับยิ้มไปด้วยหลังจากพูดจบ เขาก็เหลือบมองไปทางเวินจื่อเฉินท่าทีไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง ราวกับกำลังบอกเวินจื่อเฉินว่า ดูสิพี่รอง นี่คือทางเลือกของข้าแต่เขากลับไม่รู้เลยว่า ในใจของเวินจื่อเฉินตอนนี้เต็มไปด้วยพายุอารมณ์ที่กำลังก่อตัวเวินจื่อเยวี่ยในเวลานี้ได้ถลำลึกลงไปนานแล้ว จนไม่อาจมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแต่เวินจื่อเฉินที่ตาสว่างแล้ว กลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งนักในขณะที่เวินเยวี่ยกำลังหลอกลวงเวินจื่อเยวี่ยอยู่นั้น เขาก็คอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ และเห็นแล้วว่าภายใต้ใบหน้าที่แสร้งทำเป็นห่วงใยของเวินเยวี่ยนั้น ปรากฏความรังเกียจที่แวบผ่านไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อน้องสามกล่าวคำรับรองประโยคสุดท้ายนั่น สีหน้าดูแคลนในแววตาของเวินเยวี่ยยิ่งไม่อาจปิดบังได้เพียงแต่เมื่อนางสังเกตเห็นสายตาของเวินจื่อเฉิน ในชั่วพริบตาที่เงยหน้าขึ้นมองมา แววตาดูแคลนนั้นก็เลือนหายไปจนหมดสิ่งที่เหลืออยู่คือ “ความห่วงใย” และ “ความกังวล” ซึ่งเมื่อมองแวบแรก ก็ดูราวกับว่าทั้งหมดนั้นออกมาจากใจจริง“พี่รอง เป็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 596

    เวินจื่อเฉินยื่นมือออกไปรับหมัดของเวินจื่อเยวี่ยอีกครั้งดัง “ผัวะ” จ้องมองเวินจื่อเยวี่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “เรื่องระหว่างเจ้ากับข้า เจ้าจะลากน้องห้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม?”“ข้าก็จะลากนางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนี่แหละ!”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างเคียดแค้น “ใครใช้ให้ท่านตัดความสัมพันธ์กับข้าเพียงเพราะนางเล่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ท่านก็เลือกเอาว่าจะให้ข้าอัดระบายความโกรธ หรือว่าจะอัดข้าให้หมอบไปเลย มิฉะนั้นข้าไม่มีวันปล่อยนางไปแน่!”เวินจื่อเยวี่ยเตะกวาดเข้าใส่เวินจื่อเฉินอย่างแรง เวินจื่อเฉินตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังอย่างฉิวเฉียดพอเขามองไปยังเวินจื่อเยวี่ยอีกครั้ง ความโกรธของเขาก็ปะปนไปด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ “เวินจื่อเยวี่ย! เจ้าอย่าลืมว่านางก็เป็นน้องสาวของเจ้าเช่นกัน เจ้าดีกับคนนอกได้ถึงเพียงนั้น แล้วเหตุใดถึงดีกับน้องสาวแท้ๆ ของตนเองให้มากกว่านี้สักหน่อยไม่ได้?!”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายปนเลือดคำหนึ่งลงพื้นอย่างแรง บนใบหน้าเผยความเหี้ยมเกรียมออกมา “น้องสาวแท้ๆ บ้าบออะไรกัน ตั้งแต่ตอนที่นางบังคับให้ข้าถอนหมั้นกับหลินเนี่ยนฉือ นางก็ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของข้าอีกต่อไปแล้ว!

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 595

    ถึงขั้นที่ว่าพวกเขายังคงต่อสู้กันราวกับจะเอาให้ตาย ยังไม่ทันไร ใบหน้าของทั้งสองคนก็ถูกอีกฝ่ายชกต่อยจนบวมปูดเขียวช้ำ ใบหน้ามีเลือดอาบเวินเยวี่ยที่ตามออกมาคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลงไม้ลงมือกันเร็วขนาดนี้กระทั่งนางยังไม่ทันได้ใช้อุบายของตนเองด้วยซ้ำเห็นได้ชัดว่าการที่ทั้งสองคนต่อสู้กันถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนาง แต่เวินเยวี่ยกลับดีใจไม่ออกทั้งสองคนไม่ได้เป็นเช่นนี้ภายใต้การชักใยของนาง แล้วนางจะมีอะไรให้ต้องดีใจ?ทีละคน สองคน ราวกับหลุดออกจากการควบคุมไปแล้วความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้นี้ ทำให้เวินเยวี่ยรู้สึกขุ่นเคืองอย่างยิ่งได้แต่ยืนมองทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดและเวินเยวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองพวกเขาหลังจากที่มองพวกเขาต่อสู้กันอยู่นาน ในที่สุดทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะเริ่มเหนื่อยล้า การเคลื่อนไหวก็ช้าลงแล้วเวินเยวี่ยมองสภาพของทั้งสองไปทีละคนในเมื่อเวินจื่อเยวี่ยยังคงสู้เวินจื่อเฉินไม่ได้ หากต้องตัดสินแพ้ชนะกันจริงๆ ผู้ชนะย่อมเป็นเวินจื่อเฉินอย่างไม่ต้องสงสัยและเวินจื่อเฉินในตอนนี้ กลับเหมือนยังคงออมแรงไว้อยู่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับน้องชาย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 594

    เวินจื่อเยวี่ยซักถามเวินจื่อเฉินอย่างบ้าคลั่งอีกคนหนึ่งอีกคนหนึ่งแล้วตั้งแต่หลินเนี่ยนฉือ จนถึงเวินจื่อเฉินตั้งแต่คู่หมั้นของเขา จนถึงพี่ชายแท้ๆ ของเขาเหตุใดพวกเขาต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย?!“ท่านตอบมาสิ เพราะอะไร?!”ความโกรธในดวงตาของเวินจื่อเยวี่ยนั้นแฝงไว้ด้วยความรู้สึกซับซ้อนที่ยากจะอธิบาย ราวกับว่าเขาถูกหักหลังทีละคน ทีละคน ต่างก็ทอดทิ้งเขา ละทิ้งเขาในเวลานี้แถมยังจะตัดความสัมพันธ์กับเขาทั้งหมดเขาทำอะไรผิดไปหรือ?แต่เขาผิดตรงไหนกัน?!เขาก็แค่เลือกระหว่างเวินซื่อกับเวินเยวี่ย โดยเลือกเวินเยวี่ยผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเขาก็เท่านั้นเองนี่คือเขาทำผิดแล้วหรือ?เวินจื่อเยวี่ยต้องการคำตอบ น่าเสียดายที่ตอนนี้เวินจื่อเฉินกลับไม่ยอมตอบเขาอีกแล้ว“ระหว่างข้ากับเจ้าไม่มีทางที่จะพูดคุยสื่อสารกันแล้ว”“หึ ไม่มีทางที่จะพูดคุยสื่อสารกัน? เป็นท่านเองต่างหากที่ไม่อยากพูด เมื่อก่อนกับน้องชายเช่นข้าไม่มีอะไรที่พูดกันไม่ได้ แต่ตอนนี้ท่านกลับมาบอกข้าว่าไม่มีทางที่จะสื่อสารกันแล้ว?”“ระหว่างพี่น้องอย่างพวกเรา มันจะมีเรื่องอะไร หรือคำพูดไหนที่สื่อสารกันไม่ได้?!”เวินจื่อเยวี่ยรู้สึกว่

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status