ภายในพริบตา ในวันเปิดรับสมัครของโรงเรียนแพทย์ซีซาน เหล่าสตรีในตระกูลซูต่างแต่งหน้าสวยงาม สวมชุดหรูหรา มาที่เขาประจิมเพื่อให้กำลังใจซุนชิงไต้ ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็มาด้วย นางถือไม้เท้าหัวมังกร สวมชุดคลุมสีแดงสด เป็นที่สะดุดตาอย่างมาก แม้ว่านางจะเป็นผู้หญิง แต่ในวัยเยาว์เคยออกรบ สร้างผลงานมากมาย ชุดคลุมตัวนี้ ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงประทานให้ เป็นสิ่งที่มีค่ามาก! การที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูสวมชุดคลุมตัวนี้ในวันนี้ แสดงให้เห็นว่านางให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากแค่ไหน “ฮ่าฮ่า” “ครั้งที่แล้วที่โรงเรียนทหารซีซานเปิดรับสมัคร ก็มีผู้คนมากมาย คึกคักมาก!” “ข้าพลาดโอกาสนั้นไป ครั้งนี้ต้องชดเชย!” ฮูหยินผู้เฒ่าซูยิ้มแย้มแจ่มใส หัวใจเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ใช่เจ้าค่ะ” ลั่วอวี้จู๋ในชุดกระโปรงสีขาวสง่างาม ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ แต่ในใจกลับร้อนรนมาก เมื่อเห็นหลี่หลงหลินเดินมา ลั่วอวี้จู๋ก็รีบดึงเขาไปด้านข้าง พูดด้วยความร้อนใจ “องค์ชาย คราวนี้แย่แล้ว!” หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยยิ้ม “แย่อะไร?” ลั่วอวี้จู๋มองเขาอย่างไม่พอใจ “ตอนนี้ยังมีอารมณ์เล่นอีก! ท่านย่าอยากมาดูความคึกคักที่เขาประจิม ห้ามเท่าไหร่ก็ห้ามไม
“องค์ชายเก้า ท่านเองก็ไม่ถูกตลอดไปหรอก!”ลั่วอวี้จู๋สบมองหลี่หลงหลิน สายตามืดมนเดิมทีนางคิดว่า หลี่หลงหลินเป็นบุรุษแปลกหาได้ยากบนโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดไม่รู้จักสรุปคือ หลี่หลงหลินได้รับสืบทอดความมั่นใจในตนเองจากฝ่าบาท คิดว่าเป็นฝ่ายถูกอยู่ตลอดทั้งๆ ที่ตนเองผิดไปแล้ว กลับปากแข็ง ไม่ยอมรับบุรุษเช่นนี้ คู่ควรให้ฝากฝังแน่หรือ?ฮูหยินผู้เฒ่าซูผิดหวังมาก ทอดถอนใจ “เฮ้อ กลับเถอะ...”ตอนนี้เอง เสียงกีบเท้าม้าระลอกหนึ่งดังขึ้นจากไกลๆหมอกและควันคละคลุ้งบนภูเขา ราวกับมีอาชานับหมื่นตัวกำลังควบตะบึงมา งดงามเป็นอย่างมากเห็นรถม้าหรูหรานับสิบกว่าคัน ประชันขันแข่งกัน ไม่มีใครยอมใคร มุ่งหน้ามายังภูเขาทิศประจิมครู่ต่อมารถม้ามาถึงหน้าประตูภูเขาทิศประจิมในที่สุดขุนนางชนชั้นสูงแต่ละคน พาลูกสาวงดงามอรชรของตน ลงจากรถม้าในบรรดาคนเหล่านั้น ไม่เพียงมีคุณหนูสูงศักดิ์ ยังมีท่านหญิง องค์หญิง...แต่ละคนล้วนคือกิ่งทองใบหยก งดงามเป็นอย่างมาก!“นี่ นี่ นี่...”ฮูหยินผู้เฒ่าซูตื่นเต้นมาก พูดจาไม่คล่องแล้ว “ตกลงนี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”ลั่วอวี้จู๋ หลิ่วหรูเยียน ซูเฟิ่งหลิงไปจน
แค่กๆ...หลี่หลงหลินไอสองที กระแอมเสียงให้ใสดีแล้ว สองมือไพล่หลัง มาหยุดต่อหน้าทุกคน สีหน้าบึ้งตึงด้านหน้าภูเขาทิศประจิม บรรยากาศเงียบสงัดหลายร้อยคนปิดปากสนิท ไม่กล้าเปล่งเสียงเหล่าชนชั้นสูงไม่มีกฎไม่มีระเบียบเหล่านั้น แต่ละคนขบเม้มกลีบปาก สั่นเบาๆไม่มีสาเหตุอื่นใดเรื่องแปลกขององค์ชายเก้า โด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว!เดิมที เป็นเพียงองค์ชายไร้ประโยชน์ไม่ร่ำเรียนไม่มีความสามารถคนหนึ่งผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี เขาก็ผงาดขึ้นมา กลายเป็นดาวเด่นดวงใหม่ของต้าเซี่ยปราบความไม่สงบขององค์ชายหก ก่อตั้งโรงเรียนทหารซีซาน ยังมีสงครามภูเขาทิศประจิม ใช้ความอ่อนแอเอาชนะความแข็งแกร่ง โจมตีทหารม้าหุ้มเกราะซีเหลียงสามพันนาย!กวีชายแดนสามบท เอาชนะใจบัณฑิตในใต้หล้า ยังสอนจอหงวนออกมาอีกหนึ่งคน!แม้แต่ตัวไร้ประโยชน์จางอี้ ก็เป็นบัณฑิตชั้นสูงได้ ยังถูกแนะนำเป็นรองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร อำนาจสูงเทียมฟ้า!แน่นอนว่า ที่ทำให้เหล่าคุณหนูต่างกริ่งเกรง ยังเป็นชื่อเสียงของหลี่หลงหลิน!ไฟไหม้ตำหนักเย็น ฉินกุ้ยเฟยตายอยู่ภายใน!ได้ยินมาว่าตอนฉินกุ้ยเฟยตาย หลี่หลงหลินเองก็อยู่ในตำ
มาสายปรับหนึ่งร้อยตำลึง?หลี่หลงหลินเองก็โหดเกินไปแล้วกระมัง!หนึ่งร้อยตำลึง เพียงพอให้เลี้ยงดูครอบครัวสามัญชนในเมืองหลวงหลายปีเชียวนะ!หลี่หลงหลินยิ้มเย็น พูดกับหนิงชิงโหว “ไม่มีกฎระเบียบ ไม่มีวันสำเร็จ! หนิงเซิง หยิบกฎระเบียบของโรงเรียนแพทย์ซีซานออกมา!”หนิงชิงโหวเตรียมไว้พรักพร้อมตั้งนานแล้ว ติดไว้บนผนังทุกคนแหงนหน้ามอง สูดหายใจเย็นอย่างอดไม่ได้กฎระเบียบหลักเก้าข้อของโรงเรียน!กฎระเบียบย่อยแปดสิบเอ็ดข้อของโรงเรียน!โทษเบาคือปรับเงิน โทษหนักคือไล่ออก!หนังศีรษะจางเฉวียนชาแล้ว ใบหน้าโศกเศร้าน้ำตาคลอหน่วย “องค์ชายเก้า นี่คือโรงเรียนแพทย์ หรือสถานพินิจกันแน่! ต่อให้เป็นนักโทษภายในคุก ก็ไม่ต้องรักษากฎมากเพียงนี้!”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นพูดว่า “พวกเจ้าอยากเรียนก็เรียน ไม่อยากเรียนก็ไป! ข้ามิได้บังคับพวกเจ้าเสียหน่อย! ตรงข้ามกัน พวกเจ้าต้องคิดให้ดี เข้าภูเขาทิศประจิมแล้ว ต้องรักษากฎระเบียบของภูเขาทิศประจิม!”“นี่ก็เพื่อลูกสาวของพวกเจ้าเอง!”แท้จริงแล้ว มิใช่หลี่หลงหลินเข้มงวด จงใจสร้างความลำบากให้คุณหนูชนชั้นสูงเหล่านี้พวกนางล้วนเติบโตในไหน้ำผึ้ง เกียจคร้านยังนับว่าเบา อุปนิสั
หากเป็นซูเฟิ่งหลิง ได้เห็นท่าทางคนถ่อยได้ใจเช่นนี้ของหลี่หลงหลิน จะต้องโมโห เปลี่ยนสีหน้าเป็นฝ่ายคิดบัญชีอย่างแน่นอนลั่วอวี้จู๋ทัดเส้นผมยาวไว้หลังใบหู เผยพวงแก้มงดงามนุ่มนวล ชี้ไปที่ตั๋วเงินบนโต๊ะ “องค์ชายเก้า นี่คือค่าธรรมเนียมที่หาได้ในวันนี้! ทั้งหมดหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยตำลึง ท่านนับๆ ดู...”ไม่พูดไม่ได้ ค้าขายการศึกษาทำนองนี้ กำไรมหาศาลโดยแท้มิน่าเล่านับพันปีที่ผ่านมาลัทธิขงจื๊อจึงควบคุมสำนักศึกษาเอาไว้ ไม่ยอมแบ่งปันให้ผู้อื่นหนึ่งวันหาเงินได้หนึ่งแสนตำลึง เหลือเชื่อจริงๆ!หลี่หลงหลินไม่มองตั๋วเงิน พูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านทำงาน ข้าย่อมวางใจ! แต่ท่านตั้งใจเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา คงไม่คิดเบี้ยวหนี้หรอกกระมัง!”ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ในเมื่อองค์ชายตอแยไม่เลิก หม่อมฉันทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้แล้วเพคะ”สีหน้าหลี่หลงหลินดีใจมาก “เช่นนั้นท่านเลือกพูดความจริง หรือเสี่ยงดีเล่า?”ลั่วอวี้จู๋ครุ่นคิด พูดว่า “พูดความจริง!”ล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ไม่มีอะไรพูดไม่ได้หรอกกระมังส่วนเสี่ยง หากหลี่หลงหลินให้ตนเองไปทำเรื่องน่าอายอะไร นั่นก็แย่แล้ว!หลี่หลง
ลั่วอวี้จู๋อึ้งงันอยู่กับที่ มองหลี่หลงหลินอย่างเหลือจะเชื่อสมองของนางคิดตามไม่ทันอยู่บ้างหมายความว่ากระไร?ฮูหยินผู้เฒ่าซูให้พวกนางสะใภ้สองสามคนนี้แต่งงานใหม่กับหลี่หลงหลิน?นี่นับเป็นอะไร?จากพี่สู่น้อง?แม้เรื่องพรรค์นี้ผิดหลักจรรยาบรรณ แต่ภายในราชวงศ์ของต้าเซี่ย กลับมิใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรปัญหาคือ...แม้ตนเองอิจฉาซูเฟิ่งหลิงมาก มีสามีที่ดีอย่างหลี่หลงหลินทว่าแต่งงานกับหลี่หลงหลินเรื่องพรรค์นี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนไม่ใช่ไม่คิด แต่ไม่กล้าคิด!หลี่หลงหลินอาศัยว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อนๆ สืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จับมืองามดุจหยกของลั่วอวี้จู๋เอาไว้แน่น “ท่านยินดีแต่งงานกับข้าหรือไม่?”ลั่วอวี้จู๋น้ำตาคลอหน่วย ร้องไห้ออกมาแล้ว “องค์ชาย หม่อมฉันเป็นดาวหายนะคนหนึ่ง ทำให้ทั้งครอบครัวต้องตาย...”หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ข้าไม่ใส่ใจ!”ลั่วอวี้จู๋สะอื้น “ร่างกายหม่อมฉันไม่สมบูรณ์ เป็นหญิงออกเรือนแล้ว”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “หญิงออกเรือนแล้วถึงจะมีรสชาติ!”ลั่วอวี้จู๋ส่ายหน้า “แต่ หม่อมฉันเป็นพี่สะใภ้ของท่าน หากแต่งกับท่าน น้องหญิงเล็กต้องไม่ดีใจอย่างแน่นอน...”หลี่หลงหลินเอ่ยป
“เอ่อ...”หลี่หลงหลินชะงักเบาๆก็หมายความว่า ก่อนตนเองแต่งซูเฟิ่งหลิงเข้าบ้าน จะไม่สามารถแตะต้องลั่วอวี้จู๋ได้?หากแตะต้องไป ใครเป็นภรรยาเอก ใครเป็นอนุ นั่นก็วุ่นวายแล้วมิใช่หรือ?ใครยังพูดได้ชัดเจนอีกเล่า?มองเช่นนี้ดูแล้ว นับว่ามีเหตุผลหลายส่วนปัญหาคือ หญิงงามอยู่ตรงหน้า ทำได้เพียงมอง กลับกินไม่ได้นี่มิใช่กำลังทรมานคนหรือ?กระนั้นหลี่หลงหลินมิใช่วิญญาณหิวโหยอะไรในเมื่อลั่วอวี้จู๋รับปากแล้ว ย่อมไม่รีบร้อนอาหารเลิศรสย่อมไม่สายเกินกิน!หากทนไม่ได้ หลี่หลงหลินสามารถนัดหนิงชิงโหว ไปเที่ยวสำนักการสังคีต มีนางคณิกาอยู่เป็นเพื่อน ส่งมอบอ้อมกอดก่อนได้!“ได้!”หลี่หลงหลินยื่นมือออกไป บีบบั้นท้ายอวบอิ่มของลั่วอวี้จู๋แรงๆ หนึ่งทีเงินต้นไม่อาจแตะต้อง ก็ต้องเก็บดอกเบี้ยสักหน่อยกระมัง!ร่างอรชรของลั่วอวี้จู๋สั่นเทิ้ม ใบหน้าเขินอายแดงเรื่อ ใกล้จะล้มลงบนโต๊ะเต็มทีท่าทีตอบสนองของนางนี้ น่าสนใจยิ่งกว่าซูเฟิ่งหลิงมากนัก!หลี่หลงหลินหัวเราะฮาๆ เตรียมหมุนตัวจากไป“องค์...องค์ชาย...”เสียงลั่วอวี้จู๋สั่นเครือ เรียกหลี่หลงหลินไว้หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋อย่างแปลกใจ “พี่สะใภ้ให
“ทำอย่างสุดกำลัง ฟังลิขิตฟ้า!”หลี่หลงหลินแหงนมองฟ้า พ่นลมหายใจยาวเหยียดออกมาเฮือกหนึ่งไม่ว่าอย่างไร พยายามอย่างสุดกำลังก็พอ!หวังว่าสวรรค์จะไม่ทำลายต้าเซี่ย ทั้งหมดยังทันเวลา!วันต่อมาข่าวสำคัญเรื่องหนึ่งลือสะพัดไปทั่วเมืองหลวงโดยเฉพาะค่ายผู้ลี้ภัยนอกเมือง บัดนี้กำลังดุเดือดองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินจ่ายหนักรับซื้อชิงฮวาชิงฮวาสิบจินสามารถขายได้หนึ่งตำลึง!ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่ตากแห้ง แต่เป็นชิงฮวาสดใหม่เดิมทีชีวิตของเหล่าผู้ลี้ภัย ก็ลำบากมากอยู่แล้วระยะนี้เกิดโรคระบาด คนไม่น้อยติดโรคมาลาเรีย เหล่าผู้ลี้ภัยไม่มีเงินไปซื้อยา ทำได้เพียงนอนรอความตายเท่านั้นข่าวนี้ ดุจดั่งยารักษาใจ ทำให้เหล่าผู้ลี้ภัยมีชีวิตชีวา ดวงตามืดมนเปล่งประกายใหม่อีกครั้ง!แตกต่างจากซ่อมแซมบ้านเรือน รวมถึงเข้าร่วมทหาร นี่ล้วนต้องการคนหนุ่มร่างกายกำยำแข็งแรงขุดชิงฮวา ช่างง่ายดายมากนัก!ภายในทุ่งนา ต่างพากันก้มหน้าก้มตาเก็บต่อให้เป็นคนอ่อนแอผู้ชรา ก็สามารถทำงานนี้ได้หนึ่งวันนี้ หากวาสนาดี ต่อให้เป็นเด็กเจ็ดแปดขวบ ขุดสิบกว่าจินก็ล้วนสามารถเป็นไปได้!ชิงฮวาสิบจินขายได้หนึ่งตำลึง?นี่เป็นไปได้จริ
ยามเช้าตรู่นอกศาลาพักทางสิบห้าลี้ เมืองตงไห่สายลมวสันต์พัดโชยเบาๆ แสงแดดอ่อนละมุนหลิวเกินเซิงพาบรรดาผู้ลี้ภัยหนุ่มแน่นมาถึงใกล้เขตเมืองตงไห่ก่อนผู้ใด ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เขาโบกมือพลางตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคน อดทนอีกหน่อย อีกไม่ไกลก็ถึงศาลาสิบลี้แล้ว! พอพ้นศาลานั้นก็เข้าเมืองตงไห่ได้เลย! ก่อนตะวันตกดินเราจะได้พบองค์รัชทายาทแน่นอน!”“แค่ได้พบหน้าองค์รัชทายาท พวกเราก็จะมีข้าวกินแล้ว!”ทว่าเมื่อได้ฟังคำของหลิวเกินเซิง เหล่าผู้ลี้ภัยกลับมิได้แสดงความยินดีแม้แต่น้อย แต่ละใบหน้าที่ซูบตอบกลับฉายแววคลางแคลงใจ“เกินเซิง เจ้าบอกว่าองค์รัชทายาทผู้นี้จะเชื่อถือได้จริงหรือ? ตลอดทางที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนเขตตงไห่จะรกร้างกันดาร พืชพันธุ์ธัญญาหารในนาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเก็บเกี่ยวได้ ท่านแน่ใจหรือว่าพวกเราไปถึงเมืองตงไห่แล้วจะมีข้าวกินจริงๆ?”“ใช่แล้ว เกินเซิง แม้ว่าหนทางนี้จะยากลำบากเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่อย่างน้อยระหว่างทางก็ยังพอมีเปลือกไม้ให้แทะ มีรากหญ้าให้เคี้ยว แต่พอเข้ามาในเขตเมืองตงไห่ ต้นไม้ทุกหนแห่งกลับมีแต่ลำต้นเกลี้ยงเกลา แม้แต่เปลือกไม้ก็ไม่มีให้แทะ ไม่ต้องพูดถึงรากหญ้า
เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าท่าทีของกงชูหว่านแน่วแน่เด็ดเดี่ยว จึงไม่ได้ขัดขวางอีกต่อไป เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องการรับคนเข้าทำงานก็ไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนนักหรอก ขนาดเมืองตงไห่ใหญ่โตปานนั้น ประชากรกว่าหลายแสน จะให้เชื่อคำของพระเชษฐภาดาฝ่ายเดียวได้อย่างไร? ท่ามกลางราษฎรย่อมมีผู้ตาสว่างรู้ผิดชอบอยู่บ้าง เจ้าจึงไม่จำเป็นต้องแบกรับความกดดันจนหนักอึ้ง รับสมัครได้เท่าใด ก็เอาเท่านั้น! มีมาเท่าใด ก็รับไว้ทั้งหมด ไม่ต้องปฏิเสธผู้ใด!”กงซูหว่านชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “ไม่ปฏิเสธผู้ใดหรือเพคะ? รัชทายาท ยามนี้ค่าจ้างที่เราเสนอให้นั้นสูงกว่าราคาตลาดเท่าตัว ทั้งสวัสดิการก็ดีเยี่ยม หากมิใช่เพราะพระเชษฐภาดาออกมาสร้างความวุ่นวาย เกรงว่าเพียงแค่วันนี้วันเดียวก็คงสามารถรับสมัครช่างฝีมือดีได้ครบตามจำนวนแล้ว”“ทว่ายามนี้ข่าวลือแพร่สะพัด คนที่มาก็ล้วนเป็นพวกไร้ฝีมือ ถ้าไม่คัดกรองให้ดี เกรงว่างานก่อสร้างจะต้องพังเอาแน่ๆ”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล แม้แต่พวกอันธพาลข้างถนน ก็ยังต้องเชื่องเมื่อเจอกับเฟิ่งหลิง ตราบใดที่คนเหล่านั้นมีฝีมือ ไม่ว่าจ
ภายในห้องหนังสือหลี่หลงหลินกำลังวาดผังอย่างขะมักเขม้น เห็นว่ากงซูหว่านมา จึงเงยหน้าพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้รอง ท่านด่าพระเชษฐภาดาได้เจ็บแสบยิ่งนัก สาแก่ใจจริงๆ!”ใบหน้ากงซูหว่านแดงเรื่อ เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ไม่ใช่เพียงข้า เรื่องนี้เล่าลือไปทั่วทั้งตงไห่แล้ว อีกไม่นานก็จะส่งต่อไปยังเมืองหลวง ผ่านไปนานกว่านี้อีกระยะหนึ่ง ผู้คนทั้งเหนือใต้ก็จะได้รับรู้กันอย่างถ้วนทั่ว!”“พี่สะใภ้รอง ท่านจะมีชื่อเสียงแล้ว!”สีหน้ากงซูหว่านแดงยิ่งขึ้น ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ “องค์ชาย ท่านอย่าล้อหม่อมฉันเล่นเลย! ชื่อเสียงเรื่องด่าคนมีอะไรดี! หม่อมฉันหญิงร้ายเช่นนี้ น่ากลัวว่าไม่มีชายใดต้องการ แต่งไม่ออกแล้ว!”หลี่หลงหลินแสยะยิ้ม “หากไม่มีใครกล้าแต่งกับท่าน ข้าจะแต่งเอง! อย่างไรเสียข้าก็แต่งงานกับเสือโคร่งอย่างซูเฟิ่งหลิงไปแล้ว เพิ่มหญิงปากคอเราะร้ายมาอีกหนึ่งคนก็ชินชาไม่รู้สึกรู้สาอันใดแล้ว!”กงซูหว่านสะเทิ้นอายใบหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงนุ่มนวล “ห้ามพูดถึงหม่อมฉันและน้องเล็กเช่นนี้! ยิ่งไปกว่านั้น ใครรับปากว่าจะแต่งกับท่าน...”ผิวพรรณที่เดิมทีขาวดุจหิมะของกงซูหว่า
กงซูหว่านหัวเราะขึ้นมา “อะไรกัน? พระเชษฐภาดาท่านกลัวแล้วหรือ? คนซื่อตรงย่อมไม่หวั่นเกรงต่อคำว่าร้าย ท่านยิ่งไม่ให้พูด ข้าก็ยิ่งจะพูด! ข้ายังจะตะโกนเสียงดังอีกด้วย! พวกเจ้าสกุลหลู่ล้วนกบฏฝังลึกอยู่ภายในกระดูก อิงตามที่ข้าได้เห็น น่ากลัวว่าพระเชษฐภาดาก็ใกล้จะเจริญตามรอยพวกเขาในอีกไม่ช้าแล้ว!”หลู่จงหมิงกุมอกแน่นๆ คล้ายถูกคนชกอย่างแรงหนึ่งหมัด เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “สาม...สามหาว!”“ผู้หญิงฝีปากคมกริบตัวดี!”“กล้าหยามเกียรติพระเชษฐภาดาต่อหน้าธารกำนัล!”“เด็กๆ ตบปาก!”“ตบปากคมกริบของนางให้ข้า!”เพียงสิ้นเสียงลง บ่าวท่าทางดุดันหนึ่งกลุ่มทางด้านหลังหลู่จงหมิงก็ถลันเข้ามาล้อมกงซูหว่านเอาไว้สีหน้าเหล่าราษฎร์เผือดซีด ต่างพากันแยกย้ายพระเชษฐภาดาหยิ่งยโสโอหังภายในตงไห่จนคุ้นชินแล้ว พวกเขาล่วงเกินไม่ไหว!กงซูหว่านกลับไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเยียบเย็นผ่อนคลาย สบมองหลู่จงหมิงสีหน้าหมิ่นแคลน “ท่านกล้าแตะต้องข้า?”หลู่จงหมิงหัวเราะ “ข้าเป็นพระเชษฐภาดาของฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบัน เจ้านับเป็นตัวอะไร? ก็แค่พี่สะใภ้ของรัชทายาทไม่ใช่หรือ? กลับกล้าอ้างบารมีเย่อหยิ่งจองหอง? ข้าพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให
เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาราษฎร์ตงไห่ต่างพากันฮือฮา!องค์ชายเก้าคนของต้าเซี่ย แต่ละคนล้วนเกิดความคิดก่อกบฏเริ่มแรกคือองค์ชายใหญ่ องค์ชายสาม องค์ชายสี่และองค์ชายหก วางแผนร้าย คิดก่อกบฏบัดนี้ถึงตาองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินแล้ว!บัดนี้เขาเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานอย่างลึกซึ้งจากฮ่องเต้หวู่ ต่อให้ก่อกบฏ โทษก็ไม่ถึงตายเลวร้ายที่สุดก็เหมือนองค์ชายสี่หลี่จือ ถูกกักบริเวณ ใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมายไปชั่วชีวิตหากตนเองโง่งม ไปสร้างเมืองใหม่อะไรนั่นกับรัชทายาท วางแผนก่อกบฏ นั่นคือโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร!ราษฎร์ไม่น้อยเดิมทีก็ลังเลอยู่ ครั้นถูกหลู่จงหมิงพูดคำนี้ออกมา ทำลายความคิดไปแล้วหลู่จงหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ใบหน้าลำพองใจ “กงซูหว่าน เจ้ากลับไปบอกรัชทายาท เรื่องเขาวางแผนก่อกบฏถูกข้าจับได้แล้ว! อีกเดี๋ยวข้าจะถวายฎีกาหนึ่งฉบับกราบทูลฝ่าบาท เล่นงานเขาจนอับจนหนทาง!”รัชทายาทรับมือยากจริง!แต่กงซูหว่านผู้หญิงคนหนึ่ง หลู่จงหมิงสามารถจัดการได้อย่างผ่อนคลาย“ฮึๆ...”คิดไม่ถึงเลยว่ากงซูหว่านไม่มีความตกใจเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกันแสยะยิ้มเย็นชาออกมาสีหน้าหลู่จงหมิงเคร่งขรึม “เจ้ายิ้ม
หลู่จงหมิงพูดเสียงเคร่งขรึม “คุณหนูกงซู ไม่ได้พบกันนานเลย!”กงซูหว่านหยุดงานในมือลง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ได้เห็นใบหน้าประดับยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลู่จงหมิงกำลังมองตนเอง สายตาเช่นนี้ทำให้กงซูหว่านรู้สึกไม่สบายตัวกงซูหว่านพูดเสียงเย็นชา “พวกเราที่นี่รับสมัครเพียงช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ไม่ต้องการคนคดโกงขูดรีดเลือดเนื้อจากราษฎร์ ท่านหลีกไป อย่ามาขัดขวาง”เหล่าราษฎร์ต่างแตกตื่น!กงซูหว่านถึงขั้นไม่ไว้หน้าพระเชษฐภาดา!จะต้องรู้ว่านี่คือตงไห่ มังกรแข็งแกร่งไม่อาจสู้งูดิน พระเชษฐภาดาเป็นงูดินที่ตงไห่ แต่เหล่าขุนนางที่มาถึงตงไห่ล้วนต้องให้ความเคารพพระเชษฐภาดา แต่กงซูหว่านไม่วางตัวต่ำต้อย ยืดอกด้วยความมั่นใจ ภายในสายตาเปี่ยมความดูแคลนภายในจวนอ๋องในวันนั้น ความฟุ่มเฟือยของพระเชษฐภาดายังอยู่ในสมองของนางไม่อาจลบเลือนออกไปได้ ภายในสายตากงซูหว่าน พระเชษฐภาดาก็แค่ตัวไร้ประโยชน์ ใช้ตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งมาแสวงหาความเพลิดเพลินก็เท่านั้น เป็นสิ่งที่นางดูแคลนที่สุด!พระเชษฐภาดาถูกกงซูหว่านทำให้อับอายถึงเพียงนี้บนถนน ทันใดนั้นโทสะพลุ่งพล่านมากขึ้นสามจั้ง พูดเสียงเย็นชา “ขัดขวาง? ข้าพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งให
ตลาดเมืองตงไห่ครึกครื้นตั้งแต่เช้า ราษฎรรับชมความครึกครื้นจนแน่นขนัดกงซูหว่านกวนปูนคอนกรีตสีดำภายในถังไม้ด้วยความตั้งใจท่ามกลางสายตาของกลุ่มคน ขมวดคิ้วแน่นราษฎร์ไม่น้อยเพียงแต่ว่างงานไม่งานทำ มาเชยชมรูปโฉมที่แท้จริงของสตรีมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของใต้หล้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อยทำให้การสัญจรทั้งตลาดติดขัดต่อให้เป็นเช่นนี้ ช่วงเช้ากงซูหว่านก็รับสมัครช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญได้ไม่น้อย อย่างไรเสียตอนนี้ตงไห่ก็กำลังเกิดหายนะ เหล่าราษฎร์เดือดร้อนแทบจะไม่สามารถกินข้าวประทังชีวิตได้อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าไปซ่อมแซมสร้างบ้าน ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญโดยส่วนมากอยู่ในสถานะว่างงานเหล่าช่างฝีมือได้ยินว่ารัชทายาทต้องการช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ต่างพากันเดินทางมา ทำให้กงซูหว่านประหยัดแรงไปไม่น้อยเพียงแต่กงซูหว่านยังไม่สามารถหาสัดส่วนที่เหมาะสมในการผสมปูนคอนกรีตได้ ปูนคอนกรีตที่เคยผสมก่อนหน้านี้บ้างก็แข็งตัวไม่เพียงพอ บ้างก็หลังแข็งตัวแล้วกลับมีความแข็งแรงไม่เพียงพอ จนทำให้แตกร้าวกงซูหว่านราวกับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสายตาแหลมคมดุจเหยี่ยวหนึ่งคู่กำลังจับจ้องตนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนสีหน้
มุมปากหลู่จงหมิงยกขึ้นแสยะยิ้มเย็นชา “ชีวิตที่ไม่มีเจ้าหลี่หลงหลินช่างสุขสบายโดยแท้ จิบสุราโอบหญิงงาม เพลิดเพลินมีความสุข!”แม้ว่าเรื่องธัญพืชทำให้หลู่จงหมิงต้องขาดทุนอย่างหนักในเงื้อมมือของหลี่หลงหลิน แต่โชคดีหลู่จงหมิงยับยั้งการขาดทุนได้ทันเวลา เปิดยุ้งฉางขายธัญพืชทั้งหมดให้แก่พวกตระกูลขุนนางในตงไห่ ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ดังนั้นจึงมีเวลาเพลิดเพลินอยู่ภายในจวนหญิงสาวงดงามมีเสน่ห์ทั้งสองคนภายในอ้อมกอดของหลู่จงหมิงมีเรือนร่างอรชรแบบบาง สวมใส่ผ้าโปร่งบาง ผิวขาวนวลดุจหิมะเปิดเผยออกมา มีเสน่ห์มากเป็นพิเศษใบหน้าหลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะคิดจะฉวยโอกาสหาความสำราญตามใจปรารถนา“นายท่าน! แย่แล้วขอรับ!”เสียงร้องตะโกนขัดแผนการของหลู่จงหมิงพ่อบ้านพาบ่าวหนึ่งกลุ่มวิ่งลนลานเข้ามา บนหน้าผากล้วนคือเหงื่อเม็ดใหญ่สีหน้าหลู่จงหมิงโกรธจัด พูดเสียงเย็นชา “เกิดเรื่องใดขึ้น ลนลานถึงเพียงนี้? ข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าตอนข้าดื่มสุราห้ามรบกวน!”พ่อบ้านคุกเข่าบนพื้น หมอบตัวแนบพื้นและพูดเสียงเคร่งขรึม “นายท่าน รัชทายาท...รัชทายาทมีความเคลื่อนไหวแล้ว!”“เจ้าเด็กนั่นทำอันใด!”หลู่จงหมิงขมวดคิ้ว
หลี่หลงหลินยิ้มจางๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ต่อให้เสด็จพ่อถามออกมา นั่นแล้วอย่างไรเล่า? ยิ่งไปกว่านั้นข้าเพียงแต่เสนอแนวความคิดอย่างหนึ่งเท่านั้น ยามลงมือปฏิบัติยังต้องทำการทดลองและผ่านการทดสอบจำนวนมาก ถึงจะสามารถคิดค้นปูนคอนกรีตที่แท้จริงออกมาได้”“ภายในนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและความยากลำบากหลากหลายอย่าง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พี่สะใภ้รองต้องรับมือด้วยตนเอง ต่อให้ฝ่าบาทเอ่ยถามขึ้นมา ท่านก็ไม่ต้องหวาดหวั่น”กงซูหว่านได้ยินถ้อยคำของหลี่หลงหลิน ทันใดนั้นตกอยู่ในห้วงแห่งความลังเล “แต่องค์ชาย...เดิมทีผลงานนี้ก็สมควรเป็นของท่าน หม่อมฉันเพียงทำตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น ไม่สมควรรับผลงานเพียงลำพังคนเดียว”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “พี่สะใภ้รอง ท่านเป็นสตรีมีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของใต้หล้า คิดค้นปูนคอนกรีตเป็นความดีความชอบยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ อย่าได้ดูแคลนตนเองเป็นอันขาด ต่อให้ข้าเป็นผู้เสนอความคิด แต่คิดค้นและสร้างขึ้นมาต่างหากสำคัญที่สุด หากเพียงแต่พูดปากเปล่าก็ไร้ความหมาย”ลั่วอวี้จู๋ทางด้านข้างพูดเสริมขึ้นว่า “ใช่แล้วน้องรอง ปัญหาและความยากลำบากที่ต้องฝ่าฟันระหว่างนี