Share

บทที่ 340

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
มู่หรงฟู่ยิ้มเยาะและพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็แต่งบทกวีสิ กระหม่อมมิเชื่อหรอกว่าท่านจะทำได้จริง ๆ!”

ฉินซูกลอกตาไปมา จากนั้นก็ขยิบตาแล้วถามว่า “มู่หรงฟู่ ในเมื่อพูดเช่นนี้ เจ้าอยากเดิมพันกับข้าด้วยหรือไม่?”

มู่หรงฟู่พูดโดยมิได้คิดอะไร “เดิมพันก็เดิมพัน ใครกลัวกันเล่า!”

แต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็รู้สึกมิสบายใจขึ้นมาจึงรีบพูดต่อ “แต่งบทเดียวมินับ ถึงอย่างไรก็ต้องแต่งสอง… โอ้ ไม่สิ สามบทแล้วกัน! หากท่านแต่งกวีสามบทเกี่ยวกับเพลงอำลามิได้ก็จะถือว่าแพ้ จากนั้นก็ต้องเห่าให้เหมือนสุนัขต่อหน้าธารกำนัล กล้าหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็บังเกิดความโกลาหล ณ ที่แห่งนี้

ให้องค์รัชทายาทเห่าเลียนแบบสุนัขน่ะหรือ นี่มิเป็นการโยนศักดิ์ศรีของราชวงศ์ต้าเหยียนลงพื้นแล้วเหยียบย่ำอย่างหนักหรือไร

มิทันที่พวกเขาจะได้พูดอะไร ฉินซูก็ตอบตกลงอย่างมิลังเล

“ตกลง หากข้าแต่งกวีสามบทได้ หลังจากคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เจ้า มู่หรงฟู่จะต้องอยู่ในเมืองหลงเฉิงแคว้นต้าเหยียนเป็นเวลาครึ่งปี!”

คำพูดของฉินซูทำให้สีหน้าของฉินอู๋ต้าวเปลี่ยนไป!

ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ มู่หรงฟู่จะสามารถกลับไปยังเป่ยเยี่ยนได้หลังจ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (9)
goodnovel comment avatar
รุจน์ สมสีมี
หายไปไหนแล้วไม่อัพเลย..
goodnovel comment avatar
รัฐภูมิ สุดรุ่งโรจน์
กว่าจะอัพเดทแต่ละที
goodnovel comment avatar
phing1048
รอมา1อาทิตย์ไม่อัพเดดเลย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 341

    คำพูดนี้ของฉินซูมิใช่เป็นการถ่อมตัวเสียทีเดียว เพราะหากเขามิใช่ผู้เดินทางข้ามเวลามาแล้วนั้น มิต้องพูดถึงกวีโบราณเลย แม้แต่ต่อโคลงคู่ เขาก็คงทำมิได้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าท่าทางถ่อมตัวของเขาในสายตาของมู่หรงฟู่นั้นกลับกลายเป็นการเสแสร้ง! มู่หรงฟู่แค่นเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยเร่งอย่างหงุดหงิดว่า “ฉินซู นี่แค่หนึ่งบทเท่านั้น ยังเหลืออีกสองบท!” “ในเมื่อเจ้าร้อนใจเช่นนี้ ข้าก็จะมิหลบซ่อนอีกแล้ว ทุกคนจงฟังให้ดี!” ฉินซูกระแอมและเริ่มเปล่งเสียงท่องบทกวีดังชัดเจน “อัสดงหม่นหมองท้องฟ้าอุไรไกลนับพันลี้ มีฝูงห่านลมพัดผ่านหิมะโปรยปราย อย่ากังวลเรื่องสหายภายภาคหน้า ทั้งใต้หล้าผู้ใดหนามิรู้จักท่าน!” เขาท่องแค่บทที่หนึ่งของบทกวีอำลาต่งต้าเท่านั้นส่วนบทที่สองนั้นมิจำเป็นต้องเอ่ยออกมาเลยเพราะแค่บทแรกก็ทำให้พวกเขาร้องอุทานอย่างประหลาดใจได้แล้ว เป็นไปตามคาด เมื่อเสียงของเขาหยุดลง ทุกคนต่างประทับใจและหลงใหลไปตาม ๆ กัน “อย่ากังวลเรื่องสหายภายภาคหน้า ทั้งใต้หล้าผู้ใดหนามิรู้จักท่าน! ช่างเป็นกวีที่ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมนัก!” “บทกวีเต็มไปด้วยจินตภาพอันงดงาม แค่หลับตาลงก็เห็นภาพท้องฟ้าอุ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 342

    เมื่อได้ยิน ทุกคนต่างตกใจอีกครั้ง! ”ว่ากระไรนะ? บทกวีของรัชทายาทสามารถร้องเป็นเพลงได้งั้นหรือ?” “มิเคยได้ยินและมิเคยเห็นเรื่องเช่นนี้เลยจริงๆ!” “รัชทายาททรงรีบร้องเถิด พวกเราอดใจรอมิไหวแล้ว!” ทุกคนพูดพร้อมกับพากันเอ่ยเร่งออกมา ยามนี้เอง มู่หรงจื่อเยียนก็พูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันสามารถดีดพิณได้ หากองค์รัชทายาทมิรังเกียจ หม่อมฉันจะเป็นผู้บรรเลงพิณให้ท่านเอง” “ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!” สายตาทุกคนหันมาจับจ้องที่มู่หรงจื่อเยียนทันที! เซี่ยหลานที่เต็มไปด้วยความหึงหวง เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ท่านหญิงจื่อเยียน ท่านเป็นชาวเป่ยเยี่ยน ตอนนี้เสนอตัวดีดพิณให้กับองค์รัชายาทต้าเหยียนของพวกเรา เช่นนี้… ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?” หนานกงจื่อชินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตำหนิเบา ๆ ว่า “จื่อเยียน ท่านทำเกินไปหน่อยกระมัง อย่าลืมว่าท่านคือท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยนของเรา” มู่หรงจือเยียนขบริมฝีบากเบา ๆ แล้วอธิบายอย่างน้อยใจว่า “ข้าเพียงแค่ต้องการผ่อนคลายบรรยากาศเท่านั้น ถึงแม้การประลองนี้จะเกี่ยวข้องกับสองแคว้น ทว่าก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้ว่า เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น เพราะฉะนั้นมิจำเป็นต้องทำใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 343

    ทั้งสองมองหน้ากันพลางยิ้มให้กันอย่างสดใสโดยมิได้นัดหมาย ราวกับเห็นใจและเข้าใจกันเป็นอย่างดี เมื่อเห็นสายตาของทั้งสองคนที่แฝงไปด้วยความรู้สึกคลุมเครือ หนานกงจื่อชินรู้สึกหึงหวงขึ้นมาทันที เขาดึงตัวมู่หรงจื่อเยียนมาใกล้ ๆ แล้วกระซิบว่า “จื่อเยียน ท่านกำลังทำอะไร เขาคือองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ศัตรูแคว้นเป่ยเยี่ยนของเรา กระหม่อมมิว่าอะไรที่ท่านดีดพิณให้เขา ทว่าถ้าท่านคิดเป็นอื่นกับเขา กระหม่อมมิอาจมองข้ามได้!” มู่หรงจื่อเยียนตกใจและรีบอธิบายว่า “ท่านพี่จื่อชิน ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย เพียงแค่รู้สึกว่าบทกวีที่เขาเพิ่งขับร้องนั้น…” พูดมิทันจบ หนานกงจื่อชินซักถามด้วยความโกรธเคืองว่า “บทกวีที่เขาร้องเป็นอย่างไรรึ? ท่านรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยม รู้สึกว่าเขามีพรสวรรค์และน่าทึ่ง รู้สึกว่าเขาเป็นบุรุษที่ท่านใฝ่ฝันใช่หรือไม่?” “มิ… มิใช่เช่นนั้น ท่านพี่จื่อชินฟังข้าอธิบายก่อน…” “มิต้องอธิบาย ท่านควรตระหนักถึงสถานะของตนเองและถอยออกมาก่อนจะสายเกินไป มิเช่นนั้น ใครก็ช่วยท่านมิได้ กระหม่อมขอเตือนท่านเป็นครั้งสุดท้าย อย่าทำให้ท่านอ๋องอวี้ต้องเดือดร้อน!” ได้ยินเช่นนี้ มู

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 344

    ครั้นแล้วฉินเซียวก็เอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “ใต้เท้าหวัง อันที่จริงข้อสงสัยขององค์ชายมู่หรงก็มิใช่เรื่องที่ไร้เหตุผลนัก มิว่าอย่างไรทุกคนก็ต่างรู้ดีว่าองค์รัชทายาทเป็นคนเช่นไร” หวังฉือแค่นเสียงตะคอกเย็นชา “ท่านอ๋องหนิง ข้าน้อยขอเตือนท่านว่า ท่านทรงเป็นจวิ้นอ๋องแห่งต้าเหยียนของพวกเรา มิใช่ฝั่งเป่ยเยี่ยน เวลาพูด ขอให้ระมัดระวังจุดยืนของตัวท่านด้วย!” ฉินเซียวผายมือออกแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าหวังก็พูดเกินไป ข้าแค่พูดอย่างยุติธรรมเท่านั้นเอง ในเมื่อองค์ชายมู่หรงเกิดข้อสงสัย เช่นนั้นแล้วองค์รัชทายาทก็ควรจะพิสูจน์ตนเพื่อความโปร่งใส วิธีนี้จึงจะได้รับการนับถือมิใช่หรือ?” “พูดจาไร้สาระสิ้นดี องค์รัชทายาทชนะก็คือชนะ บัดนี้มู่หรงฟู่กล่าวหาองค์รัชทายาทโดยไม่มีหลักฐาน มิใช่คิดจะบิดพลิ้วหรือไร? ที่คิดมิถึงไปกว่านั้นคือ ท่านอ๋องหนิงที่เป็นจวิ้นอ๋องแห่งต้าเหยียนกลับสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายต่างแคว้นผู้นี้ การกระทำเช่นนี้คู่ควรกับการโปรดปรานที่องค์จักรพรรดิทรงมีต่อท่านหรือไม่? หรือว่าท่านอ๋องหนิงคิดจะกบฏต่อแผ่นดิน?” คำพูดของหวังฉือคมกริบ ตรงประเด็นสำคัญทุกคำ! และหลังจากที่ฉินอู๋ต้าวได้ยินคำพูดของหวังฉ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 345

    สิ่งที่ทำให้ฉินซูประหลาดใจที่สุดคือทับทิมที่ฝังอยู่ในด้ามจับของกริช อัญมณีเม็ดนี้มีเส้นสายคมชัด เมื่อดูผิวเผิน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกคล้ายกับสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในยุคสมัยใหม่ก่อนที่เขาจะเดินทางข้ามเวลามา ตามหลักแล้วในยุคโบราณที่มีเทคโนโลยีล้าหลัง เป็นไปมิได้เลยที่จะเจียระไนอัญมณีแข็ง ๆ ให้เป็นรูปทรงเช่นนี้แม้จะขัดให้เข้ารูป ก็จะต้องมีร่องรอยความหยาบกร้านอยู่บ้างแน่นอน แต่เมื่อฉินซูตรวจดูอย่างละเอียดก็พบว่า ทุกพื้นผิวของทับทิมเม็ดนี้เรียบเนียนไร้ที่ติ เห็นได้ชัดว่ามิใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำได้ คำอธิบายเดียวคือมันถูกตัดด้วยเทคโนโลยีศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เพียงแต่ผลิตภัณฑ์เช่นนี้จะปรากฏในยุคศักดินาของโลกต่างมิติได้อย่างไร? ฉินซูครุ่นคิดอย่างไรก็มิเข้าใจ ครั้นเห็นว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีทางคิดออกได้ในตอนนี้ ฉินซูจึงเลิกคิ้วและมองมู่หรงฟู่พร้อมถามว่า “มู่หรงฟู่ ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้หรือไม่?” ในขณะที่พูดเขายังจงใจยกกริชในมือขึ้นภายใต้แสงอาทิตย์ ภายใต้แสงแดดที่สาดส่อง ใบมีดของกริชเปล่งแสงเย็นออกมาจาง ๆ ราวกับสามารถพรากวิญญาณของคนไปได้! เมื่อมู่หรงฟู่นึ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 346

    ฉินเซียวเห็นฉินอู๋ต้าวมิพูดอะไรจึงกัดฟันพูดขึ้นมา เขาชี้ไปที่ฉินซูและถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านเพิ่งพูดว่าหมู่เฟยตั้งใจก้าวก่ายการตัดสินใจแทนเสด็จพ่อ แต่บัดนี้ท่านกำลังบีบบังคับผู้อื่นเช่นนี้ มิยิ่งเป็นการก้าวก่ายเช่นกันงั้นหรือ?” ฉินซูรู้สึกขบขันกับคำพูดของฉินเซียว “ฮ่า ๆ ฉินเซียวเอ๋ยฉินเซียว เสด็จพ่อเพิ่งจะขอให้เจ้าคิดให้ดีก่อนพูด แต่เจ้ากลับมิใส่ใจเลยจริง ๆ! การเดิมพันเมื่อครู่ ข้าบังคับให้เจ้ามาพนันกับข้าหรือไร? ยิ่งกว่านั้นตอนนั้นเสด็จพ่อทรงอนุญาตเป็นนัย ดวงตาหลายคู่ต่างก็มองเห็นกันทั้งนั้น ข้าพูดตามความจริง แล้วไฉนในปากของเจ้ากลับกลายเป็นว่าข้าก้าวก่ายไปได้เล่า?” “ข้า…” ฉินเซียวทำอะไรมิถูก ถึงแม้ความคิดในหัวจะหมุนไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็หาคำที่เหมาะสมมาตอบโต้ฉินซูมิได้ไปสักพัก ฉินซูเอามือไพล่หลังแล้วพูดต่อ “บัดนี้เจ้ากับหมู่เฟยกลับคำต่อหน้าธารกำนัลแล้วยังคิดจะให้หมู่เฟยสนับสนุนพวกเจ้าอีก อย่างไรกัน พวกเจ้าอยากให้คนทั่วหล้าหัวเราะเยาะงั้นหรือ? เสด็จพ่อเป็นจักรพรรดิสูงศักดิ์ คำพูดของพระองค์หนักแน่นที่สุด หากพระองค์กลับคำและผิดคำพูดเหมือนพวกเจ้าทั้งสอง ราษฎรทั่วทั้งแผ่นดิน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 347

    ฉินอู่ต้าวขมวดคิ้วและรู้สึกลังเลในใจอยู่เล็กน้อย ฉินซูก้าวมาด้านหน้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทั้งมิได้ถ่อมตนและหยิ่งผยอง “เสด็จย่าทวด ท่านคือพระอัยยิกาของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อทรงยอมท่านย่อมเป็นเรื่องที่ถูกต้องเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทว่าผู้น้อยอยากขอเตือนเสด็จทวดว่า นอกจากเสด็จพ่อจะทรงเป็นพระราชนัดดาของท่านแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าเหยียนของพวกเราด้วย! การกระทำทุกอย่างของพระองค์ ล้วนเชื่อมโยงกับแผ่นดินและความมั่นคงของแคว้น มิเช่นนั้นจะมีคำกล่าวว่าจักรพรรดิตรัสคำไหนคำนั้นได้อย่างไร? แน่นอนว่าคำพูดของท่าน เสด็จพ่อมิอาจมิรับฟังได้ เพียงทว่า วันนี้เสด็จพ่อต้องกระทำสิ่งที่ทำให้คำพูดพระองค์หมดความน่าเชื่อถือเพราะอิทธิพลของเสด็จย่าทวด นั่นจะมิทำให้พระองค์ถูกมองว่าไร้ความซื่อสัตย์ไร้ความเมตตาและไร้ศีลธรรมหรือ?ผู้น้อยคิดว่า เสด็จย่าทวดคงทรงมิได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้หรอกใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?” ไทฮองไทเฮามีสีหน้าถมึงทึงและกล่าวตำหนิว่า “เจ้าเด็กนี่ปากกล้านัก ในเมื่อเจ้ายังรู้ว่าข้าคือเสด็จย่าทวดของเจ้า เช่นนั้นเจ้าพูดมาว่า หากเสด็จพ่อของเจ้าฟังคำของข้าแล้วจะมิซื่อสัตย์ ไร้เมตตาและไร้ศ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 348

    ฉินอู๋ต้าวและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ฉินซูด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง ทุกคนไม่มีใครคาดคิดเลยว่า องค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดจะมีวาทศิลป์ช่างเจรจาจนทำให้ไทฮองไทเฮาผู้เผด็จการต้องเสียอารมณ์เช่นนี้ วิธีนี้ทำให้พวกเขาทึ่งจริง ๆ! เสียนเฟยยังมิยอมแพ้ นางอ้อนวอนฉินอู๋ต้าวอย่างน่าสงสารพร้อมกับน้ำตานองหน้าว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทรงลดตำแหน่งเซียวเอ๋อร์เป็นฝู่กั๋วกงมิได้นะเพคะ พระองค์ทรงรับปากหม่อมฉันแล้ว…” ฉินอู๋ต้าวโบกมือแล้วขัดจังหวะนางอย่างเย็นชา “ชายาที่รัก อย่าพูดอีกเลย เรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว บัดนี้งานเลี้ยงใกล้ยุติแล้ว เจ้าและคนอื่นๆ กลับวังหลังเถอะ” “เหลยเจิ้น เว่ยเจิง เจ้าสองคนตามตัวข้าไปหารือที่ห้องทรงพระอักษร ส่วนคนอื่น ๆ แยกย้ายกันตามอัธยาศัยได้” ฉินอู๋ต้าวพูดจบก็เดินไปที่ห้องทรงพระอักษรโดยมิหันกลับมามอง เหลยเจิ้นและเว่ยเจิงเดินตามไปอย่างมิรีบร้อน คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างพากันยืนขึ้นและทำความเคารพ “ข้าน้อยน้อมส่งเสด็จฝ่าบาท” เสียนเฟยจ้องเขม็งลงมาที่ฉินซูก่อนจะออกจากแท่นสูง ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและประกายอาฆาตก็ฉายวาบผ่านไป! จากนั้นนางก็กลับวังหลังพร้อมกับพร

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 728

    ภายในท้องพระโรงแห่งพระราชวังเป่ยเยี่ยนหลังจากฟังรายงานของแม่ทัพกองกำลังรักษาเมืองแล้ว มู่หรงเซี่ยวเทียนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรก็ลุกขึ้นพรวด“เจ้าว่าอย่างไรนะ? คุณชายหยวน… ตายแล้วรึ?!”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เขาถูกคนผู้นั้นบิดคอตายคาที่พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าขุนนางที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนกในทันใด!“เกิดเรื่องแล้ว คราวนี้เกิดเรื่องใหญ่หลวงแล้ว คุณชายหยวนตาย อ๋องเซียงหยางไม่มีปล่อยผ่านเป็นแน่!”“ฝ่าบาท สิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้คือรีบจับตัวคนร้ายแล้วส่งตัวให้อ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นฉีจัดการพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่แล้ว ๆ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ราชสำนักเป่ยเยี่ยนของเราพ้นจากเรื่องนี้ได้”ทุกคนกล่าวขึ้นพร้อมเพรียงมู่หรงเซี่ยวเทียนซักถามแม่ทัพผู้นั้นต่อ “ผู้ที่ลงมือคือผู้ใดกันแน่? จับตัวเขาได้หรือไม่?”“ฝ่าบาท คนผู้นั้นมีวรยุทธ์แข็งแกร่งยิ่งนัก ตบผู้คุ้มกันคนสนิทของคุณชายหยวนจนกลายเป็นหมอกเลือดด้วยฝ่ามือเดียว พวกข้าน้อยหาได้มีความสามารถพอที่จะจับกุมเขาได้ไม่ เพียงแต่คนผู้นั้นกล่าวในยามนั้นว่า เขาคือบุตรแห่งนักปราชญ์คนใหม่แห่งหอดารารักษ์...”“บุตรแห่งนักปราชญ์คนใหม่?!”เมื่อได

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 727

    ซ่างกวนอวิ๋นซีเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของเขาแล้วยกตัวเขาขึ้น!ฉินซูรีบร้องว่า “เดี๋ยว ๆ ท่านทำกระไร ท่านเป็นสตรี ช่วยสุภาพกว่านี้หน่อยได้หรือไม่ ข้าก็แค่...”เขายังมิทันกล่าวจบ ซ่างกวนอวิ๋นซีก็เหวี่ยงเขากระเด็นออกไปอย่างแรง ร่างของเขากระแทกเข้ากับหินก้อนใหญ่ข้างทางราวกับลูกปืนใหญ่โครม!เสียงดังสนั่น หินก้อนนั้นก็แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ในทันทีส่วนฉินซูนั้นราวกับกระดูกหักทั้งตัว นอนแผ่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดสุดขีด พยายามจะลุกแต่ก็ลุกมิขึ้น“องค์รัชทายาท!”กู้เสวี่ยเจี้ยนตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน รีบเข้าไปประคองฉินซูโบกมือแล้วกล่าวว่า “อย่า อย่าขยับตัวข้า เอวข้าเหมือนจะหัก”กู้เสวี่ยเจี้ยนร้อนใจจนแทบจะร้องไห้!นางหันไปตำหนิซ่างกวนอวิ๋นซีว่า “พวกเราจะกลับไปกับท่านอยู่แล้ว เหตุใดท่านต้องลงมือรุนแรงถึงเพียงนี้ ท่านมันโหดเหี้ยมทารุณ!”“เขาสามารถตบยอดฝีมือระดับสวรรค์ให้กลายเป็นหมอกเลือดได้ด้วยฝ่ามือเดียว แค่กระทบกระเทือนครั้งเดียว เจ้าเชื่อจริง ๆ หรือว่าเอวเขาจะหัก?”“หา? มิหักหรอกหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนงุนงงเล็กน้อยซ่างกวนอวิ๋นซีจ้องมองฉินซูด้วยสายตาเย็นชา “ข้าจะนับถึงสาม หากเจ้ามิ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 726

    จากนั้น ฉินซูก็พากู้เสวี่ยเจี้ยนควบม้าเร็วลงใต้มุ่งตรงไปยังทิศทางของต้าเหยียนมินานนัก ร่างอรชรก็ปรากฏตัวขึ้นที่นอกประตูเมืองหลวงจินหลิงทิศใต้อย่างเงียบเชียบนางสวมอาภรณ์บางเบา มีเพียงกระโปรงยาวสีม่วงตัวเดียว!ดูโดดเด่นเป็นพิเศษท่ามกลางสายลมเหมันต์ที่พัดโชยมานอกเมืองคนผู้นั้นคือเจ้าสำนักหอดารารักษ์ ซ่างกวนอวิ๋นซี!นางมองไปยังถนนหลวงอันไกลโพ้น กำลังจะออกตัวตามไปในเวลานั้นเองกลับได้ยินเสียงสนทนาของพ่อค้าสองสามคนที่อยู่ใกล้ ๆ โดยบังเอิญ“นี่ ๆ เจ้าหนุ่มเมื่อครู่นี้ ดูท่าทางเหมือนมาจากต้าเหยียนนา”“เหมือนกระไรกันเล่า? ฟังจากสำเนียงก็รู้ว่าเป็นคนต้าเหยียน!”“ว่าแต่เขาพาสาวงามราวบุปผาผู้นั้นหนีไปไหนกันนะ หรือว่ากำลังหลบหนีศัตรู?”“อาจจะเป็นเช่นนั้น แต่พวกเขาก็ฉลาดพอตัว ที่มิหนีไปตามถนนหลวง แต่กลับไปตามทางเล็ก ๆ หญ้ารกครึ้มทางนั้น สองข้างทางก็มีแต่พุ่มไม้ ศัตรูของพวกเขาคงหาตัวได้ยาก!”เมื่อได้ยินคำพูดดังนี้ ซ่างกวนอวิ๋นซีก็เผยรอยยิ้มเย็นเยียบแล้วมุ่งหน้าไปยังทางเล็ก ๆ ข้างทางหลังจากนางจากไปมินาน พ่อค้าเหล่านั้นก็ดื่มน้ำแล้วกล่าวอีกครั้ง“นี่ ๆ เจ้าหนุ่มเมื่อครู่นี้ ดูท่าทางเหมื

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 725

    "ว่ากระไรนะ?!?"สีหน้าของซ่างกวนอวิ๋นซีบิดเบี้ยวในทันใด!นางกัดฟันพูดว่า "เจ้าคนสารเลวนี่ ข้าว่าแล้วเชียว คิดว่ามีดีกระไรถึงได้กล้าฆ่าบุตรชายของอ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นใหญ่ มิหนำซ้ำยังกล้าท้าทายองค์จักรพรรดิอย่างเปิดเผย ที่แท้ก็ปัดสวะมาให้หอดารารักษ์ของเรา มันน่ารังเกียจยิ่งนัก!""ท่านเจ้าสำนัก แย่แล้ว องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดกับกู้เสวี่ยเจี้ยนออกจากเมืองไปแล้ว เกรงว่าจะหนีกลับต้าเหยียนไปแล้วขอรับ"ศิษย์คนหนึ่งของหอดารารักษ์รีบร้อนเข้ามาแจ้งข่าวสีหน้าของหานฉีและหลัวชางพลันมืดครึ้มลง"ท่านเจ้าสำนัก จะปล่อยเขาไปเช่นนี้มิได้นะขอรับ!""ใช่แล้ว พวกเราจะตามล้างตามเช็ดเรื่องวุ่นวายที่เขาก่อไว้มิได้นะขอรับ"หากมิใช่เพราะสู้มิไหว พวกเขาสองคนคงออกไปตามฉินซูนานแล้วซ่างกวนอวิ๋นซีส่งเสียงหึ "หึ สร้างความเดือดร้อนให้หอดารารักษ์ของข้าถึงขั้นนี้แล้วคิดจะสะบัดก้นหนีไปง่าย ๆ อย่างนั้นรึ? ฝันไปเถอะ!"ทันทีที่สิ้นเสียง นางก็หายตัวไปจากตรงนั้นหานฉีและหลัวชางต่างก็ชินเรื่องเช่นนี้เสียแล้วด้านนอกประตูทางทิศใต้ของเมืองหลวงจินหลิง ฉินซูและกู้เสวี่ยเจี้ยนขี่ม้าห้อตะบึงไปตลอดทางมินานนัก พวกเขาก็มาถ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 724

    ฉินซูไพล่สองมือไว้ด้านหลังพร้อมกล่าวอย่างองอาจว่า “ข้าคือบุตรแห่งนักปราชญ์คนใหม่แห่งหอดารารักษ์! จากนี้ไป หากพวกเจ้าได้รับความอยุติธรรมใด ๆ ที่ราชสำนักมิกล้าจัดการ ก็มายังหอดารารักษ์ได้ หอดารารักษ์จะจัดการให้พวกเจ้าเอง!”ผู้คนจึงได้ตระหนักในทันที!“อ้า! ที่แท้ก็คือบุตรแห่งนักปราชญ์คนใหม่แห่งหอดารารักษ์ มิน่าเล่าถึงได้องอาจเพียงนี้!”“คิดดูแล้วก็จริง ท่านเจ้าสำนักหอดารารักษ์มีฐานะสูงส่ง แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังมิกล้าแสดงท่าทีต่อหน้า ดังนั้นผู้ที่กล้าจัดการเรื่องนี้ได้ก็มีเพียงหอดารารักษ์เท่านั้น”“หอดารารักษ์ช่างเกรียงไกร ลงมือสังหารเจ้าหยวนหัว เจ้าคนสารเลวที่สมควรตายสักพันครั้ง นับว่าขจัดภัยให้แก่ราษฎรแล้ว”มีผู้หนึ่งกล่าวด้วยความกังวลใจว่า “แต่… หยวนหัวเป็นบุตรชายของอ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นใหญ่ บัดนี้เขาตายในเมืองหลวงเป่ยเยี่ยนของเรา อ๋องเซียงหยางคงมิยอมปล่อยผ่านเป็นแน่!”“ใช่แล้ว หากถึงเวลานั้นเขานำทัพใหญ่มาประชิดเมือง คนที่ซวยจะมิใช่พวกชาวบ้านตาดำ ๆ อย่างพวกเราหรอกหรือ?”“เฮ้อ ครานี้หอดารารักษ์มุทะลุเสียจริง”“นั่นสิ ลงโทษเพียงเล็กน้อยก็พอแล้ว เหตุใดจึงต้องลงมือถึงตายด้วยเล่า”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 723

    เมื่อเขาเห็นว่าโฉวหู่บาดเจ็บสาหัส นอกเหนือจากความตกใจแล้วในใจก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นกู้เสวี่ยเจี้ยนกล่าวเสียงเบาว่า “คนผู้นี้มีนามว่าหยวนหัว เป็นบุตรชายของอ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นฉี มีนิสัยจองหอง ช่วงหลายวันมานี้ ในเมืองหลวงเป่ยเยี่ยนมีสตรีมากมายถูกเขาย่ำยี แม้แต่บุตรีของขุนนางเป่ยเยี่ยนก็ยังมิรอดพ้น”ฉินซูขมวดคิ้วเล็กน้อย มองสำรวจหยวนหัวแล้วกล่าวอย่างสนใจว่า “กล้าแสดงความโอหังเช่นนี้ใต้ฝ่าพระบาทจักรพรรดิแห่งเป่ยเยี่ยน ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจในอำนาจของตนมากสิท่า หรือว่ามู่หรงเซี่ยวเทียนเองก็ตามใจเจ้าด้วย?”“หึ เรื่องของข้า จักรพรรดิแคว้นเล็ก ๆ อย่างเขามิบังอาจเข้ามายุ่งเกี่ยว เจ้ากลับทำร้ายผู้คุ้มกันของข้า รีบคุกเข่าโขกหัวคำนับแล้วหักแขนทั้งสองข้างของเจ้าเสีย หากข้าอารมณ์ดี บางทีอาจจะไว้ชีวิตชั้นต่ำของเจ้าก็ได้!”หยวนหัวจ้องมองฉินซูอย่างหยิ่งยโสฉินซูกลับยิ้มโดยมิกล่าวสิ่งใด และมองหยวนหัวราวกับมองคนโง่สีหน้าของหยวนหัวพลันมืดครึ้มลง ตวาดถามว่า “เจ้ามองหาปะไร?”“มองคนโง่น่ะสิ!”“เจ้า!!” หยวนหัวกัดฟันกรอดด้วยโทสะ หากมิใช่ว่าสู้มิได้ ป่านนี้เขาคงลงมือสั่งสอนฉินซูไปแล้วในเวลานั้นเอง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 722

    “ปล่อยข้า!”กู้เสวี่ยเจี้ยนกรีดร้องเสียงแหลม พยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมแต่ก็ไร้ผล เมื่ออยู่ในเงื้อมมือของโฉวหู่ นางก็มิอาจหมุนเวียนปราณบริสุทธิ์ภายในได้นางตกใจจนหน้าถอดสี ในใจร้อนรนยิ่งนักหยวนหัวยิ้มเยาะแล้วเดินเข้ามา “หึ นางสารเลว เจ้าบังอาจตบข้า รอให้ข้าผู้นี้เบื่อหน่ายเสียก่อน จะจับเจ้าไปขายยังหอคณิกาให้เจ้าต้องอยู่อย่างทรมานทั้งเป็น ฮ่า ๆ ๆ !”กู้เสวี่ยเจี้ยนรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที ยามนี้เรียกได้ว่าเรียกฟ้าฟ้ามิตอบ เรียกดินดินมิขานผู้คนที่มุงดูอยู่รอบข้างมิกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวหยวนหัวเชิดหน้าขึ้นอย่างยโส “โฉวหู่ ผนึกเส้นปราณของนางเสีย แล้วพาขึ้นไปชั้นบนของโรงเตี๊ยม ตัวข้าจะไปหากระไรรองท้องเสียก่อน แล้วค่อยไปดูแลนางให้ทีหลัง!”“น้อมรับบัญชา!”โฉวหู่ลงมือสกัดจุดเส้นปราณของกู้เสวี่ยเจี้ยนแล้วลากนางไปยังโรงเตี๊ยมที่มิไกลออกไปส่วนหยวนหัวก็ตะโกนไปยังแผงขายของกินข้างทางว่า “มองกระไรกันนักหนา มิอยากตายก็รีบไปย่างน่องไก่มาให้ข้าสองน่อง กินอิ่มแล้วตัวข้ายังมีธุระสำคัญต้องไปทำ!”เถ้าแก่แผงขายของกินได้ยินดังนั้นก็รีบจัดแจงทันทีผู้คนที่เดินผ่านไปมามองดูกู้เสวี่ยเจี้ยนที่ถ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 721

    หลัวชางคารวะแล้วหมุนตัวเดินออกไปทางด้านของกู้เสวี่ยเจี้ยนยามนี้นางได้มาถึงบนท้องถนนแล้วหิมะที่ตกเมื่อคืนยังละลายมิหมด แต่บนถนนยังมีผู้คนสัญจรไปมามิน้อยเมื่อมองไปยังแผงลอยริมทางที่มีของแปลกใหม่ต่าง ๆ นางก็สำรวจดูไปทั่วราวกับเด็กน้อยช่างสงสัยสายตาของผู้คนเดินเท้าที่มองมายังนางนั้นล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจกู้เสวี่ยเจี้ยนสังเกตเห็นสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นางจึงถามพ่อค้าคนหนึ่งว่า “ท่านลุง เหตุใดผู้คนเหล่านี้จึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น? หรือว่าหน้าข้ามีสิ่งใดติดอยู่หรือ?”พ่อค้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “แม่นาง ท่านมิได้สังเกตหรือว่าบนถนนสายนี้มีเพียงท่านที่เป็นหญิงสาว?”เมื่อได้ยินดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนจึงมองไปรอบ ๆ อย่างพินิจพิเคราะห์จากนั้นก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าผู้คนที่เดินขวักไขว่บนถนนเส้นนั้น ล้วนเป็นบุรุษและสตรีสูงวัยนางถามด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านลุง หรือว่าเป่ยเยี่ยนของพวกท่านมีกฎว่าหญิงสาวห้ามออกนอกบ้าน?”“มิใช่เช่นนั้น แต่หลายวันมานี้ในเมืองมีหญิงถูกฉุดคร่าไปอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นหญิงสาวในเมืองจึงเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านกัน แม่นาง ข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 720

    เมื่อหลิวเฟิงกล่าวจบ ก็หันไปกล่าวกับมู่หรงเซี่ยวเทียนอีกว่า “ฝ่าบาท หากทรงกังวลเรื่องเหล่าองค์หญิง เหตุใดจึงไม่มีรับสั่งให้เหล่าพระนางเก็บตัวอยู่แต่ในวัง เช่นนั้นแล้วย่อมมิเป็นที่ต้องตาคุณชายหยวนแล้วส่วนเรื่องบุตรสาวของใต้เท้าเจิ้ง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามชะตาลิขิต จะให้เป่ยเยี่ยนทั้งแผ่นดินต้องมารับเคราะห์กรรมจากโทสะของอ๋องเซียงหยางเพียงเพราะคนคนเดียวนั้นย่อมมิสมควร”เจิ้งหยวนโกรธจนแทบกระอักเลือด ตะโกนว่า “หลิวเฟิง เจ้า...”ยังมิทันกล่าวจบ มู่หรงเซี่ยวเทียนก็โบกมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ขุนนางเจิ้ง สิ่งที่เสนาบดีหลิวกล่าวมาก็ใช่ว่าไร้เหตุผล เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ปล่อยให้เป็นไปเสียเถิด”“ฝ่าบาท...”“มิต้องพูดมาก หากเลวร้ายที่สุด ข้าจะประหารผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเสีย เช่นนั้นแล้วชื่อเสียงของบุตรสาวเจ้าก็จะมิเสียหาย คุณชายหยวนก็เพียงแค่ต้องการความแปลกใหม่ คงมิได้คิดจะทำร้ายบุตรสาวเจ้า”เจิ้งหยวนถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความจนใจแล้วค้อมกายถอยออกไปมู่หรงเซี่ยวเทียนเองอัดอั้นตันใจยิ่งนัก การกระทำเช่นนี้มิใช่ความต้องการของเขา แต่เพื่อเห็นแก่ส่วนรวมแล้ว เขาจึงจำต้องทำเช่นนี้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status