ผู้อำนวยการแผนกบัญชีอย่างศักดิ์สยามยักยอกเงินบริษัทในเครือของธามเอนเตอร์ไพรซ์อยู่เกือบปี จนวันที่ถูกจับได้ แต่เขาไม่เอ่ยชื่อไข่มุกออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาจะไม่มีวันพูดอะไรให้ผู้หญิงที่เขารักต้องแปดเปื้อนหรือโดนร่างแห
ด้วยความซื่อสัตย์และภักดีนี้ ศักดิ์สยามเองก็เชื่อว่าไข่มุกจะต้องเห็นใจเขาและเธอก็คงพยายามหาทางช่วยเขาอยู่เช่นกัน เพราะไข่มุกก็รู้ดีว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เขายักยอกมานั้น เขามอบให้ไข่มุกทั้งหมด ไม่เคยนำมาใช้เพื่อบำรุงบำเรอตัวเองเลยแม้แต่บาทเดียว
"ตาลวางใจเถอะ พี่อยู่ในนี้แค่ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ได้ประกันตัวแล้ว”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ จนป่านนี้แล้วทำไมคุณเพิร์ลของพี่ถึงยังไม่ส่งทนายมาอีก”
“เราจะรู้อะไรล่ะ กฎหมายก็มีขั้นตอนของเขา พี่ถึงได้บอกเราว่าอย่ามาที่นี่ พี่ไม่อยากให้เราเห็นพี่ในสภาพนี้ ทำไมไม่เชื่อฟังกันบ้าง”
“ก็ตาลมีพี่ต้นแค่คนเดียว เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง พี่ต้นจะห้ามไม่ให้ตาลมาได้ยังไงกัน ไม่รู้ล่ะ ตาลจะอยู่รอที่นี่จนกว่าคุณเพิร์ลกับทนายจะมาประกันตัวพี่ออกไป”
“ไม่ได้เด็ดขาด!!!” ศักดิ์สยามเสียงแข็งกับน้องสาวทันที
“อย่าทำให้พี่เป็นห่วงมากกว่านี้ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เราจะมานั่งเล่นนอนเล่นนะ”
“ทำไมจะอยู่ไม่ได้ นี่โรงพักนะ มีตำรวจปลอดภัยที่สุดแล้ว”
“โถ่ตาล พี่ขอร้องล่ะ อย่าทำให้พี่กังวลไปมากกว่านี้อีกเลย กลับไปอยู่ที่หอ อยู่กับเพื่อน ๆ ระมัดระวังตัว แล้วพี่จะกลับไปหาเราเอง"
ศีตลาส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างดื้อดึง น้ำตาพาจะไหลออกมาอีก
"เชื่อพี่เถอะ พี่ขอร้อง... อย่าลืมสิว่านี่เป็นแค่คดีแพ่ง พี่ไม่ได้ฆ่าใครตาย ไม่ต้องห่วงหรอกว่าพี่จะไม่ได้ออกไป”
นายร้อยเวรที่เดินมาได้ยินพอดี ถอนหายใจเบา สงสารเด็กสาว ๆ ในชุดนักศึกษาที่ต้องมานั่งเกาะลูกกรงร้องห่มร้องไห้ให้คนที่อยู่ด้านใน
"น้อง เชื่อพี่ชายเขาเถอะ น้องกลับไปก่อน เดี๋ยวบริษัทเขาก็ส่งทนายมาประกันตัวให้ออกไปสู้คดีกันข้างนอก..."
"พี่ชายหนูจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ"
ดวงตากลมเศร้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเงยหน้าขึ้นถามนายตำรวจที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับพี่ชายของเธอคือประมาณสามสิบปี นายร้อยเวรพยักหน้ายืนยันว่าพี่ชายของเธอจะปลอดภัย ศีตลาจึงยอมแพ้เพราะอยู่ไปก็มีแต่จะทำให้ศักดิ์สยามเป็นห่วงและเธอเองก็ช่วยอะไรในเรื่องคดีไม่ได้
“ก็ได้...ตาลจะกลับก่อน แต่พี่ต้นต้องรีบกลับมาหาน้องนะ
“แน่นอนสิ เชื่อพี่เถอะ คุณเพิร์ลไม่ยอมให้พี่อยู่ในนี้นานหรอก”
ศักดิ์สยามส่งยิ้มให้น้องสาวอย่างมีกำลังใจ และมองดูศีตลาเดินลงจากสถานีตำรวจไปด้วยแววตาห่วงใย เขาไม่ได้แค่พูดเพื่อให้น้องสาวยอมกลับ แต่เพราะเขาเชื่อจริง ๆ ว่าคงอีกไม่กี่นาทีนี้หรอกที่ไข่มุกผู้เป็นยอดดวงใจของเขาจะมาปรากฏตัวพร้อมกับทนายและพาเขาออกจากห้องขังที่น่าหดหู่นี้สักที
* * * * *
"อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะเพิร์ล ว่าที่ศักดิ์สยามกล้าทำเรื่องแบบนี้เป็นเพราะมีคุณหนุนหลังอยู่”
ธามเอ่ยเสียงเครียดกับภรรยาของเขา เวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่ไข่มุกยังนั่งใจเย็นอยู่ในห้องนั่งเล่นภายในคฤหาสน์ หญิงสาวจ้า่งช่างทำเล็บมาทำเล็บมือเล็บเท้าถึงที่บ้าน เมื่อธามเดินปึงปังเข้ามา หญิงสาวก็โบกมือให้ช่างทั้งสองคนกับแม่บ้านออกไปรอข้างนอกก่อน
เมื่ออยู่กันตามลำพังเธอก็เงยหน้ามองสามี สีหน้าเรียบเฉย
“รู้แล้วยังไง คุณจะจับฉันเข้าคุกด้วยอีกคนอย่างนั้นหรือ”
“ผมคงทำไม่ได้หรอก ไม่ใช่เพราะเห็นใจคุณ แต่เพราะรู้ดีว่าคนอย่างคุณคงไม่มีทางทิ้งหลักฐานให้ตัวเองเดือดร้อนแน่ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณทำอย่างนี้ทำไมเพิร์ล เงินทองไม่ใช่ปัญหาของคุณอยู่แล้ว คุณทำเพื่อจะเอาคืนผมใช่ไหม”
ธามน้ำเสียงเย็นลงแล้ว แต่สีหน้ายังคงบึ้งตึ้ง ไข่มุกยิ้ม จ้องมองสามีด้วยดวงตาวาววาม
“เอาคืนงั้นหรือคะ? แสดงว่าคุณก็รู้ว่าคุณทำอะไรฉันไว้คุณถึงได้ใช้คำว่าเอาคืน”
“ผมไม่เคยทำผิดอะไรต่อคุณ คุณก็รู้ดี แม้คุณจะไม่ยอมทำหน้าที่ภรรยาให้กับผม ผมก็ยังไม่คิดจะโกรธคุณ”
“ไม่โกรธแต่ก็เลิกทำตัวเป็นสามีของฉัน! ถ้าคิดจะทำอย่างนั้นทำไมไม่ฟ้องหย่ากับฉันให้มันสิ้นเรื่อง”
“คุณก็รู้ว่าสำหรับผม ผมไม่ขัดข้องเลยสักนิดเดียว”
ชายหนุ่มเอ่ย...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบอกเธอว่าพร้อมจะเซ็นใบหย่า แต่การพูดมันออกมาอีกครั้งทำให้ไข่มุกคว้าแจกันใกล้มือแล้วปาออกไปด้วยความโกรธทันที เศษแก้วและดอกไม้เกลื่อนกระจายแต่ธามยังยืนเฉย
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกอีกเหมือนกันที่ภรรยาของเขาแสดงอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรงออกมาแบบนี้
“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะธาม ถ้าฉันอยากจะหย่ากับคุณขึ้นมาจริง ๆ แม่คุณนั่นแหละที่จะไม่ยอม”
“ถ้าผมฟ้องหย่าคุณ คุณก็ต้องเสียหายเหมือนกัน นั่นคือเหตุผลที่ผมยังไม่ทำ”
ชายหนุ่มวัยเกือบสามสิบห้าโต้ตอบอย่างไม่ลดละ เวลาในชีวิตสมรสที่ผ่านไป ทำให้เขาหมดความเกรงใจไปทุกที โดยเฉพาะเมื่อคนตรงหน้านี้คือผู้หญิงอย่างไข่มุก
ถ้าไม่เพราะแม่ของเขาอยากได้บารมีทางการเมืองของพ่อตามาเสริมเขี้ยวเล็บทางธุรกิจให้ตระกูล...พลโทเขมราชกับคุณหญิงพลอยสี ศศินทร์เดชา เองก็พอใจที่จะได้นักธุรกิจหนุ่มจากตระกูลมหาเศรษฐีหมื่นล้านไปเป็นเขย การแต่งงานระหว่าง ธาม ธนกิจ และ ไข่มุก ศศินทร์เดชา ก็คงไม่มีทางเกิด
ความจริงคือ ธามและไข่มุกไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันมาก่อน ทั้งคู่แค่อยู่ในสังคมระดับเดียวกัน รู้จักกันผ่านเครือข่ายของวงศ์ตระกูลและผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย
ตอนนั้นไข่มุกเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ เป็นลูกสาวนายพลที่เนื้อหอมเหมือนกุหลาบที่มีผีเสื้อและภู่ผึ้งรุมตอมไม่ได้ขาด แต่ด้วยสายสัมพันธ์อันดีของนางธัญญา ธนกิจ กับท่านนายพล ธามจึงเบียดแซงทุกคนก้าวไปอยู่ในตำแหน่งที่ตอนนั้นมีผู้ชายหลายคนได้แต่อิจฉา
แม้ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก แต่ธามก็อยากสร้างครอบครัวกับไข่มุกจากใจจริง ชายหนุ่มอย่างธามรู้ดีว่าลูกสาวท่านนายพล...คุณเพิร์ล...มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทุกประการที่จะมาเป็นภรรยาของเขา เธอชาติตระกูลดี การศึกษาสูง รูปร่างหน้าตาก็สวย มีเสน่ห์ เข้าสังคมเก่ง เหมาะจะมาเป็นคู่ชีวิตที่จะสนับสนุนเขาให้ก้าวไปข้างหน้า และเขาก็รู้ว่าตัวเองสามารถเป็นสามีที่ดีพร้อมให้เธอได้ด้วย
ด้วยความเหมาะสมทั้งหมดทั้งปวงนั้น และตัวเขาเองไม่มีคนรักหรือพันธะใด ๆ กับใคร จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ธามจะปฏิเสธการแต่งงานที่ผู้ใหญ่เห็นชอบครั้งนี้
งานแต่งระดับงานช้างเพราะทั้งสองครอบครัวล้วนมีหน้ามีตาในวงการของตัวเอง บ่าวสาวเหมาะสมกันราวกับพระเจ้าจงใจปั้นให้เกิดมายืนคู่กัน...
น่าขันที่เมื่อธามมองกลับไป เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ชีวิตคู่ กลับถูกหลงลืมและไม่เคยถูกหยิบยกมาพูดกันก่อนแต่งงานเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ทิ...พี่อยากมีลูกกับพี่ทิม"ทิพย์ลาวัณย์กำลังนั่งก้มหน้าอ่านหน้าประกาศสมัครงานในหนังสือพิมพ์บ้าน...ก็อยู่อาศัยกับพี่อยู่แล้ว เรื่องงาน...จึงอยากจะหาทางให้ได้ด้วยตัวเองก่อน แม้ครอบครัวของสามีพี่สาวจะมีบริษัทใหญ่โต สามารถรับน้องภรรยาเข้าทำงานได้ทันทีโดยไม่เกี่ยงงอน "พี่ธัญว่ายังไงนะคะ""พี่บอกว่า..." ธัญญาถอนหายใจเล็กน้อย เหม่อมองไปทางอื่น "บอกว่าอยากมีลูกกับทิม"ทิพย์ลาวัณย์อึ้งไป ใจเต้นตึกตักอย่างรู้สึกผิด 'ก็เพราะเราเอง...พี่ธัญถึงมีลูกไม่ได้...' ทิพย์ลาวัณย์รู้สึกเช่นนี้มาตลอดเธอจึงได้แต่นิ่งเงียบ ไม่รู้จะเอ่ยอะไรธัญญาก็พูดไว้แค่นั้น แล้วก็หันไปสนใจเรื่องอื่นต่อ ทิพย์ลาวัณย์จึงไม่กล้าถามอะไรอีกอีกหลายวันต่อมา ธัญญาที่เข้าไปทำงานบริษัทของธนดลแล้ว ชวนลูกพี่ลูกน้องไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันแถวบริษัท หญิงสาวคนน้องรับปากทันทีเพราะเธอก็ยังไม่มีธุระที่ไหน จดหมายสมัครงานที่ส่งไปก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลยสักที่ธัญญาในมาดนักบริหารหญิงดูสวยสง่า ทั้งที่อายุยังไม่ถึงสามสิบแต่กลับฉายแววผู้นำที่ทำให้คนต้องเชื่อถือ จนบางครั้งพนักงานบริษัทยังแอบคุยกันลับหลังว่า สะใภ้อย่างคุณธัญญา ดูน่าเกร
"แม่... ผมเห็นแม่มาเมืองไทยตั้งเกือบเดือนแล้ว ยังไม่เห็นแม่ออกไปทำธุระที่ไหนจริง ๆ จัง ๆ เลย"อีแวนถามขึ้นมาระหว่างมื้อเช้าที่โรงแรมในมื้อหนึ่งตัวเขานั้น ออกไปท่องเที่ยวทุกวัน ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ แต่ยังเลยไปพัทยา อยุธยา สุโขทัย และจังหวัดใกล้เคียง และสัปดาห์หน้ากับสัปดาห์ต่อ ๆ ไปเขาเพิ่งจองตั๋วเครื่องบินจะไปเที่ยวเชียงใหม่ และภูเก็ตตามลำดับแต่เมื่อถามคนเป็นแม่ ก็บอกแค่ว่านั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือ ทำเล็บ เข้าร้านนวด วนอยู่แค่นี้เอง"หรือคนที่แม่บอกว่าจะมาเจอ เขาไม่ว่างหรือฮะ""เขาก็ยุ่ง ๆ จ้ะ แต่ก็ได้เจอกันแล้ว ลูกไม่รู้เองเพราะลูกไม่อยู่ไง""อ้าวเหรอ" เด็กหนุ่มสวาปามครัวซองต์กับไข่คนไปอีกคำใหญ่ ๆ จนคนเป็นแม่ต้องส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วเตือนให้กินช้า ๆ ประเดี๋ยวจะติดคอ"ตกลงแม่มีธุระอะไรกับใคร ทำไมผมถามแล้วไม่ตอบสักที หรือว่าแม่แอบมีความลับอะไรที่ไม่อยากให้พ่อรู้""ฟังพูดเข้า หาเรื่องใส่ร้ายแม่หรือไงกันจ๊ะ"ทิพย์ลาวัณย์เอ่ยขำ ๆเธอหันมองออกไปรอบ ๆ ตอนเช้ามีแขกของโรงแรมลงมาใช้บริการห้องอาหารค่อนข้างพลุกพล่าน แสดงว่ากิจการที่นี่น่าจะไปได้ดี เธอนึกเป็นห่วงไปตามประสา และจู่ ๆ ก็นึกถึงบิดามา
"คุณผู้หญิงจะไปไหนอีกหรือคะ...ไปเที่ยวเมืองนอกหรือคะ"ก้อยถามคนเป็นนายระหว่างที่คอยช่วยหยิบนั่นหยิบนี่ให้ ไข่มุกกำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทาง เวลาปกติเธอคงไล่ก้อยไปพ้น ๆ โทษฐานที่เกะกะแต่วันนี้กลับใจหายแปลก ๆ เลยยอมให้เด็กรับใช้คนสนิทค่อยช่วยอยู่ข้าง ๆ"ไม่รู้ จะไปไหนก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ บ้านหลังนี้มีแต่คนไม่ปกติ"ก้อยเกือบหลุดปากออกไปแล้วตามประสาคนปากเปราะว่า...เพิ่งรู้หรือคะ แต่โชคดีที่ฮึ้บไว้ทันกระนั้นก็ยังอดทนหน้าจ๋อยไม่ได้"ถ้าไม่ไปเที่ยวเมืองนอก ให้ก้อยไปด้วยได้ไหมคะ ก้อยจะได้ดูแลคุณผู้หญิง""จะมาดูแลฉันทำไม อีกอย่าง ฉันไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินเดือนแกนะนังก้อย..."ไข่มุกหยุดเก็บของชั่วคราว หันมามองหน้าคนสนิทให้ชัด ๆ ยกมือเท้าสะเอวแล้วก็ถอนหายใจ"รู้ใช่ไหมว่าเงินเดือนที่แกได้ตั้งแต่เดือนแรกจนถึงเดือนนี้ เป็นเงินผัวฉัน ไม่ใช่เงินฉัน""ก้อยไม่รู้หรอกค่ะ"เด็กสาวบอกตามตรง"เพราะสำหรับก้อย จะเงินคุณผู้หญิงหรือคุณธาม ก็เงินเจ้านายเหมือนกัน ก็คุณผู้หญิงเป็นเมีย...เอ๊ย เป็น พันละยาของคุณธามนี่คะ"ไข่มุกถอนหายใจยาวกว่าเดิม ทรุดนั่งขอบเตียงอย่างหมดแรง ก่อนจะกวักมือเรียกก
เสียงมีดกระทบจานดังแผ่วคลอกับเสียงดนตรีบรรเลงภายในร้านธามกับไข่มุกฝืนกินอาหารตรงหน้าอย่างแทบไม่รู้รสหากไม่ใช่เพราะมีเรื่องกังวลใจ ก็คงจะได้กำซาบรสชาติเลิศล้ำมากกว่านี้“กินเยอะ ๆ หนูเพิร์ล หน้าตาซีดเซียวอย่างกับคนขาดสารอาหาร”ธัญญาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ไม่ได้เผื่อแผ่ไปถึงดวงตาไข่มุกฝืดคอขึ้นมาทันที “ค่ะ...” ก่อนจะรีบหยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบธามไม่พูดอะไร แค่เคี้ยวเนื้อในปากช้า ๆรอคอยอย่างอดทนให้แม่ของเขาเอ่ยเรื่องที่ตั้งใจจะเอ่ยออกมาสักที“คนจะเป็นแม่คน ต้องบำรุงให้มาก อย่ามัวแต่กลัวอ้วน... ผู้หญิงท้องแรกยิ่งต้องกินให้พอ”มือที่กำลังวางแก้วไวน์ลงชะงักทันทีไข่มุกเงยหน้าสบตาธาม เหมือนต้องการขอความช่วยเหลือ ทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนเธอเพิ่งเป็นคนส่งสายตาเตือนเขา"คุณแม่ครับ ผมว่าเราเลิกทำสงครามประสาทกันเถอะครับ"ในที่สุดธามก็เอ่ยออกมาเรียบ ๆแต่กลับทำให้ดวงตาของคุณหญิงธัญญาเปล่งประกายวาบขึ้นเหมือนมีคนราดน้ำมันบนกองไฟ"แก...ลูกกำลังบอกว่าแม่ทำสงครามประสาทกับลูกอยู่อย่างนั้นหรือ"ถ้าไม่ใช่ในห้องอาหาร ธามแน่ใจว่าแม่ของเขาคงทุบโต๊ะแล้วเอ็ดเขาไปแล้วเขาหันไปสบตามารดาอย่างขอร้อง ธามไม่เคยค
รถที่พุ่งไปทางหน้าผานั้นทะลุแผงกั้นออกไปแต่เดชะบุญที่ด้านล่างเพียงสามเมตรมีกิ่งไม้ใหญ่หลายกิ่งรองรับไว้ กระนั้นรถก็ยังพังยับเยิน ทั้งคู่บาดเจ็บ ทิพย์ลาวัณย์แขนหัก กระดูกซี่โครงหัก หัวแตกปากแตกและเจ็บตามร่างกายอีกหลายแผลแม้จะรอดตายราวปาฏิหาริย์ แต่เด็กสาวคนน้องก็เอาแต่นอนร้องไห้กรีดร้องอย่างตื่นตระหนกจนหมอต้องฉีดยาให้นอนหลับไปแต่คนที่สาหัสกว่าคือคนพี่ ธัญญาถูกพบหมดสติ เลือดท่วม และถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดอยู่นับสิบชั่วโมงสามเดือนต่อมา ธัญญาจึงออกจากโรงพยาบาล และร่างกายก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูขึ้นตามลำดับแต่สิ่งหนึ่งที่เป็นผลกระทบจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นก็คือ... มดลูกของเธอเสียหายจากแรงกระแทก หมอต้องตัดทิ้งเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่ออวัยวะอื่น ๆ...พูดอีกอย่างก็คือ ธัญญาจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้* * * * * อาหารเย็นวันนี้ ธัญญาสั่งให้ลูกชายลูกสะใภ้มาร่วมโต๊ะกันที่ภัตตาคารอาหารตะวันตกย่านฝั่งธน เมื่อเป็นการนัดกินข้าวนอกบ้านอีกครั้ง ธามและไข่มุกก็รู้แล้วว่าหนนี้มารดาจะต้องพูดเรื่องที่ไข่มุกจะต้องตั้งท้องอย่างเด็ดขาดเพราะวันก่อน ปีขาลเพิ่งโทรมา เขาบอกว่าคนจากสำนักงานใหญ่ของธามเอนเตอร์ไพรซ์ต้อ
ธัญญากำลังอยู่ในห้องทำงาน เพิ่งเซ็นเอกสารฉบับสุดท้ายของเช้านี้เสร็จเรียบร้อย เลขาฯ รวบแฟ้มกลับไปแล้วกำลังจะเดินออกจากห้องทำงานตอนที่วีณาเคาะประตูพอดี "เชิญเลยค่ะคุณวีณา เมื่อสักครู่ท่านประธานถามหาพอดีเลยค่ะ" เลขานุการบอกด้วยรอยยิ้ม ทราบกันดีว่าวีณาคือคนที่คอยเป็นมือเป็นไม้ให้ท่านประธานในทุกเรื่องที่นอกเหนือจากเรื่องงาน วีณารอจนเลขาฯ กลับออกไป หญิงสาวปิดประตูให้เรียบร้อยแล้วเดินมาหาธัญญาที่ยังนั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ "มีอะไรหรือ" คนเป็นนายถามเพราะดูจากสีหน้า ผู้ช่วยคนสนิทคงมีอะไรจะรายงาน "เมื่อสักครู่คุชัชวาลโทรมาค่ะ ให้ดิฉันโทรกลับให้เลยไหมคะ" ชัชวาล... หนึ่งในคนที่ทำงานให้ธัญญามาเกือบยี่สิบปี เป็นคนเก่งและมีความภักดีอย่างที่สุด บริษัทรักษาความปลอดภัยชั้นน้ำที่ชัชวาลเป็นเจ้าของอยู่ก็เป็นธัญญาที่ออกเงินทุนตั้งต้นให้ ในแต่ละปี ชัชวาลจะมาพบเธอในช่วงปีใหม่ สงกรานต์ กับวันเกิดของธัญญาเท่านั้น การที่จู่ ๆ เขาติดต่อมาแบบนี้คงเพราะมีอะไรสำคัญอย่างแน่นอน "อืม โทรกลับไปซิ" วีณารีบทำตามที่บอก เธอกดโทรศัพท์ส่วนตัวแล้วส่งให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินกลับออกไปรอนอกห้องอย่างรู้หน้าที่ สัญญาณ