เซียวหลันยวนไม่ต้องการให้ฟู่จาวหนิงเล่าออกมาอย่างละเอียด"หนิงหนิง ข้ารู้แค่คร่าวๆ ก็พอแล้ว ตอนนี้เจ้าไม่ต้องเปลืองความคิดมากนัก ถึงยังไงก็มีเด็กน้อยสองคนคอยก่อกวนเจ้าอยู่นะ"เซียวหลันยวนพลิกกลับมากุมมือนาง บอกนางว่า "พวกเรายังมีชีวิตอีกยาวนาน หลังจากนี้ถ้ามีเวลาว่าง ตอนที่เจ้าอยากจะเล่าก็ค่อยเล่าให้ข้าฟังทีละนิดก็ได้"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าจนป่านนี้แล้ว เขาก็ยังควบคุมความอยากรู้อยากเห็นไว้ได้ขนาดนี้แต่นิสัยที่ไม่ชอบขุดคุ้ยของเขา ก็ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายได้จริงๆเอาจริงๆ ถ้าจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจน เล่ากันหลายวันหลายคืนก็อาจจะไม่จบและความอยากรู้อยากเห็นของเขาก็มีมากด้วย พอได้ยินนางพูดอะไรก็จะถามซักไซ้ คาดว่าคงจะมีคำถามอยู่นับไม่ถ้วนเลยทีเดียว"แต่ว่ามีจุดนึง หนิงหนิงจะบอกข้าให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม?""อะไรหรือ?""หนิงหนิงมีทักษะรักษาชีวิตตัวเองในในช่วงอันตรายใช่หรือเปล่า?" เซียวหลันยวนอันที่จริงอยากรู้จุดนี้มากที่สุดฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป พยักหน้าให้ทันที"ใช่แล้ว"นางตอบกลับอย่างชัดเจน"ดังนั้นข้าจึงบอกกับท่านเสมอ ว่าไม่ต้องกังวลตัวข้า ข้ามีวิธีปกป้องตนเองอยู่""เช่นน
"ถังอู๋เจวี้ยน กลับมา"ฟู่จาวหนิงเรียกถังอู๋เจวี้ยนเอาไว้ทันทีและพอนางส่งเสียง ถังอู๋เจวี้ยนก็แทบจะไม่มีชะงัก ถอยตัวกลับมาทันที"ถอยออกไป"ฟู่จาวหนิงจับมือเซียวหลันยวน เซียวหลันยวนพอเห็นนางเหมือนจะตึงเครียดหน่อยๆ ก็ประคองนางถอยออกไปด้านนอกทันที พวกถังอู๋เจวี้ยนเองก็ถอยตามออกไปด้วย"กลับมา ปัง!"ด้านใน เสียงของเจ้าลัทธิฝั่งขวายังไม่ทันพูดจบ ร่างเขาทั้งร่างก็ระเบิดออก ของสีเขียวดำมากมายพุ่งออกมาจากร่างกายเขา กระเด็นไปทุกทิศทุกทาง และในอากาศก็ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งรุนแรงขึ้นมาชั่วพริบตาดีที่พวกฟู่จาวหนิงถอยออกมาแล้ว ถังอู๋เจวี้ยนเองก็ปิดประตูทันที ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงยังอยู่รอดปลอดภัย บนตัวสะอาดหมดจดสีหน้าพวกเขาล้วนปั้นยากขึ้นมา"เจ้าลัทธิฝั่งขวาคนนี้ มิน่าจึงแทบไม่ต่อต้านเลย มีอะไรก็พูดออกมาหมด เพื่อทำให้เราไม่ระวังตัวเขามากเกินไป""เขาน่าจะคิดว่าตอนสุดท้าย จะอย่างไรก็คงไม่มีโอกาสหนีพ้นจากเงื้อมมือพวกเราได้ เลยคิดจะลากพวกเราให้ตายไปพร้อมกันด้วย"ถังอู๋เจวี้ยนมองไปทางฟู่จาวหนิงอย่างกังวล "แต่เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?"นางเป็นคนที่ใกล้จะคลอดแล้ว เสียงดังเมื่อครู่นี้ คงไม่ได้ทำให
เจ้าลัทธิฝั่งขวาพูดมามากขนาดนั้น ว่าจะทำให้เขาตายอย่างนั้นอย่างนี้ เขาก็ยังไม่โกรธมากขนาดนี้แต่ตอนนี้พอได้ยินว่าพวกเขาคิดจะสังหารจาวหนิง อารมณ์ของเขาก็ควบคุมไม่ค่อยอยู่แล้วแก้วน้ำใบหนึ่งในมือเขาขว้างไปยังเจ้าลัทธิฝั่งขวาอย่างแรง จนทำให้จมูกของเจ้าลัทธิฝั่งขวาหักไปทันทีเลือดกำเดาเขาไหลราวกับน้ำพุ่ง ไม่นานหน้าของเขาก็บวมขึ้นมายิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากความแรงระดับนี้ ก็ซัดเข้ามาจนสมองเขาวิ้งไปหมด ในสมองขาวโพลนไปชั่วขณะหนึ่งฟู่จาวหนิงจับมือของเขา บีบแน่นขึ้นมาเพื่อปลอบประโลม"อย่าเพิ่งโกรธๆ พวกเขาสังหารข้าไม่ได้เสียหน่อย"แต่ว่า ที่นางโกรธก็คือ เพียงเพราะเหตุผลไร้สาระเช่นนั้น พวกเขากลับลงมือทำร้ายเซียวหลันยวนที่ยังเป็นเด็กขึ้นมาได้ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเอาชีวิตเขาไม่ได้ แต่ก็ทำให้เขาเจอกับความทรมานแสนสาหัสช่วงหลายปีนั้น ร่างกายของเขาเนื่องจากพิษความเย็นกำเริบขึ้นเป็นระยะ ต้องกล้ำกลืนฝืนทนความเจ็บปวดนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าถ้าไม่ใช่เพราะนางเข้ามา เขาคงจะไม่รอดแล้วนางบอกเซียวหลันยวนว่าไม่ต้องโกรธ แต่ตัวนางเองกลับโกรธขึ้นมาแล้ว"เหอะ..."หลังจากทนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงอยู่พักห
เจ้าลัทธิฝั่งขวาบอกว่า "พวกเราตรวจสอบกันอยู่นาน จนตรวจสอบไปถึงแคว้นเจา ตรวจสอบจนเจอคนที่มีเงื่อนไขสอดคล้องกัน องค์ชายที่เกิดในตอนนั้นก็คือเจ้า"เจ้าลัทธิฝั่งขวาหัวเราะเศร้าๆ ขึ้นมาเขาบอกเอ่ยต่อ "แต่ว่า เรื่องที่ข้ารู้มันน้อยไปหน่อย ที่เหลือจะเป็นเจ้าลัทธิที่บอกข้า เจ้าลัทธิบอกว่า ถ้าไม่อยากให้เรื่องลึกลับเหล่านั้นที่เราเคยประสบมาถูกเปลี่ยนแปลง ก็ห้ามปล่อยให้คนสำคัญคนนี้มีชีวิตรอดไปได้"เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเวลาในฝันนั้นเป็นก่อนหน้านี้หรือว่าหลังจากนี้ ถึงยังไงก็ทำให้ชัดเจนไม่ได้สิ่งเดียวที่พวกเขารู้คือ ทางที่ดีต้องรับประกันให้ได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องที่คนผู้นี้เติบโตขึ้น แล้วมาเปลี่ยนแปลงเส้นทางของพวกเขาเพราะความฝันนั้น สำหรับพวกเขาแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถึงอย่างไรพวกเขาก็เห็นอะไร เรียนรู้อะไรจากในฝันนั่นมาได้มากมายถ้าไม่มีฝันนั้น พวกเขาอาจจะมาไม่ถึงขั้นนี้ ถึงอย่างไรสิ่งของมากมายที่พวกเขารู้และใช้เป็น ก็เพราะพวกเขาได้ผ่านความฝันนั้นมานั่นเองถ้าเผื่อไม่มีโบราณสถานนั้น ไม่มีโอกาสนั่น พวกเขาก็จะไม่สามารถฝันได้ แล้วถ้าจู่ๆ ตื่นขึ้นมาแล้วกลับไปยังพวกเขาในตอนนั้นที่ยังไม่ได้เ
ความฝันของเจ้าลัทธิฝั่งขวา ฟู่จาวหนิงฟังแล้วก็เข้าใจเลยไม่ใช่แค่นาง กระทั่งถังอู๋เจวี้ยนเองก็ยังเข้าใจเพราะว่าเขาเองก็เป็นแบบเดียวกันบอกว่าเป็นฝัน แต่อันที่จริงมันดูเป็นจริงและแจ่มชัดมาก ราวกับเป็นประสบการณ์ที่แท้จริงช่วงหนึ่งเจ้าลัทธิฝั่งขวาบอกว่า โลกในฝันของเขาเองก็แปลกประหลาดมาก ที่นั่นเขาเป็นหมอคนหนึ่ง พรสวรรค์การเรียนแพทย์ก็ดีมาก แต่ต่อมาเขาเรียนไปเรียนมาก็ออกนอกลู่นอกทาง หันไปวิจัยเรื่องการผลิตยาพิษที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสายอาชีพในนี้มีคนในวงการที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งไม่ชอบหน้าเขาเป็นพิเศษ คอยจับจ้องเขาอยู่ตลอด และในช่วงสุดท้ายก่อนที่ผลงานเขาจะสำเร็จ ก็นำเจ้าหน้าที่ทางการบุกเข้ามาพอเห็นว่าผลงานของเขากำลังจะถูกยึด เขาก็รู้สึกไม่ยินยอม จึงจุดระเบิดที่เตรียมไว้ก่อนหน้าครั้งนั้น เขา รวมถึงศัตรูคนนั้น และยังมีพวกผู้ช่วยอีกหลายคนในห้องทดลอง ล้วนถูกระเบิดตายกันหมดหลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนเองกับศัตรูคนนั้นเป็นคนในตระกูลเดียวกัน"เจ้าลัทธิของเราเดิมทีเป็นคนตระกูลถัง แต่เดิมทีเขาเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จักในตระกูลถัง ในทางกลับกันศัตรูเก่าของเขาคนนั้น กลับเป็นที่นิยมมา
คนเกือบครึ่งเมืองหลีสมัครใจมาสวามิภักดิ์ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยกดดันคนรอบข้างที่คิดจะสู้ต่อให้หยุดลงด้วยดังนั้นครั้งนี้พวกของเซียวหลันยวนจึงบาดเจ็บล้มตายน้อยมากและพวกเขาก็แบกเกี้ยวของเจ้าลัทธิเทพทำลายล้างนั่นเข้ามาในเมืองหลี และยังมีศพของคนแบกเกี้ยวทั้งสี่ รวมถึงชุดคลุมสีดำของเจ้าลัทธิเทพทำลายล้าง ซึ่งด้านบนยังเปราะเปื้อนด้วยเลือด และมีรูถูกกระบี่แทงขาดอีกหลายรูจงเจี้ยนขึ้นไปบนหอเมือง ประกาศด้วยเสียงดังลั่นกับคนในเมืองหลีถึงการตายของเจ้าลัทธิเทพทำลายล้าง และบอกกับพวกเขาถึงสิ่งที่เจ้าลัทธิเทพทำลายล้างเคยทำไว้ในอดีต บอกว่าที่ด้านนอกตงฉิงพวกเขาเป็นพวกที่เห็นใครก็จะทำร้ายไปเสียหมดนี่จึงทำให้คนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งส่วนใหญ่ยอมสวามิภักดิ์ด้วยและส่วนที่เหลือที่ดื้อรั้นไม่กลับใจ รวมถึงถูกระบุว่าเคยทำเรื่องเลวร้ายในเมืองหลีมาก่อน เซียวหลันยวนจึงออกคำสั่งให้นำตัวไปขังไว้ก่อนในอนาคตหากจะเปิดเหมืองหรืออะไรก็ตาม ยังมีสถานที่อีกมากที่ให้พวกเขาไปใช้แรงงานหลังจากทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ เซียวหลันยวนก็ไปรับฟู่จาวหนิงเข้ามาในเมืองหลีพวกเขาอยู่ด้วยกัน รวมถึงซืออวี๋ชิงจวิน ยืนอยู่บนหอเมืองเพื่