1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง

1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง

last updateDernière mise à jour : 2025-09-21
Par:  ScinceMis à jour à l'instant
Langue: Thai
goodnovel12goodnovel
Notes insuffisantes
65Chapitres
2.0KVues
Lire
Ajouter dans ma bibliothèque

Share:  

Report
Overview
Catalog
Scanner le code pour lire sur l'application

จ้าวเสี่ยวเหลียนสาวจากยุคปัจจุบันย้อนเวลาไปอยู่ในร่างเด็กสาวชื่อเดียวกัน ทว่าหน้าตากลับดูไม่ได้เพราะเป็นคนชนบททั้งยังถูกบังคับให้แต่งงานกับน้องชายพ่อเลี้ยงแบบนี้จะไปยอมได้ยังไง ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง!

Voir plus

Chapitre 1

แนะนำ

                                                                      1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง

“ปีนี้เสี่ยวเหลียนก็อายุย่าง 16 ปีแล้วสินะคะ” เสียงแหลมของอาสาม หลี่เซียน ซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อเลี้ยงเอ่ยขึ้น ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นงงไปตามๆ กัน

จ้าวเสี่ยวเหลียน เด็กสาวอายุ 15 ปี อาศัยอยู่กับยายที่ชนบท แต่เพราะหมู่บ้านทางน้ำของพวกเธอถูกอุทกภัยพัดหายไปกับสายน้ำ หลิวซือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ ผู้หญิงที่อายุเพิ่งเข้าเลขสาม ทว่ายังคงความสวยตามแบบฉบับของผู้เป็นแม่ ซึ่งก็คือ ยายหลิว เจ้าของผมสีดำขลำแม้ว่าอายุจะล่วงเลยเข้าสู่เลขห้าแล้วก็ตาม ท่านเป็นคนเลี้ยงเสี่ยวเหลียนมาตั้งแต่แบเบาะ ถ้าจะพูดให้ถูกคือตั้งแต่คลอดออกมาเสียด้วยซ้ำ ทันทีที่ทราบข่าวก็รีบบอกให้ทั้งสองคนเร่งเดินทางมาอยู่กับตนและครอบครัวใหม่ยังอีกมณฑลหนึ่ง

โชคดีที่อยู่ในช่วงปิดภาคเรียนการศึกษา อีกทั้งจ้าวเสี่ยวเหลียนก็เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมต้น จากโรงเรียนมัธยมระดับ 17

เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่ย้ายมาอยู่กับผู้เป็นแม่ และถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าตาของคนในครอบครัวใหม่ที่แม่มอบให้ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยากได้เลยก็ตาม

“ใช่แล้วล่ะ นี่ก็ว่าเปิดเทอมจะพาไปสมัครเรียนต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนในเขตนี่แหละ” หลิวซือพูดขึ้นยิ้มๆ

ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เธอจัดการจับลูกสาวขัดตัว อาจเพราะอยู่ที่ชนบทมาตั้งแต่เกิด อีกทั้งยังไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล ทำให้ผิวของลูกสาวกระดำกระด่าง ทั้งที่ตอนคลอดตัวแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศ ใครเห็นก็บอกว่าโตขึ้นมาจะต้องผิวขาวมากแน่ๆ

“อาโหยว…พี่สะใภ้ อายุขนาดนี้แล้ว ใครเขาให้เรียนหนังสือกันละคะ” อาสามมองหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ของตัวเองด้วยความตกใจ พร้อมทั้งแทะเม็ดแตงไปด้วย อากาศเดือนสิงหาคม เดี๋ยวก็แดด เดี๋ยวฝน ทำให้ผู้คนปรับตัวไม่ถูก

“ทำไมล่ะ เกิดเป็นลูกผู้หญิงเรียนจบสูงสิดี” หลิวซือไม่เห็นด้วย

แม้ว่าตัวเธอเองจะเรียนจบถึงชั้นมัธยมต้น ในยุคนี้ก็ถือว่าเป็นคนที่มีการศึกษาสูงแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังมองว่าไม่พอ ต้องเรียนให้สูงขึ้นไปอีก

“จะว่าก็ว่าเถอะนะคะ ลูกผู้หญิงน่ะ เรียนแค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว โตขนาดนี้แล้วสมควรจะออกมาหางานทำช่วยพ่อแม่ส่งน้องให้เรียนสูงๆ เสี่ยวเฟินขของพวกเราน่ะ ได้ข่าวว่าเป็นนักเรียนดีเด่นประจำโรงเรียนอันดับหนึ่งอีกแล้วไม่ใช่เหรอคะ” เมื่อนึกถึงหลานสาว ผู้เป็นอาก็ยืดอกพูดด้วยความภาคภูมิใจ

“ใช่แล้วล่ะ” หลิวซือพยักหน้ายิ้มกว้าง เมื่อนึกถึงผลการเรียนของลูกสาวคนเล็ก

หลี่เฟิน เด็กสาวอายุ 12 ปี เป็นลูกของหลิวซือกับสามีใหม่ ก็คือหลี่เจียง อายุ 32 ปี รูปร่างสูงใหญ่กำยำ เพราะทำงานเป็นพนักงานประจำที่โรงงานเหล็กกล้า

จ้าวเสี่ยวเหลี่ยนเห็นแม่ของตัวเองพยักหน้ายิ้มๆ ก็เข้าใจผิดคิดไปว่าแม่เห็นด้วยที่จะไม่ให้ตัวเองเรียนต่อ ทั้งที่พูดกันก่อนหน้าที่จะย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ที่นี่แล้วว่าจะให้เธอเรียนต่อจนจบระดับชั้นมัธยมปลาย

“พี่สะใภ้ ฉันเองก็รับรู้เรื่องเสี่ยวเหลียนมาตั้งแต่พวกพี่ทั้งสองแต่งงานกันใหม่ๆ ยังเป็นคนยกมือสนับสนุนให้พีใหญ่แต่งงานกับพี่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหม้ายด้วยซ้ำ ทั้งที่พี่ชายของฉันเป็นหนุ่มโสดทั้งแท่งไม่เคยผ่านมือผู้หญิงมาก่อน แล้วก็รักและเอ็นดูเสี่ยวเหลียนเหมือนหลานในไส้คนหนึ่ง ถึงจะไม่เคยเห็นหน้า แต่ก็ถามข่าวคราวอยู่เสมอพี่ก็รู้”

“อือ” หลิวซือพยักหน้าคล้อย

“ใครจะหาว่าฉันไม่มีสมองหรืออะไรก็แล้วแต่เถอะนะคะ แต่ฉันกลับมองว่าถึงวัยที่หลานสาวคนโตของบ้านควรแต่งงานได้แล้วล่ะ” อาสามเหลือบมองคนที่ตนเรียกว่าหลานสาวได้เต็มปากอยู่เป็นระยะๆ

“แต่งงานเหรอ” ผู้เป็นแม่ได้ยินคนพูดเรื่องแต่งงานของลูกสาวก็รู้สึกตกใจ เพราะในสายตาของเธอยังมองว่าลูกคนเล็กยังดูประสีประสามากกว่าลูกสาวบ้านนอกของตนเองคนนี้ด้วยซ้ำ

“ฉันก็มองๆ เอาไว้แล้วล่ะ รับรองว่าหายห่วง” อาสามจีบปากจีบคอเมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญที่ตนเองปูทางมาเสียยืดยาว กว่าจะเข้าเรื่องได้

“ใครงั้นเหรอ” หลิวซือกะจะถามเล่นๆ ไปอย่างนั้น เพราะถึงยังไงตนก็ไม่มีทางตอบตกลงอย่างแน่นอน

“จะใครที่ไหนเสียอีกละคะ ก็เจ้าสี่ของเรายังไงล่ะ ปีนี้ก็เพิ่งจะอายุ 25 ปี ทั้งยังทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ในบรรดาพี่น้อง เจ้าสี่หน้าที่การงานดีกว่าคนอื่นๆ แว่วมาว่าสิ้นปีนี้ก็น่าจะได้ขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่ชำนาญการแล้ว อนาคตไกล สมัยนี้ใครๆ ก็มองหาสามีที่มีชามข้าวเหล็กในมือด้วยกันทั้งนั้น เรื่องอะไรที่เราจะปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาคาบเอาของดีบ้านเราไปละคะ ไม่สู้ยกให้หลานสาวของเราเสียดีกว่า”

“ระ เรื่องนี้” หลิวซือถึงกับพูดไม่ออก

ถ้ามองแค่เรื่องหน้าตา นิสัยใจคอ รวมถึงหน้าที่การงาน แน่นอนว่าอาสี่ หลี่เหวยกินขาด เขาสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ แต่ก็มีข่าวลลือเรื่องที่เขาเป็นพวกตัดแขนเสื้อไม่ใช่เหรอ

แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งยังเจ้าสำอางจนผู้หญิงบางคนยังอาย ใบหน้าของเขาขาวเนียนกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก

จ้าวเสี่ยวเหลียนได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอึ้ง ร่างกายแข็งค้างไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่เดิมก็เป็นคนหัวอ่อนอยู่แล้ว แม้เรื่องนี้ตนจะไม่พอใจ แต่ทำได้มากสุดแค่เพียงกำหมัดแน่นแล้วแอบมานอนร้องไห้คนเดียวเท่านั้น

เรื่องนี้แน่นอนว่าจะบอกให้ยายรู้ไม่ได้ เพราะท่านอายุเยอะแล้ว สาวเจ้ากลัวว่าท่านจะไม่สบายใจ เพราะแค่เรื่องที่มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่เพียงไม่กี่วัน ท่านก็กระอักกระอ่วนใจแทบขาด ขืนเอาเรื่องนี้ไปให้ท่านรับรู้อีก มีหวังได้ล้มหมอนนอนเสื่อเพราะคิดมากเป็นแน่

สุดท้ายแล้วหญิงสาวก็คิดไม่ตก แต่จะให้แต่งงานกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอา แน่นอนว่าเธอไม่ยินยอม ถึงแม้ว่าความเป็นจริงทั้งสองคนจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันทางสายเลือด และอาสี่ก็ดีกับเธอมากก็เถอะ แต่เธอยังอยากเรียนต่อ ความฝันคืออยากสอบเข้าพยาบาล เพื่อที่ว่าต่อไปภายหน้าจะได้ดูแลยายที่เริ่มแก่ชราลงไปทุกวันได้

เช้าวันถัดมา ฟ้ายังไม่สาง ทว่าใต้สะพานกลับได้เสียงหนึ่งตกลงไปยังแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว พร้อมทั้งน้ำในแม่น้ำที่กระเพื่อมเป็นวงกว้าง บ่งบอกว่ามีบางอย่างตกลงไปในน้ำ ทว่าพอลงไปแล้วกลับไม่มีวี่แววว่าจะโผล่ขึ้นมาอีกเลย

“ช่วยด้วย มีคนตกน้ำ ใครก็ได้ช่วยที มีคนตกน้ำ” เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งทำงานออกกะมาร้องตะโกน เพราะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้น

ตุ้ม!

เรื่องนี้ตั้งใจเขียนแบบเรื่อยๆ slice of life ไม่เครียด เพราะชีวิตจริงช่วงนี้เครียดชิบหาย กอปรกับสถานการณ์ตึงเครียดของบ้านเมืองยิ่งเครียดเข้าไปอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า เพราะชอบดึงไปดราม่าอยู่เรื่อย (อยากตีมือตัวเอง)

ปีนี้ออกผลงานไม่ต่อเนื่อง อันนี้ยอมรับและรู้ตัวเลย จะพยายามดึงตัวเองกลับมาให้เร็ว สาเหตุหลักๆ คือมันนั่งนานเหมือนเขียนแรกๆ ไม่ได้แล้ว พลาดตั้งแต่แรก เลยมาแสดงอาการทีหลัง ช่างเถอะ…รักษาตัวเองไป ไม่มีใครไม่เคยปวดหลัง เชื่อแบบนั้น อิอิ

พูดถึงเนื้อหาของเรื่องนี้แล้วกัน ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครของครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง จะดีก็ไม่ใช่ จะร้ายก็ไม่สุด พอแสบๆ คันๆ หัวใจแล้วกันเนอะ คงเส้นคงวาของความเป็นมนุษย์ในแต่ละรูปแบบที่ไรต์เจอแล้วเอามาจินตนาการต่อ ให้มันเหมาะสมกับเนื้อหาที่เราคิดมา

ไม่พูดเยอะ เพราะไม่มีเนื้อหาในหัว เอ้ย…ไม่ใช่ เพราะอยากให้ทุกคนติดตาม คนไหนมาแล้วก็รายงานตัวกันหน่อยนะคะ อย่าหลบมุมอ่าน กดใจเพื่อเป็นกำลังใจให้กันบ้าง จะได้รู้ว่าไม่ได้หนีไปไหน อิอิ

***นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตการของผู้แต่ง อาจเหมือนหรือคล้ายกับสกานการณ์ รมถึงเหตุการณ์ใดในอดีต ผู้แต่งไม่มีเจตนาบิดเบือนเนื้อหาหรือข้อเท็จจริง เพียงแต่เขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

ไม่อนุญาตให้คัดลอก ดัดแปลง หรือเลียนแบบ หากพบเห็นจะดำเนินทางคดีจนถึงที่สุด ไม่มีการไกล่เกลี่ยยอมความทั้งสิ้น

                                                                                            รัก

                                                                                        SCINCE

Déplier
Chapitre suivant
Télécharger

Latest chapter

Plus de chapitres

Commentaires

Pas de commentaire
65
แนะนำ
1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง“ปีนี้เสี่ยวเหลียนก็อายุย่าง 16 ปีแล้วสินะคะ” เสียงแหลมของอาสาม หลี่เซียน ซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อเลี้ยงเอ่ยขึ้น ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นงงไปตามๆ กันจ้าวเสี่ยวเหลียน เด็กสาวอายุ 15 ปี อาศัยอยู่กับยายที่ชนบท แต่เพราะหมู่บ้านทางน้ำของพวกเธอถูกอุทกภัยพัดหายไปกับสายน้ำ หลิวซือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ ผู้หญิงที่อายุเพิ่งเข้าเลขสาม ทว่ายังคงความสวยตามแบบฉบับของผู้เป็นแม่ ซึ่งก็คือ ยายหลิว เจ้าของผมสีดำขลำแม้ว่าอายุจะล่วงเลยเข้าสู่เลขห้าแล้วก็ตาม ท่านเป็นคนเลี้ยงเสี่ยวเหลียนมาตั้งแต่แบเบาะ ถ้าจะพูดให้ถูกคือตั้งแต่คลอดออกมาเสียด้วยซ้ำ ทันทีที่ทราบข่าวก็รีบบอกให้ทั้งสองคนเร่งเดินทางมาอยู่กับตนและครอบครัวใหม่ยังอีกมณฑลหนึ่งโชคดีที่อยู่ในช่วงปิดภาคเรียนการศึกษา อีกทั้งจ้าวเสี่ยวเหลียนก็เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมต้น จากโรงเรียนมัธยมระดับ 17เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่ย้ายมาอยู่กับผู้เป็นแม่ และถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าตาของคนในครอบครัวใหม่ที่แม่มอบให้ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยากได้เลยก็ตาม“ใช่แล้วล
last updateDernière mise à jour : 2025-08-01
Read More
1
ความเย็นยะเยือกคือสัมผัสแรก ปลุกเร้าสติที่กำลังจะเลือนหายของจ้าวเสี่ยวเหลียน ให้แทรกซึมผ่านเสื้อที่ทำจากฝ้ายเนื้อบางเข้าสู่ทุกอณูของร่างกาย ปอดของหญิงสาวแสบร้อนจากการสำลักน้ำเข้าไปจนเต็ม เธอพยายามจะกรีดร้อง แต่สิ่งที่ไหลทะลักเข้าไปในลำคอมีเพียงมวลน้ำอันเย็นเฉียบและขุ่นคลั่กของคลองส่งน้ำท้ายหมู่บ้านในห้วงสุดท้ายของสติสัมปชัญญะ ภาพความทรงจำสุดท้ายของเจ้าของร่างเดิมฉายชัดขึ้นมา ใบหน้าที่บ่งบอกว่าผิดหวังของแม่ แววตาตำหนิติเตียนของพ่อเลี้ยง และคำพูดเฉือดเฉือนของอาสามที่บังคับให้หญิงสาวต้องทิ้งความฝันเรื่องการเรียนต่อเพื่อแต่งงานกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาความสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่จิตใจที่บอบช้ำของหญิงสาววัย 15 ปีและแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง“พ่อหนุ่ม นะ นั่นกำลังจะทำอะไร” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยถามตะกุกตะกัก ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ และพ่อหนุ่มที่ท่านพูดด้วยอยู่ในตอนนี้นั้น ก็คือคนเดียวกับที่สวมบทบาท วีรบุรุษช่วยสาวงาม ทันทีที่เห็นว่าคนถูกช่วยเป็นใคร ก็สวมบทบาทนักวิ่งระดับชาติ วิ่งมายังบ้านสองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ ถ้าเทียบแล้วก็ถือว่ามีฐานะระดับหนึ่งในเมืองนี้เนื่องจา
last updateDernière mise à jour : 2025-08-01
Read More
2
หลิวซือและหลี่เจียงเดินออกจากห้องไปแล้ว ทิ้งให้ภายในห้องเล็กที่มีเพียงเตียงไม้กับโต๊ะเก่าๆอีกหนึ่งตัว ไม่มีแม้กระทั่งตู้เสื้อผ้า เพราะภายในห้องมีเสื้อผ้าตากเอาไว้บนเชือกที่ขึงในมุมหนึ่งของห้องเท่านั้น ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ความเงียบที่ว่างเปล่า เพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในห้องนี้หญิงชราผมดำเงานั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตรงมุมห้อง ท่านมองมายังหลานสาวด้วยแววตาที่ซับซ้อนยากจะคาดเดา เต็มไปด้วยความเสียใจ ความผิดหวัง แต่ลึกลงไปในนั้น กลับสัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใย"ยาย" เสี่ยวเหลียนเรียกเสียงแผ่ว ในความทรงจำที่ผุดขึ้นมานั้น บอกกับเธอว่าเจ้าของร่างรักยายมากแค่ไหนยายหลิวถอนหายใจยาว เสียงถอนหายใจนั้นราวกับแบกรับความทุกข์มาทั้งชีวิต "อุทกภัยมันพรากบ้าน พรากที่ดินของเราไป แต่ยายไม่เคยคิดเลยว่ามันจะพรากเอาสติปัญญาของหลานไปด้วย การศึกษาคือหนทางเดียวที่จะทำให้คนอย่างเราได้ลืมตาอ้าปาก แต่การตาย...มันไม่ใช่ทางออกเลยสักนิดเดียว ไหนลองพูดมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น"น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากหางตาของเธอโดยไม่รู้ตัว มันไม่ใช่ความเศร้าของเธอเอง แต่เป็นความรู้สึกผิดที่ตกค้างอยู่ใน
last updateDernière mise à jour : 2025-08-01
Read More
3
จ้าวเสี่ยวเหลียนที่นั่งเงียบอยู่นานก็กระแอมขึ้นมา เป็นการตัดบทสนทนาที่น่าอึดอัดนั้น และแล้วก็ได้ผล เพราะยายหลิวหันกลับมามองหลานสาวที่เป็นดั่งไข่มุกในอุ้งมือของท่าน "กินข้าวก่อนเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง" ยายหลิวถอนหายใจ สุดท้ายท่านก็ยอมใจอ่อนอีกจนได้หลิวซือได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย พร้อมทั้งนั่งป้อนข้าวลูกสาวที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะเชือดไก่ ใบหน้าซีดเซียวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกสาวจมน้ำ แต่คนว่ายน้ำเก่งระดับจังหวัดจะจมน้ำได้ยังไง นกเสียจากว่าลูกสาวจะตั้งใจแล้วเหตุผลอะไรล่ะถึงทำให้ต้องคิดสั้นแบบนั้น แต่พอนึกย้อนไปถึงเรื่องที่ตนสันนิษฐานและเกริ่นไปตั้งแต่ตอนแรกก็แอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เพราะหากเป็นเรื่องจริง ตนคงจะเสียใจมากที่ไม่ได้พูดกับลูกสาวใช้ชัดเจน เพราะต่อให้จะหัวอ่อนและอ่อนแอกับบ้านสามีมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาอย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดก็เถอะบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงซดข้าวต้มเบาๆ ของเสี่ยวเหลียนเท่านั้น เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงความสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะมาถึง และเธอก็ไม่ต้องรอนานเสียงฝีเท
last updateDernière mise à jour : 2025-08-01
Read More
4
"คุณ...คุณป้าพูดเรื่องอะไรคะ ฉันแค่เป็นห่วงอนาคตของเด็กที่กำพร้าพ่อคนหนึ่งก็เท่านั้น อย่าลืมสิคะว่าเด็กคนนี้พี่ชายฉันเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ ฉันเองก็รักเหมือนหลานสาวแท้ๆคนหนึ่ง"เธอไม่ได้มานั่งสนใจหรอกว่าพี่ชายจะสนใจไยดีลูกเลี้ยงของตัวเองหรือเปล่า เพราะถ้าจะพูดไปแล้ว เธอแต่งงานก่อนพี่ชายเสียด้วยซ้ำ “เลี้ยงงั้นเหรอ” ยายหลิวแสยะยิ้มแล้วพูดต่อว่า "ข้าวเม็ดไหนที่ที่เอามาป้อน ไม่ใช่ว่ามีแต่ยายแก่คนนี้เหรอที่หาเลี้ยงตัวคนเดียวมาตลอด" สายตาของท่านจ้องมองไปที่ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เอาแต่เก่งกับคนในครอบครัว แต่กับคนอื่นกลับหงอเป็นไก่ หรือว่าแท้จริงแล้วท่านได้สูญเสียลูกสาวให้กับบ้านอื่นไปแล้ว“เป็นห่วงอย่างนั้นเหรอ” ยายหลิวหัวเราะในลำคอเสียงเย็น "ที่ชาวบ้านเขานินทากันมันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ มีคนสติดีที่ไหนเขาทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนี้กัน ให้หลานแต่งกับอาตัวเอง ไม่รู้สึกว่ามันน่าขยะแขยงสักนิดบ้างเหรอ""แล้วยังไงล่ะ มันไม่ผิดกฎหมายนี่คะ อีกอย่างเจ้าสี่ก็เป็นคนดี ในบรรดาพี่น้องเรา เขาหน้าที่การงานดีที่สุด เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีชามข้าวเหล็กในมือ ต่อไปยังไงก็ไม่มีทางลำบากมีแต่จะก้าวหน้า" หลี่เซียนเถ
last updateDernière mise à jour : 2025-08-01
Read More
5
ย่าหลี่เหมือนจะตั้งสติได้ เป็นตาร้ายดียังไง ท่านก็ไม่มีวันยอมรับว่าลูกชายเป็นพวกนั้น ทั้งยังไม่มีวันยอมให้ใครมาพูดถึงลูกชายที่อนาคตกำลังไปได้สวยในทางไม่ดีด้วย "แม่เสี่ยวเฟิง นี่คือวิธีที่คนบ้านหลิวตอบแทนพวกเราอย่างนั้นเหรอ มาอยู่แค่ไม่กี่วันก็ใส่ร้ายลูกชายฉัน หล่อนสั่งสอนลูกสาวให้ปฏิบัติกับผู้มีพระคุณแบบนี้เหรอ" ประโยคสุดท้ายท่านหันไปตวาดใส่ลูกสะใภ้ที่ยืนตัวลีบอยู่มุมห้องเพราะลูกชายแต่งงานกับลูกสะใภ้คนนี้มาตั้งแต่ที่หล่อนหนีซมซานมายังเมืองแห่งนี้ ในตอนแรกก็โกหกว่าเป็นหญิงสาวยังไม่แต่งงาน แต่เพราะอาบน้ำร้อนมาก่อนจึงมองออก ทำให้ต้องสารภาพว่าเคยแต่งงานทั้งยังมีลูกติด แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้หอบลูกมาเป็นภาระเพิ่มแต่เพราะลูกชายรักผู้หญิงคนนี้มาก ท่านเลยขัดไม่ได้ แต่นับตั้งแต่นั้นมา หลิวซือก็อยู่ในโอวาท ภายใต้ความกดขี่จากคนบ้านหลี่มาโดยตลอด อาศัยเพียงความรักของสามีที่มีให้กับถึงอยู่รอดได้ไปวันๆหลี่เจียงผู้เป็นเสาหลักของบ้านขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าคมคายที่คล้ำแดดจากการทำงานหนักในโรงงานเหล็กกล้าตอนนี้แดงก่ำไปด้วยความโกรธระคนอับอายเขาไม่ได้สนใจว่าใครถูกใครผิด สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือความส
last updateDernière mise à jour : 2025-08-01
Read More
6
15 หยวน!ตัวเลขนี้ทำให้ทุกคนในห้องตาเบิกกว้าง โดยเฉพาะหลี่เจียง เงินเดือนกรรมกรระดับเดียวกับเขาในโรงงานได้เพียงเดือนละสามสิบหยวนเท่านั้น ค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารการกินของคนสองคนในหนึ่งเดือน หากอยู่อย่างประหยัด สิบห้าหยวนถือว่าเหลือเฟือทีเดียว แต่ทำไมภรรยาถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเขาหลงเข้าใจผิดมาตลอดว่าแม่ยายไม่มีเงิน เป็นแค่คนชนบทคนหนึ่ง จะเอาเงินมากมายมาจากไหน ทั้งบ้านยังหายไปกับน้ำ จะบอกว่าเป็นเงินขายบ้านก็คงจะโกหก อีกอย่าง ถ้าบอกว่าภรรยาแอบส่งเงินกลับบ้านก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเงินของทุกคนต้องส่งเข้ากองกลาง เพื่อให้แม่ของเขาเป็นคนจัดสรร แสดงว่าเงินก้อนโตนั้นคือเงินของแม่ยายจริงๆย่าหลี่และหลี่เจียงหันขวับไปมองหลิวซือเป็นตาเดียว สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยคำถาม หลิวซือยืนตัวสั่นเทาอยู่มุมห้อง ใบหน้าซีดเผือดราวกับไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย หลบสายตาทุกคน พยักหน้ารับช้าๆ อย่างจำนนยายหลิวไม่สนใจปฏิกิริยาของใคร ท่านกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง แต่ไหนแต่ไรเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรี ถ้าหลานไม่อยากมาอยู่กับแม่ มีหรือที่ท่านจะยอมลดศักดิ์ศรีมาอาศัยคนอื่น ถึงอย่างนั้นทันทีที่มาถึงก็จ่ายเงินสำหรับพั
last updateDernière mise à jour : 2025-08-08
Read More
7
ช่วงเย็น เสียงจอแจจากเพื่อนบ้านที่เริ่มทยอยกลับจากทำงานและเตรียมอาหารเย็นค่อยๆ จางหายไป แต่สำหรับบ้านหลี่ บรรยากาศกลับหนักอึ้งราวกับมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่หลังจากพายุอารมณ์ระลอกใหญ่ผ่านพ้นไป หลิวซือก็ถูกหลี่เจียงเรียกเข้าไปในห้องนอนของพวกเขาสองคน ประตูไม้ถูกปิดลงเสียงดัง ตามมาด้วยเสียงทะเลาะทุ่มเถียงกันอย่างรุนแรงที่ดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ แม้จะจับใจความไม่ได้ทั้งหมด แต่เสี่ยวเหลียนก็พอจะเดาได้ว่าแม่ของเธอกำลังถูกซักฟอกอย่างหนักเรื่องที่รับเงินจากยายหลิวโดยไม่บอกกล่าวครอบครัวของสามียายหลิวนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเดิม ใบหน้าของท่านเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่แววตาที่ทอดมองไปยังบานประตูที่ปิดสนิทนั้นกลับฉายแววเจ็บปวดและห่วงใยอย่างสุดซึ้ง ท่านย่อมรู้ดีว่าลูกสาวของท่านกำลังเผชิญกับอะไรอยู่เบื้องหลังบานประตูนั้นเสี่ยวเหลียนเดินไปนั่งลงข้างๆยายเธอยื่นมือไปกอบกุมมือที่เหี่ยวย่นแต่แข็งแรงของท่านไว้ เป็นการปลอบโยนโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด ๆ‘นี่สินะครอบครัว’ เธอคิดในใจอย่างขมขื่น ‘ความผูกพันที่ซับซ้อนและเปราะบางยิ่งกว่าใยแมงมุม ชัยชนะของคนหนึ่งอาจหมายถึงความพ่ายแพ้ของอีกคนหนึ่งเสมอ’เวลาผ่านไปน
last updateDernière mise à jour : 2025-08-08
Read More
8
"ยาย" เสี่ยวเหลียนเองก็คาดไม่ถึงกับการตัดสินใจครั้งนี้เช่นกัน เธออยากออกไปจากบ้านหลี่น่ะใช่ แต่ไม่อยากกลับบ้านที่ชนบท ที่นี่สังคมดีกว่าเห็นๆ ยายหลิวไม่สนใจใครทั้งนั้น ท่านจ้องมองเข้าไปในห้องนอน ตรึงสายตาไว้ที่ลูกสาวของตัวเอง "ซือเอ๋อร์ แม่เข้าใจดีว่าแกกำลังลำบากใจแค่ไหน การที่แม่กับหลานมาอยู่ที่นี่ คงทำให้แกต้องลำบากไม่น้อย ต่อไปนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้วล่ะ"ท่านหันมาทางหลานสาว "เสี่ยวเหลียน ลุกไหวหรือเปล่า"แต่พอมมาคิดอีกทีก็ยิ้มย่องในใจ ดวงตาเป็นประกาย เพราะนี่คือความคิดหลังจากนี้ของเธอ กำลังคิดหนักอยู่พอดีว่าจะหาทางออกจากบ้านหลี่ได้ยังไงโดยที่ยายหลิวจะยอมพยักหน้าเห็นด้วย รอให้ได้ก้าวขาออกจากบ้านหลี่ก่อนเรื่องอื่นแล้วค่อยว่ากันเถอะสำหรับเธอแล้วคิดว่ายังไงผู้เป็นแม่ก็ไม่มีทางพยักหน้าตอบตกลงเห็นด้วยกับความคิดนี้ และเชื่อว่าพ่อเลี้ยงเองก็รักแม่ของเธอมากพอที่จะไม่เข่นฆ่า บางทีการแยกบ้านอยู่อาจจะเป็นทางออกของเรื่องทั้งหมด และยังคงรักษาสถานะครอบครัวเอาไว้ แม้ว่าจะอ่อนบางยิ่งกว่าใยแมงมุมแล้วก็ตาม"เมืองนี้มันใหญ่เกินไปสำหรับเราสองยายหลานจริงๆนั่นแหละ สู้กลับบ้านอยู่บ้านของเราไม่ได้"
last updateDernière mise à jour : 2025-08-08
Read More
9
คืนนั้นหลังจากที่หลับใหลไปเพราะความเหนื่อย กอปรกับเหมือนว่าจะมีไข้ จ้าวเสี่ยวเหลียนได้ค้นพบสิ่งหนึ่ง ซึ่งก็คือ ปานสีแดงเล็กตรงข้อมือข้างซ้าย แต่พอแตะดูกลับพบว่ามันคือมิติภายในเป็นเหมือนห้องสี่เหลี่ยมขนาด 30 ตารางวา แต่ข้างในนั้นกลับไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอ่านนิยายเกี่ยวกับมิติหรือระบบ แรกๆ ก็รู้สึกว่ามันออกจะเหนือธรรมชาติไปสักหน่อย แต่ถ้าหากคนทั้งคนสามารถย้อนเวลากลับมาได้ แล้วทำไมกับแค่มิติจะเป็นไปไม่ได้หญิงสาวลองทำตามนิยาย เพราะถ้าเป็นมิติเหมือนในนิยายจริงๆ จะต้องเอาของเข้าไปในนั้นและสามารถเอาออกมาได้คิดได้แบบนั้นเธอเลยหยิบเอาหวีไม้เก่าๆ ขึ้นมา จากนั้นก็เอามาแตะที่ตรงปานเล็กๆ ที่ข้อมือข้างซ้าย ทันใดนั้นพบว่าหวีไม้ที่ตอนแรกอยู่ในมือ มันกลับหายเข้าไปในมิติแล้วเรียบร้อย“เยี่ยม” หญิงสาวเผลอพูดออกมาเบาๆ“อือ เสี่ยวเหลียน เป็นอะไรหรือเปล่า” ยายหลิวที่นอนอยู่ข้างๆ งัวเงียขึ้นมาถามท่านเป็นคนรู้สึกตัวเร็ว แล้วยิ่งหลานสาวไม่สบายอยู่แบบนี้ทำให้ข่มตาหลับได้ไม่เต็มตาเท่าไหร่ พอได้ยินเสียงขยับตัวของหลานสาวเลยรู้สึกตัวตื่นตัวต้นเรื่องกลับนอนหลับตานิ่ง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ยายเ
last updateDernière mise à jour : 2025-08-09
Read More
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status