14
ความจริงใจที่มาในยามยาก
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาฮุ่ยหลานซีแวะเวียนไปที่ร้านมี่ฟางทุกวัน แต่ไม่ได้เหมาขนมไปแจกขอทานที่นอกเมืองอีกเนื่องจากเคยถูกสตรีตัวน้อยต่อว่า เขาจึงทำเพียงมานั่งมองนางต้อนรับลูกค้าช่วยคนงานในร้าน
“ขออภัยที่วันนี้ข้าแทบไม่ได้นั่งสนทนากับท่านเลย” นางเอ่ยพลา
16 ปกป้องด้วยชีวิต (2) “ข้าบอกเมื่อใดเจ้าคะว่าจะให้ท่านเลี้ยงดูข้า” นางกล่าวพลางเลื่อนชามหนี ทำให้คนที่กำลังคีบอาหารมาให้ชะงักมือ รอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าของใต้เท้าหนุ่มเจื่อนลงเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นการยิ้มปลอบใจตนเอง “ดูเหมือนก้นถ้วยมันจะลื่น” เขากล่าวก่อนจะจับถ้วยของนางดึงกลับมาที่เดิม อีกมือหนึ่งก็คีบอาหารมาใส่ชามนางจนได้ ‘หน๊อย! เจ้าหมาป่าห่มหนังแกะ’ เมื่อครู่ยังทำตัวลีบขอความเห็นใจจากข้า มายามนี้กลับตีหน้าตายบังคับให้ข้ารับอาหารที่เจ้าคีบให้ “ข้าวของเจ้าที่อยู่ที่จวนโหว หากเจ้าไม่อยากได้แล้วก็ทิ้งมันไปเถิด ประเดี๋ยวข้าจะซื้อให้ใหม่” “ยามนี้สถานะของเราเป็นเพียงในนาม คงไม่เหมาะสมหากท่านจะซื้อข้าวของให้ข้า” ที่ผ่านมาไม่นับ “เช่นนั้นเรามาเข้าหอให้มันถูกต้องเลยดีหรือไม่” “ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ายังรู้สึกเข็ดขยาดกับความเจ็บปวดที่ได้รับในวันนั้น”
“ยามนี้ในเมืองหลวงเริ่มมีคนของเหลียงอ๋องแทรกซึมเข้ามา คงรอเพียงเหลียงอ๋องที่กำลังนำทัพมาประชิดเมืองหลวง” “อืม” นางตอบรับสั้น ๆ พลางเพ่งพิศบุรุษตรงหน้าที่ยามนี้ดูผ่ายผอมลงไม่น้อย ใบหน้าดูโทรมคล้ายคนนอนไม่หลับและไม่ได้ดูแลตนเองจนมีหนวดเคราขึ้น ‘สภาพของคนผู้นี้ช่างคล้ายกับคนเร่งรีบเดินทางไม่ได้หลับไม่ได้นอนนานนับเดือน’ “ช่วงนี้เจ้าอย่าได้ออกไปที่ใดเลย เก็บตัวอยู่ในจวนแห่งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้า แม้ข้าไม่อาจมาอยู่ข้างกายเจ้าได้ในยามนี้ แต่ข้าจะให้หลี่ช่านเร้นกายเฝ้าคุ้มครองเจ้าอยู่ที่นี่ หากคนของเหลียงอ๋องสามารถฝ่าด่านทหารและองครักษ์เงาของซีหนานมาได้ ก็ยังมีคนของข้าที่จะช่วยปกป้องเจ้าได้” “...”&n
“ไม่! พอเจ้าย้ายมาอยู่ที่นี่ เขาก็ย้ายออกจากจวน ยามนี้อาศัยอยู่หลับนอนอยู่ที่สำนักผู้ตรวจการ เห็นว่าเป็นบิดาของเขาส่งคนมาแจ้งเรื่องนี้” “อ้อ!” นางตอบรับสั้น ๆ คล้ายไม่ได้สนใจ แต่แท้จริงในใจกลับรู้สึกแปลก ๆ “แท้จริงข้าก็ไม่อยากจะเอ่ยเกลี้ยกล่อมเจ้าแทนเขาแม้แต่คำเดียว แต่พอเห็นสีหน้าเรียบเฉยคล้ายคนไร้วิญญาณ ข้าก็อดไม่ได้ที่จะสงสารเขาที่กำลังจะถูกฮูหยินทิ้ง ข้าคิดว่าเขาคงไม่ชอบใจในสิ่งที่มารดาของเขาทำกับเจ้าจริง มิเช่นนั้นคงไม่ย้ายออกจากจวนและไม่กลับไปที่นั่นอีกเลย” จางรุ่ยเต๋อที่มองออกว่าโหวซื่อจื่อจริงใจต่อสตรีผู้นี้ไม่น้อยเอ่ยบอก “บุตรชายกับมารดา อย่างไรก็ตัดกันไม่ขาดหรอก” “แต่คนที่เปิดโอกาสให้องค์ชายสามและข้าเข้าไปในจวนโหว จนสามารถวางยา
“ข้าไม่พูดซ้ำแล้ว” สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขารีบกดริมฝีปากลงบนแก้มป่องน่าบีบของนางทั้งสองข้าง ก่อนจะจบด้วยการกดริมฝีปากลงบนกลีบปากบางแล้วผละออก “เต้าหู้ของเจ้าช่างหอมหวานจนข้าติดใจเสียแล้ว” “ติดใจก็กินให้มาก ๆ” กล่าวจบริมฝีปากของเขาก็กดลงบนริมฝีปากนางอีกครั้ง ครานี้ลิ้นอุ่นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่ม กวาดต้อนความหวานสลับกับเกี่ยวกระหวัดหยอกเย้าเรียวลิ้นเล็ก เนิ่นนานกว่าจะยอมผละออกด้วยท่าทางเสียดาย “หวานยิ่งนัก เจ้าทำให้ข้าอยากเหนี่ยวรั้งเจ้าไว้ข้างกายเสียแล้ว” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าที่ข้างหู “จบเรื่องนั้นเมื่อใด ท่านก็รีบแต่งกับข้าสิเจ้าคะ ข้าจะได้อยู่เคียงข้างท่านตลอดไป” ยามนี้ไม่มีเรื่องใดให้ลังเลแล้ว เขาดีงามเพียบพร้อมเช่นนี้ เกรงว่ายามเรื่องราวของเขาถู
“ขอบคุณเจ้าที่เชื่อมั่นในตัวข้า” เขาหันไปบอกสตรีที่นั่งอยู่ข้างกาย เขารู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจคนตระกูลจูที่ไม่รังเกียจเขา เมื่อมีถูกผู้คนเล่าลือในทางเสียหาย ทั้งยังยืนหยัดอยู่ข้างกายเขาตลอด “ข้าขอบคุณท่านที่บอกความจริงแก่ข้าและพ่อแม่” “ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับที่อยากขอร้องท่านน้าทั้งสองและเฉ่าเหมย” “ว่ามาเถิด หากพวกเราตระกูลจูทำได้ พวกเราก็ยินดีช่วยเหลือ” “อีกไม่นานจะเกิดการก่อกบฏในเมืองหลวงขอรับ เมื่อถึงเวลานั้นตระกูลคหบดีใหญ่ย่อมตกเป็นเป้าโจมตีเนื่องจากทรัพย์สินที่มากมายสามารถใช้หล่อเลี้ยงกองกำลังของคนพวกนั้นได้ ข้าจึงอยากจะให้พวกท่านใช้ข้ออ้างใดก็ได้ เดินทางออกห่างจากเมือ
15 ปกป้องด้วยชีวิต (1) เมื่อถึงปลายยามเซิน (15.00-16.59) ฮุ่ยหลานซีก็มารับสตรีในดวงใจเพื่อพากลับจวน “ข้าต้องขออภัยนายท่านจูและจูฮูหยินด้วยนะขอรับที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าจะมารับสำรับด้วย”&
หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรกล่าวเช่นนี้มีหรือมือปราบฐานะต่ำต้อยเช่นพวกตนจะกล้าฝ่าฝืน “ท่านมือปราบพวกท่านเป็นอันใดกัน รีบจับคนชั่วช้าผู้นี้ไปขังคุกเสีย จะได้ไม่ต้องเที่ยวไปทำร้ายผู้อื่นอีก” “พอได้แล้วคุณชายซุน อย่าทำให้ตระกูลซุนต้องอับอายขายหน้าไปกว่านี้เลย ก่อนหน้านี้เป็นท่านที่โง่เขลาทิ้งข้าไว้กลางงานหมั้นเพื่อไปหาคุณหนูจิ่งที่ปวดท้อง ตระกูลจิ่งมีผู้คนมากมายแต่สาวใช้กลับมาตามท่านที่กำลังเข้าพิธีหมั้น เพราะท่านไม่ไว้หน้าบิดาข้า ข้าก็ถอนหมั้นให้ท่านได้ไปอยู่กับสตรีที่พึงใจแล้ว ท่านจะมายุ่งเกี่ยวอันใดกับข้าอีก ข้าเบื่อหน่ายที่จะต้องไล่ท่านแล้ว และหากท่านยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับบุรุษของข้าและพยายามใส่ร้ายเขา ข้าจะให้บิดาข้ายกเลิกความร่วมมือทั้งหมดกับตระกูลซุนเสีย” “เจ้ากล้า!” ซุนเจี้ยนหลี่ชี้หน้าจูเฉ่าเหมย&n
‘งามหน้ายิ่งนัก เป็นสตรีในห้องหอแต่กลับออกไปหว่านเสน่ห์ให้บุรุษไปทั่ว สตรีเช่นเจ้าหากไม่ใช่ข้า ก็มีเพียงตระกูลเล็ก ๆ เท่านั้นที่จะยอมรับเจ้าเป็นสะใภ้ เจ้าจงคิดไตร่ตรองดูให้ดี ว่าการแต่งงานกับข้านั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด’ ‘คุณหนูจู ข้ายินดีเสนอตัวแต่งกับเจ้า ข้าสาบานได้ว่าจะแต่งกับเจ้าเพียงคนเดียว’ บุรุษที่รีบร้อนเดินเข้ามาในร้านมี่ฟางเอ่ยขึ้น ‘เอ่อ...ท่านหมอ ท่านก็เป็นไปกับพวกเขาด้วย’ ‘ข้าเปิดโรงหมอมาหลายปี ข้าพบเจอคนมากมาย แต่ข้ายังไม่เคยเจอใครที่สนทนาด้วยแล้วทำให้ข้ากระจ่างแจ้งในคำตอบ ทั้งยังมีจิตเมตตาคอยช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ข้าประทับใจในตัวเจ้ามาโดยตลอด ยามนี้ได้ยินว่ามีบุรุษที่ไม่เข้าทีมายุ่งเกี่ยวกับเจ้า ข้าจึงยินดีที่จะแต่งกับเจ้าเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง’&nbs
“ข้าดีใจที่ยามข้าลำบากพวกเจ้าตระกูลจูไม่รังเกียจข้า ทั้งยังหยิบยื่นไมตรีให้” “เพราะพวกเรารู้จักท่านดีกว่าที่ชาวบ้านพวกนั้นรู้จักเจ้าค่ะ” “ขอบคุณจริง ๆ” “ใกล้เวลารับสำรับกลางวันแล้วหรือ ท่านหิวแล้วหรือไม่ ข้าจะให้สาวใช้ไปซื้อข้าวจากโรงน้ำชาให้” “ไม่ต้อง ๆ ประเดี๋ยวข้าจะไปซื้อมาเอง แล้วเชิญจูฮูหยินมารับด้วยกัน” “เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็ยื่นถุงเงินให้เขา “เก็บไว้เถิด แม้ยามนี้ข้าจะไม่ได้อยู่ที่จวนตระกูลฮุ่ยแล้ว แต่อย่างไรข้าก็ไม่ได้ขัดสนเช่นนั้น”&nb