15
ปกป้องด้วยชีวิต (1)
เมื่อถึงปลายยามเซิน (15.00-16.59) ฮุ่ยหลานซีก็มารับสตรีในดวงใจเพื่อพากลับจวน
“ข้าต้องขออภัยนายท่านจูและจูฮูหยินด้วยนะขอรับที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าจะมารับสำรับด้วย”
&
15 ปกป้องด้วยชีวิต (1) เมื่อถึงปลายยามเซิน (15.00-16.59) ฮุ่ยหลานซีก็มารับสตรีในดวงใจเพื่อพากลับจวน “ข้าต้องขออภัยนายท่านจูและจูฮูหยินด้วยนะขอรับที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าจะมารับสำรับด้วย”&
หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรกล่าวเช่นนี้มีหรือมือปราบฐานะต่ำต้อยเช่นพวกตนจะกล้าฝ่าฝืน “ท่านมือปราบพวกท่านเป็นอันใดกัน รีบจับคนชั่วช้าผู้นี้ไปขังคุกเสีย จะได้ไม่ต้องเที่ยวไปทำร้ายผู้อื่นอีก” “พอได้แล้วคุณชายซุน อย่าทำให้ตระกูลซุนต้องอับอายขายหน้าไปกว่านี้เลย ก่อนหน้านี้เป็นท่านที่โง่เขลาทิ้งข้าไว้กลางงานหมั้นเพื่อไปหาคุณหนูจิ่งที่ปวดท้อง ตระกูลจิ่งมีผู้คนมากมายแต่สาวใช้กลับมาตามท่านที่กำลังเข้าพิธีหมั้น เพราะท่านไม่ไว้หน้าบิดาข้า ข้าก็ถอนหมั้นให้ท่านได้ไปอยู่กับสตรีที่พึงใจแล้ว ท่านจะมายุ่งเกี่ยวอันใดกับข้าอีก ข้าเบื่อหน่ายที่จะต้องไล่ท่านแล้ว และหากท่านยังไม่เลิกยุ่งเกี่ยวกับบุรุษของข้าและพยายามใส่ร้ายเขา ข้าจะให้บิดาข้ายกเลิกความร่วมมือทั้งหมดกับตระกูลซุนเสีย” “เจ้ากล้า!” ซุนเจี้ยนหลี่ชี้หน้าจูเฉ่าเหมย&n
‘งามหน้ายิ่งนัก เป็นสตรีในห้องหอแต่กลับออกไปหว่านเสน่ห์ให้บุรุษไปทั่ว สตรีเช่นเจ้าหากไม่ใช่ข้า ก็มีเพียงตระกูลเล็ก ๆ เท่านั้นที่จะยอมรับเจ้าเป็นสะใภ้ เจ้าจงคิดไตร่ตรองดูให้ดี ว่าการแต่งงานกับข้านั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด’ ‘คุณหนูจู ข้ายินดีเสนอตัวแต่งกับเจ้า ข้าสาบานได้ว่าจะแต่งกับเจ้าเพียงคนเดียว’ บุรุษที่รีบร้อนเดินเข้ามาในร้านมี่ฟางเอ่ยขึ้น ‘เอ่อ...ท่านหมอ ท่านก็เป็นไปกับพวกเขาด้วย’ ‘ข้าเปิดโรงหมอมาหลายปี ข้าพบเจอคนมากมาย แต่ข้ายังไม่เคยเจอใครที่สนทนาด้วยแล้วทำให้ข้ากระจ่างแจ้งในคำตอบ ทั้งยังมีจิตเมตตาคอยช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ข้าประทับใจในตัวเจ้ามาโดยตลอด ยามนี้ได้ยินว่ามีบุรุษที่ไม่เข้าทีมายุ่งเกี่ยวกับเจ้า ข้าจึงยินดีที่จะแต่งกับเจ้าเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง’&nbs
“ข้าดีใจที่ยามข้าลำบากพวกเจ้าตระกูลจูไม่รังเกียจข้า ทั้งยังหยิบยื่นไมตรีให้” “เพราะพวกเรารู้จักท่านดีกว่าที่ชาวบ้านพวกนั้นรู้จักเจ้าค่ะ” “ขอบคุณจริง ๆ” “ใกล้เวลารับสำรับกลางวันแล้วหรือ ท่านหิวแล้วหรือไม่ ข้าจะให้สาวใช้ไปซื้อข้าวจากโรงน้ำชาให้” “ไม่ต้อง ๆ ประเดี๋ยวข้าจะไปซื้อมาเอง แล้วเชิญจูฮูหยินมารับด้วยกัน” “เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็ยื่นถุงเงินให้เขา “เก็บไว้เถิด แม้ยามนี้ข้าจะไม่ได้อยู่ที่จวนตระกูลฮุ่ยแล้ว แต่อย่างไรข้าก็ไม่ได้ขัดสนเช่นนั้น”&nb
ตระกูลฮุ่ยแม้จะเป็นเจ้ากรมอาญามาหลายรุ่น แต่ทว่าการสืบทอดตำแหน่งก็ต้องสะดุดลงเมื่อบิดาของเขาที่ถูกท่านย่าตามใจจนกลายเป็นคนโง่เขลา ไร้ความสามารถ แม้จะได้มารดาของเขาที่เป็นบุตรสาวตระกูลบัณฑิตมาเป็นฮูหยิน แต่ทว่าคนโง่อย่างไรก็คือคนโง่ สุดท้ายก็พาสตรีชาวบ้านเข้าจวนเป็นอนุฯ ทำให้มารดาของเขาตรอมใจตายตั้งแต่ตอนเขาอายุเพียงสิบหนาว ก่อนจะยกสตรีผู้นั้นขึ้นเป็นฮูหยินเอก โปรดปรานบุตรชายของสตรีผู้นั้น ทำให้ชีวิตในวัยเด็กเขาค่อนข้างลำบากนอกจากจะไม่ได้กินอิ่มและเรียนรู้ในสิ่งที่คุณชายตระกูลใหญ่ควรจะได้เรียนแล้ว ยังต้องคอยระวังไม่ให้ตนเองพลาดพลั้งกินยาพิษเข้าไป โชคดีในวันนั้นเขาบังเอิญได้ช่วยเหลือฮ่องเต้ที่ปลอมตัวเสด็จออกมาจากวังเพื่อสอดส่องดูแลอาณาประชาราษฎร์แล้วพลาดถูกซุ่มโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ เขาจึงช่วยพาไปซ่อนตัวก่อนจะทำแผลให้อย่างลวก ๆ เมื่อฮ่องเต้ทราบถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่
14 ความจริงใจที่มาในยามยาก หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาฮุ่ยหลานซีแวะเวียนไปที่ร้านมี่ฟางทุกวัน แต่ไม่ได้เหมาขนมไปแจกขอทานที่นอกเมืองอีกเนื่องจากเคยถูกสตรีตัวน้อยต่อว่า เขาจึงทำเพียงมานั่งมองนางต้อนรับลูกค้าช่วยคนงานในร้าน “ขออภัยที่วันนี้ข้าแทบไม่ได้นั่งสนทนากับท่านเลย” นางเอ่ยพลา
“จะ จำไม่ได้เจ้าค่ะ” นางย่อตัวเพื่อหลบลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารด หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนนางแทบอยากจะมุดดินหนีไปตั้งตัวก่อน เขารุกเร้านางเช่นนี้นางรับมือไม่ทัน “ช่างน่าเสียใจ ที่เจ้าจำข้าไม่ได้ รู้หรือไม่ยามเจ้ากินนั้นดึงดูดสายตาของผู้อื่นเช่นไร” เขาย่อตัวนั่งลงตามนาง จนตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่า ตรงหน้านางที่ทรุดตัวลงนั่งบนพื้น “มะ ไม่รู้เจ้าค่ะ” “หลังจากนั้นข้าก็ได้พบเจ้าในงานเลี้ยงของฮองเฮา ได้เห็นเจ้าห่วงใยสหายที่เพิ่งรู้จักกัน ได้เห็นความจริงใจของเจ้า” ‘เช่นนั้นที่บังเอิญผ่านมารับข้าไปร่วมงานแต่งของเจียงเซียวเล่อก็หาใช่เรื่องบังเอิญสิ’ “เจ้าคิดถูกแล้ว หลังจากได้พบเจอเจ้าอยู่หลาย
“ไม่มีอันใดมาก เมื่อคืนพี่ชายสามกับรุ่ยเต๋อแค่ไปเดินเล่นในจวนโหวมา เดินเล่นไปเดินเล่นมาได้ยินเสียงหัวเราะน่ารังเกียจของแม่สามีเจ้า เลยพลั้งมือทำพิษร่วงใส่กาน้ำชาไปสามสี่หยด” “พิษหรือเจ้าคะ ร้ายแรงหรือไม่” “นางทำเจ้าถึงเพียงนี้ ยังจะมีใจห่วงใยนางอีกนะ” จอมยุทธ์หนุ่มกล่าว “ข้าเพียงไม่อยากให้ท่านก่อบาปเพราะข้า” “อย่าได้ห่วงเลย นั่นเป็นเพียงพิษร่างระทวย ไร้สีไร้รสไร้กลิ่นและทำให้คนที่ถูกพิษไร้เรี่ยวแรง ไม่ถึงตาย” ราชเลขาธิการหนุ่มกล่าว นี่เป็นเพียงการสั่งสอนเล็กน้อยจากพวกเขา “หากเพียงไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อยก็ช่างเถิดเจ้าค่ะ”&nb
“จิ่วเม่ย ขอข้าสนทนากับเจ้าได้หรือไม่” เป็นผู้ตรวจการหลวนที่ยืนมองฮูหยินของตนอยู่นานเอ่ยถาม “หากเจ้าไม่อยากสนทนากับเขา ก็บอกข้าได้ ข้าจะให้สามีข้าจัดการเขาให้” เป็นเหอซือซือแสร้งยกมือป้องปากเอ่ยถามนาง “ขอบคุณ แต่เจ้ากำลังท้องกำลังไส้อย่าได้สร้างบาปเลย ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” เหลียงจิ่วเม่ยป้องปากตอบสหาย “ผู้ตรวจการหลวน ท่านอย่าได้คิดทำให้สหายข้าลำบากใจนะเจ้าคะ จิ่วเม่ยข้ากลับก่อนเอาไว้นัดเจอกันใหม่” “ได้ กลับจวนดี ๆ นะ” นางกล่าวก่อนจะมองสหายถูกสามีโอบประคองออกไป ดีใจยิ่งนักที่มีโอกาสได้เห็นสหายได้รับความรักจากบุรุษผู้หนึ่งมากถึงเพียงนี้&