ห้องพักของเฮยเฟิงและไป๋เยี่ยน…“พี่ใหญ่ของข้าบอกให้เจ้าทำอะไรก็ทำตามหมดเลยหรือ ท่านเฮยเฟิง?”ไป๋เยี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาแฝงความเคลือบแคลง“แน่นอน ข้าเป็นองครักษ์ของท่านจอมมาร ท่านให้ข้าทำสิ่งใด ข้าย่อมปฏิบัติตามโดยไม่ลังเล”เฮยเฟิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นคง“แล้วเหตุที่ท่านมาดูแลข้าแบบนี้... เป็นเพียงเพราะพี่ใหญ่ของข้าสั่งมาเท่านั้นใช่หรือไม่?”“ใช่”“งั้นก็ดี... ข้าขอบคุณท่านมาก”ไป๋เยี่ยนพึมพำ น้ำเสียงสั่นไหวเล็กน้อยอย่างพยายามกลบเกลื่อนความเจ็บที่แทรกซึมในใจ นางลุกขึ้นยืนราวกับจะเดินหนี แต่ก่อนจะได้ก้าวไปไหน แขนเรียวกลับถูกคว้าหยุดไว้สายตาของทั้งสองสบประสาน—ลึกซึ้งและอัดแน่นไปด้วยสิ่งที่ไม่ได้เอ่ย“แม้จะเป็นคำสั่งของท่านจอมมาร... แต่มันก็เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น”เฮยเฟิงพูดเสียงแผ่ว“ความจริงแล้ว ข้าอยากจะดูแลเจ้า อยากจะอยู่ใกล้เจ้า... ตลอดไปต่างหาก”“เจ้าก็เคยบอกว่าเจ้า—”ยังไม่ทันที่คำพูดของเขาจะจบ ไป๋เยี่ยนก็รีบยกมือเล็กๆ ขึ้นปิดปากเขาอย่างลนลาน แก้มแดงเรื่อดั่งกลีบดอกโบตั๋น“พอแล้ว ไม่ต้องพูดอีก... ดึกมากแล้ว เราควรนอนได้แล้ว”นางพูดเสียงเบาราวกระซิบ“เรานอน?”เฮยเฟิงเ
หุบเขามังกรดำ“กลิ่นมารที่นี่แรงมาก... ทุกคน ระวังตัวให้ดี” ไป๋เทียนหลงพูดเสียงหนักแน่น แววตาคมกริบกวาดมองไปรอบบริเวณ“อาจารย์เคยบอกไว้ว่าหุบเขามังกรดำซ่อนความลี้ลับเอาไว้มากมาย มันมักจะโผล่มาในจังหวะที่เราคาดไม่ถึง เพราะงั้น... ห้ามประมาท แล้วก็อย่าแยกจากกลุ่ม”เซียวหานพูดเสริมก่อนหันไปสบตากับซิวเหยาเล็กน้อยราวกับเป็นห่วง“งั้น... เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ ข้าใจไม่ค่อยดีเลย” ซิวเหยากระซิบเสียงเบาพลางขยับเข้ามาใกล้เซียวหานโดยไม่รู้ตัว“แต่จะออกจากที่นี่ ต้องใช้เวลาสองวัน เส้นทางก็วกวน ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว... ข้าว่าพักกันที่นี่ก่อนดีกว่า จะได้มีแรงพรุ่งนี้”เซียวหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลง“ข้าไปดูมาแล้ว ข้างหน้าโน้นมีโรงเตี๊ยมเก่าๆ ยังพอพักได้”เฮยเฟิงรีบแจ้ง“ดี งั้นเราจะพักกันที่นั่น”ไป๋เทียนหลงพยักหน้าแล้วหันกลับไปหามู่หลินที่ยืนมองฟ้าสลัวๆ อยู่เงียบๆ“คืนนี้เราจะแบ่งพักกันเป็นคู่ จะได้ดูแลกันง่ายขึ้น... ซิวเหยา เจ้ามากับข้า”เซียวหานยิ้มอ่อนก่อนคว้าจับมือของซิวเหยาเดินไปยังห้องพักทันที“ศิษย์พี่ ท่านนี่... ชอบใช้กำลังนักนะ”ซิวเหยาแสร้งว่าไม่พอใจแต่ก็ยอมปล่อยให้เขาจูงมืออย่
ในหุบเขาหิมะอันหนาวเหน็บ ท่ามกลางสายลมที่พัดแรงราวกับจะแช่แข็งลมหายใจของผู้ใดก็ตามที่เหยียบย่างเข้ามา ร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งยืนเด่นอยู่กลางผืนหิมะสีขาวโพลน—นางคือ ซิวเหยาดวงตาของนางกวาดมองไปรอบทิศ พยายามหาทางออกจากสถานที่แสนประหลาดนี้ แต่ไม่ว่าเดินไปทางใด เส้นทางที่ทอดยาวกลับพานางย้อนกลับมายังจุดเดิมราวกับถูกกักขังไว้ในวังวนไม่รู้จบ"นี่มันอะไรกันแน่... ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วพวกเขาหายไปไหนกันหมด..."เสียงของนางเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ เย็นยะเยือกจนได้ยินเพียงเสียงหิมะที่ปลิวกระทบพื้นดินหัวใจของซิวเหยาเริ่มเต้นแรง ความกังวลแผ่ซ่านเข้ามาในจิตใจ"หุบเขาแห่งนี้...คงเป็นบททดสอบของสวรรค์แน่ ๆ ..."นางพึมพำกับตนเองจากนั้น นางกางมือเรียวออก ใช้พลังแห่งจิตปลุกเรียกอาวุธประจำกาย—พัดเพลงแห่งลม พัดที่อาบด้วยพลังเสียงลี้ลับจากธรรมชาติเสียงหวีดหวิวของสายลมเริ่มดังขึ้น พัดผ่านปลายพัดพลันกลายเป็นเสียงเพลงแหลมสูงแฝงพลังที่คมกริบราวมีดพันเล่มท่ามกลางเสียงเพลงแห่งลม หิมะขาวโพลนตรงหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยน—ราวกับม่านภาพลวงตาค่อยๆ สลายไป เผยให้เห็นภาพใหม่ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง...เบื้องหน้าไม่
กลางสะพานไม้ที่ทอดยาวเหนือผืนน้ำฟ้าครามมู่หลินยืนนิ่ง ประจันหน้ากับไป๋เทียนหลง สายตาของเขาฉายแสงแดงก่ำ เหมือนจอมมารผู้ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวที่สุด“ไป๋เทียนหลง ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่? ข้าคิดว่าข้ามาที่นี่คนเดียวเสียอีก” มู่หลินถามเสียงสั่นไป๋เทียนหลงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เจ้ามาที่นี่ได้ ข้าก็มาที่นี่ได้เช่นกัน”มู่หลินยืนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมท่านถึงดูไม่เหมือนตัวท่านเอง?”เสียงหัวเราะห้วน ๆ ของไป๋เทียนหลงดังขึ้น“ฮ่า ฮ่า”เสียงเย็นชาที่ทำให้มู่หลินรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล“ท่านไม่ใช่เขา เขาไม่มีทางเป็นเช่นนี้!”มู่หลินสูดลมหายใจเข้าลึกและตั้งสติ ก่อนจะออกเวทดอกโบตั๋นสะกดวิญญาณขึ้นมา ทันใดนั้น พลังเวทลุกโชนในอากาศและแสงสีชมพูพุ่งออกไปยังเขาทันที“อ๊าก...”เสียงร้องออกมาพร้อมกับร่างที่ฟุบลงไปกับพื้น กลายเป็นปีศาจหิมะในพริบตา“หุบเขาเทพ แต่กลับมีปีศาจอยู่ นี่มันช่างน่าขันเสียจริง”มู่หลินพูดเสียงเบาแต่แข็งกร้าวปีศาจหิมะที่ตอนนี้กลายร่างเป็นปีศาจเต็มตัวร่ายพลังและหวังจะฟาดใส่มู่หล
ภายในวิหารสีขาวบริสุทธิ์ งดงามราวภาพฝัน กลีบดอกไม้ลอยละล่องกลางอากาศ ก่อนจะร่วงหล่นลงทีละกลีบ... ทีละกลีบไป๋เยี่ยนยืนตะลึงอยู่กลางวิหาร ดวงตากวาดมองรอบกายอย่างหวาดระแวง ทุกอย่างช่างแปลกตา ไม่คุ้นเคย... และเย็นยะเยือกอย่างน่าประหลาดเสียงฝีเท้าแผ่วเบาค่อย ๆ ดังใกล้เข้ามา นางรีบหันขวับไปทันที แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นชายผู้หนึ่งในชุดขาวบริสุทธิ์ มีรัศมีสง่างามแผ่พุ่งออกมาราวกับเทพบนสวรรค์ ดวงตาคมลึกและสีหน้าเยือกเย็นราวหิมะที่ไม่เคยละลาย“ท่านเป็นใคร… แล้วที่นี่คือที่ใดกันแน่?”ไป๋เยี่ยนถามด้วยเสียงสั่นเขาเพียงยิ้มบางที่มุมปาก ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแฝงอำนาจ“ที่นี่คืออาณาจักรของข้า... เซวี่ยเทียน เทพแห่งหิมะ”“แล้วท่านจับตัวข้ามาด้วยเหตุใดกัน?!”ไป๋เยี่ยนถามต่อด้วยความสงสัย“ข้าไม่ได้ ‘จับ’ ... ข้าเพียง ‘เลือก’ เจ้ามาเป็นเจ้าสาวของข้า”“ท่านว่าอะไรนะ?! ข้ากับท่านไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ! แล้วจะให้แต่งงานได้อย่างไร?!”“ไม่จำเป็นต้องรู้จัก หากใจข้าเลือกเจ้า... นั่นก็มากพอแล้ว”ไป๋เยี่ยนกำหมัดแน่น น้ำเสียงสั่นระคนกราดเกรี้ยว“ถ้าการแต่งงานคือการฝืนใจ ข้ายอมตายเสียดีกว่า! ชีวิตนี้... หาก
หุบเขาแห่งเทพ...ทุกคนมุ่งหน้าเข้าสู่หุบเขาแห่งเทพด้วยความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อ ใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวัง แม้ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง แต่เพราะโลกมนุษย์และคนที่พวกเขารัก พวกเขาจึงไม่ถอย แม้ข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตรายที่อาจซุ่มซ่อนอยู่ก็ตามพวกเขาผ่านสะพานไม้เก่าๆ ที่สูงชัน ราวกับกำลังเดินข้ามขอบฟ้า ข้างล่างมีแมกไม้หนาทึบ ลมเย็นพัดเบาๆ พร่าไปด้วยหมอกหนา จนแทบไม่สามารถมองเห็นอะไรชัดเจนแต่เมื่อก้าวเข้ามาถึงหุบเขา ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปทันที ท่ามกลางความเงียบสงบ หิมะขาวโพลนปกคลุมทั่วทุกพื้นผิว บรรยากาศเย็นยะเยือกทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความหนาวสะท้านที่พุ่งตรงไปถึงกระดูก“ทุกคน ระวังตัวให้ดี แม้หุบเขานี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหุบเขาแห่งเทพ แต่เราก็ยังไม่อาจไว้วางใจได้ เพราะสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ”เซียวหานกล่าวเตือนเสียงทุ้ม“อากาศมันหนาวเกินไป ข้ากลัวว่าหากเดินต่อ ทุกคนจะถูกหิมะกัดกินจนตายแน่... พักสักครู่ ให้พวกเราได้มีโอกาสทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นอีกหน่อย”ไป๋เทียนหลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวลทุกคนต่างพยักหน้าเห็นพ้องกัน เพราะความเย็นยะเยือกนั้นทำให้แม้แต่การก้าวเดินยังกลายเป็นเรื่อง
แสงจันทร์ลอยเด่นกลางฟ้า สาดแสงเหลืองนวลลงสู่พื้นดิน ค่ำคืนอันเงียบสงบในหุบเขาอสรพิษ ที่อบอวลไปด้วยอันตรายซ่อนเร้นมู่หลินหลับตาลงอย่างแผ่วเบา นางฝันเห็นปิ่นปักผมไข่มุกจันทราส่องประกายสว่างไสว ภาพในฝันเผยให้เห็นสตรีผู้เลอโฉมราวเทพธิดาและบุรุษรูปงามดุจเซียน สตรีผู้นั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับนาง ส่วนบุรุษนั้นก็ดูละม้ายกับไป๋เทียนหลง“นี่คือปิ่นปักผมมุกจันทรา... ของรักล้ำค่าที่เยว์ซินเทพแห่งจันทรา มอบให้แก่ชายคนรัก จิ่นหลิง เทพแห่งสงคราม...”ภาพความฝันแปรเปลี่ยนเป็นฉากบนสวรรค์ ที่ทั้งสองได้ทำผิดกฎของสวรรค์ สวรรค์จึงส่งทั้งสองให้มาเกิดบนโลกมนุษย์ เพื่อพิสูจน์ความรัก ซึ่งนั้นอาจจะไม่ได้หมายความว่าความรักจะสมหวัง หรือความรักจะล้มเหลวทุกอย่างอยู่ที่โชคชะตาลิขิตในความฝันเยว์ซินยอมรับบทลงโทษจากสวรรค์หวังว่าสักวันนางจะได้ครองรักกับจิ่นหลิงสักครั้ง“สักวัน... ข้าจะกลับมารักท่านอีกครั้ง”คำกล่าวลาจากใจของเทพแห่งจันทรา ทำให้ในฝันของมู่หลินโศกเศร้าหลั่งน้ำตาออกมาทั้ง ๆ ที่นางหลับใหลอยู่ในห้วงของความฝัน“มู่หลิน มู่หลิน... เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดจึงนอนร้องไห้?”ซิวเหยาเขย่าตัวนางเบา ๆ เพื่อปลุกให้ได้สติ
แสงจันทร์ลอยเด่นกลางฟ้า สาดแสงเหลืองนวลลงสู่พื้นดิน ค่ำคืนอันเงียบสงบในหุบเขาอสรพิษ ที่อบอวลไปด้วยอันตรายซ่อนเร้นมู่หลินหลับตาลงอย่างแผ่วเบา นางฝันเห็นปิ่นปักผมไข่มุกจันทราส่องประกายสว่างไสว ภาพในฝันเผยให้เห็นสตรีผู้เลอโฉมราวเทพธิดาและบุรุษรูปงามดุจเซียน สตรีผู้นั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกับนาง ส่วนบุรุษนั้นก็ดูละม้ายกับไป๋เทียนหลง“นี่คือปิ่นปักผมมุกจันทรา... ของรักล้ำค่าที่เยว์ซินเทพแห่งจันทรา มอบให้แก่ชายคนรัก จิ่นหลิง เทพแห่งสงคราม...”ภาพความฝันแปรเปลี่ยนเป็นฉากบนสวรรค์ ที่ทั้งสองได้ทำผิดกฎของสวรรค์ สวรรค์จึงส่งทั้งสองให้มาเกิดบนโลกมนุษย์ เพื่อพิสูจน์ความรัก ซึ่งนั้นอาจจะไม่ได้หมายความว่าความรักจะสมหวัง หรือความรักจะล้มเหลวทุกอย่างอยู่ที่โชคชะตาลิขิตในความฝันเยว์ซินยอมรับบทลงโทษจากสวรรค์หวังว่าสักวันนางจะได้ครองรักกับจิ่นหลิงสักครั้ง“สักวัน... ข้าจะกลับมารักท่านอีกครั้ง”คำกล่าวลาจากใจของเทพแห่งจันทรา ทำให้ในฝันของมู่หลินโศกเศร้าหลั่งน้ำตาออกมาทั้ง ๆ ที่นางหลับใหลอยู่ในห้วงของความฝัน“มู่หลิน มู่หลิน... เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดจึงนอนร้องไห้?”ซิวเหยาเขย่าตัวนางเบา ๆ เพื่อปลุกให้ได้สติ
หลังจากซิวเหยากับเซียวหานออกจากถ้ำเมื่อคืนนี้ จนรุ่งเช้าแสงอาทิตย์ขึ้น ทั้งสองก็พากันมุ่งหน้าไปยังปากทางเข้าหุบเขาเทพ ตามจุดที่นัดนัดหมายกับทุกคนอากาศเช้ายังเย็นสบาย แดดก็ยังไม่แรงนัก ทั้งสองเดินเคียงกันเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ จนเซียวหานเอ่ยขึ้นก่อน“เมื่อคืนเจ้าหลับสบายดีหรือเปล่า?”ซิวเหยาเงยหน้าขึ้น ยิ้มนิด ๆ แต่แววตายังมีความกังวล“ข้านอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ เป็นห่วงมู่หลินและคนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง”“มู่หลินมีจอมมารไป๋เทียนหลงอยู่ด้วย ข้าว่านางปลอดภัยดีล่ะ อีกอย่างนางก็ฉลาด เอาตัวรอดเก่ง เจ้าก็อย่าเพิ่งกังวลไปเลย”เขาหยุดนิดหนึ่งแล้วมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน“ว่าแต่เจ้า... เมื่อคืนไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?”ซิวเหยาส่ายหน้าเบา ๆ แล้วพูดเสียงอ้อมแอ้ม“ไม่เลย ข้าสบายดี ศิษย์พี่ไม่ต้องห่วงหรอก”เซียวหานขยับตัวเข้าไปใกล้ เสียงเขาอ่อนลงจนแทบเป็นกระซิบ“จะไม่ให้ข้าห่วงเจ้าได้ยังไง… เจ้าก็คือดวงใจของข้านี่”ซิวเหยาหน้าแดงวาบ หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก“นี่... ศิษย์พี่จะบอกว่ารักข้าหรือ?”เธอถามเสียงเบา แทบไม่กล้าสบตาเขายิ้มนิด ๆ แล้วเชยคางเธอให้มองสบตากันตรง ๆ“ข้ารักเจ้าม