ความรักครั้งแรกที่สวยงามกลับกลายเป็นความแค้นที่ฝังลึกเมื่อเขายอมขาดอิสรภาพเพื่อความรัก แต่เธอกลับมองไม่เห็นค่า เขากลับมาแก้แค้น แต่ทว่าน้องสาวของเธอกลับทำให้เขาลังเล การแก้แค้นหรือการเริ่มต้นใหม่คืออะไรกันแน่ที่เขาต้องการ
View Moreแฟ้มประวัติของผู้สมัครเข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยซีอีโอหนุ่มวางอยู่บนโต๊ะทำงานของภคชนท์มาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแต่ชายหนุ่มยังไม่ได้เปิดดูเพราะสองวันมานี้เขามีประชุมตลอดซึ่งอันที่จริงตัวเขาเองก็ไม่อยากได้ผู้ช่วยสักเท่าไหร่ แต่ที่ต้องรับสมัครเพราะตอนนี้งานของเขาเองก็ล้นมือ
คุณสมบัติของผู้ช่วยที่ชายหนุ่มต้องการก็คือคนที่เข้าใจเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์รวมถึงเข้าใจถึงกระบวนการรักษาโรคต่างๆ ได้ในระดับหนึ่งและถ้าเป็นบุคลากรทางการแพทย์ก็จะยิ่งดีใหญ่
เอกสารที่อยู่ในแฟ้มคุณแพรพรรณส่งไฟล์ให้กับชายทางไลน์แล้วแต่เพราะเขายังไม่ยอมตัดสินใจเลือกผู้ช่วยเธอจึงนำทุกอย่างใส่แฟ้มมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขาด้วยมันเหมือนเป็นการกดดันเขาทางอ้อม
ภคชนท์เปิดแฟ้มและอ่านรายละเอียดของผู้สมัครงานซึ่งฝ่ายบุคคลเห็นว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการเป็นผู้ช่วยที่จะตามเขาไปทุกที่
ประวัติของทุกคนแทบไม่มีอะไรต่างกันเลย ถ้าหากเขาจะสุ่มเลือกคนใดคนหนึ่งมาก็คงจะได้แต่เมื่อเปิดไปเรื่อยๆ ก็มีชื่อหนึ่งที่สะดุดตา
ฉัตรญาดา บุญรัตนวิทย์
“ในที่สุดก็หาเจอนะ” ภคชนท์พึมพำกำตัวเอง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มปรากฏแต่มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความแค้นและความเจ็บปวดที่ชายหนุ่มไม่เคยลบมันออกจากใจได้เลย
ภคชนท์ลังเลว่าจะรับเธอเข้ามาเป็นผู้ช่วยดีหรือเปล่า เขาอยากลืมอดีตให้หมดและคิดว่าเวลาจะทำให้ลืมเรื่องทุกอย่างได้แต่มันกลับตรงกันข้ามเพราะยิ่งผ่านมานานเขาก็ยังไม่เคยลืมมันเลย
การได้เจอกับคนในอดีตอีกครั้งให้ความทรงจำมันชัดเจนขึ้น เขาคิดว่าบางทีการได้แก้แค้นน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะลืมมันได้
เมื่อคิดได้แบบนั้นรีบกดโทรออกไปยังเลขาหน้าห้องเพื่อบอกกับเธออว่าเขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกคนไหนมาเป็นผู้ช่วย
“คุณแพรเข้ามาหาผมหน่อย”
“ค่ะบอส”
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นสามครั้งก่อนจะเปิดออกพร้อมกับเลขานุการวัยกลางคนที่เดินยิ้มเข้ามา
“มีอะไรคะบอส”
“ผมเลือกผู้ช่วยได้แล้วนะ”
“จริงเหรอคะ บอกเลือกคนไหนคะ” แพรพรรณเองก็อยากรู้ว่าเจ้านายของเธอจะเลือกคนเดียวกับที่เธอคิดไว้หรือเปล่า
“คนนี้ไง” เขาส่งแฟ้มที่เปิดค้างไว้ให้กับหญิงสาว เมื่อเธอเห็นก็ยิ้มเพราะเป็นคนเดียวกับที่เธอคิดไว้
“บอสตาแหลมมากเลยค่ะ”
“ยังไงล่ะ”
“เธอคนนี้ดูคล่องแคล่วและฉลาดมากวันที่มาสัมภาษณ์เธอโดดเด่นกว่าใครทั้งหมด หน้าตาก็สวย แต่งตัวทันสมัยดูมีความมั่นใจในตัวเองมาก”
“ติดต่อเธอให้มาเริ่มงานได้เลยนะ”
“แต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดยาวติดกันสี่วันเธอคงมาทำงานได้วันอังคารค่ะบอส”
“ผมลืมไปเลย งั้นก็ให้เธอมาเริ่มงานวันอังคาร จัดโต๊ะทำงานให้เธอด้วย เอาห้องเล็กที่เชื่อมห้องผมก็แล้วกันนะเวลาคุยงานจะได้สะดวก”
“ถ้าบอสอยากสะดวกจริงก็ให้เธอทำงานห้องเดียวกับบอสเลยสิคะ ห้องบอสออกกว้างมีโต๊ะทำงานมาเพิ่มอีกตัวก็คงไม่มีปัญหาอะไร” แพรพรรณเสนอเจ้านายเพราะถ้าทั้งสองคนแยกห้องกันทำงานเธอก็คงจะเหนื่อยที่ต้องเข้าออกทั้งสองห้อง
“เอางั้นก็ได้”
“แพรจะรีบจัดการให้ค่ะ”
เมื่อเลขาเดินออกจากห้องไปแล้วภคชนท์ก็หยิบประวัติหญิงสาวขึ้นมาดูอีกครั้ง หน้าตาของเธอเปลี่ยนไปมากถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเธอสวยมากต่างจากเมื่อสิบปีก่อนจนเขาจำแทบไม่ได้ และชายหนุ่มก็คิดว่าเธอเองก็คงจะจำเขาไม่ได้เช่นกัน
การจ้างเธอมาทำงานด้วยในครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นการแก้แค้นที่เขารอคอยมานาน
ภคชนท์ยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่หญิงสาวและครอบครัวจะต้องได้รับ
บรรยากาศบ้านสวนของคุณนิวัฒน์และภัทราดูมีชีวิตชีวาเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านกับน้องสาววัยสิบห้ากำลังคุยกันอย่างออกรส“พลอยอยากให้พี่ญาดากลับมาบ้านบ่อยๆ” พลอยภัทรานั่งเกาะแขนพี่สาวไว้ไม่ยอมปล่อย“พี่เขาต้องทำงานนะพลอยจะให้กลับมาบ่อยๆ คงไม่ได้หรอก” ภัทราบอกกับลูกสาวที่เอาแต่เกาะติดพี่สาวต่างมารดาไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ฉัตรญาดากลับมาถึงบ้าน“ก็พลอยเหงานี่คะ อยู่กับพ่อและแม่น่าเบื่อจะตาย ขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ไม่ได้”“จริงเหรอคะพ่อ” ฉัตรญาดาหันไปถามบิดาเพราะตอนที่เธออายุเท่ากับพลอยภัทราบิดาไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้“ไม่หรอกน่า น้องก็พูดเกินไป”“ไม่เกินไปเลยค่ะ พ่อห้ามไม่ให้พลอยออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือถ้าให้ไปก็ไปนั่งเฝ้าพลอยอึดอัดนะ”“ก็พ่อเป็นห่วงพลอย”“แต่พลอยโตแล้ว” เด็กสาวเถียงเพราะเพื่อนๆ ของเธอไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ“พลอยจ้ะ พี่ว่าเอางี้ดีไหมล่ะ” ฉัตรญาดากำลังหาทางออกให้บิดาและน้องสาว“ยังไงคะ”“ก็เวลาที่พลอยจะไปไหนพลอยก็บอกพ่อและนัดเวลารับส่งที่แน่นอน ส่วนพ่อก็ต้องไว้ใจน้องนะคะ ญาดาว่าน้องก็โตพอที่จับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ตอนที่ญาดาอายุเท่าน้องพ่อยังให้ญาดาขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกับเพื่อนเลยน
บ่ายวันเสาร์ภคชนท์ขับรถไปรอลดาภัสน์ที่หน้าโรงพยาบาล พอถึงเวลานัดหญิงสาวก็ลงมาจากตึกด้วยชุดกระโปรงสายเดี่ยวผ้าพลิ้วสีฟ้าน้ำทะเลและสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกชายเสื้อไว้ทางด้านหน้า“รอนานไหมคะ”“ไม่ครับ คุณสวยมากเลยนะ วันนี้ใส่ชุดนี้มาทำงานเหรอ”“เปล่าค่ะเพิ่งเปลี่ยนเมื่อกี้คุณชนท์จะพาไปทานอาหารทะเลทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศหน่อยสิคะ” หญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาก็แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงผ้าต่างจากทุกครั้งที่จะสวมเชิ้ตและสวมสูททับ“ผมซื้อพายกับกาแฟมาให้คิดว่าคุณคงหิวเพราะอีกนานเลยกว่าเราจะไปถึงร้านอาหาร” เขาส่งกล่องพายและกาแฟให้กับลดาภัสน์ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปจากหัวหินตามที่ได้คุยกันไว้“ขอบคุณค่ะโอปอกำลังหิวอยู่พอดีเลย คุณชนท์ทานด้วยกันไหมคะ”“ไม่เป็นไรครับผมทานมาแล้ว”ระหว่างทางไปหัวหินทั้งสองคนก็คุยกันอย่างสนิทสนม ลดาภัสน์รู้สึกเหมือนตัวเองรู้จักกับเขามานาน ถ้าหากภคชนท์ไม่ใช่นักเรียนนอกเธอคงจะคิดว่าเขาคือคนเดียวกับวีรวัชร์อย่างแน่นอน“ปกติแล้ววันหยุดคุณชนท์ทำอะไรคะ”“ก็ออกกำลังกาย ว่ายน้ำแล้วนอนดูหนังสักเรื่องที่คอนโดครับ คุณล่ะ”“ก็อยู่บ้านกับแม่ค่ะ ท
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะแม่” ลดาภัสน์แปลกใจที่กลับมาเวลานี้แล้วมารดายังไม่เข้านอน“ก็ว่าจะนอนแล้วล่ะ งานหนักเหรอกลับดึกเชียว”“เปล่าหรอกค่ะแม่ โอปอไปทานข้าวกับเพื่อนมาค่ะ แม่เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ดีเลย”“เย็นนี้ญาดาโทรมาหาแม่”“เหรอคะ แล้วญาดาว่ายังไงบ้างคะ”“ก็ถามเรื่องงานแล้วก็บอกว่าจะให้เงินเดือนแม่เพิ่ม”“เหรอคะ แล้วญาดาบอกไหมว่าจะให้เท่าไหร่”“แม่บอกน้องไปแล้วว่าไม่ต้องให้เพิ่มเพราะที่ให้มาก็มากพอแล้ว”“พอเหรอคะแม่ โอปอว่าน่าจะขอเพิ่มอีกสักหน่อย”“แค่นี้ก็รบกวนน้องมากแล้วนะโอปอ แม่เองก็พอมีเงินอยู่”“ญาดาไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะแม่ ตอนนี้ก็เพิ่งเข้าไปทำงานที่บริษัทใหม่เงินเดือนเยอะกว่าเดิมมาก”“ญาดาก็เล่าให้ฟังแล้วแต่แม่ก็อยากให้น้องเก็บเงินไว้บ้าง น้องยังต้องผ่อนคอนโดอีก แล้วโอปอล่ะลูกที่ทำงานใหม่เป็นยังไงบ้าง”“ก็ดีค่ะแม่ เงินเดือนเยอะขึ้นแต่ก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น วันเสาร์โอปอก็ต้องทำงานครึ่งวัน”“แล้วแบบนี้จะมีเวลาไปหาอาร์ทเหรอ”“ทำไมโอปอจะต้องไปหาเขาล่ะคะแม่ เขาต่างหากที่ต้องมาหาโอปอ นี่ก็หยุดยาวติดกันสามวันเขายังไม่มาเลย”“คุยกับเขาแล้วเหรอ”“เราคุยกันเมื่อตอนบ่ายค่ะ เขาว่าช่วง
ออกจากร้านอาหารแล้วภคชนท์ก็ไปนั่งดื่มที่ร้านของกษิเดชแต่เขาไม่ได้โทรนัดภูวริษออกมาเหมือนอย่างทุกครั้งเพราะวันนี้อยากนั่งดื่มคนเดียวและใช้ความคิดไปด้วย“ฉายเดี๋ยวเหรอวันนี้” กษิเดชเข้ามาทักทายรุ่นน้องที่เขาเห็นนั่งดื่มคนเดียวมาเกือบชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เห็นเพื่อนสนิทของเขาอย่างหมอภูวริษมาด้วย“สวัสดีครับพี่เดช”“ดื่มคนเดียวเหงาไหมล่ะ”“ผมว่าผมเหงาจนชินแล้วล่ะครับ”“ไม่สบายใจเรื่องอะไร เล่าได้ไหม”“วันนี้ผมเจอโอปอ”“ใครกันโอปอ พี่พลาดอะไรไปหรือเปล่าเหมือนไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยนะ” เขานั่งข้างๆ สายตามองรุ่นน้องที่นั่งหน้าเครียด“ผมก็เพิ่งได้ยินวันนี้แต่ถ้าบอกว่าผมเจอรวีพี่ก็คงร้องอ๋อ”“จริงเหรอ แล้วเป็นไงบ้างได้คุยกันหรือเปล่า นายจำเธอได้ไหม”“เธอเหมือนจะจำได้แต่ผมก็ปฏิเสธไปแล้ว ถ้าพี่เป็นเธอพี่จะเชื่อไหมล่ะ”“มันอยู่ที่ว่านายกับเธอรู้จักกันดีมากแค่ไหนก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าว่ากันตามจริงก็เชื่อยากนะเพราะนายเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งชื่อนามสกุลรวมถึงการศึกษา”“มันก็จริงนะ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ”“ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลย อีกอย่างเธอก็แต่งงานไปแล้ว”“เสียใจไหม”“ก็นิดหน่อย แต่ผมก็เผื่อใจ
ฉัตรญาดาขับรถมายังร้านอาหารที่เธอมักมารับประทานเวลาเลิกงานกับเจ้านายเพราะถามแพรพรรณแล้วว่าร้านนี้น่าจะเหมาะสมที่สุดเพราะมีทั้งที่จอดรถและอาหารอร่อยหญิงสาวมาถึงร้านอาหารก่อนเวลาเล็กน้อยและพี่สาวของเธอก็ยังไม่มาถึงฉัตรญาดาเลือกนั่งโต๊ะติดกับประตูทางเข้าเพราะกลัวว่าพี่สาวจะมาแล้วมองไม่เห็นหรืออีกเหตุผลหนึ่งก็คือถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็จะได้หนีแบบง่ายๆพนักงานของร้านรีบเดินเข้ามารับออเดอร์ทันทีที่เห็นหญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้“รับอาหารเหมือนเดิมมั้ยคะ” พนักงานสาวทำด้วยความคุ้นเคยเพราะจำได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่มารับประทานอาหารกับแขกประจำอย่างภคชนท์“ขอเมนูดีกว่าค่ะวันนี้ฉันมากับคนอื่น”“ได้ค่ะ”พนักงานหยิบเมนูอาหารมาให้หญิงสาวสั่งสเต๊กปลาสองที่และสั่งสลัดผัดกับสปาเกตตี้มาอีกอย่างละหนึ่งจาน เหตุผลเธอสั่งอาหารไว้รอเพราะคิดว่าเมื่อพี่สาวมาถึงก็จะได้รีบคุยธุระกันทันทีฉัตรญาดานั่งรอไม่นานนักพี่สาวของเธอก็เดินเข้ามาในร้านและเห็นเมื่อเห็นน้องสาวนั่งรออยู่ก็รีบตรงเข้ามาหาทันที“รอนานไหมญาดา โทษทีนะพี่ไม่คุ้นกับถนนเส้นนี้เลยขับมาแบบช้ามากๆ”“ไม่นานหรอกค่ะ ญาดาสั่งสลัดสเต๊กปลาแล้วก็สปาเกตตี้ให้แล้วนะคะ
“บอสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ฉัตรญาดาสังเกตว่าวันนี้เจ้านายของเธอมีท่าทางแปลกตั้งแต่ขับรถออกจากบริษัท เขาดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา“เปล่านี่”“แน่นะคะ ญาดาว่าบอสเหมือนกำลังตื่นเต้นนะคะ งานนี้ไม่ใช่งานแรกที่บอสจะต้องไปสักหน่อย”“ผมบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะเดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้ว”การเปิดแผนกเสริมความงามแบบครบวงจรมีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ภคชนท์มอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลและพูดคุยเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เข้าไปแสดงความยินดีบ้างชายหนุ่มเดินไปตามบูทต่างๆ เพื่อหวังว่าจะเห็นผู้หญิงที่ชื่อลดาภัสน์แต่เขาผ่านมาหลายบูทก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา“บอสจะกลับเลยไหมคะ” ฉัตรญาดาเห็นว่าแขกบางคนเมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วก็ทยอยกลับเขาจึงชวนเจ้านายกลับ“ผมว่าจะเดินดูรอบๆ สักหน่อย ถ้าคุณเมื่อยก็ไปนั่งรอได้นะญาดา”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้สบายมา ญาดาว่าคนให้ความสนใจเยอะเหมือนกันนะคะ เขาจัดโปรโมชั่นได้น่าสนใจทีเดียว”“คุณอยากทำศัลยกรรมบ้างไหมล่ะ”“ไม่ค่ะ ญาดากลัวเข็ม”“กลัวเข็มแต่มาเป็นพยาบาลเนี่ยนะ”“ก็เราใช้เข็มกับคนอื่นนี่คะไม่ได้
Comments