"ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนได้เกินหนึ่งเดือน แต่ถ้าผมติดใจคุณและยังต้องการ คุณก็ต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป จนกว่าที่แม่ของคุณจะออกจากโรงพยาบาล เข้าใจใช่ไหมเฟรย์!" “คุณหมอ เราเคยรู้จักกันเหรอคะ” “แน่นอนว่าไม่” “ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงกล้ายื่นเงื่อนไขนี้ให้ฉันละคะ” “คุณเป็นผู้หญิง ส่วนผมเป็นผู้ชาย เรื่องมันก็เข้าใจง่ายมากเลยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเรื่องเซ็กส์นี่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มนุษย์ที่ไหนก็มีเซ็กส์กันทั้งนั้น คุณคิดว่าผมเป็นหมอแล้วจะมีชีวิตส่วนตัวไม่ได้เหรอ” “ฉัน…” “นามบัตรของผม ถ้าคิดได้แล้วก็โทรมาก็แล้วกัน” “อติวิชญ์ สหัสวัตโยธิน…” “มีอะไรเหรอ หรือว่านึกอะไรขึ้นมาได้” “เปล่าค่ะ ฉันขอตัวก่อน” “ต้นกล้า… ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนแก้แค้นให้นายเอง” เรื่องราวมันจะจบลงตรงไหน ฝากกดติดตามและให้กำลังใจทั้งคู่ไปด้วยกันนะคะ
View Moreโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
“แม่ไม่ต้องห่วงนะ เฟรย์จะรออยู่หน้าห้องผ่าตัด”
ผู้เป็นแม่ทำได้แค่ยิ้มให้เธอก่อนที่เตียงคนไข้จะถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด “ณิชมน" ได้แต่ยืนมองอยู่ด้านนอก ไม่นานคุณหมอที่สวมชุดพร้อมผ่าตัดก็เดินเข้ามาหาเธอ
“ไม่ต้องห่วง คุณแม่ของคุณจะปลอดภัย”
“ขอบคุณค่ะ”
ดวงตาหม่นนั้นไม่ได้บอกถึงความยินดี สายตาของคุณหมอเจ้าของไข้เองก็เช่นกัน เขาก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะเข้าใจในการทำงานของเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากข้อแลกเปลี่ยนของทั้งคู่ทั้งหมด
ก่อนหน้านั้นสองเดือน
“เคสนี้เป็นเคสที่ค่อนข้างหนัก คุณแม่ของคุณต้องทำการผ่าตัดค่ะ”
“อะไรนะคะ แต่ประกันชีวิตที่คุณแม่ทำไว้ วงเงินอาจจะไม่พอ”
“เท่าที่ดูแล้วน่าจะเพียงพอในการผ่าตัดครั้งแรกค่ะ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจจะมีเพิ่มเติม นี่เป็นยอดค่าใช้จ่ายที่คุณหมอลองคำนวณมาให้ คุณลองพิจารณาดูอีกทีนะคะ”
พยาบาลยื่นเอกสารการรักษาทั้งหมดของคุณ “ชมจันทร์” มาให้ แม่ของเธอเป็นเจ้าของสวนมะม่วงและมะพร้าว แต่เพราะโหมงานหนักกับออเดอร์ที่รับมา เธอจึงได้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม โชคดีที่คนงานในสวนเห็นและนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เมื่อตรวจโดยละเอียดกลับพบว่าเธอมีเนื้องอกที่สมอง
“ค่าใช้จ่ายมากขนาดนี้เลยเหรอ”
เอกสารในนั้นมีค่าใช้จ่ายเกือบสองล้านบาท แม้ว่าแม่ของเธอจะทำประกันชีวิตเอาไว้ แต่วงเงินในการรักษารวมทั้งหมดก็อาจจะไม่พอ เมื่อเห็นค่ารักษาพยาบาลแล้วเฟรย์ทรุดตัวลงกับโซฟาในห้องพักฟื้นของแม่ แม้ว่าเธอจะมีงานทำและเงินเดือนก็นับว่าพอใช้ได้ แต่ไม่อาจจะไม่พอหากต้องใช้เงินมากขนาดนี้ อีกอย่างตั้งแต่แม่ของเธอเข้าโรงพยาบาลและรับการรักษา ก็ยังไม่เคยได้คุยกับคุณหมอเจ้าของไข้เลยสักครั้ง
“คุณหมอจะเข้ามาไหมคะวันนี้”
“คุณหมอ “อติวิชญ์” จะเข้ามาช่วงบ่ายค่ะ ถ้าคุณอยากจะคุยกับคุณหมอเดี๋ยวฉันจะแจ้งให้นะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ”
บ่ายวันนั้น / ห้องพักคุณหมอ
“คุณหมอคะ ญาติผู้ป่วยห้องแปดสองสองอยากปรึกษาคุณหมอเรื่องการผ่าตัดค่ะ”
“ห้องแปดสองสอง…”
“อติวิชญ์” หมอศัลยกรรมสมองและเจ้าของไข้ของชมจันทร์ หยิบแฟ้มมาดู เมื่อเห็นชื่อของผู้ป่วยเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยและหันไปบอกพยาบาลผู้ช่วยของเขา
“ให้เธอเข้ามาคุย ผมว่างตอนบ่ายสาม”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปแจ้งญาติผู้ป่วยให้นะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เมื่อพยาบาลผู้ช่วยออกไปแล้ว อติวิชญ์ หรือ “มาร์ค” หมอหนุ่มในวัยสามสิบสองปี เขาพึ่งได้รับตำแหน่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษทางด้านศัลยกรรมสมองมาหมาด ๆ และยังเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยดังอีกสองแห่ง เมื่อหันไปมองนอกหน้าต่างด้านนอกก็ยิ้มออกมา
“ได้เจอสักทีสินะ”
เมื่อเฟรย์รู้ว่าคุณหมออนุญาตให้เข้าพบได้ เธอจึงรีบเดินตามพยาบาลผู้ช่วยเข้ามาที่ห้องพักของคุณหมอทันที เมื่อเคาะประตูและเสียงอนุญาตดังขึ้นเธอจึงเดินเข้าไปด้านใน เฟรย์หันไปสวัสดีคุณหมอที่ดูอายุมากกว่าเธอแต่คงไม่มากเกินห้าปี เขาสวมแว่นตา หน้าตานิ่งและดูเย็นชากว่าที่เธอคิด
“สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันอยากจะปรึกษาเรื่องอาการป่วยของคุณชมจันทร์ค่ะ”
“เชิญนั่งก่อนสิครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เขาปรายตามองเธอนิดหน่อยและบอกให้เธอนั่งลง หญิงสาวในวัยยี่สิบห้าปีค่อย ๆ นั่งเก้าอี้ตรงข้ามเขา ในมือเธอถือเอกสารที่พยาบาลให้เอาไว้แน่น หมอมาร์คที่หันไปคลิกบางอย่างในคอมพิวเตอร์เสร็จ จึงหันมามองเธอ
“ว่ายังไงครับ คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ”
“คือว่าเรื่องการผ่าตัดของคุณแม่น่ะค่ะ ดิฉันอยากทราบรายละเอียดว่าต้องทำการผ่าตัดเร่งด่วนเลยไหมคะ แล้วก็ค่ารักษาทั้งหมด… จะเกินกว่าที่คุณหมอประเมินมาหรือเปล่า ดิฉันจะได้เตรียมตัวถูก”
“เห็นว่าคุณชมจันทร์ก็มีประกันชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอครับ เรื่องค่ารักษาไม่น่าจะต้องห่วงนี่”
“ใช่ค่ะ เรื่องค่าผ่าตัดอาจจะไม่มีปัญหา แต่ว่าค่าห้องที่ต้องจ่ายในช่วงพักฟื้น… คือว่ามันค่อนข้างสูง ดิฉันจึงอยากจะทราบว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน เพราะส่วนต่างตรงนี้ เราต้องรับผิดชอบเอง”
“อ้อ ผมเข้าใจแล้ว ถ้าตามปกติผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดสมอง ช่วงพักฟื้นในโรงพยาบาลอย่างต่ำก็ไม่เกินเจ็ดวัน หากมีอาการแทรกซ้อนก็ราว ๆ สิบวันไม่เกินสิบห้าวัน นอกจากมีอาการอื่นร่วมด้วย ดังนั้นผมคิดว่าหากต้องการสำรองเรื่องค่าห้อง ก็ควรจะต้องคำนวณเผื่อเอาไว้สักหนึ่งเดือน”
“หนึ่งเดือน… เลยเหรอคะ”
“ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดมีอาการไม่เหมือนกัน บางคนก็หายเร็วกว่าปกติ แต่บางคนหากมีอาการข้างเคียงมาก ๆ ก็คงต้องดูอาการกันยาว ๆ อ้อจริงสิอย่าลืมเรื่องค่าใช้จ่ายหลังจากที่ผ่าตัดไปแล้ว ก็ต้องมีการมากายภาพบำบัดและตรวจร่างกายทุกเดือนด้วย ผมลืมไปเลยว่าตรงส่วนนี้ประกันชีวิตน่าจะไม่จ่ายให้ใช่ไหม”
“นั่น… จริงด้วยสิ”
สีหน้าของเฟรย์เริ่มวิตกกังวลมากขึ้น เธอลืมนึกถึงเรื่องหลังจากการผ่าตัดไปเลย ทั้งเรื่องการรักษาต่อเนื่องและการพักฟื้น ถึงจะผ่านเรื่องการผ่าตัดใหญ่ไปได้ แม่ของเธอก็อาจจะต้องพักอย่างน้อยสามถึงหกเดือน และยังต้องมาตรวจที่โรงพยาบาลตลอด
“ดูเหมือนคุณจะค่อนข้างลำบากใจนะคุณ…”
“ณิชมนค่ะ”
“คุณณิชมนเอาแบบนี้ก็แล้วกัน คุณลองกลับไปคิดดูก่อน ที่ผมประเมินค่ารักษาไปให้คุณ นี่เป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่นับเรื่องที่จะมีอาการแทรกซ้อน หรือภาวะที่คนไข้ต้องรับหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น แต่ยังไงผมก็คงต้องบอกว่าอาการของคุณแม่คุณ จะต้องได้รับการผ่าตัด ไม่อย่างนั้นอาจจะอันตรายมากในอนาคต คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม”
“ฉันทราบค่ะ”
‘ณิชมน เอมฤทัย เป็นเธอจริง ๆ ด้วยสินะ’
สีหน้าของเฟรย์เริ่มซีดลงเรื่อย ๆ เธอแทบจะหมดแรงเมื่อคุยกับคุณหมอมาถึงตรงนี้ แม้ว่าเขาจะยังทำหน้านิ่งและพูดเหมือนไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลยก็ตาม
“คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม”
“คะ?”
“ผมถามคุณว่า มีอะไรอยากจะพูดอีกไหม”
“แล้วถ้าฉัน… อยากจะย้ายโรงพยาบาลที่พอจะ… จ่ายไหว”
“คุณก็ต้องมาขอประวัติ ทำเรื่องโยกย้ายและเริ่มต้นการตรวจใหม่ทั้งหมด อีกอย่างการรักษาที่ไม่ต่อเนื่องมีผลกระทบในระยะยาวและที่สำคัญ… คนไข้อาจจะรอไม่ได้นานถึงขนาดนั้น”
เฟรย์เริ่มหาทางออกไม่ได้ เธอกำมือแน่น ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีในตอนนี้ ทุกหนทางเหมือนกับจะถูกบีบให้แคบลงเรื่อย ๆ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของหมอ หรือว่าเธอเองที่กำลังสับสนจนทำตัวไม่ถูก
‘ใกล้แล้วสินะ’
“ฉันขอเวลากลับไปคิดทบทวน”
“แบบนั้นก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ก็เท่ากับว่าคุณแม่ของคุณจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น”
“คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ”
“หมายความว่าอาการของคุณชมจันทร์ ที่อยู่ห้องไอซียูตอนนี้ ต้องการการรักษาอย่างต่อเนื่อง”
“แต่ว่าฉัน…”
เฟรย์รู้สึกจนมุมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงคิดจะขายที่ดินและทรัพย์สินที่มีทั้งหมด แต่ก็คงไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น ถ้าจะหางานทำเพิ่มในตอนนี้ก็พอจะเป็นไปได้แต่มันจะช่วยได้สักเท่าไหร่ เมื่อหันไปมองหน้าคุณหมอหนุ่มตรงหน้า เธอจึงไม่คิดถึงอะไรที่น่าอายมากกว่านี้อีกแล้ว
“คุณหมอมีวิธีอะไรที่พอจะช่วยฉันในเรื่องนี้ไหมคะ ฉันยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ได้เข้ารับการผ่าตัดในครั้งนี้”
“ไม่ได้นะคะแล้วต้นไผ่ละคะ”“ไม่มีปัญหา ก็แค่โทรบอกให้ต้นน้ำกับคุณน้าไปรับกลับบ้านก็พอแล้ว”“หมายความว่ายังไงคะ นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณเอาหลานมาอ้าง”เขารีบกอดเธอเอาไว้แน่นทันที พร้อมกับสีหน้าออดอ้อนให้เธอยอมยกโทษให้“ขอโทษแต่ทำเพราะหมดหนทางแล้วจริง ๆ ผมก็ไม่ได้อยากเอาเจ้าตัวแสบนั่นมาอ้างหรอก แต่ว่ายังไงก็เริ่มเล่าเรื่องนี้กับคุณไม่ได้ เมื่อวานพอน้าเมตตาบอกว่าอยากมาเยี่ยมคุณชมจันทร์”“อะไรนะคะ คุณบอกว่า…”“เราไปอาบน้ำล้างตัวกันก่อนดีไหมแล้วค่อยคุยกัน ทิ้งไว้นานแบบนี้ก็คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเป็นห่วงคุณนะ”“ก็ได้ค่ะ แต่อุ้มเฟรย์ไปนะคะ”“คำสั่งเมียใครจะกล้าขัดล่ะ ด้วยความยินดีเลยครับผม”เธอหันไปหอมแก้มเขาครั้งหนึ่งเพื่อเป็นรางวัล เขาหันมายิ้มให้และอุ้มตัวเธอเดินออกไปทั้ง ๆ ที่เปลือยด้วยกันทั้งคู่ กลับไปที่ห้องของเขาเพื่อไปแช่อ่างจากุชชี่ในห้องนอนใหญ่“ท่านอยากไปเยี่ยมคุณแม่เหรอคะ”“ใช่ แต่ผมก็บอกแล้วว่าตอนนี้อาจจะยังไม่เหมาะ อีกอย่างคุณชมจันทร์ก็พึ่งจะฟื้นตัวจากการผ่าตัด ผมไม่อยากให้มีเรื่องกระทบจิตใจเธอก่อนการทำกายภาพบำบัดน่ะ”“ขอบคุณนะคะที่คิดถึงสุขภาพคุณแม่”“ยังไงก็เป็นคนไข้ของผม ไม่ใช่ส
หมอมาร์คค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จแล้ว เขาสามารถง้อเธอได้สำเร็จ แม้ว่าจะใช้เวลาค่อนข้างนานก็ตาม“ขอบคุณนะเฟรย์ ขอบคุณมากจริง ๆ”เธอกอดเขากลับไปอีกครั้ง ทั้งคู่เจ็บปวดกับเรื่องนี้มานานมากเกินไปแล้ว ในตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเริ่มต้นใหม่กันเสียที มาร์คนอนกอดเฟรย์อยู่บนเตียงเล็กของเธอ“คุณเริ่มสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่ารู้อยู่แล้วว่าต้นไผ่คือลูกของใคร”“ที่จริงก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่เห็นหน้าตาของเขาเหมือนกับพี่กล้ามาก เฟรย์ก็เลยคิดว่า…”หมอมาร์คหันมามองหน้าเธอ จมูกของเขาคลอเคลียที่จมูกของเธอจนเฟรย์ไม่กล้าพูดอะไรต่อ“คุณเห็นว่าต้นไผ่หน้าเหมือนต้นกล้าก็เลยเอะใจเหรอ แสดงว่าคุณยังไม่ลืมเขา ยังคิดถึงเขาเหรอ”“หมอคะ อย่าบอกนะว่าคุณหึง”“ช่วยไม่ได้นี่นา คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้เองก็ต้องรับผิดชอบหน่อยสิ จริงไหม”จูบของเขารุนแรงและเร่าร้อน เต็มไปด้วยความต้องการและไม่อาจทนได้อีก ลิ้นร้อนเกลี่ยไปทั่วจนเธอเผลอตัวตอบรับ เขากดเบียดริมฝีปากลงไปอีกครั้งและปล่อยเธอให้ได้หายใจ“เมื่อคืนนี้ผมหลับไปก่อนเพราะเสียงหวาน ๆ ของคุณ วันนี้ผมไม่อยากฟังนิทาน ผมอยากฟังเสียงครางและร้องขอให้ผมรักคุ
มาร์คนิ่งไปเพราะไม่คิดว่าเฟรย์จะเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าต้นไผ่คือลูกของต้นกล้า แต่เขาลืมนึกไปว่าเฟรย์ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ต้นกล้านอนด้วยในตอนนั้นท้อง เธอจึงไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่มากกว่านี้“ผมคิดว่าคุณน่าจะเดาออก จากชื่อของต้นไผ่เสียอีก”“ฉันคิดว่าฉันเดาออกจากหน้าตาของเขา แค่ไม่แน่ใจว่ามันจะใช่หรือเปล่าเท่านั้นเองค่ะ”“กลับบ้านกันเถอะ แล้วผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟัง”“มีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่เคยรู้อีกเหรอคะ”“ผมว่าคุณน่าจะไม่รู้อะไรเลยตั้งแต่แรก และคงยังเก็บความรู้สึกผิดกับต้นกล้าเอาไว้จนถึงตอนนี้ รวมถึงเรื่องที่ผมทำเลวกับคุณด้วย ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างมันไม่ควรเกิดขึ้น วันนี้ผมจึงตัดสินใจจะคุยเรื่องนี้กับคุณ”“กลับกันเถอะค่ะ”เขาจับมือเธอเดินไปที่รถ โดยไม่ต้องพูดอะไรกันอีก เธอรู้ว่าหลังจากนี้เรื่องที่เขาจะเล่าให้เธอฟังคงเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้ และแน่นอนว่าสี่ปีมานี้เธอเองก็ยังรู้สึกผิดกับต้นกล้ามาโดยตลอด เพราะคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาฆ่าตัวตายบ้านของหมอมาร์ค“ไปคุยในห้องเถอะ”“ทำไมไม่คุยที่นี่ละคะ”“ไม่สะดวกหรอกผมกลัวคุณหนี จะได้จับคุณแก้ผ้าเอาไว้ก่อนที่คิดจะหนี”“หมอคะ!”“ผมแค่ล้อเล่นเท
“คุณรีบออกไปเลยนะ! ไปเลย”“โอ๊ย ๆ ไปแล้วก็ได้อย่าผลักกันแบบนี้สิ เดี๋ยวมีอารมณ์อื่นขึ้นมา… คุณต้องรับผิดชอบนะ”“ไอ้! …อื้อ”ในที่สุดเขาก็เก็บความอดทนนี้เอาไว้ไม่ได้ มาร์คก้มลงบดริมฝีปากลงไปหาเธอ ลิ้นร้อนฉกหาความหวานที่รอคอยมานาน เฟรย์เองก็เริ่มต่อต้านความต้องการนี้ไม่ไหวและเผลอตอบรับเขาไป“แฮก แฮก”“เมียจ๋า…อีกนิดนะ”“คุณ…อื้อ”เขาดึงผ้าเช็ดตัวของเธอออกและพาไปที่เตียง มือหนาเริ่มควานหาหน้าอกคู่สวยที่คิดถึงมาหลายเดือนอย่างโหยหาจนเธอเผลอแอ่นตัวรับ แต่ปากของทั้งคู่ยังคงบดขยี้กันอย่างไม่ยอมกันอยู่“อื้อ…พอก่อนค่ะ!”“เฮ้อ…. ก็ได้ รอเจ้าตัวเล็กนั่นหลับก่อน แล้วค่อยมาคุยกันต่อ”“ออกไปได้แล้วค่ะ”“ก็ได้ แต่ขอแถมอีกหน่อยนะครับ คิดถึงมานานแล้ว นะ…”“ไม่ได้ ไม่งั้นฉันจะ…”“อย่าขู่ ไม่งั้นคืนนี้เจอดีแน่”“ถ้างั้นฉันก็จะไม่ออกจากห้องนี้”“ได้ งั้นผมจะรอจนคุณแต่งตัวเสร็จและพาไปที่ห้อง หรือว่าจะให้ผมใส่ให้ดีละ แต่ผมไม่ถนัดใส่นะ ถนัดถอดมากกว่า”“หมอ!! ออกไปเลย!”“เปลี่ยนใจแล้ว ออกไปพร้อมกันดีกว่าเร็วเข้าสิรีบใส่เสื้อผ้า ถ้ายังไม่ใส่ผมจะใส่ของผมเข้าไปแล้วนะ ทนมานานแล้วด้วยคุณก็รู้”“ไอ้คนบ้า ไอ้โรคจิต
“อ้อผมคงเหนื่อยเกินไปจริง ๆ ขอโทษทีนะ”เขากดรีโมทรถทันทีเมื่อเธอหันมามองเขาด้วยท่าทีสงสัย เธอระแวงและพยายามชวนเขาคุยตลอดเส้นทาง ต้นไผ่กำลังสนใจของเล่นชิ้นใหม่อยู่ข้างหลังและไม่ได้สนใจทั้งสองคน“คุณหมอดูจะเหนื่อยนะคะช่วงนี้ ไม่ค่อยได้พักผ่อนเหรอคะ”“มีผ่าตัดติดต่อกันหลายวัน แต่ละเคสค่อนข้างหนักน่ะ อีกอย่างการผ่าตัดสมองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันต้องรอบคอบทุกวินาที ผมไม่อยากทำพลาดให้ส่วนของตัวเอง ดังนั้นก็เลยพยายามทำให้เต็มที่ที่สุดน่ะ”“งานของคุณหมอดูจะกดดันมากเลยนะคะ แล้วนี่ยังต้องมาเลี้ยงต้นไผ่อีก แล้วแม่ของเขาจะกลับเมื่อไหร่คะ”“เห็นว่าอีกสามวัน พรุ่งนี้วันศุกร์แล้ว ไปโรงเรียนอีกวันเดียวก็หยุด โชคดีหน่อย”“แต่วันหยุดของคุณหมอนี่สิคะ”“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็มีคุณคอยช่วยอยู่แล้วนี่ จริงไหม”“แต่คุณแม่…”“คุณไม่ไว้ใจผมเหรอ ก่อนหน้านั้นผมก็หาพยาบาลมาช่วยดูแลคุณชมจันทร์เป็นอย่างดี ตอนนี้อาการดีกว่าตอนนั้นเยอะเลยนะ อีกอย่างช่วงนี้ก็ใกล้จะได้ทำกายภาพบำบัดแล้ว ผมแนะนำว่าอย่าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยไม่จำเป็นจะดีกว่า เชื่อผมเถอะ”“ก็ได้ค่ะ ฉันจะยอมเชื่อคุณหมออีกสักครั้ง”“ผมเชื่อใจได้จริง ๆ นะ”เฟรย์
“นะครับพี่เฟรย์คนสวย ไปเลือกของเล่นกับไผ่นะครับ”เฟรย์หันไปยิ้มให้เด็กน้อย เธอใจอ่อนลงทันทีเมื่อถูกเขาอ้อนแบบนี้ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหมอใจโหดอย่างอติวิชญ์ จะมีหลานชายที่น่ารักขนาดนี้“ก็ได้ค่ะ พี่รับปากค่ะ”หมอมาร์คหันไปคว้าแฟ้มและแอบยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ วันนี้คงต้องให้รางวัลเจ้าตัวเล็กนี้อย่างสมน้ำสมเนื้อสักหน่อยแล้ว ที่ทำให้ภารกิจครั้งแรกของเขาสำเร็จ“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวกลับไปเก็บของที่ห้องก่อน”“ไผ่รออยู่ที่นี่กับพี่เฟรย์นะครับลุงมาร์ค เดี๋ยวพี่เฟรย์หนี”“ตายจริง ฮ่า ๆ แย่แล้วล่ะเฟรย์เอ๊ย เห็นทีจะได้เลี้ยงเด็กน้อยยาวแล้วละมั้งแบบนี้”“แม่ก็… พูดเรื่อยเปื่อย พี่เฟรย์รับปากแล้วไม่หนีหรอกครับ”“ถ้าอย่างนั้นพี่เฟรย์ก็ไปพร้อมกับไผ่ แล้วก็ลุงมาร์คเลยไหมครับ”“เอ่อ ลุงยังต้องทำงานอีกหน่อย ถ้างั้นผม… รบกวนฝากหลานเอาไว้กับคุณสักครู่ได้ไหม”“ได้ค่ะคุณหมอไปทำธุระเถอะค่ะ เสร็จแล้วค่อยมารับ”“ขอบคุณนะครับ”เฟรย์พยักหน้าให้เขา หมอมาร์ครีบคว้าแฟ้มและลาชมจันทร์ออกจากห้องไปทันที เขาดีใจจนแทบอยากจะกระโดดขึ้นมาเมื่อแผนการแรกได้ผล พอมาถึงแผนกก็รีบส่งรายงานและสั่งงานเอาไว้จนเรียบร้อย และเข้าไปที่ห้องพั
Comments