"คุณต่อยผมมา ผมก็ต่อยกลับ ถือว่าไม่โกง" ต่างฝ่ายต่างเช็ดมุมปากของตัวเองที่มีเลือดไหลออกมา ทำเอาลูกน้องของแม็กเครย์ตั้งท่าจะเดินเข้ามา แต่เขายกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามปราบไว้"พอเถอะ ตองเจพี่ขอโทษที่ทำให้ตองเจต้องเจ็บตัว""เป็นห่วงมันทำไมวะ กูเป็นผัวทำไมไม่ห่วงบ้าง" เขาจับข้อมือของลิตาแล้วกระชากอย่างแรงด้วยความหึงหวง"ก็คุณไปต่อยตองเจก่อน" เธอแจกแจงไปตามที่เห็นก่อนจะสะบัดฝ่ามือหนาของเขาออก"พี่ลิตาอยากให้ผมช่วยอะไรไหมครับ""มึงไม่ต้องเสือก ส่วนเธอมานี่" เสียงเข้มบอกเด็กหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะฉุดรั้งร่างบางให้เดินไปด้วยกัน ปล่อยให้ตองเจได้แต่หันมองพวกเขาเดินออกไป"โอ๊ย…คุณ หนูเจ็บ" เธอพยายามก้าวขาให้ทันแม็กเครย์ที่จ้ำอ้าวออกมาด้วยอารมณ์เดือดดาล"อย่าสำออย ทีเมื่อกี้หน้าระรื่นฉิบหาย" ดวงตาสีอำพันหันมาคาดโทษเธอก่อนจะออกแรงกระชากแขนเธออีกครั้ง จนตอนนี้เริ่มมีรอยฟกช้ำ"ช้าหน่อยได้ไหม" เขาไม่ได้สนใจว่าคนตัวเล็กจะรู้สึกยังไงแล้วจึงคว้าร่างบางจับยัดเข้าไปในรถหรูที่คนสนิทของเขาที่ขับมาจอดรับอย่างรู้หน้าที่"ขึ้นรถ" ลิตาถูกผลักอย่างแรงจนเซถลาชนประตูรถอีกฝั่ง"โอ๊ย" ร่างอรชรหอบหายใจเหนื่อย ดวงตากลมจ้องมอ
ภายในงานมีทั้งบาร์อาหารและรันเวย์สำหรับเดินแบบ รวมไปถึงนักข่าวจากหลายสำนัก ทำเอาลิตาที่พึ่งมีโอกาสได้มาอยู่ในงานสังคมถึงกับรู้สึกเกร็ง"สวัสดีครับคุณปู่ไมค์ ดีใจนะครับที่เห็นทุกคนมาร่วมงานวันนี้" ปัถย์วีที่อยู่ในชุดสูทสีเทาแคชชวลลุคให้ความรู้สึกไม่เป็นทางการมากเกินไป เดินมาต้อนรับครอบครัวของไมเคิลด้วยความเป็นมิตร"สวัสดี แล้วไอ้ปภังล่ะ" ไมเคิลถามหาปภังกรซึ่งเป็นเพื่อนของเขา"พายุเข้าที่เจนีวาน่ะครับ สนามบินปิดก็เลยมาไม่ทันทั้งคุณพ่อคุณปู่เลยครับ" ปัถย์วีให้คำตอบด้วยความนอบน้อม ซึ่งคุณปู่และคุณพ่อของเขาไปตรวจสาขาที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับแม็กเครย์เป็นเชิงทักทายตามด้วยหันไปยิ้มให้ลิตาแล้วจึงสบตาหญิงสาวลูกเสี้ยวที่ดูเย็นชาใส่เขา"งั้น เชิญทุกคนตามสบายนะครับ ผมขอไปรับแขกท่านอื่นก่อน" ปัถย์วีว่าจบจึงปลีกตัวไปทักทายแขกผู้มาใหม่ต่อทันที"ไปหาอะไรกินกันไหม" เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลานิดหน่อยก่อนที่งานจะเริ่มแม็กเครย์หันมาถามกึ่งชวนลิตาพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางโซนบาร์อาหาร"ก็ดีค่ะ" เธอเดินตามแม็กเครย์ไปที่บาร์อาหารโดยไม่อิดออด เพราะตอนนี้เธอเองก็เริ่มหิว"คุณผู้หญิงรับเครื่อ
-หลายชั่วโมงต่อมา-ในขณะที่ลิตากำลังแต่งตัวอยู่ที่หน้ากระจกเงาเพื่อเตรียมจะออกงานสังคมกับแม็กเครย์ซึ่งก็จวนจะแล้วเสร็จ เธอหยิบสร้อยเส้นหนึ่งออกมาจากกล่องสีขาว สร้อยที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิดแต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสนำมันมาสวมใส่ ส่วนกล่องสีขาวนั้นเธอพึ่งจะมาซื้อทีหลังตอนที่เธอโตแล้ว สองมือบางจึงบรรจงสวมสร้อยดังกล่าวที่ลำคอระหง"แต่งตัวเสร็จรึยัง" แม็กเครย์อยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเดินมาหยุดที่ตรงหน้าลิตา"เสร็จแล้วค่ะ" เธอก้มดูความเรียบร้อยที่เครื่องประดับแล้วจึงเงยหน้ามองเจ้าของดวงตาสีอำพันซึ่งกำลังจ้องมองมาที่สร้อยของเธอราวกับมีข้อสงสัย"สร้อยเส้นนี้ของลิตาเหรอ" เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับตราสัญลักษณ์ที่บนล็อกเกตซึ่งคล้ายกับตราประจำตระกูลที่เขารู้จัก"ค่ะ มันเป็นสร้อยที่ติดตัวหนูมาตั้งเกิด"Rrrr Rrrrไม่ทันที่แม็กเครย์จะได้ถามอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็แผดเสียงดังจากกระเป๋ากางเกงสแล็ก ทำให้เขารีบคว้าเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเปิดหน้าจอดูก็พบว่าคนในสายคือไมเคิล"ครับคุณปู่"[แกแต่งตัวเสร็จรึยัง]"เสร็จแล้วครับ"[นึกว่าแกจะเบี้ยว งั้นเดี๋ยวเจอกันที่หน้างาน]"ครับ" เขาตอบรับสั้นๆ แล้วจ
"ฉันไม่ชอบพวกที่แส่เรื่องของคนอื่น" มีหรือที่คนอย่างเขาจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทของตัวเอง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ไม่พ้นสายตาแหลมคมของเขาไปได้ แล้วยิ่งเป็นคนในบริษัทมาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเขา มีหรือที่เขาจะปล่อยผ่านไปง่ายๆ"..." เธอได้แต่ทำหน้าเหวอกับการกระทำของแม็กเครย์ ถึงเธอจะมีปากเสียงเล็กๆ น้อยๆ กับพวกเขาเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้ถึงกับอยากให้พวกเขาโดนไล่ออกอย่างกะทันหันแบบนี้ ทุกคนก็ต้องกินต้องใช้เงินกันทั้งนั้น"ลงมาได้แล้ว เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบพูดซ้ำ" แม็กเครย์พูดจบเขาก็ลงจากรถไปทันทีโดยมีเข็มทิศเป็นคนเปิดประตูให้ ทำให้เธอต้องรีบลงจากรถตามคำสั่งของเขาทันทีที่เธอลงจากรถ สายตาหลายคู่จับจ้องมาทางเธอและแม็กเครย์ รวมไปถึงทุกคนในแผนกต้อนรับ ทำเอาร่างบางรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ไม่ต้องสาธยายให้ยืดยาวใครเห็นก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอกับประธานของบริษัทจะต้องมีความสัมพันธ์กันและเมื่อแม็กเครย์เดินหายเข้าไปในลิฟต์ของผู้บริหาร เธอเองก็ปลีกตัวแล้วเดินไปรวมกับทุกคนในแผนกทันที"ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยน้า ว่าคบอยู่กับท่านประธาน" รวีที่ทำเสียงอง้ำ แต่ทำเอาลิตารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่คนในแผนกยังคงเหมือนเดิม
"ไว้เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง นี่น้ำอิงแล้วก็อีกคนบะหมี่เพื่อนของหนูค่ะ" ลิตารีบแนะนำเพื่อนของเธอกับแม็กเครย์เพื่อเป็นการตัดบทไม่อยากให้สองสาวถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องของเธอในตอนนี้"สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ" ทั้งคู่จึงยกมือไหว้หนุ่มหล่อที่มากับเพื่อนของพวกเธออย่างนอบน้อม"งั้นหนูขอแยกกับคุณตรงนี้เลยนะคะ""เสร็จแล้วก็โทรบอก” แม็กเครย์บอกลิตากึ่งออกคำสั่งสั้นๆ แล้วจึงปลีกตัวออกไปปล่อยให้ทั้งบะหมี่และน้ำอิงมีแต่คำถามที่อยากรู้อยากเห็นใจจะขาด"ไปร้านชาบูด่วนๆ" บะหมี่รีบหันไปบอกสองสาว"ใช่!" คำพูดเสริมของน้ำอิง ทำเอาลิตาเกาหัวด้วยความรู้สึกหลากหลายในตอนนี้ แล้วจึงรีบเดินตามเพื่อนสาวทั้งสองไปติดๆ"แล้วนี่ทำไมแกถึงได้มาด้วยกันกับคุณแม็กเครย์ล่ะ" หลังจากสาวๆ สั่งชุดชาบูบุฟเฟต์แบบจัดเต็ม น้ำอิงก็รีบโพล่งถามลิตาตรงๆ"คือ...ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายพวกแกยังไงดี" เธอไม่อยากจะให้เพื่อนมาเดือดร้อนด้วย ถ้ารู้ถึงต้นเรื่องทั้งหมด เรื่องราวมันอีนุงตุงนังเกินกว่าจะเล่าได้"หรือว่า เขามาจีบแก""เออ นั่นนะสิ เด็กฝึกงานสวยขนาดนี้ เจ้าของโรงแรมจีบก็คงไม่แปลกมั้ง" ทั้งสองก็แค่เดาๆ ไปตามตามที่เห็น ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน พอพนักงาน
ลิตาที่ยังไม่ตอบตกลงกับเพื่อน เธอจึงเงยหน้ามองไปยังฝั่งตรงข้าม ก็พบว่าแม็กเครย์กำลังจ้องมองมาทางเธอพอดี"คุณ""มีอะไร" คำถามนิ่งๆ แต่ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับตะกุกตะกัก"คือ...พรุ่งนี้ หนูขอออกไปเจอเพื่อนๆ หน่อยได้ไหมคะ" เสียงหวานเล็กพยายามอ้อนชายหนุ่ม"ก็ไปสิ ฉันล่ามโซ่เธอไว้เหรอ" เขายกผ้าขึ้นมาเช็ดปากแล้วให้คำตอบเธอ แต่ฟังคำตอบแล้วดูเหมือนยียวนยังไงชอบกล"ก็คุณบอกนี่คะ ว่าจะไปไหนให้รายงานคุณด้วย""หึ...จำได้ก็ดี แล้วหายเจ็บเท้าแล้วเหรอ""ค่ะ ดีขึ้นแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้น่าจะหายดี" ใบหน้าหวานรูปไข่ตอบชัดถ้อยชัดคำด้วยความดีใจที่มาเฟียหนุ่มจะอนุญาตให้เธอได้ไปเจอเพื่อนๆ คนตัวเล็กจึงตอบตกลงเพื่อนๆ ในไลน์กลุ่มทันทีวันต่อมา ลิตาที่แต่งตัวอยู่หน้ากระจกเสร็จแล้ว ก็กวาดสายตามองดูภายในห้องก็ไร้เงาของแม็กเครย์ ทั้งที่ก่อนอาบน้ำก็เห็นเขาอยู่ในห้อง หลังจากแต่งตัวเสร็จเธอจึงลงมาชั้นล่างของคฤหาสน์"เอ่อ ป้าเจียนเห็นคุณแม็กเครย์ไหมคะ""น่าจะอยู่ที่แถวสนามหญ้านะคะ เห็นบอกว่าจะไปให้ข้าวแบล็กกับบราวน์"ลิตาได้ยินดังนั้น จึงเดินไปที่สวนหย่อมซึ่งอยู่ด้านข้างคฤหาสน์ เธอเห็นแม็กเครย์กำลังลูบหัวและเล่นกับเจ้าตูบด้