เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วที่พุดตานและภูผานั่งกินข้าวด้วยกัน โดยมีฐากูรและอาโปคอยเฝ้ามองอยู่ห่างๆร้านอาหารที่ภูผาจองเอาไว้เป็นร้านอาหารสไตล์ยุโรป ซึ่งผนังของร้านเป็นผนังกระจกจึงง่ายต่อการสอดแนมของฐากูรเขามองดูเธอหัวเราะคิกคักพูดคุยกับภูผาอย่างมีความสุข ทั้งที่เมื่อก่อนที่ตรงนั้นมันเคยเป็นของเขามาก่อน คนที่ทำให้เธอหัวเราะได้เคยเป็นเขา“ทำไมเราไม่เข้าไปในร้านเลยล่ะครับ?”หากจะส่องดูขนาดนี้อาโปคิดว่าเข้าไปในร้านน่าจะง่ายกว่า“นั่งเงียบๆ ไป”อาโปรีบหุบปากเมื่อได้ยินคำตอบของคนเป็นนาย ปากบอกไม่รักแต่ตามส่องถึงขนาดนี้ เจ้านายของเขากลายเป็นคนปากไม่ตรงกับใจเสียเเล้ว…“เช็ดปากให้ด้วยเหรอวะ!”ฐากูรกัดฟันเสียงดังกรอดก่อนจะเปิดประตูรถออกไป เขาสาวเท้าตรงเข้าไปภายในร้านอาหาร ซึ่งเป็นจังหวะพอดิบพอดีกับพุดตานเเละภูผาที่กำลังเตรียมตัวออกจากร้านพุดตานที่เดินออกมาพบกับเขาก็ขมวดคิ้วจนโก่ง เธอแค่สงสัยว่าเขามาทำอะไรที่นี่…คงไม่ได้แอบตามเธอมาใช่ไหม“พี่มาทำอะไรที่นี่?”ฐากูรเงียบไปสักครู่เพราะสมองของเขาตอนนี้ค่อนข้างจะว่างเปล่า“มากินข้าวไง” เมื่อนึกคำตอบได้ก็รีบตอบเสียงเข้ม เขาพยายามทำหน้านิ่งขรึมเพื
“พอดีจะไปทานมื้อเย็นกับพี่ภูผา”ฐากูรหันไปมองหน้าภูผาสลับกับพุดตาน เดี๋ยวนี้ทำตัวสนิทสนมเกินหน้าเกินตา…“มาคุยด้วยกันหน่อย”ว่าแล้วฐากูรก็ดึงเเขนของพุดตานออกไปคุยด้านนอกทว่าพุดตานกลับไม่ยอม“ปล่อยตาน ตานจะทำงาน!”“อย่าดื้อได้ไหม!?”ฐากูรดุเธอเสียงเข้มนั่นทำเธอถึงกับหยุดชะงัก ก่อนจะมีมือของภูผามาดึงแขนอีกข้างของเธอเอาไว้“พุดตานบอกให้ปล่อยไม่ได้ยินเหรอ?” ภูผาถามฐากูรด้วยสีหน้าเอาเรื่อง“เรื่องของผัวเมียคนนอกอย่ามายุ่ง”ว่าแล้วฐากูรก็ดึงตัวพุดตานเข้าหาตัวเองขณะที่ภูผายังคงจับกุมแขนของพุดตานเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ“ปล่อยมือของคุณออกจากแขนเมียผมด้วย” ประโยคสุภาพทว่าน้ำเสียงกลับฟังดูห้วน“กูบอกให้ปล่อยไง!!”ฐากูรพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของภูผาอย่างแรงทำเอาคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจกลัวรวมถึงพุดตานด้วยภูผาเองก็พร้อมจะกระชากกลับอย่างไม่เกรงกลัวแต่ก็มีเสียงพุดตานดังขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อน“พี่ฐากูรใจเย็นๆ ก่อนได้ไหม!”เสียงห้ามปรามของพุดตานทำฐากูรใจเย็นลง เขาสะบัดคอเสื้อของภูผาทิ้งก่อนจะจูงแขนพุดตานออกไปข้างนอกเขาดึงแขนเธอแรงจนรู้สึกเจ็บ เมื่อพ้นสายตาของผู้คนก็สะบัดมือเธอออกอย่างไม่ใยดี“ตานเจ็บน
ฐากูรลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่พบพุดตานเเล้ว เขากวาดสายตามองหาจนทั่วแต่ก็ไร้วี่แววของเธอ ทำไมถึงได้ออกไปทำงานเช้านักเขาลุกขึ้นยืนและสาวเท้าไปทางห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแต่ก็ต้องขมวดคิ้วจนเข้มเมื่อเห็นแหวนแต่งงานที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์อ่างล่างหน้า“ไม่ได้ใส่ไปงั้นเหรอ?”เป็นเพราะลืมหรือตั้งใจถอดทิ้งเอาไว้นั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากรู้ที่สุด เธอทำให้เขาหงุดหงิดตั้งแต่เริ่มต้นวันเลย“ว่าไงเมื่อคืนแกไปไหนมา ชุลมุนวุ่นวายไปหมด”ดาเลียเอียงคอถามเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังนั่งทำสรุปรายเดือนอยู่“ฉันไปดื่ม”“รู้ไหมว่าผัวแทบจะเเปลงร่าง”“….” พุดตานเงียบก่อนจะมองหน้าดาเลียอย่างมีคำถาม“ฉันขอหย่ากับพี่ฐากูรแต่พี่ฐากูรไม่ยอมหย่า แกว่ามันเป็นเพราะอะไรกัน…”ดาเลียนั่งอึ้งกับคำพูดของเพื่อนสนิท อึ้งแรกคือพุดตานขอฐากูรหย่า และอึ้งต่อมาคือฐากูรไม่ยอมหย่า ฐากูรน่ะหรือจะไม่ยอมหย่า!? เห็นพยายามทำทุกหนทางเพื่อนให้เพื่อนเธอยอมหย่ามาโดยตลอด“ฉันตกใจอะไรก่อนดีวะ”“เห้อ ฉันเหนื่อย…อยากหย่าให้มันจบๆ”“พี่ฐากูรดูเป็นห่วงแกมากนะเมื่อคืนนี้”“เขาก็แค่กลัวจะเสียฉันไป แค่ชอบที่มีฉันคอยวิ่งตาม…”เขาไม่ได้ชอบเธอ แต่เขาชอบการมีเธอ ชอบที่
“พุดตาน…”พุดตานเงยหน้ามองชายหนุ่มที่เดินมาหยุดตรงหน้าของเธอ คนคนนั้นคือภูผา เขายืนกางร่มให้เธอด้วยความตกใจและรีบส่งมือให้เธอเพื่อพยุงเธอขึ้นจากพื้น“ฮึก…”“ร้องไห้ทำไม ทำไมถึงมายืนตากฝนเเบบนี้”“ฮื่ออึก~”พุดตานสวมกอดภูผาทั้งน้ำตา คนที่โดนกอดตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนกางร่มและปล่อยให้เธอกอดอยู่แบบนั้นเขาสงสัยว่าเธอเป็นอะไรทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้ได้ แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามเพราะหากพุดตานอยากพูดเธอคงพูดเองภูผาอาสาไปส่งเธอที่บ้าน ขณะอยู่บนรถเขาก็เปิดเพลงรักคลอเบาๆ เสียงเพลงรักดังปะปนกับเสียงฝนด้านนอกรถ พุดตานที่ได้ฟังเพลงก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้เธอเช็ดน้ำตาของตัวเองก่อนจะมองออกไปนอกกระจกรถ ภูผาที่เห็นก็เปลี่ยนเเนวเพลงในทันที“มีปัญหาอะไรเล่าให้พี่ฟังได้ตลอดนะ”“ขอบคุณนะคะ”เธอตอบเสียงเบาขณะที่สายตายังคงทอดมองออกไปนอกกระจกรถ ไม่รู้ทำไมถึงยังจุกบริเวณอกข้างซ้ายไม่หายความรักมันทำให้คนเราเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ…“ฝนตกหนักแบบนี้คุณพุดตานคงไม่ไปไหนไกลหรอกมั้งครับ”อาโปพูดกับเจ้านายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถด้วยท่าทางเป็นกังวล ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแต่เจ้านายกลับพาเขามาขับรถ
“เห็นข่าวรึยัง คุณพิมมานางเอกชื่อดังกับคุณฐากูรคาดว่ากำลังคบหาดูใจกันอยู่”“ฐากูรที่เป็นนักธุรกิจทายาทตระกูลดังอ่ะนะ บ้าหน่า!”“ฉันว่าเหมาะสมกันดีออก พิมมาเป็นทั้งดารามีชื่อเสียงพ่อก็ทำธุรกิจ ส่วนคุณฐากูรก็เป็นนักธุรกิจอันดับต้นๆ ของประเทศ”พนักงานจับกลุ่มเม้าท์มอยกันตามประสาเพื่อนร่วมงานขี้เผือก ดาเลียที่เดินเข้ามาได้ยินพอดิบพอดีก็ไม่พอใจเท่าไหร่นัก“สินค้าตัวใหม่ที่กำลังทำวิจัยกันอยู่เสร็จแล้วหรือไง?”เสียงเข้มของดาเลียทำพนักงานต่างสะดุ้งตกใจ ทุกคนพร้อมใจกันก้มหน้าขอโทษก่อนจะสลายตัวกันไปทำงานของใครของมันดาเลียหันกลับไปมองพุดตานที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง คาดว่าเพื่อนสาวคนสนิทคงได้ยินทุกอย่างเเล้ว“เเก..”“ฉันไม่เป็นอะไร” พุดตานชิงตอบก่อนที่ดาเลียจะพูดจบ เธอส่งยิ้มให้เพื่อนสนิทแล้วไปนั่งทำงานของตัวเองดาเลียที่เห็นรอยยิ้มของพุดตานก็ดูออกว่าว่าคนเป็นเพื่อนแค่ฝืนยิ้มให้เธอสบายใจก็เท่านั้น พุดตานน่ะเก่งเรื่องเก็บความรู้สึกที่สุด“ข่าวสมัยนี้ให้สารมั่วซั่วไม่กรองข่าวกันบ้างเลยรึไง ฉันเห็นแล้วอารมณ์เสีย”ดาเลียบ่นอย่างหัวเสียสายตาคอยเหลือบมองพุดตานอยู่ตลอด ทว่าพุดตานกลับเอาแต่ก้มหน้าทำงาน ไม่พ
“พุดตาน! พุดตานหยุดก่อน บอกให้หยุดไงวะ!!”เขาวิ่งไปดึงแขนเธอเอาไว้ด้วยความกังวลใจ เธอเอาแต่เดินหนีไม่ยอมฟังอะไรเขานั่นทำเขาหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย“ปล่อยเเขนตาน!!”“ไม่ปล่อยจนกว่าเธอจะฟังฉัน!”“ตานไม่อยากฟัง!”เธอพยายามดึงแขนของตัวเองออกจนผิวแดงช้ำทว่าเขากลับจับกุมแขนเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ“ฟังก่อนได้ไหม?”เป็นครั้งแรกที่เขาขอร้องเธอ เเละเป็นครั้งเเรกที่เธอสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงและท่าทางรู้สึกผิดของเขา“พี่ไม่ต้องอธิบายหรอกตานเข้าใจทุกอย่าง ถ้าสุดท้ายแล้วคนในใจพี่ยังเป็นพิมมาพี่ก็ทำตามใจตัวเองเถอะไม่ต้องมาสนใจตานก็ได้”เธอรู้ดีว่าคนที่เขารักไม่เคยเป็นเธอ เพราะที่ผ่านมาอะไรๆ มันก็ชัดเจนว่าคนในใจเขาคือพิมมาไม่ใช่เธอตั้งแต่แรกเเล้ว“มันไม่ใช่แบบที่เธอเห็น ฉันไม่ได้จูบพิมมา”เขาโกหกหน้าด้านๆ ทั้งๆ ที่เธอเห็นกับตาว่าเขาจูบกับพิมมา ไม่อายเธอก็อายสายตาหลายสิบคู่ที่ยืนมองเหตุการณ์หน่อยเถอะ“ตานไม่ได้ตาบอดนะพี่ฐากูร ตานเห็นตานรู้สึกตานไม่ได้หูหนวกตาบอด”“แต่มันไม่ใช่แบบที่เธอเห็นจริงๆ”“พอเถอะ” เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ สายตาเลื่อนไปทางอื่นไม่มองใบหน้าของเขาฐากูรชะงักไปชั่วครู่เมื