Share

เมื่อนางร้ายข้ามภพ
เมื่อนางร้ายข้ามภพ
Penulis: จ้าวเฉียว / พลอยพันแสง

บทนำ (1)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-01 13:44:10

บทนำ

...อูย... 

ความรู้สึกแรกของตะวันฉายที่เธอได้รับก็คือเจ็บปวดบริเวณท้ายทอยอย่างมาก 'นางร้ายเงินล้าน' แห่งช่องน้อยสีของประเทศไทยพยายามนึกทบทวนว่าที่แท้ตนเองเป็นอะไรไปจึงตื่นมาแล้วปวดที่ท้ายทอยเหลือเกิน รีดเค้นอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายเธอก็ได้ความว่าตนเองนั้นถูกยายนางเอกหน้าสวยใจเน่าเช่น ‘ปานฤดี มากมี’ นั้นแสร้งเดินชนตอนที่ทั้งคู่เดินสวนทางกันในระหว่างลงจากเวทีงานอีเวนต์เปิดตัวสบู่ยี่ห้อดัง จากนั้นโลกทั้งใบของตะวันฉายก็ดับมืดลงราวกับว่าบ้านของเธอนั้นถูกการไฟฟ้าตัดหม้อแปลงเลยทีเดียว 

"คุณหนูห้าท่านฟื้นแล้ว! นายท่านเจ้าคะคุณหนูห้านางฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!" 

...คุณหนูห้า?...ใครกัน?... 

คนที่ยังคงมึนศีรษะนั้นค่อย ๆ ขยับเปลือกตาลืมขึ้นอย่างยากเย็น ภายในใจก็สงสัยต่อเสียงสำเนียงเหน่อดังคนสุพรรณที่เธอเคยผ่านหูมาบ้าง แต่ความเหน่อยังไม่น่าสงสัยเท่าอะไรคือคุณหนูห้า...นายท่าน...เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้า เติบโตมาจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าที่เชียงใหม่ ตั้งแต่จำความได้ตะวันฉายจึงเป็นลูกคนเดียวมาโดยตลอด เพราะขนาดพ่อกับแม่ยังไม่รู้จักเลยจะไปรู้จักพี่น้องที่มีได้อย่างไร ถึงอาจจะมีจริงก็ตามเถอะ 

...ดังนั้นเธอจะเป็นคุณหนูห้าได้อย่างไรกันเล่า?... 

ทว่ายังไม่ทันหายสงสัยกับประโยคแตกตื่นแรกเมื่อเธอนั้นลืมตาขึ้นมาได้ก็ต้องนิ่งงันไปกับภาพเพดานห้องตรงหน้าที่ไม่ใช่เพดานสีขาวสะอาดของโรงพยาบาล หรือเพดานสีครีมของห้องพักซึ่งเป็นคอนโดหรูที่ตนเองเป็นเจ้าของ แต่เพดานห้องแห่งนี้กลับเป็นโครงสร้างที่ทำจากไม้ดูอย่างไรก็เป็นเพดานห้องยุคโบราณอย่างแน่นอนเพราะเธอเคยเล่นละครพีเรียดมาหลายเรื่อง อย่างไรก็มองไม่ผิดแน่! 

“เซียงเอ๋อร์เจ้าฟื้นแล้วจริงด้วย! ลูกพ่อเจ้าฟื้นแล้ว ดีเหลือเกิน”

...!!!... 

ภาพของบุรุษวัยราวปลายสามสิบปีใกล้สี่สิบปีที่โผล่มายืนชะโงกมองตนเองทำเอาตะวันฉายตกใจจนพูดไม่ออก แล้วพออีกฝ่ายนั้นเรียกตนเองว่า ‘พ่อ’ คนที่เกิดมายี่สิบเอ็ดปีแล้วทราบเพียงตนเองเป็นเด็กที่ถูกทิ้ง ไร้ทั้งพ่อขาดทั้งแม่กลับยิ่งตกใจกว่าเดิมไปอีกหลายพันเท่า! 

...นี่เราตกบันไดจนสติฟั่นเฟือนไปขนาดนี้เลยหรือนี่นางตะวัน?... 

“ไหน? ... เด็กสาระเลวมันฟื้นแล้วหรือ ฟื้นแล้วย่อมดี ข้าจะตีนางให้ตายเอง!”  

...ใครอีกเล่า?... 

นางร้ายเงินล้านถึงกับมึนงงไปหมดไม่ทราบว่าตนเองกำลังเผชิญกับอะไรอยู่กันแน่ เธอกำลังถ่ายละครอยู่หรือไร?  แต่ก็จำได้แม่นว่าตนเองถูกชนจนตกบันไดเวทีมันจะกลายเป็นมาอยู่ในกองถ่ายละครได้อย่างไร ที่สำคัญเธอจำได้ไม่มีลืมว่าตนเองไม่เคยรับเล่นละครหรือซีรีส์พีเรียดจีนมาก่อน แล้วภาพตรงหน้าทั้งหมดนี่มันอะไรกัน??? 

“ท่านแม่สามีได้โปรดระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ เซียงเอ๋อร์นั้นนางเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเท่านั้น ที่สำคัญนางถูกซินเอ๋อร์ทำร้ายจนศีรษะแตกและสลบไปถึงสามวันสามคืนยังไม่พอ ซินเอ๋อร์นั้นยังจับเซียงเอ๋อร์โยนลงบึงบัวอีกด้วย ท่านแม่สามีได้โปรดเมตตานางด้วยเจ้าค่ะ นางอาจมิได้ผิดอันใดก็เป็นไปได้ ขอท่านแม่สามีใจเย็นสักนิด”  

เสียงของสตรีสาววัยคงราวยี่สิบกว่าปีดังเอ็ดอึง ทั้งยังมีเสียงยื้อยุดจนตะวันฉายต้องพยายามลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองทิศทางของต้นเสียงดังกล่าว แล้วหญิงสาวก็ตื่นเต็มตาทันที

...!!!?... 

ด้วยภาพของหญิงสูงวัยคาดเดาอายุได้คงราวหกสิบปี ในมือถือไม้พลองดุ้นโตกะได้คงราวหน้าสามเห็นจะได้ พอนางร้ายสาวเห็นภาพเหล่านั้นมันก็ทำให้หญิงสาวหนาวเยือกในอก เพราะตกเวทีนั้นยังไม่ถึงตายทว่าหากถูกไม้หน้าสามฟาดเธอตายจริงแน่! 

“ทะ...ท่าน...ท่านพ่อ...น่ากลัว...น่ากลัวเกินไปแล้ว...”  

เอาวะจะอะไรก็ช่างตอนนี้ จะให้เธอเรียกผู้ชายด้านข้างเตียงคนนี้ว่า ‘เทียด’ ตะวันฉายล้วนไม่มีติดขัดเขินอาย เพราะหากเรียกแล้วตนเองไม่ถูก ‘ท่านป้ามหาโหด’ คนนั้นเอาไม้หน้าสามมาฟาดเธอไม่เกี่ยงอยู่แล้ว 

“ท่านแม่ได้โปรดใจเย็นก่อน เซียงเอ๋อร์นั้นคงไม่รู้เรื่องที่ซินเอ๋อร์หนีไปเป็นแน่ ท่านแม่อย่าเพิ่งใจร้อน เด็กโง่ผู้นี้อย่างไรก็คงไม่รู้ไม่เห็นกับการที่ซินเอ๋อร์หนีไปเป็นแน่”  

ตะวันฉายเร่งขยับไปหลบด้านหลังของผู้ชายที่เขาอ้างตนเองว่าเป็น ‘ท่านพ่อ’ ของเธอพลางกำชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ถึงอยากรู้อยากเห็นแทบตายว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม้หน้าสามก็เอาชนะความอยากรู้ได้ทุกสิ่งจริงเสียด้วย 

“พวกเจ้าอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีซินเอ๋อร์ของข้านะ!”  

ความวุ่นวายตรงหน้ายังคงอยู่ ทว่าตะวันฉายกลับรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเริ่มมืดลงช้า ๆ ความรู้สึกนั้นเลือนรางลงไปเรื่อย ๆ สุดท้ายสติของนางร้ายเงินล้านก็ดับมืดลงไปอีกครั้งหนีเสียงด่าทอ เสียงกรีดร้องของหญิงชรา และเสียงห้ามปรามของหนึ่งบุรุษ และหนึ่งสตรีสาวหลุดเข้าสู่ความมืดมิดดำสนิทไปในท้ายที่สุดจนร่างบอบบางทรุดฮวบลงไปสร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้เป็นพ่ออีกครั้ง

“เซียงเอ๋อร์! ฮูหยินเร็วเข้า เซียงเอ๋อร์หมดสติไปอีกแล้ว เร่งตามหมอเร็วเข้า! ตามท่านหมอฟางมาเดี๋ยวนี้”  

เสียงสุดท้ายที่คล้ายจะดังมาจากที่ไกลแสนไกลนั้นค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย...ทีละน้อย...จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ตะวันฉายเธอก็รู้สึกตัวตื่นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ที่ลืมตาหญิงสาวกลับพบว่าทุกสิ่งรอบกายของตนเองนั้นมืดมนลงไปหมดแล้ว ไม่สิไม่ได้มืดสนิทไปเสียหมด เพราะยังมีเชิงเทียนตั้งอยู่ตรงโต๊ะกลางห้องให้ความสว่างพอรางเลือนวับแวมให้เห็นบรรยากาศโดยรอบห้องได้ไม่ยาก

พอสติกลับมาครบในกายหญิงสาวก็รู้สึกหิวน้ำจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งจึงได้เห็นว่าที่หน้าเตียงของเธอนั้นมีร่างของดรุณีน้อยวัยคงราวสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนพื้นหนึ่งคน พอมองต่อไปตรงตำแหน่งหัวเตียงก็พบเข้ากับกาน้ำชาหนึ่งชุดวางอยู่ เธอจึงขยับกายอย่างระวังไปเทน้ำชาในกานั้นดื่มดับกระหายด้วยตนเอง ไม่ยอมเรียกคนด้านล่างให้วุ่นวาย ตามนิสัยคนชอบช่วยเหลือและยืนด้วยตนเองมาตั้งแต่จำความได้ในสถานสงเคราะห์

พอดื่มน้ำจนอิ่มหญิงสาวจึงมองสำรวจไปรอบกายตนเองอย่างจะหาจุดเด่นที่จะทำให้เธอจดจำได้บ้างว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ส่วนในสมองก็กำลังเรียงลำดับความคิดเสียใหม่ เธอจะต้องนึกให้ออกสิว่าตนเองมาโผล่ในบ้านรูปทรงคล้ายดินแดนจีนโบราณแห่งนี้ได้อย่างไร 

เพียงครู่ภาพต่าง ๆ ที่เธอไม่คุ้นก็พลันไหลเข้ามาในความทรงจำแทรกภาพความทรงจำของตะวันฉายที่เป็นดาราดังแถวหน้าในวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีจนตีกันยุ่งเหยิงสับสนไปหมด ต้องใช้เวลานานราวครึ่งชั่วโมงตะวันฉายจึงรวบรวมสมาธิจนนิ่งแล้วค่อย ๆ เรียงลำดับภาพเหล่านั้นจนมันเป็นฉาก เป็นรูป เป็นร่าง 

...จางเยว่เซียง... 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายวันเวลานั้นช่างมิเคยหยุดรอผู้ใด บัดนี้ชีวิตใหม่ของอดีตนางร้ายข้ามภพเช่นจางเยว่เซียงหรือก็คือหนานเฉิงกั๋วกงฟูเหรินเผลอไปเล็กน้อย บัดนี้ก็ผ่านมาถึงเจ็ดหนาวเข้าไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นเช่นปุถุชนทั่วไปนั่นก็คือมีทั้งสุข และทุกข์ยากผสานกันไป บุตรชายฝาแฝดทั้งสองคนของนางคลอดออกมาอย่างปลอดภัยหลังจากพิธีแต่งงานของซั่วเจา และฟางปี้เหลียนผ่านไปได้ราวสองเดือน สวีฉีเฟิ่งคือคนที่ดีใจจนน้ำตาไหลในยามที่เขาได้โอบอุ้มเด็กแฝดสองคน และตลาดเจ็ดหนาวที่ผ่านมา 'สวีเฉิงซี' และ 'สวีเฉียวฟ่าน' ก็แข็งแรง และฉลาดเฉลียวสมวัย มิมีสิ่งใดผิดปกติเช่นที่นางกังวลมาตลอดหลังจากตนเองถูกวางยาในคราวนั้น ส่วนฟางปี้เหลียน และซั่วเจาอีกสองหนาวหลังจากแต่งงานกัน พวกเขาก็ให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคน และอีกห้าหนาวต่อมาก็เป็นบุตรชายอีกหนึ่งคน ครอบครัวแซ่ซั่วจึงอบอุ่นมีความสุขกันตามประสา ส่วนนางเมื่อหนึ่งหนาวก่อนก็เพิ่งให้กำเนิดบุตรสาวมาเป็นแก้วตาให้กับบุรุษแซ่สวีทั้งสาม และตัวของนางเอง ชีวิตของหนานเฉิงกั๋วกงสวีนั้นเจ็ดหนาวผ่านมาก็ยังคงต้องเดินทางหนึ่งหนาวแทบมิได้หยุดหย่อน ซึ่งในบางครั้งนางก็ติดตามเขาไปบ้าง แต่บางครั้งก็รั้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนพิเศษ2

    ตอนพิเศษ2ราวครึ่งชั่วยามฟางปี้เหลียนก็ก้าวเท้าออกจากห้องอาบน้ำด้านหลังมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนที่พันพันห่อรอบศีรษะ เพราะนางทนไม่ไหวจำต้องสระผมด้วย ชายของเสื้อคลุมตัวที่นางสวมนั้นสั้นเพียงโคนขาเรียวเปิดเผยให้เห็นช่วงขาอ่อนวับแวม ส่วนหัวไหล่นวลเนียนลาดลงมารับกับเนินอกอันอวบอิ่มนั้นถูกเนื้อผ้าของเสื้อคลุมปกปิดมิดชิดเช่นปกติ ฝ่ายเจ้าบ่าวที่นอนรอท่าอยู่แล้ว เมื่อเห็นเจ้าสาวของตนเดินออกมาจากห้องอาบน้ำเกือบจะถึงฉากที่กางกั้นเอาไว้สำหรับแต่งกาย เขาก็ลุกพรวดพราดขึ้นตรงไปประคองร่างงาม พลางโอบกอด และซบจมูกลงตรงช่วงลำคอขาวเนียนแล้วไถลเลยไปถึงลาดไหล่ "อะ!...ดะ...เดี๋ยวสิเจ้าคะ ขออาเหลียนสวมอาภรณ์ และเช็ดผมให้แห้งเสียก่อน" ถึงนางจะอาบน้ำถ่วงเวลาทำใจมาเป็นครึ่งชั่วยามแล้วโดยแท้ ทว่าเพียงเขาจู่โจมนางกลับสะท้านเยือกกับเคราเขียวที่เพิ่งโกนของเจ้าบ่าวซึ่งเสียดสีกับเนื้ออ่อนนุ่มบริเวณลำคอ"มิต้องสวมแล้ว สวมไปก็ถูกข้าถอดออกอยู่ดี" คนอดทนรอให้ถึงราตรีนี้มาหลายเดือนกล่าวทึ่มทื่อมิอ้อมค้อมสักน้อยจนฟางปี้เหลียนนั้นเขินอายใบหน้าร้อนผ่าวจึงอดจะบ่นพึมพำเสียมิได้ "ท่านพี่น่ะ!" ทว่านางพึมพำออกมาได้เพียงเท่านั

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนพิเศษ1

    ตอนพิเศษ1เข้าเดือนสี่หิมะเริ่มสลาย กลีบดอกเหมยก็ร่วงโรยใกล้หมดต้น บ่งบอกว่าบัดนี้เข้าสู่ปลายฤดูหนาว และคงกำลังจะเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแผ่นดินต้าเหลียงแล้ว วันที่จวนสวีกลับคึกคักอย่างยิ่ง ทั่วบริเวณเนื้อที่กว่าหนึ่งร้อยหมู่บัดนี้ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยสีแดงระยิบระยับสดใสแสบตา เพราะวันนี้กำลังจะมีงานมงคลเกิดขึ้นนั่นเอง ซึ่งงานวิวาห์ในวันนี้นั้นจะเป็นของผู้ใดไปมิได้นอกจากท่านหัวหน้าซั่วเจาหนุ่มวัยฉกรรจ์ผู้เยือกเย็น กับแม่นางฟางปี้เหลียน คนสนิทของทั้งนายท่านสวี และนายหญิงสวีนั่นเอง แขกเหรื่อนั้นคราวแรกทั้งเจ้าบ่าว และเจ้าสาวมิคาดว่าจะมากมายเพราะทั้งคู่มิใช่คนมีฐานันดรอันใด ผู้เป็นฝ่ายเจ้าสาวนั้นนางเป็นเพียงสาวใช้กำพร้า มีญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวคือท่านหมอฟางผู้แก่ชรามากแล้ว ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นคงมิต้องกล่าวเพราะมีเพียงสวีฉีเฟิ่ง พ่อบ้านซูจิ้งเหยา เฉาคุน ติงฮ่าว และเหิงเซา เท่านั้นที่เหลือก็เป็นลูกน้องใต้ปกครองอีกราวสองร้อยกว่าชีวิตที่ยังอยู่ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่บัดนี้กลับมีแขกมาร่วมงานนับแล้วคงเกินห้าถึงหกร้อยคน ซึ่งในคราวนี้เพราะเวลาถูกเลื่อนมาจากกำหนดเดิมถึงสามเดือนกว่า ทางสกุ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่ 50

    ตอนที่ 50และแล้วพ้นผ่านไปเพียงหนึ่งวัน ข่าวจากวังหลวงก็เริ่มทยอยส่งมาให้สวีฉีเฟิ่งได้ทราบ เริ่มจากตำหนักลี่ฮวาของเฉียนเต๋อเฟยที่อยู่ ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้จนวายวอด คนเกือบทั้งตำหนักตายลงสิ้น ทั้งที่นี่คือฤดูหนาวหิมะหนาแน่น แต่ต่อให้เป็นฤดูฝนน้ำมาก แต่หากเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้ อยากให้มอดม้วยมลายสิ้นก็ต้องเป็นไปตามนั้น ส่วนเด็กสาวที่กวนเหยานักฆ่าสาวผู้นั้นฝากฝังเอาไว้ แน่นอนว่าต้องได้รับการช่วยเหลือตามคำพูดที่เขาได้รับปากคนตายไปแล้ว เพียงแต่ช่วยเหลือนางออกมาแล้วเขาก็จัดการส่งไปยังโรงเตี๊ยมของสกุลสวีให้นางเลือกว่าจะทำงานใดเลี้ยงชีพตนเอง แล้วลำดับต่อมาก็เป็นสกุลเฉียนที่ถูกข้อหายั่วยุองค์ชายสี่ทำการก่อกบฏคิดลอบปลงพระชนฮ่องเต้ ห้าร้อยเจ็ดสิบสามคนถูกประหารจนสิ้น ส่วนองค์ชายสี่ถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนฝั่งเยี่ยนเป่ยตลอดชีวิตมิอาจกลับมาเหยียบเมืองหลวงได้อีกต่อไป ส่วนทางด้านเหยียนเหม่ยซินนั้นได้คลอดบุตรออกมาเป็นหญิง และเพื่อความบริสุทธิ์ไร้ข้อกังขา ฮ่องเต้จึงประทานหมอหลวงให้ไปพิสูจน์สายเลือดถึงหกคนว่าที่แท้บิดาของเด็กน้อยนั้นเป็นสวีฉีเฟิ่งจริงหรือไม่ ซึ่งย่อมแน่นอนว่าไม่ใช่ แล้วความจริงที่ว่าเหยีย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่ 49

    ตอนที่ 49...ตำหนักฉางชุน... กายแกร่งของหนานเฉิงกั๋วกงหนุ่มก้าวผ่านโค้งประตูของตำหนักใหญ่ที่มีทหารองครักษ์ และขันทีมากมายคุ้มกันแข็งขันสมกับเป็นตำหนักของมังกรแห่งต้าเหลียง “ฝ่าบาท หนานเฉิงกั๋วกงมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีคนสนิทเร่งเข้าไปโค้งกายกระซิบกระซาบบุรุษในอาภรณ์ลำลองมิได้เต็มพิธีการเช่นในยามออกว่าราชการยังท้องพระโรงใหญ่ของมหาราชวัง “อืม…ให้เขาเข้ามาได้” ผู้กำลังเคร่งเครียดอยู่กับม้วนฎีกามากล้นเอ่ยอนุญาตโดยมิได้ละสายตาจากงานในมือแม้แต่น้อย “ฉีเฟิ่งถวายพระพรฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” กายสูงใหญ่ของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเอ็ดหนาวผู้อยู่ด้านหลังโต๊ะทรงงานเงยหน้าขึ้นจากกองฏีกามากมายตรงหน้าได้ในท้ายที่สุด เมื่อคนที่เขาทราบดีอยู่แล้วว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งสวีฉีเฟิ่งนั้นจะต้องมาเข้าเฝ้าเป็นแน่ เพราะข่าวคราวการสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขไปมิใช่อันใดที่บุรุษจะยอมรับได้ “แวะมาพบข้าได้สักครานะเฟิ่งเอ๋อร์ มานั่งตรงนี้พูดจากันให้ดีเถิด” หากเรียกกันเช่นนี้ย่อมหมายความว่าฮ่องเต้มิต้องการพูดคุยกันอย่างฮ่องเต้กับขุนนาง แต่เขาคงต้องการพูดคุยกันอย่างญาติสนิทมากกว่า แต่จะฐานะใดวันนี้สวีฉีเฟิ่งจะมิอ่อนข้อเด็ดข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่ 48

    ตอนที่ 48พอเขาขยับกายโอบอุ้มผู้เป็นภรรยา ก็สัมผัสได้กับความเปียกชื้นบ่งบอกชัดเจนถึงของเหลวจึงยกมือขึ้นมาดู ภาพหยาดโลหิตสีเข้มพร้อมกลิ่นคาวกลับทำเอาเขาอุทานลั่นพลางหน้าตาซีดเซียว ส่วนหัวใจนั้นเจ็บปวดราวกับถูกมือขนาดยักษ์ยื่นมาบีบบี้ขยี้จนแหลกเหลวกลายเป็นน้ำเสียแล้ว …ไม่นะเจ้าก้อนขนมทังหยวน (ขนมบัวลอย) ของบิดา เจ้าอย่าเป็นอันใดไปนะ!… “นายท่านเร่งพานายหญิงไปด้านในก่อนเถิดขอรับ อาเหลียนเร่งไปตามท่านพ่อบ้านใหญ่มาเร็วเข้า” เป็นซั่วเจาที่มีสติมากกว่าผู้เป็น ‘นายท่าน’ เขาจึงร้องเตือนทางสวีฉีเฟิ่ง เสร็จแล้วหันไปร้องบอกให้ฟางปี้เหลียนเร่งไปตามผู้มีความรู้ทางการแพทย์เช่นซูจิ้งเหยามาดูอาการของจางเยว่เซียงก่อนที่ท่านหมอจะมาถึงจวน “ท่านพี่…” จางเยว่เซียงนั้นเกร็งมือกำหน้าอกเสื้อของสามีเอาไว้แน่นจนเห็นข้อนิ้วขาว พยายามกัดฟันอดทนต่อสู้กับความเจ็บปวดที่บีบรัดรุนแรงในช่องท้อง นางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วปล่อยออกสุด หวังบรรเทาอาการปวดนั้นมิให้กัดกินสติของนางจนสิ้นนั่นเอง ส่วนภายในใจนั้นจางเยว่เซียงนั้นกลับกังวลห่วงใยลูกน้อยที่นางเพิ่งทราบว่ามีเขามาอยู่ด้วยเพียงสองเดือนเท่านั้น แต่บัดนี้นางกำลัง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status