“ป่ะ คุณเลขา เตรียมตัวไปงานเลี้ยงกับผมได้แล้ว” ท่านประธานหนุ่มเดินออกมาจากห้องของตัวเอง แล้วเอ่ยปากสั่งเลขาของตน
“เอ่อ ท่านประธานเดินทางไปก่อนผมได้ไหมครับ เดี๋ยวผมว่าจะขับรถไปเอง” เสียงนุ่มน่าฟังจากนวพรรษบอกเจ้านายไปและที่สำคัญเข้าไม่อยากเดินทางไปพร้อมเจ้านายตอนนี้ ขอทำสมาธิ ทำใจของตัวเองให้เต้นให้เป็นจังหวะปกตินิดนึงก่อน “เอารถคุณจอดไว้ที่บริษัทนี่แหละ ไปทางเดียวกันจะขับรถไปให้เปลืองน้ำมันทำไมหลายคัน ไม่ช่วยโลกเลยนะคุณเนี่ย” คนร่างสูงหรือจะยอม “เอ่อ แต่ว่า ผมว่าจะไปอาบน้ำที่คอนโดก่อนครับ ท่านประธานไปก่อนได้เลยครับ” “ไม่ต้องไปอาบหรอก ไปอาบที่บ้านผมก็ได้ ได้ยินว่าที่บ้านผมท่านเจ้าสัวจัดห้องส่วนตัวไว้ให้คุณด้วยนี่ จะถึงเวลางานแล้ว ไปพร้อมกันนี่แหละ เดี๋ยวเสียวเวลา เอ๊ะ รู้แล้ว คุณไม่อยากไปพร้อมผม เพราะคุณเขินผมใช่ไหม หรือคุณกลัวหวั่นไหว อดใจไม่ไหวที่อยู่ใกล้ผม คุณคิดอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย” เวทานนท์พูดดักอีกคนไว้ “ผมไม่ได้คิดอะไรกับท่านประธานทั้งน้ันแหละครับ ผมไม่ได้กลัวหรือเขินอายอะไรด้วย โอเค ผมไปพร้อมท่านประธานก็ได้ครับ ขับรถตามกันไป เพราะเสร็จงานแล้วผมจะได้ขับกลับบ้าน” อีกคนรีบแย้งปฏิเสธทันที พร้อมหาทางออกให้ตัวเองจะไปพร้อมกันยังไงถึงจะไม่ต้องขึ้นรถคันเดียวกันกับคนที่ทำให้ตัวเองใจสั่นตอนนี้ “ไม่ต้อง ไปรถคันเดียวกันนี่แหละ งั้นมันจะเรียกว่าไปด้วยกันได้ยังไง รถคุณจอดทิ้งไว้ที่บริษัทนี่แหละ ป่ะ ไปกันได้แล้ว” มีหรือคนที่วางแผนแกล้งอีกคนจะยอม เขารู้หรอกว่า เลขาคงไม่อยากไปพร้อมเขา “โอเค ครับ เอาตามที่ท่านประธานบอกก็ได้นั้น” แล้วก็รีบเดินตามหลังท่านประธานของเขาทันที จะก้าวยาวไปไหน กว่าจะถึงเวลางานเริ่มตั้งเกือบสามชั่วโมง ตอนนี้ชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนมานั่งอยู่ในรถหรูคันโปรดของท่านประธาน โดยคนขับก็เป็นเจ้าของรถนั่นเอง เวทานนท์ชอบขับรถเองมากกว่าที่จะใช้คนขับรถ ยกเว้นว่าวันไหนมีงานด่วนต้องเคลียร์ระหว่างเดินทางถึงจะใช้คนขับรถของที่บ้าน บรรยากาศในรถตอนนี้เงียบมาก ไม่มีใครคุยกับใครเลย อีกคนเหมือนต้ังใจขับรถมาก อีกคนก็นั่งอยู่อย่างอึดอัดไม่รู้จะทำอะไรดี เหมือนสวรรค์เป็นใจอยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของนวพรรษก็ดังขึ้น แต่เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ ชายหนุ่มจึงกดรับ “สวัสดีครับ” “หวัดดีน้องนิว นี่พี่เจษเองนะ” “อ๋อ สวัสดีครับพี่เจษ พี่ได้เบอร์นิวมาจากไหนเหรอครับ” พอได้ยินนวพรรษคุยโทรศัพท์ เวทานนท์ก็เงี่ยหูฟังทันที อีตาเจษฎาเมื่อตอนกลางวันนี่นา นี่ติดใจจนต้องโทรมาหากันอย่างเร็วขนาดนี้เลยเหรอ "ความสามารถส่วนตัวครับ ขออุบไว้ก่อน” “พี่เจษมีอะไรให้นิวรับใช้หรือเปล่าครับ” “เปล่าหรอก พี่แค่จะชวนนิวออกมาทานข้าวแค่นั้นแหละ วัันนี้นิวว่างไหม เลิกงานแล้วนี่” “เอ่อ ต้องขอโทษทีครับ พอดีวันนี้นิวต้องไปงาน เลยไม่ว่างเลยครับ” “ไม่เป็นไร อาทิตย์หน้านิวว่างวันไหน” “อาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์ นิวไปทำงานที่ภูเก็ตครับ” “ว้า เสียดายจัง พี่อยากเจอนิว” “เอาอย่างนี้ไหมครับ ถ้านิวครับมาจากภูเก็ตแล้ว เดี๋ยวนิวโทรหา” “เอาอย่างนั้นก็ได้ โอเคพี่ไม่กวนเราแล้ว เดี๋ยวค่อยเจอกัน พี่วางแล้วนะ คิดถึงนะตัวเล็ก” “โอเคครับ คิดถึงเหมือนกันครับ” เสียงบอกคิดถึงกันทำเอาคนที่พยายามให้สมาธิขับรถอยู่หงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ แล้วเราจะหงุดหงิดทำไมวะ อ๋อก็เค้าคุยกันเสียงดังน่ารำคาญ รบกวนสมาธิในการขับรถ เวทานนท์หาเหตุผลที่ตัวเองอารมณ์ไม่ดี ส่วนนวพรรษพอวางสายจากเจษฎาหันมามองคนขับรถรู้สึกว่าอีกคนหน้าหงิก ขับรถเร็วขึ้น ไม่รู้ไม่พอใจอะไรหรือเปล่า อยากจะถามคนหน้าคม หล่อแบบลูกครึ่งของเจ้านายแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่แอบมองด้านข้างคนขับเรื่อยๆ สลับกับถนนทางด้านหน้าอย่างใจลอย รู้ตัวอีกทีรถคันหรูสมฐานะก็เคลื่อนเข้ามาจอดที่คฤหาสน์ของเจ้าสัวเวทินแล้ว ที่จริงนวพรรษเคยมาค้างที่นี่หลายครั้งแล้วเวลาต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกับพี่ท้อปและเจ้าสัวเวทินตอนเป็นท่านประธาน เจ้าสัวใจดีถึงกับยกห้องของที่บ้านไว้ให้เป็นห้องส่วนตัวของนวพรรษไว้ใช้เวลาที่นวพรรษมาพักที่นี่ ร่างโปร่งได้แต่ตกใจ เราใจลอยจนกระทั่งไม่รู้ตัวว่าเขาถึงบ้านแล้วเหรอเนี่ย เป็นเอามากแฮะเรา “อ้าว คุณ จะไม่ลงรึไงถึงแล้ว หรือต้องรอให้ผมไปเปิดประตูอุ้มลงมาในท่าเจ้าสาว หรือมัวแต่คิดถึงคนในสาย เมื่อกี้” ประธานหนุ่มเอ่ยแหย่แซวคนใจลอย และหัวเราะในคอ “หึ หึ ไหนคุณบอกอยากอาบน้ำไง ถึงแล้วก็รีบไปอาบซิ จะได้ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวเจ้าสัวรอนาน ป่ะ ลงไปได้แล้ว” นวพรรษก้าวลงจากรถฝั่งข้างคนขับด้วยความหงุดหงิดในคำพูดของเจ้านาย แต่ก็รีบก้าวตามประธานหนุ่มทันที “มาถึงกันแล้วเหรอลูก ไปๆ พากันขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน น้องนิวใช้ห้องของน้องนิวที่เคยใช้นะลูก ลุงให้คนเอาชุดไปแขวนไว้ให้แล้ว อีกสักชั่วโมงน่าจะเสร็จเน๊าะ จะได้ไปพร้อมกัน” “คุณลุงก็ไปรถคันเดียวกันด้วยใช่ไหมครับ” นวพรรษถามเพื่อความมั่นใจว่าจะไม่โดนทิ้งให้โดยสารไปกับท่านประธานปากเปราะ “ใช่ๆ เดี๋ยวไปด้วยกันสี่คนเลย มีพี่ท้อป ด้วยอีกคน” “งั้นนิวขออนุญาตใช้ห้องนะครับ” คนหน้าสวย ขออนุญาตเจ้าของบ้านอีกที่ “ตามสบายเลยลูก ลุงยกห้องนั้นให้เป็นของน้องนิวเลย ไม่ต้องเกรงใจ” ตอบเลขาของลูกชายที่ตัวเองรักเหมือนลูกเสร็จเจ้าสัวเวทินก็หันมามองลูกชายตัวเอง “เป็นไง เจ้าเวย์ ลูกไปทำอะไรให้เลขาเขากลัวขนาดนั้น แกอย่ามาเล่นๆ นะโว้ย ลูกเอามีพ่อมีแม่ อย่าลืมที่สำคัญพ่อแม่เค้าเป็นเพื่อนพ่ออีก” “ไม่มีอะไรครับพ่อ ใครจะไปกล้าทำอะไรล่ะ ระวังตัวแจขนาดนั้น เห็นนิ่มๆ เวลาอยู่กับคนอื่น แต่กับเวย์ทำปากแซ่บเหลือเกิน ยอมเวย์ที่ไหน” ชายหนุ่มคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำกับอีกคนไว้ก็อดยิ้มไม่ได้ นอกจะปากแซ่บแล้วปากยังนุ่มและหวานอีก นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้บอกผู้เป็นบิดา “เวย์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะพ่อ เดี๋ยวไม่หล่อ แล้วเมียพ่อล่ะ” เวย์ทานนท์ถามหาธนศิลป์ทันที เพราะปกติไม่เคยเห็นห่างกัน “ท้อปเค้าแต่งตัวอยู่ อีกเดี๋ยวคงเสร็จแล้ว แกไปเถอะ” ใช่แล้ว ท้อปหรือธนศิลป์ เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักและสนิทกับเวทานนท์ตั้งแต่เรียนช่วงเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ พอดีจบเวทานนท์เลยขอร้องให้ธนศิลป์มาเป็นเลขาให้เจ้าเวทินผู้เป็นพ่อ และฝากดูแลเจ้าสัวตอนที่เค้ายังต่อปริญญาเอกที่เมืองนอกต่อ ใครจะไปรู้ว่าธนศิลป์เลขาคนเก่งของเจ้าสัวจะโดนเจ้าสัวจับกินเสียเอง ตอนนี้เป็นคนรักเป็นคนรู้ใจกันอยู่กินกันอย่างเปิดเผย ซึ่งเวทานนท์รับทราบตลอด แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือคัดค้านอะไร อะไรที่พ่อทำแล้วมีความสุข และไม่ผิดเขาเป็นลูกก็พร้อมสนับสนุน ในเมื่อคนสองรักกัน เขาก็ไม่ห้าม ซึ่งตอนนี้ท้อปก็มาอยู่กินและจดทะเบียนกับเจ้าสัวแล้ว เจ้าสัวอุตส่าห์ลงทุนบินไปจดทะเบียนถึงต่างประเทศและพาเมียรักมาอยู่ที่บ้าน คุยกับพ่อแล้วชายหนุ่มก็เดินขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองทันที นวพรรษอาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวอยู่ในห้องนอนแขก ซึ่งห้องนี้เขาเคยมานอนหลายครั้งแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ในห้องนี้ เจ้าสัวเวทินเตรียมไว้ให้ แล้วเขียนข้อความติดไว้ให้เขาใช้ แต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็เตรียมตัวลงไปข้างล่างเพื่อไปตามที่เจ้าสัวนัดหมาย พร้อมกับถุงใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่ใส่ก่อนหน้า จะได้ไม่เป็นภาระต้องกลับมาเอาอีก พอผลักประตูห้องออกมาก็เจอกับเจ้านายหนุ่มที่ตอนนี้อยู่ในชุดสูทสีดำตัวใหม่ ผมสีน้ำตาลเข้มที่โดนเซ็ตเรียบร้อย คนอะไรหล่อไม่แบ่งคนอื่น ไม่คิดจะให้คนอื่นได้เกิดเลยหรือไง “ตลึงในความหล่อของผมเหรอ คุณเลขา หึ หึ ” “เปล่าครับ ผมจะมองท่านประธานทำไม ผมเองก็หล่อน้อยกว่าคุณซะที่ไหน” ตอบอีกคนเสร็จนวพรรษก็ก้าวลงบันไดมาก่อน ตามหลังด้วยร่างสูงผู้เป็นเจ้านาย “อย่างคุณเขาไม่เรียกว่าหล่อหรอกนะ เค้าเรียกว่าหน้าสวย ต่างหากล่ะคนสวย” เวทานนท์แอบมองเลขาของตัวเองในชุดสูทสีเทาเข้ม รับกับร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหวานละมุนนั่นอีก ถึงแม้จะไม่บอบบาง ตัวเล็กอยางที่เขาชอบ แต่อีกฝ่ายมองยังไงก็ดูดี เขาไม่ชอบตัวเองที่รู้สึกแบบนี้เลย ไม่อยากจะให้สายตาของตัวเองไปคอยแต่จะจับจ้องอยู่แค่ร่างโปร่งนั้น “มาพอดีเลย เดี๋ยวไปกันสองคนเลยนะลูก พอดีพี่ท้อปปวดท้องกระทันหัน พ่อว่าจะพาไปโรงพยาบาลซะหน่อย” เจ้าสัวเวทินเอ่ยบอกสองหนุ่มรูปงามที่ตอนนี้เดินเข้ามาในโถงของห้องรับแขก ให้ไปงานคืนนี้กันเองสองคน “อ้าว พี่ท้อปเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ให้นิวพาไปหาหมอเป็นเพื่อนอีกคนไหมครับ” นวพรรษเสนอตัว “ไม่ต้องหรอกลูก เดี๋ยวน้องนิวไปงานเป็นเพื่อนพี่เวย์เค้าเถอะ เดี๋ยวลุงพาพี่ท้อปไปเองได้ ” “แล้วนั่นถุงอะไร” เจ้าสัวเวทินถามทันทีที่เห็นชายหนุ่มลูกชายเพื่อนถือถุงซึ่งน่าจะเป็นเสื้อผ้าชุดเดิม “เอ่อ ถุงเสื้อผ้าครับ นิวจะได้ไม่ต้องกลับมาเอาอีก” นวพรรษรีบตอบเจ้าสัวทันที นวพรรษเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มาบ้านนี้ จะเก็บห้องเนียบร้อยและก็จะเก็บถุงเสื้อผ้าชุดเดิมไปซักที่บ้านตัวเองตลอด ทั้งๆ ที่เจ้าสัวเคยบอกเอาไว้ให้แม่บ้านที่นี่ซักให้ก่อนแล้วจะเอาไปให้ที่ทำงานแต่เจ้าตัวก็บอกเกรงใจ “ไปกันได้แล้วลูกเดี๋ยวเข้างานช้า เจ้าเวย์พ่อฝากขอโทษบอกคุณขจรด้วยนะ ที่ไม่ได้ไปแสดงความยินดีด้วยตัวเอง ” เจ้าสัวเวทินหันมาสั่งลูกชายอีกรอบ “ครับพ่อ งั้นเวย์เอารถเวย์ไปเองดีกว่าครับพ่อ ไปคุณ” ตอบรับผู้เป็นพ่อเสร็จ ก็หันมาหาเลขาหน้าสวยทันที “งั้นนิวลาก่อนนะครับคุณลุง” นวพรรษยกมือไหว้ลาท่านเจ้าสัวก่อนจะเดินตามหลังคนตัวสูงไปอย่างเสียมิได้ จะเปลี่ยนใจไม่ไปก็ไม่ได้เวลาผ่านไปจนหนูน้อยน้องเนมเติบโตจนอายุได้สองขวบ เด็กชายวรานนท์โตมาท่ามกลางความรักของทุกคนในครอบครัว เด็กน้อยตัวสูงหน้าตาคมคายคล้ายไปทางลูกครึ่งเหมือนผู้เป็นบิดา แต่ก็มีดวงตาคมขนตางอนผิวขาวเนียนเหมือนผู้เป็นมารดา อีกทั้งยังมีความฉลาดเกินวัยใครเห็นก็หลงรัก หนักสุดคือผู้เป็นแด็ดดี้อย่างเวทานนท์ที่หลงลูกหนักมากตามใจทุกอย่าง จนบางทีผู้เป็นแม่อย่างนวพรรษต้องปราม จนเหนื่อยจะปรามทั้งพ่อทั้งลูก ทุกวันนี้คุณป๊ากับคุณม๊าได้ย้ายมาอยู่คฤหาสน์เจ้าสัวตามคำชวนของเพื่อนรักแล้ว เพราะจะได้ช่วยกันดูแลหลานคนเดียว แด็ดดี้กับมามี๊ของหลานน้อยจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มน้องเนมนอนบ้านคุณปู่ทีนอนบ้านคุณตาที อีกอย่างทั้งสองครอบครัวต่างมีลูกแค่คนเดียวพ่อแม่ก็แก่ลงทุกวัน เจ้าสัวกลัวลูกสะใภ้จะคอยกังวลเรื่องพ่อแม่ ให้มาอยู่รวมกันเสียที่นี่จะได้ช่วยกันดูแลกันและกัน ตอนนี้ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าสัวเลยคึกคักไม่เหงาอีก พอน้องเนมเริ่มโต อีกไม่กี่ปีก็จะได้เข้าโรงเรียน ถึงตอนนั้นบรรดาคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายคงเหงา เพราะถ้าน้องเนมไปโรงเรียนระหว่างรอหลานตอนกลางวันคนแก่คงพากันเหงาน่าดู เลยอยากมีหลานเยอะๆ ไว้แก้เหงา พอเรียบๆ เคียงๆ ถ
วันนี้คุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดอยู่บ้านคนเดียวกับเหล่าบรรดาคนรับใช้ เพราะคุณสามีมีประชุมบอร์ดบริหารที่ไม่สามารถเลี่ยงได้จำเป็นต้องไปเอง แต่กว่าจะไปได้ก็อิดออดไม่อยากไป ย้ำคิดย้ำทำสั่งเสียเมียรักไม่ให้เดินเยอะ ให้แม่บ้านคอยอยู่ใกล้ชิด มีอะไรให้โทรหาทันที จนเจ้าสัวเวทินผู้เป็นพ่อซึ่งล่วงหน้าไปทำงานก่อนหน้าโทรมาตามคุณประธานถึงได้จำใจห่างเมียรักไปทำงาน เวลาผ่านไปล่วงเข้าช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันหลังทานของว่างมื้อบ่ายเสร็จนวพรรษก็เดินมาเพื่อที่จะเอนหลังพักผ่อนโดยมีป้าใจหัวหน้าแม่บ้านคอยพยุงมานั่ง แต่รู้สึกว่าปวดหน่วงๆ ที่เอวและที่ท้อง “ซี๊ดดดด ถีบม่ามี๊แรงจังเลยลูก คิดถึงแด็ดดี้เหรอครับ เดี๋ยวแด็ดดี๊ก็กลับมาแล้วครับ เรามานอนรอดีกว่านะครับ” ยังไม่ได้ทันได้นั่งลงที่โซฟาเลย จู่ๆ นวพรรษก็รู้สึกว่ามีน้ำไหลลงระหว่างขา พร้อมปวดท้องมากขึ้น“อ๊ะ ป้าใจ มีน้ำอะไรไหลลงมาที่ขานิวไม่รู้ อูยยย นิวปวดหน่วงท้องจัง ” ป้าใจแม่บ้านก็ตกใจกับสิ่งที่คนเป็นนายบอก“คุณนิวจะคลอดคุณหนูแน่เลยค่ะป้าว่า เดี๋ยวเรารีบไปโรงพยาบาลกันก่อนดีกว่านะคะ นังรุ้งวิ่งแกไปบอกคนรถเอารถออกพาคุณนิวไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ป่ะ ยัยหวีแกไปเอากระเป๋าท
“หมดเรื่องซะทีนะเจ้าตัวดี อยู่ๆ พ่อก็ต้องเสียเงินฟรีกับขาดรายได้จากโรงแรมซะงั้น แต่ไม่เป็นไรแลกกับความสบายใจของน้องนิวลูกสะใภ้พ่อ” เจ้าสัวเอ่ยขึ้นกับลูกชายตัวดีหลังจากพากันส่งอิงจันทร์ขึ้นรถที่หน้าบ้านแล้วให้คนขับรถไปส่งเข้าที่พักที่โรงแรมอีกที่ “โธ่พ่อเงินแค่น้ี แต่ยังไงเวย์ต้องขอบคุณพ่อด้วยนะครับที่จัดการให้ เพราะถ้าพ่อมาไม่ทันเวย์ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงกลัวเมียงอนก็กลัว ตอนนี้เวย์ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว” เวทานนท์ถือโอกาสขอบคุณผู้เป็นพ่อที่ช่วยเหลือจัดการไม่ให้ทางโน้นบอบช้ำมากและไม่ให้เค้ามีปัญหากับเมียรัก “เอ่อไม่เป็นไร แล้วนี่น้องนิวลูกสะใภ้ของพ่อไปไหนแล้วล่ะ ต้ังแต่มายังไม่เห็นหน้าเลย คงไม่โกรธแกจนหนีไปบ้านแม่เค้าแล้วนะ” เจ้าสัวถามหาลูกสะใภ้คนโปรดเพราะตั้งแต่เข้าบ้านมายังไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายเลย “พ่ออย่ามาชี้โพรงให้กระรอกเดี๋ยวเกิดมาได้ยินเก็บไปเป็นไอเดียเอาไปใช้ตอนงอนเวย์จริงๆ แย่เลย ขึ้นไปพักตั้งแต่อิงจันทร์มาแล้วครับ เดี๋ยวเวย์ไปหาก่อนนะครับ คงต้องง้อนานหน่อยเจอกันตอนทานข้าวเย็นเลยนะครับ พ่อก็รีบขึ้นไปเถอะเมียพ่อรอนานแล้วเดี๋ยวนึกว่าติดใจอิงจันทร์นะครับเห็นเปย์ทั้งเงินท
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนตอนนี้อายุครรภ์ของนวพรรษได้ 8 เดือน ท้องเริ่มโตขึ้นนูนเด่นชัดเจน เจ้าตัวเล็กในท้องก็ขยันดิ้นเคลื่อนไหวร่างกายให้คุณพ่อกับคุณแม่ตื่นเต้นตลอด หลังๆ เวลาขยับดิ้นคุณแม่เริ่มมีอาการเจ็บเล็กน้อย พอคุณพ่อเอามือลูบปลอบเจ้าตัวเล็กในครรภ์ก็เหมือนจะเชื่อฟังคุณพ่อหยุดดิ้นเพื่อให้คุณแม่คลายเจ็บ จนบางทีคุณแม่นึกน้อยใจที่ลูกน้อยในครรภ์ดูจะรักและเชื่อฟังคุณพ่อมากกว่าคนอุ้มท้องเสียอีก ช่วงหลังๆ เวทานนท์ไม่ยอมให้คุณแม่ท้องโตตามตัวเองไปทำงานที่บริษัทเพราะท้องเริ่มโต เริ่มเดินเหินลำบาก และเป็นตะคริวบ่อยๆ จนตอนนี้ตัวเวทานนท์เองเลยต้องเอางานมานั่งทำที่บ้านแล้วเฝ้าคุณแม่ท้องโตแทน ส่วนที่บริษัทก็ให้เจ้าสัวกับธนศิลป์ดูแลไป ตอนนี้คุณพ่อกำลังนวดเท้าให้คุณแม่ท้องโตเพราะเท้าบวมโดยให้คุณแม่นอนบนโซฟาตัวใหญ่แล้ววางขาบนตักของคุณพ่อ “เท้าบวมมากเลยที่รัก แต่ก็ดูอวบๆ น่ารักดี สบายขึ้นไหม ฮืมม ฟอดดดดด” เวทานนท์ก้มลงหอมเท้าบวมน่ารักของคุณภรรยาอย่างหมั่นเขี้ยว “พี่เวย์ ไม่เอาครับมันสกปรก” คุณแม่รีบถดขาถอยหนี คุณพ่อคว้าขาเรียวกลับมาวางบนตักอีก “สกปรกที่ไหน น่ารักและหอมขนาดนี้ ” พูดไปมือก็ลูบคลึงเท้า
“เป็นยังไงบ้างเบบี๋ นิทานของแด็ดดี้สนุกไหมครับ”เวทานนท์ทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ่านนิทานให้ลูกน้อยในท้องของภรรยาฟัง ตอนนี้นวพรรษอายุครรภ์ได้ 5 เดือนแล้ว หลังจากทำอัลตร้าซาวน์ดูเพศเด็กแล้วปรากฏว่าทั้งสองได้ลูกชาย สร้างความยินดีให้กับทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก ถึงแม้อายุครรภ์จะได้ 5 เดือน แต่กระนั้นเป็นท้องแรกของคุณแม่เลยดูยังไม่โตมากเท่าไรแค่เหมือนคนอ้วนลงพุง ทุกคืนเวทานนท์จะต้องมานอนเล่านิทานให้ลูกน้อยในท้องฟังก่อนนอนเสมอ ตามด้วยการไปเยี่ยมทักทายลูกชายในครรภ์ อายุครรภ์เลยช่วงการมีความเสี่ยงต่อการแท้งแล้ว ทำให้คนพ่อจอมหื่นเลยขยันไปเยี่ยมลูกน้อยเป็นพิเศษอ้างว่าลูกบอกเหงาอยากคุยกับแด็ดดี้ และแด็ดดี้ก็อยากต่อแขนต่อขาให้เบบี๋แข็งแรง วันนี้หลังอ่านนิทานเสร็จมีหรือคนหื่นจะพลาด จากตอนนี้ที่เวทานนท์นอนตะแคงซ้อนอยู่ด้านหลังคนร่างเพรียวที่ดูอวบขึ้นนิดหน่อยให้น้องน้อยนอนตะแคงหันหลังหนุนแขวนตัวเองฟังนิทานอยู่ พอนิทานจบคนเจ้าเล่ห์ก็วางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียง พอชะโงกมาดูหน้าคนในอ้อมกอดพบว่าตอนนี้คุณแม่เริ่มตาปรือแล้ว ทำท่าจะหลับมิหลับแหล่ จะโดนลักหลับยังไม่รู้ตัวอีกเมียตู“ที่รักอย่าเพิ่งหลับซิ เบบี
พอมาถึงบ้านว่าที่คุณพ่อก็รีบแจ้งข่าวดีให้ทั้งฝั่งเจ้าสัวและคุณป๊าคุณม๊าของนวพรรษให้ทุกคนได้ทราบด้วยความตื่นเต้นและดีใจ แม้กระทั่งคนรับใช้ในบ้านต่างก็รับทราบและยินดีกันถ้วนหน้า ว่าที่คุณพ่อไม่ค่อยจะเห่อเลย คอยประคบประหงม ประครองเวลาคุณแม่จะเดินไปไหนมาไหนก็ไปด้วย ทำตัวติดร่างเพรียวตลอดเวลา“ค่อยๆ ลุก ค่อยๆ เดินครับเมีย มานั่งพักตรงนี้ก่อนมา ระหว่างรอทานข้าว ” นวพรรษแอบมองบนสามีขี้เห่อ ไม่ว่านวพรรษจะขยับตัวทางไปไหน ร่างสูงของสามีก็จะคอยเข้ามาประครองตลอด จนตอนนี้ตัวแทบจะสิงร่างเพรียวอยู่แล้ว “พี่เวย์ครับ นิวแค่ท้องไม่ได้เป็นง่อยหรือพิการนะครับ นิวเดินเองได้” พอโดนเมียห้ามคุณพ่อขี้เห่อก็ทำหน้าหงอยทันที นึกน้อยใจที่ภรรยาหน้าหวานมองไม่เห็นความหวังดีหรือคงรำคาญตัวเขา เวทานนท์เลยแทบจะปล่อยมือจากเอวบางทันที“พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่เป็นห่วงหนูมากไปหน่อยจนทำให้หนูรำคาญ” พอได้เห็นสีหน้าและน้ำเสียงของสามีเลยทำให้นวพรรษรู้เลยว่าทำให้อีกคนน้อยใจเสียแล้ว ลำบากคุณแม่ต้องง้อแล้วสิ “ฟอดดดดด พี่เวย์ไม่งอนนะครับคนดีของเมีย นิวแค่กลัวพี่เวย์ลำบาก กลัวพี่เวย์เหนื่อย คอยทำโน่นทำนี่ให้นิวตลอดเวลา ตัวเล็กช่ว
โอ๊ก อ๊วก อ๊วก แว่ะเสียงในห้องน้ำตอนเช้าทำเอานวพรรษตื่นจากนิทรารมณ์แสนหวาน เมื่อคืนกว่าจะได้นอนผ่านศึกรักกับคุณสามีถึงค่อนคืนจึงค่อนข้างเพลีย ว่าแต่ตัวต้นเรื่องหายไปแสดงว่าเสียงในห้องน้ำเป็นเสียงของพี่เวย์แน่ๆ แล้วพี่เวย์เป็นอะไรล่ะ คิดได้ดังนั้นจึงลุกจากที่นอนไปหาคนที่อยู่ในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง“ก๊อก ก๊อก ก๊อก พี่เวย์ครับเป็นอะไรหรือเปล่า นิวเข้าไปนะ” พอเปิดประตูเข้าไม่รู้จะขำหรือจะสงสารดีที่เห็นท่านประธานบริษัทหมื่นล้านมานั่งกอดชักโครกอาเจียนจนหมดสภาพ“เป็นยังไงบ้าง ทำไมอยู่ๆ ก็อาเจียนล่ะครับ อาหารเป็นพิษหรือเปล่า” นวพรรษถามคนไม่สบายอย่างเป็นห่วงพร้อมกับคิดหาสาเหตุที่ทำให้คนที่สุขภาพดีมาตลอด ไม่สบายได้“เมียจ๋า ผัวไม่ไหวแล้ว เวียนหัว คลื่นไส้ อยากอ๊วก ฮือ ฮือ ” นวพรรษอึ้งเลยพอเห็นสามีพูดไปร้องไห้ไป อารมณ์ไหนของคุณเค้าเนี่ย สงสัยจะอาการหนัก “โอ๋ โอ๋ พี่เวย์มีแรงลุกไหม มาเดี๋ยวนิวช่วยพยุง เดี๋ยวเราไปหาหมอกันนะครับ” คนเป็นเมียเข้าไปพยุงคนป่วยให้ลุกขึ้นแล้วไปล้างหน้าบ้วนปากที่อ่างล้างหน้า “อาบน้ำไหวไหม ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวนิวอาบให้” คนตัวหนารีบส่ายหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาทันที อยากใ
ผ่านพ้นงานแต่งไปได้อาทิตย์กว่า สองสามีภรรยาก็กลับมาทำงานปกติในฐานะท่านประธานกับเลขาส่วนตัวเพราะตอนนี้โต๊ะทำงานเดิมของนวพรรษมีหญิงวัยกลางคนมาทำหน้าที่เลขามานั่งแทนที่ ส่วนที่นั่งใหม่สามีให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกัน มีหรือสามีของนวพรรษจะให้มานั่งเฉยๆ ตอนนี้คอยหาเศษหาเลยหาทางเอาเปรียบภรรยา ตอดเล็กตอดน้อยอยู่ตลอดเวลา พอให้ชื่นใจ “พี่เวย์ปล่อยนิวก่อน เดี๋ยวทำงานไม่ทันนะ วันนี้มีประชุมบอร์ดบริหารด้วย ปล่อยก่อนนะครับคุณสามี” เสียงออดอ้อนให้ท่านประธานจอมหื่นปล่อยตัวเองที่ตอนนี้โดนสามีจับให้มานั่งบนตักหลังเอากาแฟมาเสิร์ฟ โดนสามีจับมาจูบจับมาหอมแก้มจนไม่ได้ทำงาน ร่างเพรียวเริ่มเหนื่อยใจกับสามีที่งอแงบ่อยช่วงนี้ “ขอผัวหอมหน่อย เวียนหัวอ่ะตอนนี้ พอได้กลิ่นเมียแล้วมันสดชื่น มีแรงทำงานหาเงินเลี้ยงเมียขึ้นเยอะเลย ฟอดดดด ถ้าไม่อยากเสียเปรียบหอมพี่คืนได้นะ” “กริ้ง กริ้ง กริ้ง ” เสียงโทรศัพท์ติดต่อภายในจากเลขาหน้าห้องดังขึ้นขัดจังหวะสวีทหวานกับเมียทำเอาท่านประธานหัวเสียทันที “มีอะไรครับ คุณมาลีวรรณ” เวทานนท์ถามเลขาหน้าห้องเสียงเข้มปนหงุดหงิด“เอ่อ ขอประทานโทษค่ะท่านประธาน พอดีดิฉันจะแจ้งท่าน
จากวันที่ผู้ใหญ่คุยตกลงกันจนกระทั่งวันนี้ก็ผ่านไป 3 สัปดาห์ วันนี้เป็นฤกษ์ดีที่คุณม๊าไปหามาจากพระอาจารย์ที่นับถือ จึงได้เป็นวันหมั้นกับวันแต่งงานของเวทานนท์กับนวพรรษ เมื่อเช้าเพิ่งผ่านงานหมั้นมา ช่วงเย็นนี้เลยเป็นงานแต่งที่จัดขึ้นที่โรงแรมชื่อดังระดับ 6 ดาว ซึ่งเจ้าสัวเวทินเป็นเจ้าของ งานแต่งนี้ตั้งใจจัดเป็นการส่วนตัวภายในเชิญแต่เครือญาติ แต่คู่แต่งงานทั้งสองเป็นลูกคนดัง จึงเป็นงานที่สื่อมวนชลให้ความสนใจขออนุญาตเจ้าสัวเข้ามาเก็บรูปทำข่าว ซึ่งเจ้าสัวอนุญาตแค่ไม่กี่สำนักข่าวเท่านั้น กว่าจะเสร็จสิ้นงานพิธีการจนตอนนี้ถึงขั้นส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอเล่นเอาทั้งคู่เหนื่อยเลย แต่ก็เป็นการเหนื่อยแบบอิ่มเอมใจ เจ้าบ่าวยืนยิ้มกริ่มตลอดงาน พอผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรในห้องหอที่จัดไว้ที่ห้องพักพิเศษสมฐานะเจ้าของโรงแรมแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาส่วนตัวของทั้งคู่ เวทนนท์รีบเดินไปล็อคประตูทันทีแล้วกลับมาสวมกอดนวพรรษที่หันหลังกำลังเช็ดหน้าเพื่อที่จะอาบน้ำ “ฟอดดด ขอบคุณนะครับ ที่ไว้ใจพี่ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่ รักนะครับ” นวพรรษหันกลับมาหาอีกคนพร้อมสวมกอดตอบและหอมแก้มคนพี่“ขอบคุณพี่เวย์เช่นกันนะครับ ที่ให