ณ อาราเลีย นครแห่งสวนรัตติกาล ที่ซึ่ง "หัวใจแห่งอาราเลีย" พลังอำนาจที่ควบคุมทุกสรรพสิ่งถูกซุกซ่อน "ริน" เจ้าชายผู้สืบทอดพลังแห่งรัตติกาล กลับสูญเสียความทรงจำในวัยเยาว์ และถูกเลี้ยงดูโดย "ซินดิเคท" องค์กรอำมหิต ที่ซึ่งเขาได้พบกับ "มาร์คัส" ศัตรูคู่อาฆาต ผู้หมายจะทำลายล้างรินและยึดครองสวนรัตติกาล ในขณะเดียวกัน "เคล" หัวหน้าอัศวินผู้สืบทอดเจตนารมณ์แห่งบิดา มุ่งมั่นตามหาเจ้าชายผู้สาบสูญ และปกป้องสวนรัตติกาลจากภัยอันตราย โชคชะตาถักทอให้พวกเขามาพบกัน... แสงสว่างจะสามารถเอาชนะความมืดมิดได้หรือไม่? หรือความมืดจะกลืนกินทุกสิ่งจนสิ้น?
ดูเพิ่มเติมอาราเลีย เมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งความทันสมัยและประวัติศาสตร์ที่ถักทอเป็นหนึ่งเดียวกัน เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเซราฟีน แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านกลางเมือง แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง เชื่อมต่อกันด้วยสะพานที่มีทั้งความเก่าแก่และความทันสมัย คล้ายกับผสานอดีตและปัจจุบันไว้ด้วยกัน
ย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูงตระหง่าน ท้องฟ้าที่สะท้อนกับกระจกของอาคารทำให้ดูเหมือนว่าตึกเหล่านี้กลืนรวมกับท้องฟ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตึกทั้งหลายเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำ ศูนย์การค้า และโรงแรมหรู ถนนในย่านนี้ปูด้วยแผ่นหินเรียบเนียน มีทางเดินเท้ากว้างขวาง ต้นไม้ที่เรียงรายตามทางเดินและสวนสาธารณะพร้อมน้ำพุให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เสียงน้ำกระเซ็นจากน้ำพุและเสียงหัวเราะจากกลุ่มคนที่เดินผ่านไปมาสร้างบรรยากาศที่คึกคักแต่สงบสุข
แต่เมื่อเข้าสู่ย่านเมืองเก่า ถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหินโบราณและอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยอิฐแดงและหินสีอ่อนนำพาความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป อาคารเหล่านี้ทรุดโทรมตามกาลเวลา บ้างมีเถาไม้เลื้อยเกาะเต็มกำแพง บ่งบอกถึงความเก่าแก่และเรื่องราวที่ถูกลืม ถนนในย่านนี้คดเคี้ยวและซับซ้อน ทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ทั้งคาเฟ่ขนาดเล็กซ่อนตัวอยู่ในซอกตึก หอศิลป์ที่แสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่น และร้านขายสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่น ทำให้เมืองเก่าแห่งนี้มีเสน่ห์ที่ไม่อาจหาได้ในย่านอื่น
แม่น้ำเซราฟีนไม่เพียงเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของเมือง แต่ยังเป็นจุดศูนย์รวมของชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเมืองอาราเลีย ริมฝั่งแม่น้ำทั้งสองฝั่งมีทางเดินกว้างขวางเหมาะสำหรับการเดินเล่น วิ่งจ๊อกกิ้ง หรือขี่จักรยาน ในช่วงเย็น ทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนที่มานั่งพักผ่อน ชมพระอาทิตย์ตกที่สะท้อนกับผิวน้ำเป็นสีทองแซมแดงสวยงาม แสงยามเย็นอาบไล้ทั้งแม่น้ำและท้องฟ้าเป็นภาพที่งดงามจนแทบจะหยุดหายใจ
ผนังตามถนนในเมืองประดับประดาไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองอาราเลีย ตั้งแต่การก่อตั้งเมืองจนถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ ภาพเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงสีสันสดใส แต่แฝงความหมายลึกซึ้ง เป็นการถ่ายทอดความรัก ความสูญเสีย การปรับตัว และการเปลี่ยนแปลงของคนในเมือง งานศิลปะเหล่านี้สื่อสารถึงความเป็นอาราเลียในทุกช่วงเวลา
ยามค่ำคืนของเมืองอาราเลียเต็มไปด้วยแสงสว่างจากแสงนีออนริมทางและแสงไฟจากอาคารต่าง ๆ เสียงเพลงเคล้าเสียงหัวเราะดังมาจากบาร์และร้านอาหาร ต่างคนต่างเต็มไปด้วยผู้คนมาสังสรรค์ผ่อนคลายหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน แต่ในย่านเมืองเก่า แสงไฟนวลตาจากโคมไฟถนนและร้านค้าที่ประดับไฟสลัวให้ความรู้สึกสงบและอบอุ่นเหมือนเวลาย้อนกลับไปในอดีต
เคล ธอร์น เดินไปตามถนนแคบ ๆ ของย่านเมืองเก่า ใจของเขาหมกมุ่นอยู่กับ “สวนรัตติกาล” สถานที่ลับ ๆ แห่งนี้คือที่พึ่งทางจิตใจ ที่เขาใช้หลบหนีจากอดีตที่คอยหลอกหลอน และเป็นสถานที่ปฏิบัติงานในฐานะอัศวินผู้พิทักษ์ของเมือง หน้าที่นี้เป็นความลับที่เขาไม่ได้บอกใคร ความรับผิดชอบนี้ทำให้สวนรัตติกาลมีความหมายมากกว่าคำว่าบ้าน
ขณะที่เลี้ยวตรงมุมถนน สายตาของเขาก็หยุดที่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งกำลังวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังบนกำแพงอิฐอย่างตั้งใจ สีสันสดใสบนภาพดูราวกับจะกระโจนออกมามีชีวิต เคลมองดูภาพนั้นด้วยความทึ่ง เป็นภาพที่มีสีสันและรายละเอียดลึกซึ้งราวกับจะสื่อถึงบางสิ่งที่เกินกว่าที่สายตาจะมองเห็น
เคล มีดวงตาสีเขียวสดใสและผมสีดำที่ยุ่งเหยิง เขาสวมแจ็กเกตสีกรมท่าเรียบง่ายแต่มีสไตล์ทับเสื้อเชิ้ตสีขาว คู่กับกางเกงยีนที่ผ่านการใช้งานมานาน ลมพัดผมของเขาขณะเดินเข้ามาใกล้ ความอยากรู้อยากเห็นถูกกระตุ้น
“งานของคุณยอดเยี่ยมมาก” เสียงนุ่มลึกของเขาทำลายความเงียบ
ชายหนุ่มที่กำลังวาดภาพนั้นคือ ริน ศิลปินแนวสตรีทผู้มีพรสวรรค์ในศิลปะอันโดดเด่นและแฝงด้วยความลึกลับ ผลงานของรินได้รับการชื่นชมจากคนในเมืองอย่างยิ่ง แต่รินกลับไม่เคยแสดงตัวหรือพูดถึงตัวเองมากนัก
รินหันไปมองข้ามไหล่ ดวงตาของเขาดูหวาดระแวง รินมีผมสีดำสนิทที่ตกลงมา ดวงตาสีเข้มราวกับซ่อนเร้นความลึกลับเอาไว้ เขาสวมแจ็กเกตหนังสีดำและกางเกงยีนที่มีรอยขาด มือที่กำลังจับแปรงไว้เปื้อนสีเล็กน้อย
“ขอบคุณ ผมแค่ลองเพิ่มความสวยงามให้กับที่นี่” ซึ่งเป็นเสียงที่สดใสเหมือนกับศิลปะที่เขากำลังวาดอยู่
เคลเข้าไปใกล้ ชื่นชมรายละเอียดที่ซับซ้อนของภาพจิตรกรรมฝาผนัง
“ผมชื่อเคล ธอร์น ผมมีสวนอยู่ใกล้ ๆ ที่คุณอาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากมัน” เคลหยุดชั่วขณะ ระหว่างมองเข้าไปในนัยน์ตาสีเข้มดวงนั้น ก่อนจะเอ่ยต่อ “คุณอยากเห็นไหม?”
รินลังเล จากนั้นพยักหน้าอย่างช้าๆ “ได้เลย เออ ผมชื่อริน ศิลปิน ริน”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ริน” เคลยิ้มอย่างอบอุ่น
ขณะที่พวกเขาเดินไปตามถนนคดเคี้ยว เคลทำลายความเงียบด้วยการอธิบายประวัติของอาราเลีย “เมืองนี้เป็นการผสมผสานระหว่างเก่าและใหม่ ย่านใจกลางเมืองเป็นกระจกและเหล็กทั้งหมด แต่ย่านเมืองเก่ามีเสน่ห์ของตัวเอง และบริเวณริมแม่น้ำที่จิตวิญญาณของเมืองส่องประกายจริงๆ”
เคลรู้สึกถึงความขัดแย้งขณะนำรินไปยังสวน การเชิญคนนอกเข้าสวนรัตติกาลโดยเฉพาะในตอนเวลากลางคืนนั้นขัดกับทุกสิ่งที่เขาได้รับการสอนมา สวนนี้เป็นที่พักพิง เป็นสถานที่ที่ต้องการการปกป้องจากโลกภายนอก แต่มีบางสิ่งที่ทำให้เคลรู้สึกว่าสามารถไว้ใจรินได้ และรินเป็นคนที่ควรจะได้ไปที่นั่น
ขณะที่ฟังเรื่องราวของเมืองรินก็พยักหน้า เหมือนเห็นด้วยกับคำพูดของเคล “ผมเข้าใจดี ที่ที่มีประวัติและเรื่องราวซ่อนอยู่ในทุกซอกมุม มันทำให้ผมรู้สึกว่ามีชีวิตชีวาจริง ๆ” รินหยุดชั่วครู่แล้วถาม “สวนของคุณ…มันมีเรื่องราวเช่นนี้ไหม?”
เคลชะงักไปสักครู่ ความรู้สึกหลายอย่างผุดขึ้นในใจ “สวนรัตติกาลเป็นมากกว่าที่ที่สวยงาม” เคลกล่าวช้า ๆ ราวกับมีความลับบางอย่างที่ไม่สามารถบอกได้ทั้งหมด “ผมจะบอกคุณเพิ่มมากกว่านี้ในภายหลัง”
อาราเลียมีด้านมืดของมัน แต่ไม่มีด้านไหนที่ลึกและมืดเท่าซินดิเคท ภายใต้การนำที่ไร้ความปรานีของวิกเตอร์ พ่อของมาร์คัส ซินดิเคทเจริญรุ่งเรืองด้วยอำนาจและความกลัว วิกเตอร์มีรูปร่างสูงใหญ่และมีดวงตาที่คำนวณทุกอย่างไร้ความปรานี ปกครองผู้คนด้วยไม้แข็ง ใช้การข่มขู่และความรุนแรงทำให้พวกเขาภักดี ความทะเยอทะยานของวิกเตอร์ไม่มีขอบเขต เขาปรารถนาที่จะควบคุมสวนรัตติกาลด้วยในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้มหานครอาราเลีย แสงไฟสลัวจากโคมระย้าห้อยต่ำ สะท้อนผิวโลหะของโต๊ะยาว ตัวห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอำนาจและความกลัวที่จับต้องได้ บนผนังมีแผนที่ของเมืองอาราเลียถูกปักหมุดไว้ หลายพื้นที่มีเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงการยึดครองของซินดิเคทวิกเตอร์ยืนตระหง่านตรงหัวโต๊ะ ดวงตาของเขาเป็นเหมือนเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ ลุกโชนด้วยความทะเยอทะยานและความโหดเหี้ยม ใบหน้าที่นิ่งเฉยเหมือนถูกแกะสลักจากหินเย็นยะเยือก แต่กลับแฝงความอันตรายที่แผ่ซ่านออกมารอบตัวประตูห้องประชุมเปิดออก ชายคนหนึ่งถูกลูกน้องสองคนของวิกเตอร์ลากเข้ามา เขาคือหนึ่งในสมาชิกร
แม้จะมีคนอยู่เป็นเพื่อน แต่เมื่อรินเข้านอนก็มักจะฝันร้ายอยู่เสมอ เขาได้ยินชื่อผู้หญิง ‘โรซาลี’ ในความฝันและตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อเย็น ๆ ภาพเหล่านั้นคือความทรงจำในวัยเด็ก คืนที่เขาต้องวิ่งหนีสุดชีวิตท่ามกลางสายฝนกระหน่ำคืนนั้นเคลเองก็ถูกกวนใจด้วยความฝันเช่นกัน ภาพพ่อของเขาพยายามพูดบางอย่าง ในขณะที่ชี้ไปยังต้นไม้ลับในสวน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริง เคลเริ่มทำการสืบสวนคืนหนึ่งขณะที่สวนรัตติกาลเงียบสงบ ภายใต้แสงจันทร์ เคลและรินนั่งอยู่ข้างสระน้ำ ไหล่ของพวกเขาสัมผัสกัน อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ที่บานในตอนกลางคืน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น เคลมองไปที่ริน สังเกตเห็นว่าแสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายนุ่มนวลขึ้น“ริน” เคลพูดเบาๆ “ผมดีใจจริงๆ ที่คุณอยู่ที่นี่ คุณนำสิ่งพิเศษมาสู่ที่นี่”รินหันมาหาเคล ดวงตาของเขาเปล่งประกาย “ผมก็รู้สึกเหมือนกัน เคล สวนนี้…และคุณ…มันเหมือนผมได้พบชิ้นส่วนของตัวเองที่ไม่รู้ว่าขาดหายไป”หัวใจของเคลเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเอนเข้ามาใกล้ ใบหน้าของพวกเขาห่างกันไม่กี่นิ้ว ชั่วขณะหนึ่งโลกดูเหมือนจะหยุดหายใจ พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้นคล้ายมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจปฏิเส
รินยืนอยู่ตรงทางเข้าสวนรัตติกาล ดวงตาจับจ้องไปยังสวนที่เปล่งประกายใต้แสงจันทร์ หัวใจของเขาเต้นระรัว ความหวังผสมปนเปกับความกลัว มือกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย ราวกับลังเลที่จะเข้าไป“นายจะทำอะไร? ไปบอกเขาว่านายไม่มีที่ไป? นายอาจถูกปฏิเสธก็ได้ เขาแทบไม่รู้จักนายด้วยซ้ำ” น้ำเสียงเยาะเย้ยเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว“แต่เขาก็เคยชวนมาสวนตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เขาดูเป็นคนที่พึ่งพาได้ นายรู้สึกได้ว่าที่นี่ปลอดภัย” อีกเสียงหนึ่งที่ฟังนุ่มนวลกว่าเถียงกลับ แต่ก็เจือไปด้วยความกังวล“ถ้าผิดล่ะ? ถ้าเขาไม่ยอมให้อยู่ นายจะทำยังไง? แต่...ที่นี่...มันให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าสถานที่ไหนที่นายเคยไปมา” รินหลับตาลง พยายามหาคำตอบเสียงหนึ่งในหัวหัวเราะหยัน “นั่นแหละคือปัญหา นายกำลังเชื่อในความรู้สึกโง่ ๆ ที่นายไม่สามารถอธิบายได้ นายเพิ่งเจอเขาแค่ครั้งเดียวเอง!”รินสูดลมหายใจลึก พยายามระงับความวุ่นวายในจิตใจ “มันอาจจะเป็นเรื่องโง่จริง ๆ แต่...มันคือโอกาสสุดท้ายของฉัน ฉันไม่มีที่อื่นจะไปแล้ว”เขาลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววแน่วแน่ ทว่าก็ยังแฝงด้วยความลังเลอยู่ลึก ๆ เขาตัดสินใจก้าวเข้าไป
พวกเขามาถึงประตูที่ซ่อนอยู่หลังกลุ่มไม้เลื้อย เคลเปิดมันออก เผยให้เห็นสวนรัตติกาลภายใต้แสงจันทร์ สวนดูเหมือนจะมีแสงส่องประกาย ดอกไม้หลากหลายชนิดที่บานเฉพาะตอนกลางคืนแย้มรับแสงจันทร์ พืชพรรณแปลกใหม่ที่มีใบเรืองแสงดูเหมือนจะเต้นรำตามสายลมอ่อน ๆ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย็นของดอกมะลิและดอกไผ่กลางคืน สวนนี้เป็นซิมโฟนีของสีสันและกลิ่นหอม เป็นโอเอซิสที่มีเวทมนตร์กลางใจเมืองสวนรัตติกาลไม่ใช่แค่สถานที่ที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพลังงาน สวนนี้มีเวทมนตร์ที่ช่วยปกป้องเมืองจากพลังมืดและสร้างความสมดุลในอาราเลีย กล่าวกันว่ารากของสวนแผ่ลึกลงไปในดิน เชื่อมโยงกับหัวใจของอาราเลีย และพลังงานของมันไหลผ่านเมืองเหมือนเส้นชีพจรรินก้าวเข้ามาในสวนด้วยความประหลาดใจ สวนดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาเมื่อรินปรากฏตัว ดอกไม้บานอย่างมีชีวิตชีวา กลิ่นหอมของดอกไม้ชัดเจนขึ้น และบรรยากาศที่ดูเหมือนจะรายล้อมไปด้วยพลังงาน ราวกับว่าสวนสื่อสารกับรินได้และกำลังต้อนรับเขากลับบ้าน“ว้าว” รินพูดเบา ๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ที่นี่มหัศจรรย์จริงๆ”เคลยิ้ม แม้จะมีความสงสัยอยู่ในใจ “นี่คือที่พักพิงของผม ผมมาที่นี่เพ
อาราเลีย เมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งความทันสมัยและประวัติศาสตร์ที่ถักทอเป็นหนึ่งเดียวกัน เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเซราฟีน แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านกลางเมือง แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง เชื่อมต่อกันด้วยสะพานที่มีทั้งความเก่าแก่และความทันสมัย คล้ายกับผสานอดีตและปัจจุบันไว้ด้วยกันย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูงตระหง่าน ท้องฟ้าที่สะท้อนกับกระจกของอาคารทำให้ดูเหมือนว่าตึกเหล่านี้กลืนรวมกับท้องฟ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตึกทั้งหลายเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำ ศูนย์การค้า และโรงแรมหรู ถนนในย่านนี้ปูด้วยแผ่นหินเรียบเนียน มีทางเดินเท้ากว้างขวาง ต้นไม้ที่เรียงรายตามทางเดินและสวนสาธารณะพร้อมน้ำพุให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เสียงน้ำกระเซ็นจากน้ำพุและเสียงหัวเราะจากกลุ่มคนที่เดินผ่านไปมาสร้างบรรยากาศที่คึกคักแต่สงบสุขแต่เมื่อเข้าสู่ย่านเมืองเก่า ถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหินโบราณและอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยอิฐแดงและหินสีอ่อนนำพาความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป อาคารเหล่านี้ทรุดโทรมตามกาลเวลา บ้างมีเถาไม้เลื้อยเกาะเต็มกำแพง บ่งบอกถึงความเก่าแก่และเรื่องราวที่ถูกลืม ถนนในย่านนี้คดเคี้ยวและซับซ้อน ทำให
ความคิดเห็น