บทส่งท้าย(จบ)ทุกคนและญาติสนิทต่างพากันมามุงอยู่ที่ห้องหอของคู่บ่าว-สาว โดยที่อคิราห์ใช้บ้านของเขานั้นเอง ที่แปลงโฉมมาเป็นเรือนหอของเขาและเธอ“แม่ก็ไม่มีอะไรจะพูดน่ะ เพราะลูกชายแม่ก็อายุปาไปขนาดนี้แล้ว เชิญคุณพงษ์กับคุณพลอยดีกว่าคะ” นิตยาพูดขึ้นมาทันที“ผมขอเป็นตัวแทนก็แล้วกันน่ะ” พงษ์พิพัฒน์จึงเป็นฝ่ายพูดพูดขึ้นเอง“เชิญคะ” นิตยาอนุญาตทันที“พ่อขอให้ลูกทั้งสอง มีแต่ความสุขในชีวิตคู่รักกันไปจนแก่เฒ่า จนกว่าจะตายจากกันเลยนะ ผิดถูกรู้จักให้อภัยกัน จำไว้น่ะ การแต่งงานมันคือตอนจบของบทละคร แต่ชีวิตจริงแล้วมันคือการเริ่มต้นของชีวิตคู่ต่างหาก สุดท้ายนี้ พ่อขอให้ลูกทั้งสองรักกันให้เหมือนวันแรกที่รักกันน่ะ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองเลย” พงษ์พิพัฒน์ร่ายยาวออกเป็นคำสอนทันที“ขอบคุณครับ/คะ” ทั้งคู่เอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยทันที ที่พงษ์พิพัฒน์เอ่ยจบ“ประโยคสุดท้ายนี้ ผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนครับ ตอนนี้ก็มีแล้วอยู่ในท้อง รอคลอดอีกจะจัดให้อย่างงามเลยครับ” อคิราห์พูดขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงคำสอนของพ่อตา แล้วเอ่ยรับปากออกมาอย่างมั่นใจในตัวเอง“พี่คิน!” หญิงสาวข้างกายตวัดสายตามองค้อนใส่สา
วิวาห์ พารักหนึ่งเดือนต่อมาไร่อคิราห์บรรยากาศงานแต่งงานของทั้งคู่ ถูกจัดขึ้นมาในไร่ของเขาเอง ที่เต็มไปด้วยความชื่นมื่นของแขกเหรื่อแต่เรียบง่าย มีการเชิญแค่ญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายมาร่วมเป็นสักขีพยาน และคนงานในไร่เพียงเท่านั้น ตอนแรกเขาตั้งใจจะจัดงานที่ใหญ่โต ประกาศข่าวให้โลกรู้ไปเลย แต่สิตาพัชร์ขอเอาไว้ด้วยแล้วมีหรือที่คนอย่างเขาจะกล้าขัดใจเมียรัก ขอแค่เธอปริปากพูด เขาก็พร้อมจะสยบในทันที แล้วอีกอย่างเธอก็ตั้งครรภ์อยู่ด้วย หากว่าแขกเหรื่อมากันเยอะ ก็จะต้องต้อนรับกันนาน เกรงว่าภรรยาของเขาจะเหนื่อยเอาด้วย“ว่าไงไอ้เจ้าบ่าว และว่าที่คุณพ่อ มาแรงแซงพวกกูเลยน่ะมึง” ธีรเมธเอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่เดินเข้ามาหาทั้งคู่ พร้อมกับเธียรวัฒน์ ที่เดินมาตามหลังสบทบด้วยอีกคน“พวกพี่คุยกันไปก่อนเลยน่ะ แพรขอตัวไปหาป้าติ๋มกับคุณพ่อก่อน” สิตาพัชร์เมื่อเห็นว่าเพื่อนของสามีมา เธอจึงขอตัวออกมาจากตรงนั้น เพื่อที่จะให้พวกเขาได้คุยกันสะดวกขึ้น ในฐานะเพื่อนสนิทกัน“เดินระวังนะครับ แล้วอย่าไปนานล่ะ ใกล้จะถึงเวลาเข้าห้องหอแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอไม่ค่อยระวังตัวเลย แถมยังส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองเธอ
สิ่งล้ำค่ารุ่งเช้าบ้านโยธาพิวัฒน์พงษ์พิพัฒน์ให้เจ้าหน้าที่อำเภอเข้ามาที่บ้าน เพื่อดำเนินเรื่องการจดทะเบียนสมรสของลูกสาวคนเล็กในวันนี้เดิมที่อคิราห์จะพาเธอไปที่สำนักงานเขตเอง แต่เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ อยู่อาจจะไม่ค่อยสะดวก ผู้เป็นพ่อเลยให้เจ้าหน้าที่เข้ามาที่บ้านแทนเสียเองและเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้กลับไปพักที่คอนโดฯ เขาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับเธอ โดยที่เขาให้เมฆากับนิตยาผู้เป็นแม่กลับไร่ไปก่อน ส่วนตัวเขาจะขอพาสิตาพัชร์ทำธุระ จัดการทุกอย่างทางนี้เสร็จแล้วจะกลับไปที่ไร่ และจัดงานแต่งขึ้นทันที“หนูอยากเปลี่ยนชื่อไหมหนูแพร” พงษ์พิพัฒน์ผู้เป็นพ่อถามลูกสาวขึ้นมาทันที“ไม่ค่ะ แพรว่าชื่อนี้ก็ดีอยู่แล้ว” เธอรีบปฏิเสธในทันทีที่พ่อของเธอถามถึงเรื่องนี้“ทำไม่ล่ะแพร” อคิราห์ถามเธอขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจในความคิดของเธอ เมื่อเธอปฏิเสธพ่อของเธอเช่นนั้น “ก็เพราะชื่อนี้ยังไงล่ะคะ ถึงทำให้แพรกับพี่คินได้มาเจอกัน แล้วก็รักกัน...” เธอพูดขึ้นมาด้วยน้พเสียงที่อ่อนนุ่ม พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่น้ำตาคลอเบ้าอย่างหวานซึ้งอคิราห์ที่ได้ยินดังนั้น กลับพูดไม่ออกทันที เพราะไม่รู้จะสันหาคำไหนมาขอบคุณเธอ จึงได
เลี้ยงต้อนรับลูกเขยทุกคนที่ยังคงอยู่กันที่บ้านหลังนี้ต่อ คุยเสวนากันตามคนที่พึ่งจะผูกดองกัน และร่วมรับประทานมื้อกลางวันร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยพงษ์พิพัฒน์ได้จัดเลี้ยงฉลองให้แก่หญิงสาวที่เป็นลูกสาวคนเล็ก และว่าที่ลูกเขยหมาด ๆ ที่ริมสระน้ำข้างบ้าน“รถใครมาอีกล่ะ...ติ๋มไปดูหน่อยสิ” เสียงผู้นั่งหัวโต๊ะของพงษ์พิพัฒน์พูดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงรถดังเข้ามาภายในบริเวณบ้านอย่างสงสัย เพราะตนมั่นใจว่าไม่ได้เชิญใครที่ไหนแล้วทุกคนที่อยู่กลางวงสังสรรค์นั่น หยุดทุกการกระทำ แล้วหันไปตามต้นเสียงที่ได้ยินเสียงรถกันอย่างสามัคคีกันทุกคน และติยาแม่บ้านของที่นี่ จึงรีบเดินออกไปแต่ไม่ทันที่จะถึงเป้าหมาย“พราว!” เสียงเอ่ยเรียกชื่อขึ้นมาดังขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มเจ้าของเสียง ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาสิตาพัชร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้กันพงษ์พิพัฒน์และอคิราห์ทันที ที่เดินเข้ามาถึงวงสังสรรค์ติยาเมื่อทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใคร ก็รีบขึ้นไปตามหญิงสาวที่อยู่ชั้นบนของบ้านในทันที เพราะเกรงว่าจะมีปากเสียงกัน“หยุดครับ” อคิราห์รีบลุกขึ้นเอ่ยห้าม และรีบดึงหญิงสาวข้างกายเข้ามาใกล้ตัว แล้วเอาตัวเขาเอาบังเอาไว้ทันที“แกเป็นใครว
เล่นใหญ่“พี่คิน!” หญิงสาวตวัดสายตาค้อนใส่ทันที เมื่อได้รับรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของเขา แล้วหยิกเข้าไปที่ต้นแขนของเขาด้วยอย่างแรง“โอ้ยยย” อคิราห์ร้องออกมาเสียงหลงทันที เมื่อถูกคนที่นั่งข้างกายหยิกเข้ามาที่ต้นแขนเต็ม ๆทุกคนที่ยังอยู่บริเวณนั้น ต่างพากันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ และเอ็นดูทั้งคู่ เมื่อคนอย่างอคิราห์ที่ไม่เคยยอมใครมาก่อน กลับต้องสยบให้แก่หญิงสาว“ดูก็รู้แล้วนะครับว่าใครจะมีอำนาจสูงสุดต่อไปนี้” เมฆาที่นั่งอยู่กับพื้น ใกล้ ๆกับเหล่าบรรดาแม่บ้านและคนสวนของบ้าน ต่างพากันซุบซิบออกมาเสียงดังพอที่จะให้ทุกคนได้ยิน“ไอ้เมฆ!” อคิราห์หันมาจ้องโทษที่เมฆาไว้ทันที ด้วยสาตายที่ดุดัน“เอาล่ะ มีกันอยู่แค่นี้ ก็ทำพิธีกันแค่นี้แหล่ะ ไหนล่ะแหวนเอามาสวมให้น้องสิ ทำพอแต่เป็นพิธีไปก่อน” พงษ์พิพัฒน์พูดขึ้นมาอย่างเป็นจริงเป็นจังทันที“แม่ครับ” อคิราห์หันไปนิตยาทันที เพราะเขาก็ลืมเรื่องนี้จนสนิท จะมาทาบทามลูกดสาวเขาแต่กลับมาเสียตัวเปล่า“แหวนวงนี้อาจจะไม่ได้มีราคาแพงมากนัก แต่เป็นแหวนประจำตระกูลของแม่เอง ถึงจะสู้ราคาหลายล้านจากสร้อยคอของหนูแพรไม่ได้ แต่มันก็เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ล้ำค่าที่สุด ที่แม่เต็
สารภาพต่อหน้าผู้ใหญ่“ดิฉันขอไม่พูดอ้อมค้อมเลยแล้วกันนะคะ ที่จริงแล้วคนที่ลูกชายดิฉันจะให้มาสู่ขอ คือหนูแพรวา ลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้ต่างหากคะ”“สู่ขอยัยแพร!” พัชร์สิตาเน้นย้ำ“ใช่แล้วค่ะ เพราะหนูแพรคือแฟนของตาคิน และคนที่ทำหนูแพรท้องก็คือตาคินนี้แหละค่ะ ทั้งคู่รักกัน แล้ววันนี้ก็ถือว่าเป็นวันดีเลยมาทำทุกอย่างให้ถูกต้องสักที ถึงจะข้ามขั้นไปหน่อย แต่ทางเรายินดียอมรับหนูแพรเป็นลูกสะใภ้คะ” นิตยาร่ายยาวออกมาทันที“ร้ายมากเลยน่ะครับลูกชายคุณ เอ่อ...” พงษ์พิพัฒน์พูดแหย่ทางอคิราห์ แล้วหันมาถามทางนิตยาต่อ“นิตยาคะ หรือเรียกว่านิตก็พอ และยังเป็นภรรยาที่ถูกต้อง ตามกฎหมายของ นายอัครา รัตนสืบสิงห์ พอจะคุ้นบ้างไหมค่ะ คุณพราวฟ้า!” นิตยาบอกกับพงษ์พิพัฒน์ในประโยคแรก แต่ประโยคหลังกลับเน้นเสียงขึ้น แล้วหันมาทางพัชร์สิตาแทนทำเอาพัชร์สิตาที่ได้ยินดังนั้น แทบจะนั่งไม่ติด เพราะชื่อผู้ชายที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ไม่คิดว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันกับอคิราห์ แถมยังเป็นพ่อลูกกันอีก“ลูกชายคุณนิตไม่รู้หรือครับ ว่าลูกสาวผมยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลย” พงษ์พิพัฒน์พูดขึ้นอีกครั้ง“ทราบคะ ตาคินทราบดีว่าหนูแพรยังเด็ก แต่ทำอย