เพราะเธอทำให้ครอบครัวของเขาต้องพังลง เขาจึงจับเธอมาเพื่อที่จะแก้แค้น แต่กลับผิดตัว เพราะเธอมีพี่สาวที่หน้าตาเหมือนกัน ที่ชอบเอาชื่อของเธอไปแอบอ้างทำเรื่องไม่ดี
View Moreคิน อคิราห์ รัตนสืบสิงห์ อายุ 32 ปี เป็นเจ้าของธุรกิจไร่องุ่นทางภาคเหนือของประเทศ หรือเป็นที่รู้จักในนามของไร่อคิราห์นั้นเอง
เขาละทิ้งทุกอย่างลงตรงหน้าลงทันที เมื่อได้ยืนคนงานนายหนึ่งวิ่งตาตื่นมาบอกว่า นายใหญ่และภรรยาเจ้าของไร่องุ่นเกิดเรื่อง ซึ่งก็คือ พ่อและแม่ของเขานั้นเอง
“คุณคินครับ นายใหญ่กับคุณหญิงท่านเกิดอุบัติเหตุครับ” เมฆา หรือ เมฆเอ่ยตะโกนเสียงดังลั่นเข้ามาตั้งแต่ที่ปั่นจักรยานเข้ามายังไม่ถึงบ้านเสียด้วยซ้ำ และรีบทิ้งจักรยานไว้วิ่งมาเข้าไปหาเจ้าของไร่ที่นั่งทำงานอยู่ในบ้านพักของเขาท้ายไร่ ซึ่งห่างจากบ้านหลังใหญ่ที่เขาปลูกให้พ่อกับแม่มากพอสมควร
“แกว่าอะไรน่ะ! ไอ้เมฆ” อคิราห์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ถามย้ำออกไปในทันที ที่ได้ยินคนงานวิ่งตาตื่นเข้ามาเรียกเขา
“นายใหญ่รถคว่ำครับ” เมฆาพูดออกไปทันทีด้วยน้ำเสียที่หอบเหนื่อย เหงื่อเปียกชุ่มเต็มใบหน้า เพราะช่วงนี้เขาสู่ฤดูร้อนแล้ว
“แม่...ไอ้วัฒน์ เอารถออก” เสียงเรียกที่เขานึกถึงเป็นห่วงคนแรกเลยก็คือ ผู้เป็นแม่ที่ให้กำเนิดเขานั้นเอง ร่างสูงไม่รอช้าเอ่ยเรียกลูกน้องคนสนิทให้รีบเอารถออก มุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุในทันที
“ครับคุณคิน” ธวัฒน์รับคำแล้วรีบไปเอารถออกมารับเจ้านายอย่างเร่งรีบ
@ โรงพยาบาล
อัครา พ่อของเขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ในวัย 48 ปี ส่วน นิตยา ผู้เป็นภรรยาหรือแม่ของเขาวัย 52 ปี ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส แขนขาหัก
อคิราห์ยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินเพื่อรอข่าวอาการของแม่ที่อยู่ภายในห้องฉุกเฉิน โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น
เขามิได้สนใจที่ทางโรงพยาบาลแจ้งเรื่องพ่อของเขาแม้แต่น้อย เพราะเขาก็รู้ ๆ กันอยู่ ตอนนี้เขาขอเพียงแค่แม่ของเขาปลอดภัยก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้วสำหรับเขาในตอนนี้
เพราะเขาทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ก็คงจะทะเลาะกันอีกตามเคย เพราะพ่อที่แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยมาสักระยะแล้ว เท่าทีเขาทราบมา พ่อมาสารภาพบอกความจริงกับเขาทุกอย่าง ตั้งแต่ที่เขารู้จักว่าอะไรเป็นอะไร มีเพียงแม่ของเขาเท่านั้นที่ยังไม่ยอมรับความจริงในเรื่องนี้
เขาเคยเห็นสิ่งของบางอย่างที่พ่อ เตรียมไว้ให้กับผู้หญิงคนนั้น เขารู้เพียงแค่ว่าเธอชื่ออะไร แต่ไม่ทราบว่าหน้าตาเธอเป็นแบบไหน เขาทราบเพียงแค่ว่าเธออายุแค่ 25 ปี พ่อรักเธอคนนี้มาก เธอเป็นคนที่สวยเอาใจพ่อเก่ง พ่อถึงยอมขับรถขึ้นกรุงเทพมหานครเองไปกลับแทบจะทุกสัปดาห์ที่ว่างเพื่อไปหาเธอ แถมมีความสัมพันธ์กับเธอตลอด พ่อบอกเขาเพียงแค่ว่าบ้านเธออยู่แถวชานเมือง
เขารับได้ในเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่แค่อยากจะทราบว่าเธอคนนี้มีอะไรดีนักหนา พ่อถึงได้หลงนักหลงหนา ยอมแตกหักกับแม่คนที่สู้สร้างรากฐานมาด้วยกัน ถึงแม้จะมีเหตุผลบางอย่างที่บอกใครไม่ได้ก็เถอะ
เขาจะไม่ติดใจอะไร หากว่าเรื่องที่เกิดในครั้งนี้ ไม่มีแม่ของเขาไปยุ่งเกี่ยว และได้รับบาดเจ็บปางตายขนาดนี้ เขาต้องเอาตัวเธอมาเค้นถามความจริงให้ได้
“เธอต้องชดใช้ในสิ่งที่แม่ของฉันต้องเจอ สิตาพัชร์” เสียงพูดลอดไรฟันออกมา พร้อมกับกำหมัดแน่นอย่างโกรธแค้น
“คุณคินจะเอายังไงต่อครับ” ธวัฒน์เดินเข้ามาถามเจ้านายที่หน้าห้องฉุกเฉิน หลังจากไปดูอัครามา
“มึงช่วยจัดการเรื่องงานศพพ่อแทนกูที เอาให้สมเกียรติเลยนะ แล้วหาทางส่งข่าวให้ผู้หญิงคนนั้นทราบด้วย กูจะรอจนกว่าแม่จะฟื้นก่อน แล้วงานที่ไร่ช่วงนี้ก็ฝากมึงด้วยนะไอ้วัฒน์” อคิราห์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงอย่างเหนื่อยล้า
“คุณคินไหวไหมครับ” ธวัฒน์ถามผู้เป็นนาย ที่นั่งลงบนเก้าอี้หน้าแผนกฉุกเฉินด้วยความเป็นห่วง
“กูไม่เป็นอะไรหรอก” เสียงเรียบเอ่ยตอบลูกน้องคนสนิท แล้วส่งสายตาให้ออกไปจากตรงนี้
อคิราห์เดินไปมาที่หน้าแผนกฉุกเฉินไปมาอย่างเป็นกังวลใจ นานสองนานก็ยังไม่มีเหล่าพยาบาลหรือหมอออกมาแจ้งอาการของแม่เขาเลย
“ไอ้คิน” เสียงเรียกของเพื่อนสนิทที่ทราบเขา ก็มุ่งหน้าตรงมาหาเขาที่โรงพยาบาลในทันที เธียรวัฒน์ หรือ เธียร เจ้าของไร่ส้มที่อยู่ห่างออกไป
“เสียใจด้วยนะเว้ย เรื่องพ่อมึงพวกกูรู้ข่าวก็รีบมากันเลย ตอนนี้อานิตเป็นยังไงบ้างว่ะ” เพื่อนสนิทที่อีกคนที่มาด้วยกันถามขึ้น ธีรเมธ หรือ ธีร์ เจ้าของไร่ชาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของพื้นที่
พวกเขาทั้งสามเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก ภูมิลำเนาเดิมเป็นคนกรุงเทพมหานครทั้งหมด แต่พวกเขากับย้ายถิ่นฐานซื้อที่ดิน แล้วมาตั้งรกรากสร้างธุรกิจกันที่นี่ จนร่ำรวยและมีชื่อเสียงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยความเรียนรู้ที่เรียนมาล้วน ๆ พ่อแม่แค่คอยสนับสนุนเท่านั้น
“หนักเอาการเลยว่ะ จนป่านนี้แล้วยังไม่มีหมอสักคนออกมาแจ้งอะไรเลย” อคิราห์ตอบเพื่อนทั้งสองออกไป ด้วยใบหน้าที่สลดนัยน์ตาดูเศร้ามากกว่าทุกครั้ง
“ถึงมือหมอแล้ว” เธียรวัฒน์เจ้าของไร่ส้มพูดให้กำลังใจ พร้อมกับตบไหล่เพื่อนเบา ๆ เชิงให้กำลังใจกัน
“ขอบใจพวกมึงมากนะเว้ย ถึงอยู่ไกลก็อุตส่าห์มา” อคิราห์หันไปขอบคุณเพื่อนทั้งสอง
ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ไกลกัน แต่ก็ไม่ลืมที่จะไปมาหาสู่ หรือนัดสังสรรค์กันตลอด หากถึงช่วงที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จ หรือเวลาที่ทั้งสามว่างตรงกัน
“ก็เพื่อนกันนี่หว่า ยามกูลำบาก มึงก็คอยอยู่เป็นเพื่อนกูเหมือนกัน” ธีรเมธเจ้าของไร่ชาเอ่ยขึ้นบ้าง
“มึงจะเอายังไงต่อ เรื่องพ่อของมึง เอ่อ...หมายถึงผู้หญิงคนนั้น” เธียรวัฒน์ถามขึ้นมาทันที ทำลายความเงียบ เขาทราบเพราะอคิราห์เล่าทุกย่างให้ฟังตลอด และก็รู้ด้วยว่าอคิราห์ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของ อัครา
“กูจะไปลากคอเธอมาแน่นอน ตอนนี้กูให้คนสืบอยู่ รู้ที่อยู่เมื่อไหร่ก็ลากตัวมาสอบแน่นอน” อคิราห์ขึ้นพร้อกับสายตาที่สื่อถึงความโกรธแค้น
“มึงไม่เคยเห็นหน้า จะหาตัวยังไงว่ะไอ้คิน” ธีรเมธถามขึ้นมา
“ไม่เกินความสามารถที่คนของกูจะทำไม่ได้หรอก มึงคอยดู” อคิราห์เอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ
“คิดดีแล้วใช่ไหมที่ทำทำแบบนี้” เธียรวัฒน์ถามเพื่อความมั่นใจ
“อื้ม...” อคิราห์พยักหน้าให้เพื่อนทั้งสอง
บทส่งท้าย(จบ)ทุกคนและญาติสนิทต่างพากันมามุงอยู่ที่ห้องหอของคู่บ่าว-สาว โดยที่อคิราห์ใช้บ้านของเขานั้นเอง ที่แปลงโฉมมาเป็นเรือนหอของเขาและเธอ“แม่ก็ไม่มีอะไรจะพูดน่ะ เพราะลูกชายแม่ก็อายุปาไปขนาดนี้แล้ว เชิญคุณพงษ์กับคุณพลอยดีกว่าคะ” นิตยาพูดขึ้นมาทันที“ผมขอเป็นตัวแทนก็แล้วกันน่ะ” พงษ์พิพัฒน์จึงเป็นฝ่ายพูดพูดขึ้นเอง“เชิญคะ” นิตยาอนุญาตทันที“พ่อขอให้ลูกทั้งสอง มีแต่ความสุขในชีวิตคู่รักกันไปจนแก่เฒ่า จนกว่าจะตายจากกันเลยนะ ผิดถูกรู้จักให้อภัยกัน จำไว้น่ะ การแต่งงานมันคือตอนจบของบทละคร แต่ชีวิตจริงแล้วมันคือการเริ่มต้นของชีวิตคู่ต่างหาก สุดท้ายนี้ พ่อขอให้ลูกทั้งสองรักกันให้เหมือนวันแรกที่รักกันน่ะ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองเลย” พงษ์พิพัฒน์ร่ายยาวออกเป็นคำสอนทันที“ขอบคุณครับ/คะ” ทั้งคู่เอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยทันที ที่พงษ์พิพัฒน์เอ่ยจบ“ประโยคสุดท้ายนี้ ผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนครับ ตอนนี้ก็มีแล้วอยู่ในท้อง รอคลอดอีกจะจัดให้อย่างงามเลยครับ” อคิราห์พูดขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงคำสอนของพ่อตา แล้วเอ่ยรับปากออกมาอย่างมั่นใจในตัวเอง“พี่คิน!” หญิงสาวข้างกายตวัดสายตามองค้อนใส่สา
วิวาห์ พารักหนึ่งเดือนต่อมาไร่อคิราห์บรรยากาศงานแต่งงานของทั้งคู่ ถูกจัดขึ้นมาในไร่ของเขาเอง ที่เต็มไปด้วยความชื่นมื่นของแขกเหรื่อแต่เรียบง่าย มีการเชิญแค่ญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายมาร่วมเป็นสักขีพยาน และคนงานในไร่เพียงเท่านั้น ตอนแรกเขาตั้งใจจะจัดงานที่ใหญ่โต ประกาศข่าวให้โลกรู้ไปเลย แต่สิตาพัชร์ขอเอาไว้ด้วยแล้วมีหรือที่คนอย่างเขาจะกล้าขัดใจเมียรัก ขอแค่เธอปริปากพูด เขาก็พร้อมจะสยบในทันที แล้วอีกอย่างเธอก็ตั้งครรภ์อยู่ด้วย หากว่าแขกเหรื่อมากันเยอะ ก็จะต้องต้อนรับกันนาน เกรงว่าภรรยาของเขาจะเหนื่อยเอาด้วย“ว่าไงไอ้เจ้าบ่าว และว่าที่คุณพ่อ มาแรงแซงพวกกูเลยน่ะมึง” ธีรเมธเอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่เดินเข้ามาหาทั้งคู่ พร้อมกับเธียรวัฒน์ ที่เดินมาตามหลังสบทบด้วยอีกคน“พวกพี่คุยกันไปก่อนเลยน่ะ แพรขอตัวไปหาป้าติ๋มกับคุณพ่อก่อน” สิตาพัชร์เมื่อเห็นว่าเพื่อนของสามีมา เธอจึงขอตัวออกมาจากตรงนั้น เพื่อที่จะให้พวกเขาได้คุยกันสะดวกขึ้น ในฐานะเพื่อนสนิทกัน“เดินระวังนะครับ แล้วอย่าไปนานล่ะ ใกล้จะถึงเวลาเข้าห้องหอแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอไม่ค่อยระวังตัวเลย แถมยังส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองเธอ
สิ่งล้ำค่ารุ่งเช้าบ้านโยธาพิวัฒน์พงษ์พิพัฒน์ให้เจ้าหน้าที่อำเภอเข้ามาที่บ้าน เพื่อดำเนินเรื่องการจดทะเบียนสมรสของลูกสาวคนเล็กในวันนี้เดิมที่อคิราห์จะพาเธอไปที่สำนักงานเขตเอง แต่เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ อยู่อาจจะไม่ค่อยสะดวก ผู้เป็นพ่อเลยให้เจ้าหน้าที่เข้ามาที่บ้านแทนเสียเองและเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้กลับไปพักที่คอนโดฯ เขาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับเธอ โดยที่เขาให้เมฆากับนิตยาผู้เป็นแม่กลับไร่ไปก่อน ส่วนตัวเขาจะขอพาสิตาพัชร์ทำธุระ จัดการทุกอย่างทางนี้เสร็จแล้วจะกลับไปที่ไร่ และจัดงานแต่งขึ้นทันที“หนูอยากเปลี่ยนชื่อไหมหนูแพร” พงษ์พิพัฒน์ผู้เป็นพ่อถามลูกสาวขึ้นมาทันที“ไม่ค่ะ แพรว่าชื่อนี้ก็ดีอยู่แล้ว” เธอรีบปฏิเสธในทันทีที่พ่อของเธอถามถึงเรื่องนี้“ทำไม่ล่ะแพร” อคิราห์ถามเธอขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจในความคิดของเธอ เมื่อเธอปฏิเสธพ่อของเธอเช่นนั้น “ก็เพราะชื่อนี้ยังไงล่ะคะ ถึงทำให้แพรกับพี่คินได้มาเจอกัน แล้วก็รักกัน...” เธอพูดขึ้นมาด้วยน้พเสียงที่อ่อนนุ่ม พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่น้ำตาคลอเบ้าอย่างหวานซึ้งอคิราห์ที่ได้ยินดังนั้น กลับพูดไม่ออกทันที เพราะไม่รู้จะสันหาคำไหนมาขอบคุณเธอ จึงได
เลี้ยงต้อนรับลูกเขยทุกคนที่ยังคงอยู่กันที่บ้านหลังนี้ต่อ คุยเสวนากันตามคนที่พึ่งจะผูกดองกัน และร่วมรับประทานมื้อกลางวันร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยพงษ์พิพัฒน์ได้จัดเลี้ยงฉลองให้แก่หญิงสาวที่เป็นลูกสาวคนเล็ก และว่าที่ลูกเขยหมาด ๆ ที่ริมสระน้ำข้างบ้าน“รถใครมาอีกล่ะ...ติ๋มไปดูหน่อยสิ” เสียงผู้นั่งหัวโต๊ะของพงษ์พิพัฒน์พูดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงรถดังเข้ามาภายในบริเวณบ้านอย่างสงสัย เพราะตนมั่นใจว่าไม่ได้เชิญใครที่ไหนแล้วทุกคนที่อยู่กลางวงสังสรรค์นั่น หยุดทุกการกระทำ แล้วหันไปตามต้นเสียงที่ได้ยินเสียงรถกันอย่างสามัคคีกันทุกคน และติยาแม่บ้านของที่นี่ จึงรีบเดินออกไปแต่ไม่ทันที่จะถึงเป้าหมาย“พราว!” เสียงเอ่ยเรียกชื่อขึ้นมาดังขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มเจ้าของเสียง ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาสิตาพัชร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้กันพงษ์พิพัฒน์และอคิราห์ทันที ที่เดินเข้ามาถึงวงสังสรรค์ติยาเมื่อทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใคร ก็รีบขึ้นไปตามหญิงสาวที่อยู่ชั้นบนของบ้านในทันที เพราะเกรงว่าจะมีปากเสียงกัน“หยุดครับ” อคิราห์รีบลุกขึ้นเอ่ยห้าม และรีบดึงหญิงสาวข้างกายเข้ามาใกล้ตัว แล้วเอาตัวเขาเอาบังเอาไว้ทันที“แกเป็นใครว
เล่นใหญ่“พี่คิน!” หญิงสาวตวัดสายตาค้อนใส่ทันที เมื่อได้รับรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของเขา แล้วหยิกเข้าไปที่ต้นแขนของเขาด้วยอย่างแรง“โอ้ยยย” อคิราห์ร้องออกมาเสียงหลงทันที เมื่อถูกคนที่นั่งข้างกายหยิกเข้ามาที่ต้นแขนเต็ม ๆทุกคนที่ยังอยู่บริเวณนั้น ต่างพากันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ และเอ็นดูทั้งคู่ เมื่อคนอย่างอคิราห์ที่ไม่เคยยอมใครมาก่อน กลับต้องสยบให้แก่หญิงสาว“ดูก็รู้แล้วนะครับว่าใครจะมีอำนาจสูงสุดต่อไปนี้” เมฆาที่นั่งอยู่กับพื้น ใกล้ ๆกับเหล่าบรรดาแม่บ้านและคนสวนของบ้าน ต่างพากันซุบซิบออกมาเสียงดังพอที่จะให้ทุกคนได้ยิน“ไอ้เมฆ!” อคิราห์หันมาจ้องโทษที่เมฆาไว้ทันที ด้วยสาตายที่ดุดัน“เอาล่ะ มีกันอยู่แค่นี้ ก็ทำพิธีกันแค่นี้แหล่ะ ไหนล่ะแหวนเอามาสวมให้น้องสิ ทำพอแต่เป็นพิธีไปก่อน” พงษ์พิพัฒน์พูดขึ้นมาอย่างเป็นจริงเป็นจังทันที“แม่ครับ” อคิราห์หันไปนิตยาทันที เพราะเขาก็ลืมเรื่องนี้จนสนิท จะมาทาบทามลูกดสาวเขาแต่กลับมาเสียตัวเปล่า“แหวนวงนี้อาจจะไม่ได้มีราคาแพงมากนัก แต่เป็นแหวนประจำตระกูลของแม่เอง ถึงจะสู้ราคาหลายล้านจากสร้อยคอของหนูแพรไม่ได้ แต่มันก็เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ล้ำค่าที่สุด ที่แม่เต็
สารภาพต่อหน้าผู้ใหญ่“ดิฉันขอไม่พูดอ้อมค้อมเลยแล้วกันนะคะ ที่จริงแล้วคนที่ลูกชายดิฉันจะให้มาสู่ขอ คือหนูแพรวา ลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้ต่างหากคะ”“สู่ขอยัยแพร!” พัชร์สิตาเน้นย้ำ“ใช่แล้วค่ะ เพราะหนูแพรคือแฟนของตาคิน และคนที่ทำหนูแพรท้องก็คือตาคินนี้แหละค่ะ ทั้งคู่รักกัน แล้ววันนี้ก็ถือว่าเป็นวันดีเลยมาทำทุกอย่างให้ถูกต้องสักที ถึงจะข้ามขั้นไปหน่อย แต่ทางเรายินดียอมรับหนูแพรเป็นลูกสะใภ้คะ” นิตยาร่ายยาวออกมาทันที“ร้ายมากเลยน่ะครับลูกชายคุณ เอ่อ...” พงษ์พิพัฒน์พูดแหย่ทางอคิราห์ แล้วหันมาถามทางนิตยาต่อ“นิตยาคะ หรือเรียกว่านิตก็พอ และยังเป็นภรรยาที่ถูกต้อง ตามกฎหมายของ นายอัครา รัตนสืบสิงห์ พอจะคุ้นบ้างไหมค่ะ คุณพราวฟ้า!” นิตยาบอกกับพงษ์พิพัฒน์ในประโยคแรก แต่ประโยคหลังกลับเน้นเสียงขึ้น แล้วหันมาทางพัชร์สิตาแทนทำเอาพัชร์สิตาที่ได้ยินดังนั้น แทบจะนั่งไม่ติด เพราะชื่อผู้ชายที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ไม่คิดว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันกับอคิราห์ แถมยังเป็นพ่อลูกกันอีก“ลูกชายคุณนิตไม่รู้หรือครับ ว่าลูกสาวผมยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลย” พงษ์พิพัฒน์พูดขึ้นอีกครั้ง“ทราบคะ ตาคินทราบดีว่าหนูแพรยังเด็ก แต่ทำอย
Comments