สรรพคุณของเมียเก็บมันต้องแซ่บถึงใจ ฉันจะต้องรีบหัด จะได้เก่งๆ เผื่อจะได้ทำเป็นอาชีพเวลาที่คุณเบื่อฉันแล้ว ได้...ผมจะสอนคุณเอง สอนให้ทุกท่า ท่าไหนยากจะสอนบ่อย ๆ เธอเป็นอาหารเช้าราคาถูกที่เขาโหยหาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาอยากกลืนเธอทั้งตัวตั้งแต่ที่เห็นหน้าตรงประตูนั่นแล้ว ใบหน้ารั้นนิดๆของหญิงสาวที่ไม่รู้ตัวว่าควรจะดีใจที่คนอย่างเขาเรียกเธอมา...เพราะอันที่จริง ผู้หญิงชนิดเธอนี้ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะถูกเนื้อต้องตัวเขา ผู้หญิงธรรมดาสามัญที่เป็นแค่เด็กเสิร์ฟในร้านอาหารไทย เขาจูบเธอจนพอใจก็ละจาก ริมฝีปากของทั้งคู่ชุ่มฉ่ำและสั่นระริก “ผมไม่มีเวลามาก มีอะไรต้องทำอีกเยอะเลย” “งั้นก็ไปสิคะ” ไปก่อนที่ความอดทนของเธอจะขาดสะบั้น และอารมณ์จะควบคุมจิตใจ จนเธอไม่สามารถบังคับร่างกายอ่อนปวกเปียกนี้ได้ เพียงแค่เขาคลึงเคล้าเย้าหยอก มันก็ตื่นตระหนกแทบบ้าแล้ว หากคืนนั้นเธอตกเป็นของเขาจริงๆ เธอสุดแสนจะเสียดาย ที่ต้องสูญเสียความสดสาวไป โดยไม่ได้ยลยินความรู้สึกหวามหวิวและน่าตื่นเต้นนี้
View Moreบทนำ
อิตาลีนั้นแสนจะกว้างใหญ่ ทว่า ทำไมพวกเขาถึงหอบหิ้วกันมาจัดงานแต่งงานที่นี่...
คำถามนั้นดังอยู่ในใจกระทั่งถึงทางแยกหนึ่ง เธอหยุดปั่นจักรยาน เพราะมีอีกคำถามที่ผุดขึ้นมา แล้วทำไมเธอจะต้องหนีด้วยเล่า เธอควรจะยอมรับความจริงไม่ใช่เหรอ ความจริงที่อาจทำร้ายเธออย่างสาหัสสากรรจ์ แต่ความจริงนี้ ทำให้คนที่เธอรักทั้งสองคนมีความสุข เธอควรไปดูให้เห็นกับตาว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจริง ไม่ได้เป็นเพียงความฝัน ไม่ใช่แค่ข่าวลือ
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาว เพื่อให้กำลังใจตัวเอง เธอหันกลับไปยังเส้นทางที่เคยเดินผ่านมา เธอปั่นจักรยานกลับมาจนถึงบริเวณปากทางเข้าโบสถ์ ที่ซึ่งเวลานี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่แต่งกายสวยงาม รวมทั้งแขกเหรื่อผู้มีชื่อเสียงมากมาย ตลอดจนกองทัพนักข่าวที่เริ่มทยอยกันเข้ามาจนเต็มพื้นที่บริเวณรอบนอกของโบสถ์
เธอพิงจักรยานไว้กับต้นไม้ใหญ่หน้ารั้วนั้น แล้วเดินเรียบๆ เคียงๆ ไปตามรั้วไม้ เธอพยายามมองหาคู่แต่งงาน แต่ก็ไม่เห็นพวกเขาเลย
เธอคงเข้าไปร่วมพิธีในโบสถ์ไม่ได้แน่ เธอไม่ได้รับเชิญ อย่างดีที่สุดก็คงผสมอยู่กับพวกนักข่าวและแฟนคลับของเรเชลที่ต่างมารอดูชุดเจ้าสาวของเธอกัน
ครั้นรถของเจ้าบ่าวเดินทางมาถึงโบสถ์ ผู้คนแหวกวงล้อมออกกลายเป็นเส้นทาง เพื่อต้อนรับเขา เจ้าบ่าวที่ขับรถสปอร์ตเปิดประทุนเข้ามาอย่างเท่ นักข่าวรุมล้อมพากันถ่ายรูปเขาไม่หยุด
หญิงสาวพยายามเขย่งเท้ามองดูเขา แต่ถูกคลื่นคนซัดออกมาด้านนอก กระทั่งล้มลงไปนั่งแช่อยู่บนพื้นหญ้า
“เฮ้อ...” เธอนั่งอยู่อย่างนั้น นึกสมเพชตัวเองที่ยังอุตส่าห์พาตัวเองมาให้เจ็บได้ “ไปเถอะ” เธอสั่งตัวเองให้ลุกขึ้น ลุกจากความเจ็บปวด และยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเสียที หากแล้วก็มีมือของใครคนหนึ่งยื่นมาต่อหน้า เธอมองฝ่ามือนั้นเรื่อยไปจนถึงใบหน้าของเขา “ร็อกกี้!”
ชายหนุ่มในสภาพเคราครึ้ม สวมชุดสูท รองเท้าหนังวาวแวว แต่งกายดีตามสไตล์ของเขาที่เคยเป็นมา เธอไม่ยักรู้ว่าเขาได้รับเชิญมางานนี้ด้วย
หญิงสาววางมือลงบนฝ่ามือที่เย็นเยือบของเขา ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นไม่น้อย แต่ไม่ใช่เพราะเจอเธออีกครั้ง หากเป็นเพราะเขามีบางสิ่งอยู่ในใจ และสิ่งนั้นทำให้เขาเครียด
“คุณหายมาอยู่ที่นี่เองเหรอ”
“แล้วคุณล่ะ หายไปอยู่ไหนมา”
เขายิ้มนิดๆ “ผมอยู่ที่นี่มาตลอด”
เธอถึงกับแปลกใจ “คุณอยู่ที่นี่เหรอ เราไม่เคยได้เจอกันเลย”
“แต่ในที่สุดก็ได้เจอกันอยู่ดี แสดงว่าเราสองคนยังมีวาสนาต่อกันอยู่”
“เอ่อ....ไม่รู้ว่าเพราะโลกมันกลม...หรือโลกมันโหดร้ายกันแน่นะคะ” หญิงสาวหันกลับไปมองบรรยากาศงานแต่งของหนุ่มสาวผู้มีชื่อเสียงอีกครั้ง เธอมองด้วยสายตาโหยหา เศร้าระทม หากแล้วก็พยายามจะยิ้มยินดีอย่างจริงใจ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่แสนชื่นมื่นและเต็มไปด้วยความหมาย
“ผมเคยสงสัยว่า...” เขาขยับตัวมายืนข้างเธอ แล้วมองเข้าไปด้านใน เช่นเดียวกับเธอ แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง “ระหว่างคุณกับเรเชล ผู้หญิงคนไหนที่สำคัญกับเขาจริงๆ”
“อืม...ตอนนี้คุณคงได้คำตอบแล้วใช่ไหมคะ” เธอยิ้มเศร้า “แทบไม่ต้องเดาเลย”
ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวข้างๆ ด้วยสายตาอ่อนโยน เหมือนเดิม “ผมบอกตรงๆ นะ ผมอยากแก้แค้นหมอนั่น ที่ผมมานี่ เพราะผมมีแผนจะลักพาตัวเจ้าสาวออกจากพิธีในวันนี้”
หญิงสาวหันขวับมองคนพูด ด้วยความอึ้ง “คุณล้อเล่นใช่ไหม”
“ผมพูดจริง ผมส่งคนเข้าไปแทรกซึมในงานแล้ว ทุกคนเข้าประจำที่ แค่รอรับคำสั่งจากผมเท่านั้น”
“นี่ไม่ใช่คุณเลยร็อกกี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะทำแบบนั้นจริงๆ”
ร็อกกี้นิ่งไปครู่ เพราะไตร่ตรองบางอย่าง “คุณอยากเข้าไปข้างในไหม”
“ไม่ค่ะ” เธอตอบก่อนจะถอนใจหนักๆ “ฉันแค่ปั่นจักรยานผ่านมาเท่านั้น และกำลังจะกลับ” เธอหมุนตัวหันหลัง เดินไปจับจักรยานขึ้นตั้งตรง เตรียมออกวิ่งอีกครั้ง “คุณเองก็เหมือนกัน กลับบ้านเถอะค่ะ”
แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน ชายหนุ่มเข้าขวางหน้า จับแขนเธอไว้แน่น สายตาดุกร้าว ไม่เหมือนร็อกกี้คนเดิม
“ไม่กล้าเหรอ”
“ฉันไม่มีอะไรต้องกลัว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับผม”
เธอยังไม่ทันตอบตกลง เขากอดเอวเธอไว้แล้วพาเข้าไปภายในรั้วโบสถ์ ฝ่าฝูงชนนับร้อย และเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจน่ารำคาญหู
เขายื่นการ์ดเชิญให้แก่บอดี้การ์ดในชั้นแรก ก่อนจะถึงบอดี้การ์ดหน้าประตูทางเข้าตัวโบสถ์ เดฟและโรเบอร์โต้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย พวกเขาทั้งสองต่างตกใจและแปลกใจที่เห็นหญิงสาวอีกครั้ง
เมริสามาพร้อมกับร็อกกี้ สีหน้าของหญิงสาวเรียบเฉย ไร้ความสดใสเหมือนแต่ก่อน
ร็อกกี้พยายามยิ้มแย้ม กอดประคองหญิงสาวเข้าไปภายในโบสถ์ เขาเลือกยืนตรงหัวแถวที่เก้าอี้แถวสุดท้ายของโบสถ์ ใกล้กับที่ทั้งคู่เลือกยืนนั้น เป็นจูเลียร์ในชุดสวยงามเพริดแพร้ว เมื่อเธอหันมาเห็นเมริสาก็ตื่นเต้นดีใจ
“เธอก็มาเหรอคนสวย”
หญิงสาวหันไปแค่นยิ้ม “ฉันกำลังจะกลับค่ะ” เธอพูดจบก็ขยับตัวจะออกจากแถว ร็อกกี้ดึงมือเธอไว้แน่น
ขณะเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่หน้าแท่นพิธีหันมามองประตูโบสถ์ที่กำลังจะเปิดออก หากแล้วสายตาของเขากลับมองเห็นหญิงสาวเสียก่อน เธอยืนอยู่ตรงนั้น!!! และกำลังจ้องมองมาทางเขา!!!
ไคล์ใจเต้นรัว ขมวดคิ้วมุ่น เลือดสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวเหมือนถูกไฟช็อต เขากระพริบตาหลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าสายตาของเขายังใช้การได้ดีอยู่...นั่นเป็นเธอจริงๆ ใช่ไหม...ไม่ใช่ความฝัน เขาไม่ได้นอนหลับอยู่แน่นอน และอาการไม่สบายนิดๆ ไม่ได้ทำให้ตาเขาเบลอจนฟั่นเฟือนเห็นเรเชลเป็นเธอ...เมย์!
“เราไม่รู้จักกัน...ใช่ เราไม่รู้จักกัน”
เมริสาจ้องมองไคล์ด้วยสายตาเศร้า นี่แหละเหตุผล เธอจึงไม่อยากเข้ามาในโบสถ์ ไม่อยากแสดงอาการอันใดทั้งสิ้นที่จะทำให้งานที่แสนหวานนี้ข่มปร่า
เธอละสายตาจากเขา แล้วเอาดวงตาแดงก่ำของเธอหันกลับไปยังประตู เป็นวินาทีเดียวกับที่ประตูบานใหญ่เปิดออก เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้นพร้อมคุณพ่อของเธอ
สวยและสง่างามตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ราเชลในใบหน้าอิ่มสุข ดวงตาพราวระยิบ ขณะจ้องมองไปยังเจ้าบ่าวที่ยืนรออยู่ตรงหน้าแท่นพิธี หากเมื่อเจ้าหล่อนเดินผ่านหน้าเมริสา เธอหันมามองแล้วขยิบตาให้ เธอส่งสัญญาณบอกว่าหัวใจของเธออยู่กับไคล์ ลิมเบอร์สกี้เรียบร้อยแล้ว
เมริสายิ้ม แม้นัยน์ตาเหือดแห้ง เธอรอให้เจ้าสาวเดินผ่านไปตามพรมแดงที่ปูลาดไปจนจบแท่นพิธี ส่วนเธอเดินออกจากแถวนั้น แล้วลุผ่านประตูโบสถ์ออกไปโดยไม่หันกลับมามองด้านหลังอีกเลย
เธอหูอื้อตาลายไปหมด ไม่ได้ยินแม้เสียงเรียกของเดฟและโรเบอร์โต้ที่ช่วยกันเรียกเธอระงม
หญิงสาวเดินฝ่ากองทัพนักข่าวและบรรดาแฟนคลับที่ออแน่นอยู่บริเวณด้านนอก จนพ้นรั้วของโบสถ์ เมืองฟลอเรนซ์ที่สวยงามของเธอ บัดนี้ได้กลายเป็นเมืองที่มืดมิด ไร้แสงสว่าง
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอีก เขาเดินจากมา และตั้งใจจะไม่พบหน้าตาแก่อีก ปล่อยอดีตให้เป็นเรื่องของอดีต เพราะยังไงซะ ก็ไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรเขาต้องอยู่กับปัจจุบัน...และปัจจุบันของเขา มีผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจเดินเคียงข้าง เพราะอย่างนี้ เขาถึงรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และไม่เกรงกลัวว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร“คุณหนูกลับมาแล้ว” มาการ์เร็ตเดินนำรอล่าและเหล่าสาวใช้ออกมาต้อนรับเจ้านายที่หน้าโถงประตูคฤหาสน์ หลังจากเครื่องบินส่วนตัวของชายหนุ่มถลาร่อนลงจอดยังรันเวย์ของไร่ไวน์โรส“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณหนู”เหล่าสาวใช้ยิ้มแย้มยินดี จนกระทั่งเห็นหญิงสาวที่เพิ่งลงจากรถแล้วเดินมาควงแขนชายหนุ่มอย่างสนิทสนมแนบชิดรอล่ายิ้มค้างปากกระตุก “ยัยเมย์!”“เมริสา!” มาการ์เร็ตจ้องมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะขยับดวงตาเลื่อนมองชายหนุ่มที่มีสีหน้าอิ่มสุขกว่าทุกครั้งที่กลับมาบ้านหลังนี้ “คุณหนูคะ”“สวัสดีค่ะคุณมาการ์เร็ต คุณรอล่า เพนนีด้วย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีกันทุกคนใช่มั้ยคะ”“ฉันเดินได้แล้ว เพราะเธอ”“ดีมากเพนนี”“แล้วนี่หล่อนกับ...” มาการ์เร็ตจ้องเมริสาที จ้องคุณหนูของพวกเธอที จนชักจะเวียนหัว “เกิดอะไรขึ้น ทำไ
“ไคล์ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ อายเขา!”คนมองกันทั้งร้าน หนึ่งในนั้นคือฟรานเชสโก้ เขาแทบไม่ต้องเดาเลยว่าไคล์ ลิมเบอร์สกี้คือผู้ชายที่อยู่ในใจของเมริสามาตลอด เป็นเขาน่ะเอง เจ้าของหัวใจเธอ“ผมไม่ลุก จนกว่าคุณจะตกลง”“งั้นก็ตามใจ ฉันไปล่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นจะเดินหนี แต่ชายหนุ่มกลับรวบสองขาของเธอเอาไว้แล้วกอดแน่น“เมย์จ๋า...ผมรักคุณ ผมรักคุณได้ยินมั้ย ผมรักคุณ”“ฉันรู้แล้ว ฉันได้ยินแล้ว แต่คุณปล่อยฉันก่อนสิ”“ผมจะไม่ปล่อย ผมจะไม่ปล่อยคุณอีกแล้ว ถ้าคุณไม่รับปากว่าจะไปกับผม ผมจะกอดคุณไว้อย่างนี้แหละ”เขากอดแน่น แน่นจนเธอกระดิกตัวแทบไม่ได้ วินาทีนี้ เธออยากจะฆ่าพ่อจอมกะล่อนให้ตายด้วยมือของเธอเลยจริงๆลูกตื๊อของไคล์ได้ผล เพราะเธอไม่อยากให้ร้านกาแฟของ ฟรานเชสโก้เกิดเรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ เธอเลยยอมถอดแบบฟอร์มคืนร้านและตามเขากลับมาบ้าน“ผมช่วยเก็บเสื้อผ้านะ”“อืม เก็บเลย เก็บให้หมดนะ อย่าให้เหลือ”“ได้ ผมจัดการให้เอง” เขากระดกคิ้วกวน ๆ ใส่เธอก่อนจะร้องเรียกด้วยเสียงดังลั่นไปทั้งบ้าน “เดฟ! โรเบอร์โต้!”สองหนุ่มวิ่งรี่เข้ามาอย่างเร็ว เพื่อรอรับคำสั่งเจ้านาย“พวกนายช่วยมาดามเก็บของหน่อยสิวะ”“ชุดชั้นในกับก
เดฟกับโรเบอร์โต้ไม่ออกความคิดเห็น เพียงแต่แอบไปนินทาเจ้านายด้วยกัน ระหว่างที่เดินเวรยามรอบบ้านของหญิงสาว“ทีตัวเอง..ใจโฉดกว่านี้อีก”“เฮ๊ย! อย่าพูดอย่างนั้น ใจโฉดยังน้อยไป อย่างไคล์ เรียกว่าสารเลวเลยดีกว่า”แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน จนทำให้ไคล์ที่นอนตบยุงอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้านต้องหันมองอย่างแปลกใจ เขาอดคิดไม่ได้ว่าลูกน้องตัวแสบทั้งสองกำลังสมน้ำหน้าเขาอยู่“ฮึ่ม! เมย์นะเมย์ ทำไมทำกับผมแบบนี้!!!”“เมย์...เมย์จ๋า...ที่รัก”ชายหนุ่มนอนละเมอเพ้อหาหญิงสาวด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย แน่นอนว่าในฝันของเขาคงมีแค่เรื่องลามกเท่านั้น“อ่า...ผม...ผม...ผมรักคุณ...ผมต้องการคุณ ผม..” เขาครวญครางไม่ขาดสาย เพื่อระบายความรู้สึกและอารมณ์ใต้จิตสำนึกอย่างไม่รู้อิ่ม กระทั่งได้ยินเสียงเรียกมาจากที่ไกลๆ นั่นล่ะ“เจ้านาย! เจ้านายครับ”เสียงนั้นกระทุ้งให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข แปรเปลี่ยนเป็นหน้ายุ่งไร้อารมณ์และหงุดหงิดรำคาญ“เจ้านาย!”“โอ๊ย! เรียกทำไมวะ คนกำลัง...” เข้าได้เข้าเข็ม...แต่เขาพูดไม่ทันจบ ก็พบว่าตัวเองแค่ฝันไปเท่านั้น เมื่อดวงตาคู่สวยของเขาลืมตื่นขึ้นท่ามกลางแสงแดดรำไร“อ้าว...จริงสิ” แล้วเข
“ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”หญิงสาวเดินนำไปที่โต๊ะเล็ก ๆ สี่ที่นั่ง ซึ่งตั้งติดกับบานหน้าต่างขนาดใหญ่ เปิดรับลมทะเลและทัศนาทิวทัศน์ท้องทะเลสีฟ้าครามได้เต็มตา“บ้านของคุณน่ารักดี แต่ผมอยากให้คุณย้ายไปอยู่กับผม”“ฉันจะอยู่ที่นี่ไปก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าจะ...”เขานั่งลงตรงข้ามเธอ ตั้งใจฟังเธอแบบลุ้นระทึก“จนกว่า...อะไร”“แน่ใจว่าใครบางคน กลับตัวกลับใจได้ และเป็นคนดีได้จริงๆ ไม่ใช่แค่สร้างภาพเพื่อเอาใจผู้หญิง”“อ่า...ผมรู้ว่าผมสารเลว แต่สามเดือนที่ผ่านมา ผมก็ถูกลงโทษมาพอสมควรแล้วนะ ผมอยู่เหมือนตกนรกทั้งเป็น ผม...”“ฉันตกนรกยิ่งกว่าคุณอีก”เขาอึ้งไป ก่อนพูดเสียงค่อยออกมา “ผมขอโทษ”“ฉันร้องไห้ทุกคืน”“ผมขอโทษ ผมรู้ว่ามันเจ็บปวด”“คนอย่างคุณจะรู้ได้ยังไง”“ผมก็...” เขาหยุดไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะยอมพูดออกมา แม้จะอายแค่ไหนที่ต้องพูด “ผมก็ร้องไห้เหมือนคุณน่ะแหละ ผมเกลียดตัวเองที่ร้องไห้เพราะคุณ ผมไม่เคยเสียน้ำตาให้ใคร”“ว่าไงนะ” แล้วเธอก็หัวเราะ ยิ่งทำให้เขาอายไปกันใหญ่ “คุณเนี่ยนะร้องไห้ ฉันไม่เชื่อหรอก”“ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่มันไม่ตลกนะ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยร้องไห้ให้ใคร เข้าใจไว้ด้วย”เขาทำท่าโมโ
“แต่ขอเรื่องเดียว คุณห้ามให้คนอื่นจีบ นอกจากผม”“ไม่ให้ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องจีบสิคะ ฉันมีตัวเลือกเยอะแยะ ดีกว่าคุณก็มี” หญิงสาวยิ้มร่า เย้ยหยัน การคุมเกมนี่มันดีอย่างนี้เอง เธอหันหลังให้เขา เดินนำหน้าเขาไปหลายก้าว“เมย์....เมริสา! ผมบอกให้...”“หยุด!” เธอหันกลับมาชี้หน้าเขาตรง ๆ สายตาของหญิงสาวกดข่มให้เขารู้สึกตัวเล็กลงอย่างไม่รู้ตัว “ห้ามออกคำสั่งกับฉัน ฉันไม่ใช่ทาสคุณ”“ครับ...ครับ ผมขอโทษ”“ฉันจะพักผ่อนละ คุณกลับไปได้แล้ว”“ได้ไง ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณอีกเยอะแยะเลย”“ไม่ใช่ตอนนี้ นี่เป็นเวลาส่วนตัวของฉัน ฉันเหนื่อยเข้าใจมั้ยไคล์ คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันเพิ่งผ่านเหตุการณ์อะไรมา คิดสิคิด”“เอ่อ...ครับ ผมจะคิดให้เยอะกว่านี้”“ไม่ใช่คิดให้เยอะ แต่คิดให้ถูก คิดให้เป็น หัดเอาใจคนอื่นมาใส่ใจเราบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องของตัวเอง”โอ้ว...เขากลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ...นี่คือจุดเริ่มต้นของช่วงชีวิตที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของเขาใช่มั้ย???“ครับเมย์...ผมเข้าใจแล้ว งั้นระหว่างที่คุณพักผ่อน ผมจะให้ลูกน้องเดินสำรวจตรวจดูรอบ ๆ บริเวณบ้านคุณนะ แล้วก็คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย ผมจะได้ให้เดฟไปซื้อ...”“ทำไมต้องใช้
“ผมเข้าใจแล้ว...” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วหลับตานิ่ง ไว้อาลัยให้กับคำตอบที่เขากระสันอยากรู้เสียเหลือเกิน “ผมเข้าใจแล้วครับคุณแม่...”เมริสาเดินกลับมาหาเขา เธอจับมือที่เย็นเยือบของเขาไว้ สายตาห่วงใยอย่างที่สุด เขาถอนหายใจซ้ำๆ ก่อนจะยิ้มให้เธอ ดวงตาสีมรกตแดงก่ำ วินาทีนั้น เหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเลือกไม่พูด“อ่า...” เขาดึงร่างเธอไปกอดแน่น เธอกอดตอบร่างใหญ่หนาที่สะอื้นนั้นไว้ ฝ่ามือนุ่มลูบแผ่นหลังเขาช้าๆ เพื่อปลอบโยน“มันจบแล้วไคล์”“คุณไม่อยากรู้เหรอ ว่าในล็อกเก็ตมีอะไร”เขาผละใบหน้าที่เปื้อนความเศร้านั้นออกมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก เธอส่ายหน้า“ฉันไม่สนใจอดีต เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้นะไคล์ วันนี้กับวันพรุ่งนี้ต่างหากที่สำคัญ”“แต่เรามีวันนี้ได้เพราะอดีต” เขาพูดเสียงจริงจัง“คุณไม่คิดจะลืมมันจริงๆ เหรอ” เธอผิดหวังเล็กๆ“ผมจะลืมความจริงได้ยังไง เรื่องที่ผมเป็นลูกชายแท้ ๆ ของ...เซบาสเตียน!”เมริสาช็อคไปสามวินาที เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องปลอบใจเขาด้วยคำพูดใดถึงจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้“ผมเป็นลูกชายของมัสซิโม!” ชายหนุ่มยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เธออ่าน...หญิงสาวอ่า
Comments