แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: จิ้งจอกเหลวไหล
ขณะที่เยี่ยชิวกำลังหมดสตินั้น สมองของเขากลับมีเสียงแก่ชราของใครบางคนดังก้องขึ้น

“ข้าคือบรรพชนของตระกูลเยี่ย ชั่วชีวิตไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน แกร่งกล้าไร้เทียมทาน ระหว่างดับขันธ์ได้ทิ้งเศษเสี้ยววิญญาณไว้ในแหวนหยกขาว ซึ่งต่อมากลายเป็นสมบัติตกทอดของตระกูลเยี่ย”

“คิดไม่ถึงเลยว่าพันปีผ่านไป ทายาทตระกูลเยี่ยของข้าจะตกต่ำถึงเพียงนี้ ช่างน่าเศร้าใจยิ่งนัก!”

“ในเมื่อวันนี้มีวาสนาได้พบพานกัน เช่นนั้นข้าก็จะถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดให้เจ้าเอง”

“จำไว้นะ หลังรับการสืบทอดจากข้าไปแล้ว จะต้องดำรงตัวอยู่ในความถูกต้อง ห้ามก้าวเดินบนเส้นทางแห่งความชั่วร้ายเด็ดขาด มิฉะนั้น เจ้าจะต้องตายแบบไร้ที่กลบฝัง!”

จากนั้น

เยี่ยชิวก็เห็นว่ากำไลหยกขาวที่เขามอบให้จางลี่ลี่ กลายเป็นมังกรทองห้ากรงเล็บอย่างกะทันหัน ก่อนจะพุ่งทะยานเข้ามาในอกของเขา

“เหวอ...”

เยี่ยชิวตกใจจนสะดุ้งตื่น

ตอนที่ลืมตาขึ้นมา เขายังคงอยู่ในห้องเช่าของจางลี่ลี่ ทว่าจางลี่ลี่กับกัวเส้าชงไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว

“ไอ้พวกสารเลว”

เยี่ยชิวสบถด่าออกมา ก่อนจะพยายามลุกจากพื้น

ในตอนนั้นเอง เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า ร่างกายของตนเองไม่มีความเจ็บปวดอยู่แม้แต่นิดเดียว แล้วยังไม่มีร่องรอยบาดแผลด้วย

เยี่ยชิวจำได้แม่นว่าตัวเองถูกกัวเส้าชงกระทืบนิ้วจนหัก เขาถึงได้เจ็บมากจนหมดสติไป แต่ตอนนี้นิ้วมือของเขากลับฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม แล้วผิวหนังยังดูดีกว่าเดิมด้วย

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ทันใดนั้น เยี่ยชิวก็นึกถึงความฝันเมื่อครู่นี้

หรือว่า ความฝันของเขาจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมด?

เยี่ยชิวหลับตาลง

วินาทีต่อมา ความตกตะลึงก็แผ่ซ่านทั่วใบหน้า

เพราะว่าในสมองของเขา มีความรู้แปลกประหลาดเพิ่มเข้ามาจำนวนมหาศาล ทั้งวรยุทธ์ วิชาแพทย์ วิธีการบำเพ็ญ ศาสตร์เร้นลับ ศาสตร์ฮวงจุ้ย.....

อีกทั้ง ยังมีตำรา ‘คัมภีร์คาถาเหมาซานฉบับสมบูรณ์’ อีกต่างหาก!

ภายในบรรจุวิธีการใช้งานคาถาหลากหลายประเภทของเขาเหมาซาน อย่างเช่นคาถาโชคร้าย คาถาเทพเคลื่อนย้าย คาถาปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย คาถาเปิดเนตรทิพย์...

รวมทั้งสิ้นหนึ่งร้อยแปดคาถา!

“พระเจ้าช่วย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย?”

เยี่ยชิวสับสนมึนงงไปหมด

“ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด——”

ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็มีสายเรียกเข้าดังสนั่น เรียกสติของเยี่ยชิวกลับคืนมา

เยี่ยชิวหยิบโทรศัพท์ออกมาดู พบว่าหน้าจอปรากฏชื่อของ ‘ไป๋ปิง’ จึงรีบกดรับสายและเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาทว่า “หัวหน้าแผนกไป๋ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“กลับมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ฉันรอนายอยู่ที่ออฟฟิศ” เสียงเย็นชาของผู้หญิงดังมาจากปลายสาย ทว่ากลับฟังดูไพเราะเสนาะหู

เยี่ยชิวเอ่ยถาม “หัวหน้าแผนกไป๋ มีธุระอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ?”

“นายทำเรื่องอะไรลงไป ยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ?”

แกร๊ก!

โทรศัพท์ถูกวางสายอย่างรุนแรง

เยี่ยชิวรู้สึกหนักอึ้งในใจ ฟังจากเสียงของไป๋ปิงแล้ว เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

“เรื่องที่ฉันทำลงไปเหรอ? ฉันทำอะไรกันล่ะ?” เยี่ยชิวพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล

......

ไป๋ปิงมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับชื่อไม่มีผิด ผิวสีขาวราวหิมะ ตัวสูงโปร่งเพรียวบาง องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าสวยวิจิตรแล้วยังดูสูงส่งแต่กำเนิดด้วย เพียงแต่เธอทำหน้าเย็นชาทุกวัน แล้วยังแผ่รังสีชวนให้รู้สึกว่าเข้าหาได้ยากอีก ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อนร่วมงานในโรงพยาบาลจึงตั้งฉายาให้เธอว่าเทพธิดาภูเขาน้ำแข็ง

ผู้หญิงหน้าตาสวยขนาดนี้ย่อมมีคนตามจีบเป็นทิวแถว มีคนพยายามจะตามจีบไป๋ปิงจำนวนมาก ทว่าพวกเขาเหล่านั้นล้วนล้มเหลว

คล้ายกับว่าผู้หญิงทุกคนจะมีความเย่อหยิ่งอยู่ภายในสายเลือดตั้งแต่เกิดแล้ว เพียงแต่ไป๋ปิงมีความหยิ่งทระนงมากกว่าผู้หญิงทั่วไป

แน่นอนว่า เธอมีสิทธิ์ที่จะหยิ่งทระนงเช่นนั้น

ถึงแม้ไป๋ปิงจะอายุยังน้อย แต่กลับมีวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมาก อายุ 23 ปีก็ได้รับปริญญาเอกจากราชวิทยาลัยแพทย์ประเทศอังกฤษแล้ว

อายุ 24 ก็สร้างชื่อเสียงไปทั่วเจียงโจว

อายุ 25 ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมที่อายุน้อยที่สุดของโรงพยาบาลเจียงโจว

เรียกได้ว่าทั่วทั้งวงการแพทย์ของเมืองเจียงโจว ชื่อเสียงของไป๋ปิ่งเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว ไม่มีใครไม่รู้จักเธอ

เรื่องที่ทำให้เยี่ยชิวประหลาดใจมากที่สุดก็คือ หลังจากเขาเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลแล้ว เคยได้ยินเพื่อนร่วมงานคุยกันว่า โรงพยาบาลชั้นนำในเมืองปักกิ่งและซูหาง(ซูโจว-หางโจว) เคยทุ่มเงินมหาศาลเพื่อขอเชิญตัวไป๋ปิงไปทำงานที่นั่น แต่กลับถูกไป๋ปิงปฎิเสธอย่างไม่ใยดี

ไป๋ปิงไม่เคยบอกสาเหตุที่ปฏิเสธข้อเสนอให้ใครฟัง จึงไม่มีใครทราบเรื่องนี้

เรียกได้ว่า มันเป็นปริศนาธรรมอย่างหนึ่ง

เยี่ยชิวรีบร้อนเดินทางมาที่โรงพยาบาล เพิ่งจะเดินเข้ามาในโถงกลางก็เห็นพวกพยาบาลตรงเคาน์เตอร์ต้อนรับชี้มือชี้ไม้มาทางเขา แอบนินทาด้วยสีหน้าที่รังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

เยี่ยชิวยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีหนักยิ่งกว่าเดิม

สีหน้าของพยาบาลพวกนั้นอธิบายชัดเจนแล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ อีกทั้งดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเขาเสียด้วย

แต่เขาไม่เคยทำผิดอะไรสักหน่อย?

เยี่ยชิวไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก เขาเดินตรงไปที่ออฟฟิศของหัวหน้าแผนกแผนกศัลยกรรม แล้วเคาะประตู

ก๊อก ก๊อก——

“เข้ามาได้!” เสียงเย็นชาดุจน้ำแข็งดังมาจากด้านใน

เยี่ยชิวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดประตูเดินเข้าไปด้านใน พบกับปิงลี่ที่กำลังตรวจประวัติคนไข้อยู่

“หัวหน้าแผนกไป๋ ต้องการพบผมเหรอครับ?” เยี่ยชิวเอ่ยถามเสียงเบา

ไป๋ปิงไม่เงยหน้าขึ้นมามอง สายตายังคงจับจ้องประวัติผู้ป่วยในมือ

เยี่ยชิวใจเต้น ‘ตึกตัก ตึกตัก’ อยู่สักพัก ความไม่สบายใจแผ่ขยายหนักยิ่งกว่าเดิม

เขาทำงานภายใต้ไป๋ปิงมาสักพักแล้ว จึงพอจะเข้าใจนิสัยของไป๋ปิงอยู่บ้าง ถ้าหากเธอไม่ยอมตอบคำถาม นั่นหมายถึงเธอกำลังโกรธอยู่

“หรือว่าผมทำอะไรผิดไปงั้นเหรอครับ? ไม่อย่างนั้นหัวหน้าแผนกไป๋จะโกรธได้ยังไง?”

เยี่ยชิวลอบคิดทบทวนอยู่ในใจ เขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรผิดไป!

ไป๋ปิงยังคงเงียบ เยี่ยชิวจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงยืนนิ่งๆ ตรงหน้าโต๊ะทำงาน ลอบมองไป๋ปิงเป็นระยะๆ

วันนี้ไป๋ปิงสวมชุดกาวน์สีขาว ขับเน้นรูปร่างสูงโปร่งของเธอให้ดูสวยงามอย่างไร้ที่ติ บริเวณหน้าอกอวบอิ่มชวนตะลึงขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเข้าออก ราวกับมันสามารถกระเด้งออกมาจากเสื้อเชิ้ตได้ตลอดเวลา

ผมยาวสีดำขลับถูกรวบไปไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นดวงหน้าที่งดงามจับใจ

เด็ดขาด! เย็นชา!

เยี่ยชิวยืนรออยู่ห้านาทีเต็มๆ ไป๋ปิงถึงยอมเงยหน้าขึ้นมาแล้วโยนประวัติผู้ป่วยลงตรงหน้าเยี่ยชิวดัง ‘ปัง’ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “นี่คือประวัติผู้ป่วยที่นายเป็นคนเขียนเหรอ?”

เยี่ยชิวหยิบประวัติผู้ป่วยขึ้นมากวาดตาอ่านคร่าวๆ แล้วพยักหน้า “ใช่ครับหัวหน้าแผนกไป๋ ผมเป็นคนเขียนเอง”

“ทำไมประวัติผู้ป่วยของนายถึงเขียนเหมือนกับประวัติผู้ป่วยของกัวเส้าชงเป๊ะเลยล่ะ?” ไป๋ปิงแผดเสียงแหลม “สารภาพมาตามตรงนะ ทำไมนายถึงแอบลอกประวัติผู้ป่วยของกัวเส้าชง?”

“เหมือนเป๊ะ? จะเป็นไปได้ยังไงครับ” เยี่ยชิวรีบร้อนอธิบาย “ประวัติผู้ป่วยฉบับนี้ผมเขียนตอนอยู่ในออฟฟิศช่วงเช้า ไม่ได้ลอกใครมาทั้งนั้น”

“นายบอกว่าเป็นคนเขียนเอง มีหลักฐานไหม?”

“มีครับ ตอนเช้าจางลี่ลี่ซื้อโค้กมาให้ผมที่แผนกศัลยกรรม ตอนนั้นเธอเห็นผมเขียนประวัติผู้ป่วยด้วย”

“แต่จางลี่ลี่เป็นพยานให้กัวเส้าชงไปแล้วนะ เธอยืนยันว่าประวัติผู้ป่วยฉบับนี้กัวเส้าชงเป็นคนเขียน นายมีอะไรจะอธิบายไหม?” สีหน้าของไป๋ปิงเย็นชาดุจน้ำแข็ง

เยี่ยชิวตกตะลึงไปเลย

ไม่นานนักเขาก็ได้สติกลับมา ไอ้ชายชั่วหญิงเลวคู่นั้นจะต้องร่วมมือกันใส่ร้ายเขาแน่นอน

“หัวหน้าแผนกไป๋ ผมกล้าสาบานว่าผมเป็นคนเขียนประวัติผู้ป่วยฉบับนี้ด้วยตัวเอง เพื่อเขียนประวัติผู้ป่วยเล่มนี้ เมื่อคืนนี้ผมอยู่ทำงานจนถึงดึกดื่นค่อนคืน ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ส่วนเรื่องที่จางลี่ลี่เป็นพยานให้กัวเส้าชง นั่นเพราะพวกเขา...”

“นายไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว” ไป๋ปิงเอ่ยตัดบทเยี่ยชิว ก่อนจะบอกว่า “เรื่องนี้คนรู้กันทั้งแผนกศัลยกรรมแล้ว นับตั้งแต่วันนี้ไปนายไปที่แผนกผู้ช่วยพยาบาลทำหน้าที่ช่วยเหลืองานทั่วไป ถ้าฉันไม่อนุญาต ห้ามตรวจผู้ป่วยโดยเด็ดขาด”

“หัวหน้าแผนกไป๋ ผม...”

“ออกไป!” ไป๋ปิงชี้ไปทางประตูอย่างไร้เยื่อใย

เยี่ยชิวกำหมัดแน่น พยายามข่มความโกรธและความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ ก่อนจะออกจากออฟฟิศหัวหน้าแผนกด้วยความกรุ่นโกรธ

“กัวเส้าชง จางลี่ลี่ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ ฉันจะต้องเอาคืนพวกแกให้ได้เลย!”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 40

    เจียงโจวมีภูเขาที่มีชื่อเสียงสองลูก หนึ่งในนั้นคือภูเขาเมฆหมอกที่เต็มไปด้วยคนมีอำนาจและร่ำรวย อีกลูกหนึ่งคือภูเขาหนานซานที่รกร้างไร้ผู้คนขณะนี้บนยอดเขาหนานซาน ลูกน้องของจ้าวอวิ๋นกำลังใช้พลั่วขุดหลุมอย่างแข็งขันขณะที่เหลยหู่ ถูกมัดอย่างแน่นหนา คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเยี่ยชิวเพื่ออ้อนวอนขอความเมตตา"คุณเยี่ย ได้โปรดอย่าฆ่าผมเลยครับ เรื่องทั้งหมดนี้เป็นคำสั่งของกัวเส้าชง กัวเส้าชงบอกว่าถ้าผมฆ่าคุณกับแม่ของคุณได้ เขาจะให้ผมห้าล้านบาท"แม้ว่าเหลยหู่จะตัวใหญ่ล่ำสัน มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า ดูเหมือนคนดุร้ายใจเหี้ยม แต่ตอนนี้เขากลัวจนตัวสั่นระริก"เขาบอกให้แกฆ่าคน แกก็ฆ่า ถ้าเขาบอกให้แกกินขี้ แกก็จะกินใช่ไหม?" เยี่ยชิวพูดด้วยสีหน้าเย็นชา"คุณเยี่ย ถ้าคุณปล่อยผมไป ตั้งแต่นี้ต่อไป ผมจะรับใช้คุณเหมือนวัวเหมือนม้า ไม่สิ ผมจะเป็นหมาของคุณก็ได้ โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง..." เหลยหู่ถึงกับเลียนเสียงหมาเห่า"อยากเป็นหมาของฉัน แกยังไม่มีคุณสมบัติพอ" เยี่ยชิวตัดสินใจขุดรากถอนโคนเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาภายหลัง"คุณเยี่ย คุณใช้ชีวิตอยู่กับแม่เพียงลำพัง แม่ของคุณก็รักคุณมาก คุณเคยคิดถึงใจเธอบ้างไหม? ถ้าคุณฆ่าผม คุณก

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 39

    ตอนนั้นเยี่ยชิวไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ไม่คิดว่ากัวเส้าชงจะลงมือรวดเร็วขนาดนี้ เพื่อจะฆ่าตนเอง นอกจากจะเรียกพวกนักเลงมาแล้ว ยังลักพาตัวแม่เขามาอีกเยี่ยชิวหันไปมองเฉียนจิ้งหลันแวบหนึ่ง เฉียนจิ้งหลันเอ่ยทั้งน้ำตา “ชิวเอ๋อร์ สัญญากับแม่ อย่าฆ่าคนนะลูก อย่าทำเรื่องผิดกฎหมายได้ไหมลูก?”“ได้” เยี่ยชิวยอมปล่อยมือเหลยหู่เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ เขาล้มไปนอนกองกับพื้นเยี่ยชิวช่วยแกะเชือกที่มัดมือมัดเท้าของเฉียนจิ้งหลันออก ก่อนจะช่วยจัดทรงผมให้เฉียนจิ้งหลันเล็กน้อย บอกด้วยความรู้สึกผิดว่า “แม่ครับ เป็นความผิดของผมเอง แม่ต้องพลอยติดร่างแหมาด้วย”“แม่ไม่เป็นไร” เฉียนจิ้งหลันลุกขึ้นยืนโดยมีเยี่ยชิวช่วยประคองตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าอันเร่งรีบจำนวนหนึ่งก็ดังมาจากด้านนอกสองวินาทีต่อมา จ้าวอวิ๋นก็ปรากฏตัวจ้าวอวิ๋นสวมชุดดำทั้งตัว ใบหน้าเคร่งขรึมดุดัน ด้านหลังของเขามีผู้ชายร่างกายบึกบึนติดตามมาสี่คนเมื่อเห็นว่าเยี่ยชิวกับเฉียนจิ้งหลันปลอดภัยดี จ้าวอวิ๋นก็พรูลมหายใจอย่างโล่งอกจากนั้น เขาก็กวาดตามองสถานการณ์โดยรอบเมื่อเห็นว่ามีคนนอนสลบเกลื่อนพื้นอยู่สิบกว่าคน จ้าวอวิ๋นก็มีสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด เขา

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 38

    เยี่ยชิวมองเหลยหู่ด้วยสายตาเย็นเยียบ ถามอย่างไร้ความปรานี“บอกมา แกอยากตายยังไง?”นับตั้งแต่วินาทีที่เหล่ยหู่ตบหน้าเฉียนจิ้งหลัน เยี่ยชิวก็คิดจะฆ่าเขาทิ้งนานแล้วเหล่ยหู่รู้สึกหวาดกลัวเยี่ยชิวจับใจ แต่ยังทำเป็นปากแข็ง เขากล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “ไอ้เด็กเวร แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”“ไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย” เยี่ยชิวตอบ “กล้าแตะต้องแม่ฉัน จุดจบมีเพียงอย่างเดียว คือตาย”“แกจะฆ่าฉันเหรอ?” เหลยหู่หัวเราะขึ้นมาเสียอย่างนั้น “อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ การฆ่าคนเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ?”เพี๊ยะ!เยี่ยชิวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเหลยหู่ราวกับภูตผี ก่อนจะตบหน้าเหลยหู่อย่างแรงเหลยหู่ถึงกับตัวแข็งทื่อ เขายังไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะถูกตบหน้า อีกทั้งคนที่ตบเขายังเป็นแค่ผู้ช่วยพยาบาลตัวเล็กๆ ที่ไม่มีพื้นเพอะไรเลยด้วย!นี่มันเป็นเรื่องที่...น่าอับอายขายหน้าที่สุด!โกรธ! เขาเดือดดาลมาก!เหลยหู่รู้สึกว่าในอกของเขามีเพลิงโทสะกำลังลุกไหม้ เขาแทบอยากจะสับเยี่ยชิวเป็นพันๆ หมื่นๆ ชิ้น“แกไม่รู้หรือไงวะว่าฉันเป็นใคร?” เหลยหู่ตะเบ็งเสียงถาม“ฉันไม่สนใจหรอกว่าแกจะเป็นใครมาจากไหน ฉันจะถามอีกครั้ง แกอยากตายแบบไ

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 37

    อย่างไรก็ตาม ไม้เบสบอลหยุดชะงักกลางอากาศ เมื่ออยู่ห่างจากศีรษะของเยี่ยชิวประมาณยี่สิบเซนติเมตรชายหนุ่มพยายามเพ่งมอง จึงพบว่าปลายอีกด้านของไม้เบสบอลถูกเยี่ยชิวใช้มือจับไว้"โอ้ ตอบสนองเร็วดีนี่" ชายหนุ่มยิ้มแล้วออกแรงดึงแต่ไม้เบสบอลในมือของเยี่ยชิวเหมือนมีแม่เหล็กดูดเอาไว้ ไม่ว่าชายหนุ่มจะออกแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถขยับมันได้แม้แต่น้อย“มีเรี่ยวแรงอยู่แค่นี้กลับกล้าโผล่หัวมาคนแรก ชอบเป็นตัวประกอบหรือไง?”เยี่ยชิวออกแรงที่ข้อมือเล็กน้อย ไม้เบสบอลก็ถูกเขาแย่งมาอยู่ในมือแทน จากนั้นเขาก็หวดไม้กลับไปที่หน้าอกของชายหนุ่มปัง!ร่างของชายหนุ่มลอยกระเด็นออกไป ชนกระแทกพื้นที่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร เลือดพุ่งออกจากปากและหมดสติไปทันทีนี่...ความตกตะลึงปรากฏในแววตาของทุกคนโดยเฉพาะกัวเส้าชงที่มองเยี่ยชิวเหมือนเห็นผี โพล่งด้วยความตกใจว่า "เขาแข็งแรงขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"สีหน้าของเหลยหู่มืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัดแต่ใครจะรู้ว่า ตัวเยี่ยชิวเองก็ตกใจเช่นกันการตีครั้งนี้ เขาใช้แรงเพียงห้าส่วน ก็ทำให้ชายหนุ่มกระเด็นออกไปและหมดสติได้ งั้นถ้าใช้แรงเต็มสิบส่วน จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?เกรงว่าจะฟ

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 36

    เยี่ยชิวรีบมาที่นี่มาก เขาจึงยังใส่ชุดผู้ช่วยพยาบาลอยู่ ประกอบกับรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาและสะอาดเกลี้ยงเกลา ทำให้มองเผินๆ แล้วเหมือนนักเรียนคนหนึ่ง ทว่าตัวเขาในยามนี้ มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะ แววตาสองข้างทอประกายเย็นชา"พี่เหลย เขามาแล้ว" กัวเส้าชงพูดพร้อมรอยยิ้มเหลยหู่หันไปมอง เห็นเยี่ยชิวเดินเข้ามาในตึกร้าง จึงปล่อยผมของเฉียนจิ้งหลัน แค่นเสียงเย็นชาแล้วบอกว่า "เดี๋ยวจัดการลูกชายเธอเสร็จแล้ว ฉันจะมาจัดการเธอต่อ"เฉียนจิ้งหลันเห็นเยี่ยชิวก็ตะโกนเสียงดังว่า "ชิวเอ๋อร์ รีบหนีไป พวกเขาคิดจะฆ่าลูก”"จัดการ!"เหลยหู่กลัวว่าเยี่ยชิวจะหนี จึงออกคำสั่งทันควัน พวกลูกน้องที่ถือไม้กระบองก็รีบวิ่งเข้าไปล้อมเยี่ยชิวไว้เยี่ยชิวไม่สนใจคนพวกนี้ สายตาของเขาจดจ้องที่ใบหน้าของเฉียนจิ้งหลัน ถามด้วยความเป็นห่วงว่า "แม่ครับ แม่เป็นอย่างไรบ้าง?""แม่ไม่เป็นไร ชิวเอ๋อร์ รีบหนีไปซะ พวกเขาจะฆ่าลูก..."เพี๊ยะ!เหลยหู่ตบหน้าเฉียนจิ้งหลันฉาดหนึ่งแล้วด่าว่า “ถ้ายังไม่เลิกโวยวาย ฉันจะฆ่าเธอด้วย”ทันใดนั้น สายตาของเยี่ยชิวก็เบนไปทางร่างของเหลยหู่แทน เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบว่า “กล้าตบแม่ฉันเหรอ แกตายแ

  • แพทย์เทวดาสะท้านภพ   บทที่ 35

    "กรี๊ด!" เฉียนจิ้งหลันตกใจรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเหลยหู่ ถามอย่างเสียขวัญว่า "คุณเป็นใคร? คุณคิดจะทำอะไร?"เหลยหู่หัวเราะในลำคอก่อนพูดว่า "ไม่ต้องกลัว ที่นี่ปลอดภัยมาก แค่คุณยอมเชื่อฟังผม ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเอง""คุณเป็นใครกันแน่?" เฉียนจิ้งหลันถามเสียงแข็งเมื่อสังเกตเห็นว่ามีชายอีกสิบกว่าคนกำลังยืนถือไม้กระบองอยู่ เธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา"อีแก่ แกจำฉันไม่ได้แล้วเหรอ?" กัวเส้าชงหันหน้ากลับมา มองเฉียนจิ้งหลันอย่างเย็นชา"หมอ...หมอกัว? ทำไมเป็นคุณล่ะคะ? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?" เฉียนจิ้งหลันประหลาดใจมาก"ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่? ฮ่าๆๆ ถามได้ดีมาก ฉันจะบอกความจริงให้ฟังก็ได้ ฉันกำลังรอลูกชายสุดที่รักของเธออยู่""รอเยี่ยชิว? หมอกัว คุณรอเยี่ยชิวทำไมคะ?" เฉียนจิ้งหลันยังไม่เข้าใจสถานการณ์"เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ" ใบหน้าของกัวเส้าชงปรากฏแววอำมหิตเฉียนจิ้งหลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอพยายามดิ้นรนและตะโกนว่า "ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ""แจ้งตำรวจ?" กัวเส้าชงแสยะยิ้มด้วยความสมเพช "แกอยู่ในสภาพแบบนี้ จะมีปัญญาแจ้งตำรวจงั้นเหรอ?"ทั้งมือและเท้าของเฉียนจ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status