เมื่อเห็นองครักษ์ถูกหักคอตายต่อหน้า องค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็ตกตะลึงพอได้ยินอีกว่าพิษของผงสลายเส้นเอ็นถูกถอนแล้ว นางยิ่งทำอะไรไม่ถูกต่างกล่าวกันว่าฮ่องเต้หนานฉีพระองค์นี้ได้ทั้งบุ๋นและบู๊ ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ก็ได้นำทัพด้วยตนเอง ในการศึกครั้งเดียวได้ตัดศีรษะของแม่ทัพฝ่ายศัตรูไปนับไม่ถ้วนครั้งนี้ที่แคว้นเป่ยเยี่ยนสามารถจับเขามาได้เพราะใช้วิธีการต่ำช้า อาศัยตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง ทำให้เขาถูกพิษผงสลายเส้นเอ็นตั้งแต่แรกทว่ายามนี้ฮ่องเต้หนานฉีฟื้นพลังภายในกลับมาได้แล้ว เช่นนั้นย่อมส่งผลเสียต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก!องค์หญิงเซี่ยนอี๋ถอยหลังตามสัญชาตญาณ แล้วให้องครักษ์เข้าไปจัดการ“จับเขา! ต้องจับเขาให้ได้...ไม่สิ ปิดประตูห้องลับ! ปิดประตู!”นางลนลาน พยายามวิ่งไปทางกลไกองครักษ์บางคนเองก็นึกถึงจุดนี้ได้เช่นกัน แต่ทว่าพวกเขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งเซียวอวี้โจมตีองครักษ์หลายคนจนล้มลงไปแล้วออกมาจากห้องลับกลับเป็นองครักษ์พวกนั้นที่ถูกขังอยู่ในห้องลับองครักษ์ด้านนอกเห็นแนวโน้มไม่ดี จึงกางค่ายกลแหฟ้าข่ายดินไว้หลายชั้นนานแล้วไม่กี่อึดใจ เหล่าองครักษ์ก็ล้อมจากด้านนอกเข้ามาด้านใน แม้แต่บนขื่อก
เหล่าองครักษ์ลับตามมาช่วยได้ทัน ล้อมเซียวอวี้ไว้ในพื้นที่ที่ปลอดภัย“คุ้มกันฝ่าบาทกลับไปก่อน!”พวกเขามีเพียงไม่กี่คน ไม่สามารถจัดการกับคนเป่ยเยี่ยนเหล่านี้ได้ขณะนี้เอง หยิ่นเอ้อร์ที่จับองค์หญิงเซี่ยนอี๋เป็นตัวประกันไว้ก็กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น “บอกให้พวกเขาหยุดซะ”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือใคร ทว่านางมั่นใจ ต้องเป็นคนของแคว้นหนานฉี ที่มาช่วยฮ่องเต้ฉีเป็นแน่นางกัดริมฝีปาก“พวกเจ้าจะจับข้าไปก็ไร้ประโยชน์! การสังหารเขา คือคำสั่งของเสด็จพ่อข้า!”นางพูดความจริงแววตาของหยิ่นเอ้อร์พลันเย็นชาจากนั้น เขาก็ลากองค์หญิงเซี่ยนอี๋มาที่ลานกว้าง ให้นางปรากฏตัวท่ามกลางอันตรายเหล่ามือธนูเห็นเช่นนั้น จึงลังเลหากยิงองค์หญิงตาย โทษของพวกเขาก็คงหนักทว่าขณะนี้เอง หัวหน้ามือธนูก็ส่งเสียงอย่างเด็ดขาด“ยิงต่อไป! ห้ามหยุด!”เขามองไปยังองค์หญิงเซี่ยนอี๋ด้วยแววตาไร้ความรู้สึกองค์หญิงแล้วอย่างไร ต่อให้เป็นองค์ชาย ก็ไม่สามารถมาขัดขวางการจับตัวฮ่องเต้ฉีไปได้ยิ่งไปกว่านั้น เพราะคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ ก็ทำให้ฝ่าบาททรงฆ่าองครักษ์ไปหลายคนแล้วในเมื่อคิดว่าชีวิตของพ
กำลังคนที่เฟิ่งจิ่วเหยียนพามาด้วยมีมากพอ ด้วยเหตุนี้นางจึงไร้กังวลในขณะนี้ในที่สุดนางก็ตามหาเซียวอวี้เจอภายใต้ชายคา นางกอดเซียวอวี้ไว้แนบแน่น มีเพียงความรู้สึกแท้จริงเช่นนี้ นางจึงสามารถดึงตัวเองออกมาจากความหวาดหวั่นได้“ลูกอยู่ที่วัง รอเรากลับไปหา” นางเสียงแหบพร่าเซียวอวี้ถอนหายใจอย่างโล่งอกการที่พวกนางสองแม่ลูกปลอดภัย คือความปรารถนาอันสูงสุดของเขา มีค่ามากกว่าความเป็นความตายของตัวเขาเองด้วยซ้ำน่าเสียดาย ที่ไม่สามารถไปเจอลูกในทันทีได้เขาไม่ได้ซักถามสิ่งใดมากมาย เพียงตกอยู่ในภวังค์แห่งความดีใจในการพบเจอกันอีกครั้ง จึงยกแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ กอดตอบเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับไปได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนตื้นตันเป็นอย่างมากเพียงแต่ว่า นิสัยเดิมย่อมแก้ยาก ด้วยความที่นางเป็นคนไม่อ่อนไหวกับสิ่งใดง่าย ๆ แม้นในใจจะมีมวลคลื่นก่อตัวรุนแรงเพียงใด เบื้องหน้ายังคงควบคุมอาการไว้ได้ตามสัญชาตญาณกล่าวให้ถูกต้องคือ นางที่ไม่ค่อยแสดงสีหน้า ขณะอยากใช้กล้ามเนื้อบนใบหน้า จึงค่อนข้างดูฝืนสีหน้าของนางในตอนนี้เหมือนร้องไห้ก็ไม่ใช่ยิ้มให้ก็ไม่เชิงเดิมทีก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว พอมาเ
องค์หญิงเซี่ยนอี๋คงไม่เข้าใจ เฟิ่งจิ่วเหยียนผู้นี้เป็นบ้าอะไร ถึงได้รนหาที่ตายเองเช่นนี้นังสารเลวนี่ หลังจากช่วยฮ่องเต้ฉีได้ ไม่คิดที่จะเผ่นหนี กลับคิดที่จะเข้าไปในวังแทน!แถมยังพาองค์หญิงเช่นนางร่วมทางไปด้วย!เซียวอวี้เองก็แปลกใจเช่นเดียวกันทว่า เขาเชื่อมั่นในทุกการตัดสินใจของนางเมื่อมาถึงประตูวัง องค์หญิงเซี่ยนอี๋ก็ร้องขอความช่วยเหลือเสียงดัง“ข้าอยู่นี้! รีบมาจับพวกเขาซะ!”ทว่า เหล่าองครักษ์ที่เฝ้าประตูวังอยู่ไม่สนใจนาง กลับหันไปทำความเคารพเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้แทน“ถวายบังคมฝ่าบาทและฮองเฮา!”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ตกตะลึง“พวกเจ้า…พวกเจ้าเรียกพวกเขาว่าอะไรนะ? นี่พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือไร!”หรือว่านางกำลังฝัน? ทุกอย่างดูแปลกไปหมด!เซียวอวี้จำได้ ในบรรดาองครักษ์ที่เฝ้าประตูวัง มีคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ผู้หนึ่งคนผู้นี้ก็คืออู๋ไป๋อู๋ไป๋ใส่เครื่องแบบของชาวเป่ยเยี่ยน ดูกลมกลืนอย่างมากความจริงแล้ว องครักษ์คนอื่นล้วนเป็นกองทัพอินทรีเหินของเฟิ่งจิ่วเหยียนเช่นเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงทำหูทวนลมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือขององค์หญิงเซี่ยนอี๋องค์หญิงเซี่ยนอี๋ไม่เข้าใจเรื่องรา
เมื่อเทียบกับถูกพระโอรสบังคับให้สละราชบัลลังก์ ฮ่องเต้เยี่ยนมิอาจทนต่อการสมคบร่วมคิดกับศัตรูต่างแคว้นมากกว่า! เดิมคิดว่าเจ้าสี่มีความฉลาดขึ้นบ้างแล้ว ใช้ทหารเพียงสามพันนายบังคับฮ่องเต้ให้สละราชบัลลังก์สำเร็จ พอมีความสามารถอยู่บ้าง ผู้ใดจะรู้... ผู้ใดจะรู้ว่าเป็นเฟิ่งจิ่วเหยียนที่บงการอยู่เบื้องหลัง! ฮ่องเต้เยี่ยนโกรธจนเจ็บหัวใจ เขาถลันกายลุกขึ้นยืน ชี้นิ้วไปที่องค์ชายสี่พลางด่าทอ “เจ้าโง่สมองมีแต่หนอง! “เราให้กำเนิดคนโง่เช่นเจ้าได้อย่างไร! “สารเลว! ไอ้สารเลว!! “เจ้าโง่ถึงขนาดที่ยอมร่วมมือกับชาวฉี เจ้า เจ้ามัน...” ฮ่องเต้เยี่ยนโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก จนกระอักโลหิต “พรวด” เต็มปาก “เสด็จพ่อ!” องค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้แต่ยืนมอง และร้องไห้อย่างช่วยไม่ได้ นางก็ถูกลูกธนูยิงเช่นกัน ใครจะมาช่วยนางได้! “เสด็จพี่สี่! ท่านจะเป็นอย่างไร ก็มิควรร่วมมือกับชาวฉี!” องค์ชายสี่หาได้สนใจไม่ พ่อและลูกสาวคู่นี้ช่างไร้สมอง พวกเขาหารู้ไม่ว่า เขาเพียงหลอกใช้ชาวฉีเท่านั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนตามหาฮ่องเต้ฉีไม่พบ ย่อมจะถูกเขาควบคุม ถึง
ฉับ! ศีรษะร่วงลงบนพื้น ฮ่องเต้ในรัชสมัยหนึ่ง สิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของพระโอรสแท้ ๆ องค์ชายสี่ลงมือสังหารด้วยดวงตาแดงก่ำ มือถือดาบใหญ่ หายใจหอบถี่ แฮกแฮก—— หน้าอกของเขากระเพื่อมอย่างแรง หัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา เขา สังหารเสด็จพ่อ เขาสังหารเสด็จพ่อที่ลำเอียงพระองค์นั้น! ตาเฒ่าคนนี้ ในที่สุดก็ตายแล้ว! มือของเขายังไม่หายสั่น ขณะเดียวกัน เขาคิดว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าเสด็จพี่รอง เสด็จพี่รองคนนั้นยังใจอ่อนนัก และเขา...ไม่โหดเหี้ยมไม่นับเป็นชายชาตรี! “ถ่ายทอดราชโองการ เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน!” “พ่ะย่ะค่ะ!” ยามนี้ องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกหวาดกลัวนัก นางล้มลงกับพื้น โดยไม่เชื่อเลยว่า เสด็จพี่สี่จะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้! ไม่สิ ไม่ถูกต้อง ล้วนแต่เกิดจากการยุยงของนังสารเลวเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่น! ที่ผ่านมาเสด็จพี่สี่เป็นคนดีมาก! เฟิ่งจิ่วเหยียน ล้วนเป็นเพราะเฟิ่งจิ่วเหยียน! องค์หญิงเซี่ยนอี๋พยายามจะลุกขึ้น คิดอยากจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้ นางหวาดกลัวนัก ทว่า บัลลังก์ที่องค์ชายสี่ได้ครอบครองอย่างผิดวิธี
องค์ชายสี่มองไปที่เซียวอวี้อย่างงวยงง เขาหลุดปากถามโดยไม่ทันคิด “เป็นไปได้อย่างไร...พวกเจ้า...มีทหารเพียงสามพันนายมิใช่หรือ...และพวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่า ฮ่องเต้ฉีถูกคุมขังอยู่ใน...” เขามองเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างร้อนรน ราวกับนางได้ทรยศต่อตนเอง เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “ข้าไม่เคยบอกว่านำคนมาเพียงสามพัน เป็นองค์ชายที่เข้าใจผิดเอง” ที่ปรึกษาข้างกายขององค์ชายสี่เป็นคนแรกที่ตอบสนอง รีบลดเสียงเอ่ยเตือน “องค์ชาย จักปล่อยพวกเขาไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายสี่ได้เตรียมการไว้แล้วเช่นกัน เขาจึงออกคำสั่งทันที ก็มีทหารกลุ่มหนึ่งเคลื่อนตัวออกมา คนเหล่านี้ เป็นกลุ่มคนที่ถูกเขายุยงให้ก่อกบฏไว้ก่อนหน้านี้ เดิมก็ใช้เพื่อสังหารหลังจากหมดประโยชน์ เมื่อบังคับให้ฮ่องเต้สละบัลลังก์สำเร็จก็ให้จับกุมชาวฉีเหล่านี้ทันที องค์ชายสี่ยังคิดว่าตนถือไพ่เหนือกว่า “ช่วยฮ่องเต้ฉีได้แล้วอย่างไร! เมื่อเดินเข้าสู่พระราชวังเป่ยเยี่ยน พวกเจ้าไม่มีทางออกไปได้! ทหาร รีบจับพวกมันไว้!” ช่วงเวลาต่อมา หยิ่นเอ้อร์ไม่ต่างจากวิญญาณ ที่โผล่มาอยู่ทางด้านหลังขององค์ชาย
เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้เพียงว่าเซียวอวี้ถูกจับตัวมาที่เป่ยเยี่ยน ทว่าไม่รู้ชัดเจนว่าเขาพบเจอสิ่งใดบ้าง โดยเฉพาะการตามรังควานขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ ตอนนี้ยังมีสาวใช้อาจือโผล่มาอีก นางจึงอดคิดมากไม่ได้“คนผู้นี้เป็นใคร?” นางถามเซียวอวี้ตรง ๆเซียวอวี้มีสีหน้าเคร่งขรึม มองไปข้างหน้า“ตอนเราถูกขังอยู่ที่จวนองค์หญิง โชคดีที่ได้นางช่วยเหลือ”เฟิ่งจิ่วเหยียนนึกถึงพู่หยกนั่น จึงถามต่อ: “พู่หยกนั่น ก็คงเป็นนางที่ขายไปกระมัง”เซียวอวี้มิได้ปฏิเสธขณะเดียวกันก็รู้สึกประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่านางจะเห็นพู่หยกนั่นจริง ๆมิน่าเล่านางถึงมาที่จวนองค์หญิงได้ทันเวลาเฟิ่งจิ่วเหยียนมิใช่คนใจคอคับแคบ นางจึงเสนอความเห็นออกมาตรง ๆ“ไปพบนางเถิด หม่อมฉันจะไปกับท่าน”นางคิดจะไปขอบใจด้วยตัวเองเซียวอวี้กลับลังเลไม่กล้าเอ่ย“เราไปคนเดียว...ช่างเถอะ พวกเราไปด้วยกัน”เฟิ่งจิ่วเหยียนสังเกตเห็นท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อยของเขา จึงมองเขาอย่างจริงจัง พลางเอ่ยกึ่งหยอกล้อ: “ทำไมเพคะ มีสิ่งใดปิดบังหม่อมฉันหรือ?”หลังจากเซียวอวี้รีรออยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะปล่อยเลยตามเลย พร้อมเอ่ยเบา ๆ “เพื่อให้สาวใช้ผู้นั้นรับปากที่จะช่ว
เมื่อทราบว่าฮ่องเต้ทรงได้รับการช่วยเหลือ ในขณะเดียวกันกับที่รุ่ยอ๋องรู้สึกยินดี ก็ยังรู้สึกยกย่องฮองเฮามากขึ้นด้วยเขารีบตรงไปที่ข้างรถม้า และแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้“ฝ่าบาท...”ภายในห้องโดยสาร ทันทีที่เซียวอวี้ได้ยินเสียงรุ่ยอ๋อง ก็ขมวดคิ้ว “เข้ามาก่อนเถอะ”รุ่ยอ๋องไม่มีความสงสัยแล้ว จึงรีบเข้ามาภายในห้องโดยสารจากนั้นกลับมองเห็น ฮ่องเต้มิได้สวมใส่อาภรณ์ท่อนบน กำลังทายาอย่างยากลำบากสาเหตุที่ยากลำบาก เป็นเพราะเขาทาไม่ถึงบาดแผลที่อยู่ด้านหลัง“ช่วยเราทายาหน่อย” เซียวอวี้ส่งขวดยาให้กับรุ่ยอ๋องทันที จากนั้นก็รอรับการช่วยเหลือรุ่ยอ๋องก้มมองยาที่อยู่ในมือ และเหลือบมองฮ่องเต้หากเขาไม่มา ฮ่องเต้จะทรงทำอย่างไร?รุ่ยอ๋องถามเหมือนไม่ตั้งใจ: “ฝ่าบาท เหตุใดจึงมิให้ฮองเฮา...”เซียวอวี้รู้ว่าเขาคิดจะถามสิ่งใด จึงกระแอมเบา ๆ“ฮองเฮายังมีเรื่องอื่นต้องทำ อีกอย่าง แค่ทายา เราทำเองได้ ไม่ต้องรบกวนนาง”รุ่ยอ๋อง: ดังนั้นท่านจึงต้องมารบกวนกระหม่อมหรือ?เขาหารู้ไม่ว่า ที่จริงแล้ว เพราะเรื่องตั้งชื่อให้ลูก เซียวอวี้รู้ว่าตนเองผิดพลาด จึงไม่สะดวกใจที่จะรบกวนเฟิ่งจิ่วเหยียนอีกอย่าง บาดแผลบน
สำหรับเรื่องชื่อของบุตร เซียวอวี้รู้สึกกระวนกระวายใจอยู่หลายวันเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า จิ่วเหยียนที่ปกติเป็นคนง่าย ๆ แต่สำหรับชื่อแล้วจะเรื่องมากถึงเพียงนี้ชื่อที่เขาเลือกมา กลับถูกมองด้วยสายตาเย็นชาจากนางทางนี้พวกเขาก็แค่ขัดแย้งกันเล็กน้อย แต่ทางนั้น เมืองหลวงของเป่ยเยี่ยนกลับทะเลาะกันรุนแรงใหญ่โตเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างตระหนกตกใจอย่างมากเหตุใดผ่านไปคืนเดียว จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงนี้เล่า?ฮ่องเต้เสด็จสวรรคต และมอบบัลลังก์ให้กับองค์ชายสี่แล้วองค์ชายเจ็ดเล่า?ในราชสำนักมีคนที่สนับสนุนองค์ชายเจ็ดไม่น้อย ในที่ประชุมราชสำนักจึงตั้งข้อสงสัยทันทีก่อนพิธีราชาภิเษกฮ่องเต้องค์ใหม่ จะต้องจัดงานพระศพของอดีตฮ่องเต้เสียก่อนดังนั้น ตำแหน่งขององค์ชายสี่ ยังต้องรอการหารือเหล่าขุนนางโต้เถียงกันไม่หยุด ส่วนองค์ชายสี่กลับแสดงตัวว่าเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ จัดการปราบปรามกลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านอย่างรวดเร็วเฉียบขาด“เราคือผู้สืบทอดบัลลังก์ที่เสด็จพ่อทรงเลือกแล้ว พวกเจ้ายังคิดจะขัดพระราชโองการให้ได้ใช่หรือไม่? ทหาร ลากทุกคนออกไป!”องค์ชายสี่ต้องการจะปิดปากคนเหล่านั้น ด้วยวิธีที่เรียบง่าย
เซียวอวี้นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่า จิ่วเหยียนจะกำเนิดบุตรชายให้เขาสองคน!สิ่งแรกที่เขานึกถึง คือความลำบากของนางเขาโอบกอดนางไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“คงลำบากอย่างมากเป็นแน่“เราได้ยินว่า ลำพังคลอดบุตรคนเดียว ก็เจ็บปวดจนขาข้างหนึ่งเหยียบเข้าไปในประตูผีแล้ว“จิ่วเหยียน เราควรจะอยู่เคียงข้างเจ้า”เขายังไม่รู้ว่า นางได้รับผลกระทบจากการหายตัวไปของเขา จนคลอดกะทันหัน และเกือบจะคลอดยากเฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่คิดจะบอกเขาถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว หากจะให้เขามาเสียใจและเป็นกังวลตามไปด้วย มีแต่จะเพิ่มความทุกข์ใจเท่านั้นมิสู้ถนอมความสุขที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายศีรษะอย่างผ่อนคลาย“สตรีคนอื่นอาจจะลำบาก แต่หม่อมฉันเป็นคนฝึกวรยุทธ์ ความลำบากระดับนี้ ทนรับได้อยู่แล้ว“อีกอย่าง เด็กทั้งสองคนนี้ก็ว่าง่าย ไม่พลิกตัวไปมาวุ่นวาย”เซียวอวี้ยังคงกอดนางไว้“ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องขอบใจเจ้า“ในที่สุดเราก็มีทายาทแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องอยู่บนบัลลังก์ฮ่องเต้จนแก่ชรา”เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำพูดนี้ รู้สึกชอบกลอยู่บ้างนางจ้องมองเขาพร้อมถามทันที“เหตุใดหม่อมฉันถึงรู้สึกว่า ตอนนี้
หร่วนฝูอวี้เคยเจอคนที่ตามตอแยมามาก ไม่คาดคิดว่ารุ่ยอ๋องก็เป็นคนเช่นนั้นด้วยนึกไม่ถึงว่าเขาจะยื่นหน้าเข้ามา เพื่อให้นางตบนางถูกบีบจนต้องถอยหลังไปเรื่อย ๆ“เจ้า เจ้าคงไม่เสียสติหรอกกระมัง?”ในดวงตาของรุ่ยอ๋องมีแต่นางรู้ดีว่านางแค่อยากจะให้เขายอมแพ้ ก็ทำตัวหน้าหนาหน้าทนเสียเลย“ฝ่ามือของพระชายาเมื่อครู่ ช่างหอมเหลือเกิน”ปัง!สมองของหร่วนฝูอวี้ระเบิดแล้วนางกำลังจะบ้าตาย!รุ่ยอ๋องเห็นนางทำตัวไม่เป็นปกติ จึงนั่งกลับลงไปตามเดิมทันทีเขากำมือแตะข้างริมฝีปาก กระแอมเบา ๆ “ข้ารู้ว่าเจ้ามีจุดประสงค์ใด ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร ข้าก็แน่ใจว่า ข้าอยากจะอยู่กับเจ้า“ทว่า เรื่องของเรา ค่อยหารือกันภายหลังได้“ตอนนี้การไปเป่ยเยี่ยนช่วยฝ่าบาทเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า”หร่วนฝูอวี้ฝืนหัวเราะ“ไม่นึกว่าเจ้ายังรู้จักแยกแยะได้ว่าสิ่งใดสำคัญและเร่งด่วน”รุ่ยอ๋องมองออกไปนอกรถม้า ในใจราวกับปกคลุมด้วยเมฆหมอกกับหร่วนฝูอวี้ก็แค่หยอกล้อ เขายังคงรู้สึกหนักใจกลัวว่าฝ่าบาทจะทรงเกิดเรื่องไม่คาดคิดเพียงหวังว่าจะรีบไปให้ถึงเป่ยเยี่ยนโดยเร็ว......อีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้ออกจากเมืองห
กล่าวถึงทางด้านรุ่ยอ๋อง เมื่อได้รับข่าวของเฟิ่งจิ่วเหยียน ก็รีบร้อนจะมุ่งหน้าไปที่เป่ยเยี่ยนโดยเร็วหร่วนฝูอวี้มาพบกับเขากลางทาง ก็เอ่ยตัดพ้อกับเขา“ตอนที่ข้ากลับไปถึงหนานเจียง อาการป่วยของอาจารย์ก็ไม่มีปัญหาแล้ว อาจารย์ท่านก็คิดแต่จะให้ข้าสืบทอดวิชา ต้องการให้ข้าอยู่ที่นั่น“โชคดีที่คนของเจ้ามา มิเช่นนั้นข้าคงไปไหนไม่ได้จริง ๆ“ใช่แล้ว ฮ่องเต้ฉีทรงถูกจับไปที่เป่ยเยี่นจริงหรือ?”สีหน้าของรุ่ยอ๋องดูคร่ำเคร่ง“ตามที่ได้ยินมาเป็นเช่นนั้น”หร่วนฝูอวี้แค่นเสียงเย้ยหยัน“เขามิใช่อวดอ้างว่าตนมีวิทยายุทธ์สูงส่งหรอกหรือ ข้างกายก็มีองครักษ์คุ้มกันตั้งมากมาย เหตุใดถึงตกไปอยู่ในมือของชาวเป่ยเยี่ยนได้เล่า?”หากอ่อนแอเพียงนี้ แล้วจะปกป้องซูฮ่วนได้อย่างไร?กลับกลายเป็นซูฮ่วนต้องปกป้องเขาแล้วทว่านางก็รู้ว่ารุ่ยอ๋องมีความสัมพันธ์และมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อฮ่องเต้ จึงเอ่ยปลอบเขา: “วางใจเถอะ ในเมื่อซูฮ่วนไปถึงเป่ยเยี่ยนแล้ว ก็คงไม่มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นเป็นแน่”รุ่ยอ๋องพยักหน้า ทว่าความกังวลที่ปรากฏบนหว่างคิ้ว แทบจะกลืนกินความสงบนิ่งอันน้อยนิดของเขาไปหมดขณะที่หร่วนฝูอวี้กำลังลำบากใจไม่รู้ควรเอ่ยสิ
การลังเลของอาจือ หาใช่ว่ายังคงต้องการจะเป็นสนมของฮ่องเต้ฉีจริง ๆน้ำเสียงของนางสั่นเครือ เอ่ยอย่างยากลำบาก“บ่าว...บ่าวไม่ต้องการเป็นสาวใช้”ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนคิดจะเอ่ยบางอย่าง เซียวอวี้ก็เอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“เราจะให้คนส่งเจ้าไปหนานฉี พร้อมกับจะมอบเงินให้เจ้าหนึ่งหมื่นตำลึง”เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา ก็เท่ากับไม่ให้นางเข้าวังอีกต่อไปถึงแม้อาจือจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง ทว่านี่ก็เป็นผลประโยชน์ที่ดีที่สุดที่สามารถไขว่คว้าได้นางรู้ดีว่า หากปรารถนาจะได้มากกว่านี้ จุดจบของนางจะน่าเศร้าอย่างมาก“เพคะ บ่าวขอบพระทัย...”จู่ ๆ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เอ่ยเสริมอีกประโยคหนึ่ง“เงินหนึ่งหมื่นตำลึง ทั้งเป็นการตอบแทนบุญคุณ และยังเป็นค่าปิดปากด้วย”แววตาของนางดูเหมือนสงบไร้คลื่น แท้จริงแล้วกลับซ่อนความเฉียบคมหลังจากอาจือประสานกับสายตานั้น ก็เข้าใจความหมายของการเตือนในนั้นทันทีก็จริงผู้นำแคว้นหนึ่งถูกจับตัวไป ก็คงไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะรายละเอียดของเหตุการณ์ เพราะนี่จะทำลายเกียรติของจักรพรรดิ“เพคะ บ่าวจะต้องปิดปากสนิทอย่างแน่นอน”ภายนอกห้องหยิ่นลิ่วดึงตัวอู๋ไป๋มาและถา
เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้เพียงว่าเซียวอวี้ถูกจับตัวมาที่เป่ยเยี่ยน ทว่าไม่รู้ชัดเจนว่าเขาพบเจอสิ่งใดบ้าง โดยเฉพาะการตามรังควานขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ ตอนนี้ยังมีสาวใช้อาจือโผล่มาอีก นางจึงอดคิดมากไม่ได้“คนผู้นี้เป็นใคร?” นางถามเซียวอวี้ตรง ๆเซียวอวี้มีสีหน้าเคร่งขรึม มองไปข้างหน้า“ตอนเราถูกขังอยู่ที่จวนองค์หญิง โชคดีที่ได้นางช่วยเหลือ”เฟิ่งจิ่วเหยียนนึกถึงพู่หยกนั่น จึงถามต่อ: “พู่หยกนั่น ก็คงเป็นนางที่ขายไปกระมัง”เซียวอวี้มิได้ปฏิเสธขณะเดียวกันก็รู้สึกประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่านางจะเห็นพู่หยกนั่นจริง ๆมิน่าเล่านางถึงมาที่จวนองค์หญิงได้ทันเวลาเฟิ่งจิ่วเหยียนมิใช่คนใจคอคับแคบ นางจึงเสนอความเห็นออกมาตรง ๆ“ไปพบนางเถิด หม่อมฉันจะไปกับท่าน”นางคิดจะไปขอบใจด้วยตัวเองเซียวอวี้กลับลังเลไม่กล้าเอ่ย“เราไปคนเดียว...ช่างเถอะ พวกเราไปด้วยกัน”เฟิ่งจิ่วเหยียนสังเกตเห็นท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อยของเขา จึงมองเขาอย่างจริงจัง พลางเอ่ยกึ่งหยอกล้อ: “ทำไมเพคะ มีสิ่งใดปิดบังหม่อมฉันหรือ?”หลังจากเซียวอวี้รีรออยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะปล่อยเลยตามเลย พร้อมเอ่ยเบา ๆ “เพื่อให้สาวใช้ผู้นั้นรับปากที่จะช่ว
องค์ชายสี่มองไปที่เซียวอวี้อย่างงวยงง เขาหลุดปากถามโดยไม่ทันคิด “เป็นไปได้อย่างไร...พวกเจ้า...มีทหารเพียงสามพันนายมิใช่หรือ...และพวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่า ฮ่องเต้ฉีถูกคุมขังอยู่ใน...” เขามองเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างร้อนรน ราวกับนางได้ทรยศต่อตนเอง เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “ข้าไม่เคยบอกว่านำคนมาเพียงสามพัน เป็นองค์ชายที่เข้าใจผิดเอง” ที่ปรึกษาข้างกายขององค์ชายสี่เป็นคนแรกที่ตอบสนอง รีบลดเสียงเอ่ยเตือน “องค์ชาย จักปล่อยพวกเขาไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายสี่ได้เตรียมการไว้แล้วเช่นกัน เขาจึงออกคำสั่งทันที ก็มีทหารกลุ่มหนึ่งเคลื่อนตัวออกมา คนเหล่านี้ เป็นกลุ่มคนที่ถูกเขายุยงให้ก่อกบฏไว้ก่อนหน้านี้ เดิมก็ใช้เพื่อสังหารหลังจากหมดประโยชน์ เมื่อบังคับให้ฮ่องเต้สละบัลลังก์สำเร็จก็ให้จับกุมชาวฉีเหล่านี้ทันที องค์ชายสี่ยังคิดว่าตนถือไพ่เหนือกว่า “ช่วยฮ่องเต้ฉีได้แล้วอย่างไร! เมื่อเดินเข้าสู่พระราชวังเป่ยเยี่ยน พวกเจ้าไม่มีทางออกไปได้! ทหาร รีบจับพวกมันไว้!” ช่วงเวลาต่อมา หยิ่นเอ้อร์ไม่ต่างจากวิญญาณ ที่โผล่มาอยู่ทางด้านหลังขององค์ชาย
ฉับ! ศีรษะร่วงลงบนพื้น ฮ่องเต้ในรัชสมัยหนึ่ง สิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของพระโอรสแท้ ๆ องค์ชายสี่ลงมือสังหารด้วยดวงตาแดงก่ำ มือถือดาบใหญ่ หายใจหอบถี่ แฮกแฮก—— หน้าอกของเขากระเพื่อมอย่างแรง หัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมา เขา สังหารเสด็จพ่อ เขาสังหารเสด็จพ่อที่ลำเอียงพระองค์นั้น! ตาเฒ่าคนนี้ ในที่สุดก็ตายแล้ว! มือของเขายังไม่หายสั่น ขณะเดียวกัน เขาคิดว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าเสด็จพี่รอง เสด็จพี่รองคนนั้นยังใจอ่อนนัก และเขา...ไม่โหดเหี้ยมไม่นับเป็นชายชาตรี! “ถ่ายทอดราชโองการ เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน!” “พ่ะย่ะค่ะ!” ยามนี้ องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกหวาดกลัวนัก นางล้มลงกับพื้น โดยไม่เชื่อเลยว่า เสด็จพี่สี่จะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้! ไม่สิ ไม่ถูกต้อง ล้วนแต่เกิดจากการยุยงของนังสารเลวเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่น! ที่ผ่านมาเสด็จพี่สี่เป็นคนดีมาก! เฟิ่งจิ่วเหยียน ล้วนเป็นเพราะเฟิ่งจิ่วเหยียน! องค์หญิงเซี่ยนอี๋พยายามจะลุกขึ้น คิดอยากจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้ นางหวาดกลัวนัก ทว่า บัลลังก์ที่องค์ชายสี่ได้ครอบครองอย่างผิดวิธี