Masukหร่วนฝูอวี้จ้องมองซูฮ่วนไม่วางตา สายตานั้นราวกับซ่อนตะขอพิษไว้เจียงหลินที่อยู่ข้าง ๆ เตือนด้วยความหวังดี“บุรุษนั้นไม่ควรรุกหนักเกินไป แม่นางหร่วน เจ้าทำเช่นนี้จะทำให้ซูฮ่วนตกใจจนหนีไป”หร่วนฝูอวี้กำหมัดแน่น“อยู่ให้ห่างข้าหน่อย! บนตัวมีแต่กลิ่นอายยั่วยวน!”เจียงหลิน: ??กลิ่นอายยั่วยวน?บนตัวเขาออกจะมีกลิ่นหอมยิ่งนักหลังจากที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกับเหลิ่งเซียนเอ๋อร์เดินไป หร่วนฝูอวี้ก็แอบตามไปทันทีเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ใต้ต้นไม้สายตาของเหลิ่งเซียนเอ๋อร์จริงจังและแน่วแน่“พวกเขาตั้งใจจะเลือกผู้นำพันธมิตรอู่หลิน ท่านกับตงฟางซื่อมีชื่อเสียงที่สุด”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบสนองอย่างเรียบเฉย“อืม ข้ารู้แล้ว”เหลิ่งเซียนเอ๋อร์ดูเคร่งขรึมเป็นพิเศษ: “ข้าคิดว่าท่านเหมาะสมที่จะรับตำแหน่งมากกว่า หากท่านอยากเป็นผู้นำพันธมิตรอู่หลิน ข้าจะพูดเกลี้ยกล่อมท่านอาจารย์เจ้าสำนักให้ สำนักเฉวียนเจินจะสนับสนุนท่าน...”“ข้าไม่มีความคิดจะรับตำแหน่งผู้นำ” เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะคำพูดของนางเหลิ่งเซียนเอ๋อร์สายตาดูแน่วแน่“หากท่านสามารถเป็นผู้นำพันธมิตรอู่หลินได้ อาจารย์ก็จะไม่คัดค้านเรื่องของท่านกับข้า
“ฮ่าฮ่า...” หร่วนฝูอวี้ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสบายใจการที่นางพูดว่าตนเองเป็นสตรีของซูฮ่วน ยังไม่เท่ากับการได้ยินคนอื่นพูดเช่นนี้ความรู้สึกนี้... ช่างวิเศษยิ่งนัก!“คงเป็นจอมยุทธ์ตงฟางกระมัง! ด้วยคำพูดนี้ของเจ้า เรื่องของพรรคเทียนหลง ข้าจะต้องช่วยอย่างแน่นอน!”การที่ตงฟางซื่อเชื่อใจหร่วนฝูอวี้ ก็ต้องทำให้คนอื่นไม่พอใจ“ท่านจอมยุทธ์ตงฟาง ท่านเลือกนางมารผู้นี้หรือ?”“ท่านตงฟางซื่อ ข้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่า ท่านจะแยกแยะถูกผิดไม่ได้ถึงเพียงนี้! เป็นข้าที่มองท่านผิดไป ขออำลา!”ผู้คนไม่สบอารมณ์จึงแยกย้ายกัน จากไปมากกว่าครึ่งเจียงหลินเอ่ยปลอบ“ฮ่าฮ่า... ไม่เป็นไร พวกเขาก็แค่โมโหชั่วขณะ”ตงฟางซื่อยิ้มออกมา“ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรพวกเขารวมกัน ก็สู้สหายซูไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างคนมากมายเพียงนั้น ไม่ได้ทำเรื่องที่เป็นแก่นสาร กลับมากินเสบียงอาหารของสหายเจียงไปไม่น้อย”ฝานจิ้น: !!สุดยอด! ช่างคิดแยบยลจริง ๆ!จากนั้น ตงฟางซื่อก็หันไปเอ่ยกับซูฮ่วน“สหายซู เจ้ากับน้องสะใภ้ก็พักอยู่ที่นี่เถอะ ข้าเชื่อใจพวกเจ้า”เฟิ่งจิ่วเหยียน: “ข้าบอกแล้วว่า นางไม่ใช่สตรีของข้า”ส่วนหร่วนฝูอวี้กลับยิ้มงดงาม
เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างกายก็แข็งเกร็งขึ้นทันทีนางเงยหน้ามองไปเป็นหร่วนฝูอวี้จริง ๆ!หร่วนฝูอวี้สวมชุดสีขาวนวลดั่งจันทร์เสี้ยว เปลี่ยนจากการแต่งหน้าที่ดูเย้ายวนก่อนหน้านี้ เป็นงามตามธรรมชาติราวกับดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำเพียงแต่ ความยั่วยวนและความเสน่หาที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังเผยให้เห็นในดวงตา และความรู้สึกในใจของสาวน้อยเหมือนเส้นด้ายบาง ๆ ที่พันรอบเฟิ่งจิ่วเหยียน“สามีตัวน้อยของข้า! ในที่สุดก็หาเจ้าพบแล้ว!” หร่วนฝูอวี้ใช้สะโพกเบียดคนที่อยู่ข้าง ๆ ซูฮ่วนออกไป แล้วนั่งลงแทนเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง“เจ้ามิใช่กลับแคว้นหนานเจียงไปแล้วหรือ”หร่วนฝูอวี้ยกถ้วยชาที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งดื่มขึ้นมา และดื่มเข้าปากทันทีทุกคนมองหน้ากัน นัยน์ตาฉายแววความตกใจแม้จะกล่าวว่าคนหนุ่มสาวในยุทธภพไม่ถือสาเรื่องเล็กน้อย แต่ดูจากท่าทางของเขาทั้งสองแล้ว ความสัมพันธ์คงไม่ธรรมดาเจ้าหนุ่มซูฮ่วนผู้นี้ช่างโชคดีเสียจริง!ตงฟางซื่อถาม: “สหายซู แม่นางผู้นี้คือ... หญิงสาวคนสนิทของเจ้าหรือ”“ไม่ใช่!”“ใช่!”ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน แต่คำตอบต่างกันอย่างสิ้
รถม้าจอดนิ่งสนิทเจียงหลินกระโดดลงมาจากรถม้าเป็นคนแรก ในชุดอาภรณ์สีแดง ดูสะดุดตายิ่งนัก“พี่น้องทั้งหลาย! ข้ากลับมาแล้ว!”ไม่มีคนสนใจเขา แต่ละคนต่างมองไปยังรถม้าที่อยู่ด้านหลังของเขาเจียงหลิน: ...“ข้าว่า พวกเจ้าพากันมองไม่เห็นข้าใช่หรือไม่!”ฝานจิ้นรีบถาม: “สหายเจียง จอมยุทธ์น้อยซูเล่า?”เจียงหลินชี้ออกไปทางด้านหลังอีก“เขาไม่ชอบนั่งรถม้า จึงขี่ม้ามา ส่วนข้าอ้อมมาทางลัด คาดว่าอีกสักครู่เขาก็คงมาถึง”พอสิ้นเสียง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดัง “กุบกับ” ฝุ่นละอองในที่ไกลถูกพัดลอยขึ้นมา มองดูขมุกขมัว และฝุ่นควันหนาทึบท่ามกลางฝุ่นทรายที่ปกคลุมอยู่นั้น หนุ่มน้อยในชุดขาวกำลังควบม้าเข้ามา เผยให้เห็นลักษณะของความเป็นจอมยุทธ์ผู้กล้าอย่างเต็มเปี่ยม“นั่นจะต้องเป็นจอมยุทธ์น้อยซูแน่ ๆ!” มีคนตะโกนจากนั้น ก็เห็นหนุ่มน้อยผู้นั้นขี่ม้าเข้ามาถึง“หยุด!”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงบังเหียนไว้ ด้านหลังหน้ากาก สายตานั้นกวาดมองผู้คนที่อยู่หน้าประตูแวบหนึ่ง ก่อนเอียงตัว กระโดดลงจากหลังม้าตงฟางซื่อเป็นคนแรกที่ก้าวมาข้างหน้า แล้วประสานมือคำนับตามแบบชาวยุทธภพ“ข้านามว่าตงฟางซื่อ ได้ยินชื่อเสียงของสหายซ
หลายวันต่อมาณ ลานประหารตงฟางซื่อกับฝานจิ้นในฐานะนักโทษหลวงตามหมายนำจับ ถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา และถูกกดให้นั่งลงบนแท่นประหารฝูงชนที่มามุงดูต่างรู้สึกแค้นเคืองในความไม่เป็นธรรม“จอมยุทธ์ตงฟางเป็นคนดี! ฆ่าเขาไม่ได้!”“ขุนนางชั่วสมควรตาย! จอมยุทธ์ตงฟางกำจัดภัยเพื่อราษฎร!”บนแท่นประหารตงฟางซื่อไม่เหมือนนักโทษที่กำลังจะถูกตัดหัว กลับเหมือนคนที่กำลังดูการแสดงที่น่าสนุกอยู่ เขาเยาะเย้ยฝานจิ้น“เหล่าฝาน เจ้ายังไม่ดังเท่าข้าเลย เห็นอยู่ว่าพวกเราสองคนเป็นคนฆ่า แต่พวกเขากลับเอ่ยแต่ชื่อข้าคนเดียว...”ฝานจิ้นก้มหน้าลง เตือนโดยปิดบังรูปปาก“เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจ!“ต้องโทษความคิดไม่เข้าท่านี้ของเจ้า! บอกว่าอะไรกันต้องเอาตัวเข้าเสี่ยง เพื่อให้ซูฮ่วนมาช่วย... แล้วคนล่ะ? พวกเราศีรษะจะหล่นลงพื้นอยู่แล้ว แม้แต่เงาซูฮ่วนก็ยังไม่เห็นเลย!”ตงฟางซื่อมองไปรอบ ๆฝานจิ้นทนไม่ไหวอีกต่อไป เงยหน้าขึ้น “เจ้ามองหาอะไรกัน!”ตงฟางซื่อ: “ข้าก็มองหาคนน่ะสิ จะดูว่าเขามาหรือไม่”ฝานจิ้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย: “เจ้ารู้หรือว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร?”“ไม่รู้หรอก ไม่เคยเห็น แต่มิใช่ว่าทุกคนต่างพูดว่าเขาสวม
วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยเข้ามาในโรงน้ำชา ทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายนักเล่าเรื่องที่อยู่ตรงกลางกำลังบรรยายด้วยถ้อยคำอันน่าเร้าใจ“...แต่เห็นเพียงเด็กหนุ่มผู้นั้นสวมหน้ากากเงินครึ่งซีก ใบหน้าหล่อเหลา ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปอย่างสิ้นเชิง! แปดคนชั่วของหอเฟิ่งหวง แม้แต่กระบวนท่าของเด็กหนุ่มยังไม่ทันได้เห็นชัดเจน ก็ถูกปลิดชีพด้วยกระบี่เดียวทันที!”ด้านล่างมีคนหัวเราะดังลั่น“เฮ้ย! พูดเหลวไหลอะไรกัน! อีกเดี๋ยวก็บอกว่าคนผู้นั้นสวมหน้ากาก อีกเดี๋ยวก็บอกว่าหน้าตาหล่อเหลา ขัดแย้งกันเองเสียจริง! ลงไปเลย!”มีคนหัวเราะตาม: “กลุ่มคนชั่วของหอเฟิ่งหวง แต่ละคนวรยุทธ์ล้ำเลิศ จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนคนเดียวจะฆ่าพวกเขาได้ทั้งหมด? ฟังดูก็รู้ว่าแต่งเรื่องโกหก!”ผู้คนเหล่านั้นเอ่ยกันเซ็งแซ่ นักเล่าเรื่องตอบไม่ทันแต่ละคำถามในขณะนั้น บุรุษในชุดครามที่นั่งอยู่โต๊ะมุมห้องก็เอ่ยขึ้น“พวกเจ้ามีความเข้าใจที่ตื้นเขิน ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คนอื่นพูดนั้นผิด“ตามที่ข้ารู้ เด็กหนุ่มสวมหน้ากากในเรื่องเมื่อครู่นั้น ก็คือซูฮ่วนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน และกำจัดกลุ่มทะเลสาบเกลือเมื่อสอ







