Beranda / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 25%

Share

บทที่ 2 หลานนอกไส้ - 25%

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-23 13:05:26

พราวนภาหยิบผ้านวมมาห่มให้รุ้งจันทราอย่างเบามือเพราะเด็กน้อยค่อนข้างตื่นง่าย เป็นเวลาเดียวกับที่จันทร์เจ้า ผู้เป็นมารดาของรุ้งจันทราเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี หญิงสาวจึงพูดโดยไม่มีเสียงว่า

“หลับปุ๋ยแล้วค่ะ”

จันทร์เจ้ายิ้มพลางเดินเข้ามาดูบุตรสาวตัวน้อย ก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเตียงข้างพราวนภาแล้วพูดว่า

“หนูรุ้งน่ะเหมือนหนูพราวตอนเด็ก ๆ เลยนะรู้ไหม ดูสิเนี่ย ชอบเอาตุ๊กตามานอนเรียงเป็นเพื่อนกัน แล้วยังไม่ชอบกินแคร์รอตเหมือนกันอีกด้วย”

“แต่ตอนนี้หนูกินแคร์รอตแล้วนะ และกินผักเก่งมากเลยด้วยคุณแม่ก็รู้นี่นา” พราวนภายิ้มกว้างอย่างประจบ ก่อนจะเอนตัวลงนอนหนุนตักผู้เป็นน้า แต่ตนเรียกอีกฝ่ายว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้

จันทร์เจ้ายิ้มพร้อมกับลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู สายตาที่มองพราวนภายังคงมีแต่ความรักไม่แปรเปลี่ยนแม้ว่าตนจะมีบุตรสาวและบุตรชายของตัวเองแล้วก็ตาม

“เป็นอะไรล่ะฮึ จู่ ๆ ก็มาอ้อนแม่” น้ำเสียงอ่อนโยนของจันทร์เจ้า ทำให้พราวนภายกแขนขึ้นโอบเอวอีกฝ่ายไว้

“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ หนูพราวแค่รู้สึกว่าอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่เลย” หญิงสาวพูดไปตามที่คิด เพราะเป็นเด็กไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องเครียดกับปัญหาต่าง ๆ ไม่ต้องแข่งขันกับใคร อีกทั้งยังรักใครไม่เป็นอีกด้วย เมื่อรักไม่เป็นก็ไม่รู้จักความเจ็บปวดที่หน่วงหนึบอยู่ในใจ และไม่ต้องคาดหวังให้ใครมารักตอบ

“คิดได้ แต่เป็นไปไม่ได้ หนูก็รู้นี่นาว่าเวลาไม่เคยเดินย้อนกลับหลัง มีแต่เดินไปข้างหน้า เรากลับไปอดีตไม่ได้แต่เราเตรียมตัวรับมือกับอนาคตได้ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เราได้ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มีความสุขที่สุดนะลูก”

“หนูรู้ค่ะ แต่ตอนนี้ถ้ามีพรวิเศษสักข้อมาให้เลือก หนูก็จะขอกลับไปเด็กอีกครั้ง” และถ้าได้กลับเป็นเด็กจริง ๆ สิ่งที่เธอจะทำเป็นอย่างแรกก็คือไม่ไปวอแววุ่นวายกับผู้ชายเย็นชาอย่างนฤบดินทร์เด็ดขาด เธอจะไม่ออดอ้อนให้เขาเล่นด้วย จะไม่ขอร้องให้เขาอุ้ม จะไม่ขอให้เขาช่วยติวคณิตศาสตร์ จะไม่ไปหาเขาที่บ้านบ่อย ๆ จะไม่ไปแอบนั่งมองตอนเขาหลับ

เธอจะไม่รักเขา

เธอจะมองเขาเป็นเพื่อนบ้าน จะนับถือเขาเป็นญาติคนหนึ่ง และจะเรียกเขาว่าน้าอย่างที่ชายหนุ่มต้องการ

ทว่าทุกอย่างมันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว

“หนูพราว หนูมีอะไรอยากระบายให้แม่ฟังไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนของจันทร์เจ้ากับการลูบศีรษะอย่างแผ่วเบานั้นทำให้พราวนภารู้สึกอุ่นวาบขึ้นในใจ ขณะที่กระบอกตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยเช่นกัน

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งหลัก และสะกดกลั้นอาการสะอื้นของตนเพราะรู้ดีว่าหากเอ่ยปากพูดไปตอนนี้ เสียงจะต้องสั่นเป็นแน่

พราวนภาเงียบไปนาน จันทร์เจ้าก็รออย่างใจเย็นไม่คิดซักไซ้ไล่เลียงให้พูดเดี๋ยวนั้น ยังคงลูบศีรษะและสางผมให้อย่างเบามือเช่นทุกครั้งที่อีกฝ่ายมานอนหนุนตัก

“พี่ดินจะไปเรียนต่อเมืองนอกค่ะ” จู่ ๆ พราวนภาก็พูดขึ้น

“อืม แม่ก็ได้ข่าวมาบ้างเหมือนกัน” จันทร์เจ้ารู้เรื่องนี้มาจากชินดนัย สามีซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับภาวิน บิดาของพราวนภา และตนก็รู้ด้วยว่าหลานสาวที่เธอรักเหมือนลูกในไส้คนนี้คิดอย่างไรกับนฤบดินทร์

“คุณแม่รู้ไหมว่าพี่ดินเตรียมการเรื่องนี้มาเป็นปี ๆ แล้ว แต่หนูเพิ่งมารู้เรื่องเดือนที่แล้วนี่เอง ถ้าหนูไม่ไปได้ยินคุณพ่อคุยกับแม่มะลิโดยบังเอิญ หนูก็คงไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะเขาไม่เคยคิดจะบอกหนู”

ยิ่งพูดเสียงของพราวนภาก็ยิ่งสั่น ขณะที่คนฟังอย่างจันทร์เจ้าลอบถอนหายใจแผ่วด้วยความสงสารหลาน แต่ในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เธอจึงพอเข้าใจเจตนารมณ์ของนฤบดินทร์เป็นอย่างดีว่าเหตุใดถึงต้องไปเรียนต่อไกลถึงสหรัฐอเมริกา และเหตุใดถึงปิดปากเงียบมาเป็นปีไม่ยอมบอกให้พราวนภารู้เลยแม้แต่น้อย

“แม่เชื่อว่าพี่เขาก็มีเหตุผลของเขา หนูก็น่าจะรู้จักเขาดีไม่ใช่หรือว่าเขาเป็นคนยังไง”

“แต่หนูคิดว่าเขาไม่เคยเห็นหนูอยู่ในสายตาเลยมากกว่า” น้ำเสียงแผ่วพร่าของพราวนภาราวกับใกล้ร้องไห้เต็มทีนั้น ทำให้จันทร์เจ้าต้องพูดเพื่อเตือนสติอีกฝ่าย

“หนูพราว ฟังแม่นะ ทุกคนย่อมมีเหตุผลในการกระทำเรื่องต่าง ๆ ดินก็เหมือนกัน แม่เชื่อว่าเขาก็มีเหตุผลของเขาที่ไม่บอกหนู เพราะถ้าบอกไปแล้วหนูอาจจะร้องไห้ขอร้องไม่ให้เขาไป หนูอาจจะโกรธจนไม่ยอมพูดกับเขาก็ได้ เขาถึงไม่บอก แม่พูดถูกไหม เพราะแม่เชื่อว่าถ้าหนูรู้ตั้งแต่แรก หนูจะต้องไปขอร้องให้เขายกเลิกการไปเรียนต่อทุกวันแน่”

พราวนภาฟังที่จันทร์เจ้าพูดก็คิดตามก่อนจะพยักหน้ารับเล็กน้อย เพราะทุกวันนี้เธอทั้งอ้อนวอนและขอร้องไม่ให้นฤบดินทร์ไปเรียนต่อทุกครั้งที่เจอหน้าเลยก็ว่าได้

“ก็หนูไม่อยากให้ไปนี่ เรียนเมืองไทยไม่ได้หรือไง ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น และไปตั้งหลายปีแน่ะ” หญิงสาวพูดจบก็สูดน้ำมูกเบา ๆ

“เขาก็คงอยากไปหาประสบการณ์ต่างบ้านต่างเมืองบ้าง อีกอย่างแม่เห็นด้วยนะที่พี่ดินเขาไปเรียนต่อเมืองนอกเพราะสาขาที่เขาจบมากำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะฉะนั้นการที่เขาไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมก็ถือเป็นเรื่องที่ดี”

พราวนภานอนฟังเงียบ ๆ ไม่โต้แย้งอะไร นฤบดินทร์จบวิศวกรรมซอฟต์แวร์ และด้วยมันสมองของเขาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายหนุ่มจะจบมาโดยมีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งพ่วงท้ายมาด้วย เขาคงคิดว่ามหาวิทยาลัยในเมืองไทยไม่มีอะไรให้น่าค้นหาอีกแล้วกระมัง จึงคิดไปเรียนต่อต่างประเทศ

“และอีกเรื่องที่แม่อยากจะพูดก็คือแม่คิดว่าดินไปเรียนต่อตอนนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะหนูกับเขาจะได้แยกย้ายกันไป ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่” ทันทีที่จันทร์เจ้าพูดจบ พราวนภาก็เบิกตาโพลงพร้อมกับเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“คุณแม่หมายความว่ายังไงคะ”

“แม่เลี้ยงหนูมาตั้งแต่เกิด แม่จะไม่รู้เชียวหรือว่าหนูคิดยังไงกับพี่ดิน” จันทร์เจ้าวางมือบนศีรษะของหญิงสาวแล้วพูดอีกว่า

“แต่ตอนนี้หนูอายุยังน้อย พี่ดินเขาก็เพิ่งยี่สิบสอง แม่คิดว่าเวลานี้แต่ละคนควรจะไปใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่ก่อนดีกว่า เพราะในอนาคตทั้งหนูและพี่ดินจะต้องพบเจอคนอีกมาก ถึงตอนนี้หนูจะชอบพี่เขา แต่ถ้าเวลาผ่านไปหนูเข้าเรียนมหา’ลัย เรียนจบก็ได้ทำงาน ได้พบคนอื่นอีกมากหน้าหลายตา หนูอาจจะคิดได้ว่าความรู้สึกของหนูตอนนี้เป็นเหมือนการแอบชอบรุ่นพี่สักคนแล้วมานั่งขำกับตัวเองก็ได้”

สิ่งที่จันทร์เจ้าไม่พูดออกไปนั่นก็คือนฤบดินทร์นั้นเป็นชายหนุ่มเต็มตัว ขณะที่พราวนภาก็เริ่มเป็นสาว การใกล้ชิดสนิทสนมที่มากเกินไปอาจทำให้ความรู้สึกที่มีต่อกันไขว้เขวจนคิดว่าเป็นความรัก ซึ่งหากไม่ระวังตั้งแต่ตอนนี้อาจเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการเป็นฝ่ายเดินห่างออกไปเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในแบบญาติสนิทเอาไว้ และเจือจางความรู้สึกที่มีต่อกันในเชิงชู้สาว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 15 โค้ชจำเป็น - 25%

    หลังจากส่งบิดามารดาของพวกตนขึ้นรถกลับไปแล้ว อภัสราก็หันมาพูดกับพราวนภาทันทีราวกับตนเก็บคำพูดนี้ไว้นานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้พูด“พราว! นั่นพ่อเธอจริง ๆ น่ะหรือ หล่อมากกก” คำสุดท้ายเจ้าตัวลากเสียงยาวจนกาญจน์เกล้าได้แต่ยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา“ก็จริงน่ะสิ เธอว่าหน้าฉันไม่เหมือนคุณพ่อหรือ มีแต่คนบอกว่าเหมือนจะตายไป ลักยิ้มยังมีข้างเดียวกันเลย” พราวนภาชี้ลักยิ้มของตัวเองบนแก้มซ้าย ก่อนจะพูดต่อ“ตอนหนุ่ม ๆ คุณพ่อหล่อกว่านี้อีก คุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านเป็นนักบินนะ สาว ๆ เพียบเลย” เธอหมายถึงแม่จันทร์เจ้าที่เป็นคนเล่าให้ฟัง เพราะตอนที่บิดาคบหากับแม่มัลลิกาแล้วนั้น ท่านถอดเขี้ยวเล็บแล้ว“เคยเป็นนักบินมาก่อนนี่เอง มิน่าละ บุคลิกคุณพ่อเธอถึงดูดีมากเลย แต่ท่านก็ยังดูหนุ่มอยู่มากจริง ๆ นะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีลูกสาววัยมหา’ลัยแบบเธอแล้วน่ะ บ้านเธอนี่หน้าตาดีกันทั้งครอบครัวเลยจริง ๆ เพราะคุณแม่เธอก็สวยแซ่บมาเชียว” กาญจน์เกล้าพูดขึ้นบ้าง ยอมรับว่าตอนแรกที่เห็นบิดามารดาของพราวนภายังอดแปลกใจไม่ได

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 100%

    “ว่า-ไง-นะ” น้ำเสียงของนฤบดินทร์เน้นหนักอย่างที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก ซึ่งพราวนภารู้ดีว่าทุกครั้งที่เขาพูดจาลักษณะนี้นั่นหมายความว่าชายหนุ่มกำลังโกรธ ดังนั้นเธอจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างหมดเปลือก“โคตรน่าโมโหเลย อย่างนี้ต้องเล่นให้หนัก เอาให้มันอยู่มหา’ลัยไม่ได้ต้องลาออกไปอยู่ที่อื่น”นฤบดินทร์พูดเสียงห้วน หญิงสาวฟังแล้วกลับรู้สึกอุ่นใจที่เขาเป็นเดือดเป็นร้อนเวลาเธอถูกรังแก ทำให้อดคิดถึงตอนเป็นเด็กไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอถูกเด็กผู้ชายในหมู่บ้านกลั่นแกล้ง เขามักจะไปเอาคืนให้เสมอจนผู้ปกครองของเด็กพวกนั้นต่างพากันมาฟ้องบิดามารดาของเขาว่าเขาเป็นอันธพาลไล่ต่อยตีคนอื่น แต่เขาก็ไม่เคยปริปากแก้ตัวสักคำว่าที่ทำลงไปนั้นเป็นเพราะเอาคืนให้เธอ“พรุ่งนี้พ่อเราจะไปมหา’ลัยด้วยใช่ไหม ดี! พี่เชื่อว่าพ่อเราจัดหนักแน่”“ใช่ คุณพ่อไม่ปล่อยไว้แน่นอน นี่ก็เพิ่งกลับมาจากสถานีตำรวจเอง เพราะต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน ตอนพราวโดนตบนะ โกรธมากเลยเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครตบจนหน้าหันอย่างนี้มาก่อน พวกนั้

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 75%

    “พี่ก็แค่เตือนเอาไว้ ถ้าไม่ยุ่งอย่างที่น้องพูดมาจริงมันก็ดี แต่เท่าที่พี่เห็นมันไม่ใช่ไง” รุ่นพี่คนนั้นยังคงพูดต่อ พราวนภากำลังจะอ้าปากเถียงก็มีนักศึกษาคนอื่นมาเข้าห้องน้ำด้วยเช่นกัน และดูเหมือนนักศึกษารุ่นพี่เหล่านั้นก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับคนที่กำลังหาเรื่องเธออยู่“หนูกับพี่ตาร์ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นนอกจากรุ่นพี่รุ่นน้อง เข้าใจซะใหม่ด้วยนะคะ” พราวนภาเริ่มอารมณ์ขุ่นมัว ต่อให้กลุ่มคนตรงหน้าจะมีกันถึงสามคนเธอก็ไม่กลัว เพราะหากคนพวกนี้ทำอะไรเธอแม้แต่ปลายก้อย เธอจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะไม่มีการยอมความหรือรอมชอมใด ๆ ทั้งสิ้น!“พวกเด็กไซด์ไลน์ก็ตอแหลอย่างนี้ทุกคนนั่นแหละ” หนึ่งในนั้นโพล่งขึ้นมาพร้อมกับเบะปากใส่ ยิ่งทำให้พราวนภาเดือดจัดที่ถูกกล่าวหาและต่อว่าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย“เดี๋ยวนะพี่ ไซด์ไลน์อะไร ใครเป็นไซด์ไลน์ และพี่ว่าใครตอแหล!”เธอเริ่มขึ้นเสียงใส่พวกรุ่นพี่ หนึ่งในนั้นจึงยกมือเท้าเอวแล้วชี้หน้าเธออย่างเอาเรื่อง“ก็แกไงนังกะหรี่ แล้วกล้าดียังไงถึงมาขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่แบบนี้ กราบขอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 14 ถูกบูลลี่ - 50%

    ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าใบนั้นให้โอเวนแล้วพูดว่า“นายเอาไปคืนให้เธอหน่อยสิ ถ้าฉันเอาไปคืนด้วยตัวเอง แอนคงคิดเป็นตุเป็นตะอีกว่าฉัน...” เขาไม่อยากพูดจบประโยคเพราะเกรงว่าจะฟังดูใจร้ายเกินไป จึงได้แต่กลอกตามองเพดานแทนโอเวนหัวเราะเบา ๆ แล้วรับกระเป๋าของอันธิกาไป นฤบดินทร์จึงนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเข้าไปดูเฟซบุ๊กของพราวนภาเพราะอยากรู้ว่าวันแรกของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยของเธอนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเขาเชื่อว่าหญิงสาวจะต้องอัปเรื่องราวต่าง ๆ บนไทม์ไลน์ของตัวเองไว้แน่นอนและก็เป็นตามคาด พราวนภาโพสต์ภาพต่าง ๆ ลงไปไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ สถานศึกษาใหม่ ตึกเรียนที่ตนเรียน กิจกรรมที่ตนเข้าร่วม รวมไปถึงการถ่ายรูปกับชายหนุ่มคนหนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส...ไอ้หน้าขาวนี่ใครวะ!นฤบดินทร์ได้แต่เก็บความสงสัย แต่เมื่อเห็นว่ารูปนั้นมีการแท็กชื่อผู้ชายที่อยู่ในภาพด้วย เขาจึงกดเข้าไปที่ชื่อนั้นแล้วไล่ดูหน้าไทม์ไลน์ของอีกฝ่าย ทำให้เขาได้รู้ว่าผู้ชายหน้าขาวปากแดงคนนี้ชื่อตาร์ ทั้งยังเป็นพี่รหัสของพราวนภาอีกต่างหาก ความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เข้าครอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 13 ถูกบูลลี่ - 25%

    นฤบดินทร์กลับเข้าไปในบ้านพักตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่ดื่มไวน์หมดขวดแล้ว ครั้นพอชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้าน โรเบิร์ตก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “นี่นายไม่ได้นอนอยู่ข้างบนหรือ ฉันนึกว่านายจะไปนอนพักเสียอีก”นฤบดินทร์ยิ้มอ่อนพลางทรุดตัวนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกับโรเบิร์ต ขณะที่เพื่อนอีกหลายคนจดจ่ออยู่ที่จอแอลซีดีขนาดใหญ่ซึ่งกำลังถ่ายทอดเทปบันทึกการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล“เปล่า ฉันออกไปนั่งรับลมที่ชายหาดน่ะ เอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มด้วย” นฤบดินทร์พูดไปยิ้มไป แต่คนฟังนั้นพ่นเบียร์ในปากออกมาทันทีพร้อมกับหันมามองเขาตาเหลือก“นายว่าอะไรนะดิน รอยัล เดอมาเรีย? นายล้อฉันเล่นใช่ไหม นายเอารอยัล เดอมาเรียไปนั่งดื่มที่ชายหาดเนี่ยนะ พระเจ้า! นั่นไวน์ของพ่อฉัน”โรเบิร์ตกุมขมับแทบหายเมาเป็นปลิดทิ้งเพราะไวน์ยี่ห้อ Royal DeMaria นั้นสนนราคาขวดละสามหมื่นกว่าเหรียญ...เขาถูกพ่อฆ่าแน่นฤบดินทร์หัวเราะออกมาทันทีด้วยความสะใจที่หลอกเพื่อนได้ ก่อนจะยอมเฉลยความจริง“ล้อเล่นน่า ฉันหยิบแค่ชาร์โต มูตองไปเท่านั้นเอง&rd

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 100%

    อันธิการีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเลื่อนตัวไปอยู่ตรงหว่างขาของเขา จากนั้นก็จัดการถอดกางเกงของชายหนุ่มออกบ้างโดยที่ส่วนบนของร่างกายเขาเธอไม่เสียเวลาถอดให้ เธอปล่อยให้ศีรษะของนฤบดินทร์มุดอยู่ในหมอนใบนุ่มเช่นเคยเพราะต้องการให้เขาคิดว่าทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนั้นคือความฝันแต่กว่าจะรู้ว่าทุกอย่างคือความจริง มันก็สายไปแล้ว อย่างไรเสียเขาก็ต้องรับผิดชอบเธออันธิกาหลับตาคลี่ยิ้มอย่างเป็นสุขขณะที่ค่อย ๆ เคลื่อนไหวอยู่บนร่างของชายหนุ่มอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งทะยานผสานไปกับเสียงครวญครางแผ่วเบาที่ตนไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้ขณะเดียวกัน เงาตะคุ่มของใครบางคนก็เดินลัดเลาะออกมาจากทางเดินที่เชื่อมระหว่างหลังบ้านกับลานจอดรถหน้าบ้าน คนผู้นั้นถือขวดไวน์ขวดใหญ่ออกจากบริเวณบ้านแล้วเดินลงไปที่ชายหาด จากนั้นก็ทรุดตัวนั่งบนผืนทรายท่ามกลางแสงสลัวชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพราะรู้ว่าก่อนหน้านี้พราวนภาคอลมาหาแต่เขาไม่สะดวกรับ แต่พอดูเวลาแล้วคิดว่าตอนนี้คงไม่เหมาะนักหากจะโทร. กลับไปเพราะหญิงสาวคงเข้าเรียนไปแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่มองรูปที่เธอส่ง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status