ตอนเธอเรียกพี่ ก็บังคับให้เรียกน้า พอเรียกน้า เขากลับแทนตัวเองว่าพี่ ถ้าจะวุ่นวายขนาดนี้ ก็เปลี่ยนไปเรียก "คุณสามี" เลยละกัน เธอรักปักใจแต่เขามาตั้งแต่เด็ก ทว่าเสือยิ้มยากขี้ดุคนนี้กลับเอาคำว่า "น้า" มาขีดเส้น และสร้างกำแพงไม่ให้เธอเข้าใกล้ หนำซ้ำ เขายังหนีไปเรียนต่อไกลถึงเมืองนอก ไม่ว่าพราวนภาจะเพียรพยายามมากแค่ไหน แต่นฤบดินทร์ ก็มักถอยห่างออกไปหนึ่งก้าวเสมอ แต่เมื่อเขากลับมา ดูเหมือนว่านฤบดินทร์จะเปลี่ยนไป จากที่ไม่เคยเข้าใกล้ เขากลับโอบ เบียด กระแซะ และหาเรื่องถึงเนื้อถึงตัวกับเธอตลอด เป็นเพราะเขาไปอยู่เมืองนอกมานาน นิสัยถึงเปลี่ยนไป หรือนี่คือนิสัยที่แท้จริงของผู้ชายหน้าตายคนนี้กัน
View Moreร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีชมพูกับกางเกงขาสั้นสีดำที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วจากการเล่นโรลเลอร์สเกตอยู่กลางถนนของหมู่บ้านนั้น เรียกความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่มที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าต่างห้องนอนของตัวเองได้ทันที เขาลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยตัดบทกับคู่สนทนาแล้วกดวางสาย จากนั้นก็เดินออกจากห้องนอนลงไปยังสวนสาธารณะของหมู่บ้านเพื่อไปดักเจอหญิงสาว
อุปกรณ์ป้องกันก็ไม่ใส่ บอกตั้งหลายครั้งแล้วไม่รู้จักจำ!
แม้ในใจจะบ่น แต่ก่อนออกจากบ้านนฤบดินทร์ก็ยังอุตส่าห์หยิบน้ำดื่มขวดเล็กจากตู้เย็นติดมือไปด้วย เพราะเท่าที่เขาเห็นตอนมองจากหน้าต่างเมื่อครู่ พราวนภาไม่ได้พกน้ำหรืออะไรติดตัวเลยแม้แต่อย่างเดียว
ชายหนุ่มดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ เลยสิบแปดนาฬิกามาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ท้องฟ้ากลับเริ่มสลัวลงราวกับเป็นช่วงหัวค่ำทั้งที่ไม่ใช่ฤดูหนาวแต่กลับมืดเร็วกว่าปกติ เพื่อนบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีหลายคนต่างพากันจูงลูกจูงหลานทยอยกลับบ้านใครบ้านมัน เขายกมือไหว้คนเหล่านั้นเพื่อทักทายก่อนจะหย่อนตัวบนม้านั่งแล้วรออย่างใจเย็น
ไม่นานนัก นฤบดินทร์ก็เห็นร่างคุ้นตาเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวมาจากที่ไกล ๆ เขาจ้องเขม็งไปที่ร่างนั้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายวิ่งอยู่กลางถนนโดยไม่สนความปลอดภัยของตัวเอง
ชายหนุ่มรอจนกระทั่งพราวนภาใกล้มาถึงตรงที่ตนนั่งอยู่จึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะวิ่งผ่านไป
“พราว!” เขาเรียกเธอด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาเกินไป ทว่ากลับทำให้เจ้าตัวตกใจจนสเกตเสียหลักล้มก้นกระแทกพื้นอย่างแรง
“ว้าย!” พราวนภาร้องได้แค่นั้น ใบหน้าก็เหยเกด้วยความเจ็บปวดพลางเอามือวางบนสะโพกของตน
“พราว! เป็นอะไรรึเปล่า เจ็บตรงไหนให้น้าดูหน่อยซิ” นฤบดินทร์ปรี่เข้ามาทรุดตัวลงใกล้ ๆ ด้วยความร้อนใจ หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นแผลถลอกเป็นทางยาวบนเรียวขาของอีกฝ่าย เขาได้แต่ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจที่ตนเป็นต้นเหตุให้หญิงสาวเกิดอุบัติเหตุจนเจ็บตัว
“เจ็บไปทั้งตัวเลย ทำไมพี่ดินไปนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวล่ะ” เธอทำหน้าง้ำ
“ก็ไปรอเรานั่นแหละ ใกล้ค่ำแล้วจะออกไปวิ่งเล่นทำไม แล้วน้าบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเวลาจะเล่นสเกตให้ใส่สนับเข่ากับหมวกกันน็อกด้วยทำไมไม่ใส่”
“อะไรเนี่ย หนูพราวกำลังเจ็บนะ พี่ดินอย่าดุสิ” เธอมองเขาด้วยสายตาออดอ้อนที่มักทำเป็นประจำเวลาถูกเขาดุหรือว่ากล่าวตักเตือน และเขาก็ต้องยอมลงให้ทุกครั้งไป
“ลุกไหวไหมเนี่ย” เขาถามเสียงอ่อนพลางยื่นมือออกไปให้เธอใช้ยึดเหนี่ยวเวลาลุกขึ้นยืน แต่หญิงสาวกลับกางแขนออกทั้งสองข้างแล้วชูขึ้นพร้อมกับพูดว่า
“อุ้ม”
นฤบดินทร์ถอนหายใจแผ่วอย่างอ่อนใจ “พราว เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ น้าจะอุ้มเธอได้ยังไง มันน่าเกลียด”
“น่าเกลียดตรงไหนกัน ก็พราวลุกไม่ไหวนี่นา พี่ดินจะให้พราวคลานกลับบ้านรึไง เร็ว ๆ สิเดี๋ยวก็มีรถขับผ่านมาหรอก ตอนนี้พราวนั่งอยู่กลางถนนเลยนะ” เธอยังคงกางแขนค้างไว้อยู่อย่างนั้น ขณะที่เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะไม่อยากทำตัวใกล้ชิดกับหญิงสาวมากเกินไปนัก...แต่สุดท้ายเขาก็แพ้สายตาออดอ้อนของเธออยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นก็ขี่หลังน้าละกัน” เขาพูดพลางหันหลังให้พราวนภา ยังไม่ทันตั้งหลักดีเจ้าตัวก็เอาแขนมาโอบรอบคอเขาไว้ นฤบดินทร์จึงใช้แขนเกี่ยวขาทั้งสองข้างของเธอแล้วพูดโดยไม่หันไปมองคนที่วางคางเกยไว้กับบ่าของเขาอย่างสนิทสนม
“พร้อมรึยัง จะลุกขึ้นแล้วนะ” เขานับถึงสามก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเริ่มออกเดิน
“พี่ดิน” เสียงหวานใสของหญิงสาวดังอยู่ข้างหูจนชายหนุ่มต้องเบี่ยงหน้าไปทางอื่นเพราะต้องการรักษาระยะห่างระหว่างกัน
“บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกน้า” ตั้งแต่มัลลิกา พี่สาวของนฤบดินทร์แต่งงานกับภาวิน บิดาของพราวนภา เขาก็แทนตัวเองว่าน้ามาตลอด แต่หญิงสาวกลับยังคงเรียกเขาว่าพี่มาตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ยอมเรียกน้าแม้แต่ครั้งเดียว
“ไม่เอา เรียกพี่ติดปากมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่” เธอถอนหายใจแผ่วก่อนพูดต่อ
“จะไปเรียนต่อเมืองนอกจริง ๆ หรือ”
“อืม” นฤบดินทร์ตอบสั้น ๆ ตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาตรีแล้ว และกำลังจะไปศึกษาต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
“ไม่ไปได้ไหม” น้ำเสียงออดอ้อนของเธอทำให้ชายหนุ่มต้องหลับตาลงเพื่อเก็บความรู้สึก
“ไม่ได้” เขาตอบห้วน ๆ เพราะคร้านจะอธิบายให้หญิงสาวได้เข้าใจ
“หนูพราวไม่อยากให้ไปนี่นา อย่าไปเลยนะ” ไม่พูดเปล่า แต่พราวนภากลับรัดวงแขนโอบรอบคอเขาแน่นขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแก้มของเธอเฉียดแก้มของเขาไปนิดเดียวเท่านั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเบี่ยงหน้าให้ห่างออกมา รู้ดีว่าหญิงสาวคงไม่รู้สึกถึงความชิดใกล้ที่มากเกินไป หากแต่เขานั้นรับรู้ได้เป็นอย่างดี
“อยู่เฉย ๆ สิจะกอดคอทำไม มันอึดอัด!” เขาจำเป็นต้องดุเธอ มิเช่นนั้นหญิงสาวก็คงเผลอเอาตัวมาใกล้ชิดกับน้าอย่างเขามากเกินพอดีอีก
“ดุอีกแล้ว ดุอยู่นั่นแหละ พี่ดินน่าเบื่อ” เธอทำเสียงกระเง้ากระงอดอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเองก็ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเธออีกจึงปิดปากเงียบไปจนกระทั่งถึงบ้านของพราวนภา และไปส่งหญิงสาวถึงห้องรับแขกซึ่งตอนนี้มัลลิกากำลังนั่งดูโทรทัศน์โดยมีบุตรชายบุตรสาวอย่างภานุภัทร์กับภัทร์นรินท์ ฝาแฝดชายหญิงนั่งเล่นเกมอยู่ด้วยกันอีกมุมหนึ่ง
“พี่มะลิ ทำแผลให้หนูพราวด้วย” เขาบอกพี่สาวไว้แค่นั้นแล้วก็เดินออกจากบ้านมาทันทีโดยไม่คิดจะตอบคำถามของมัลลิกาที่ถามไล่หลังมาเพราะรู้ดีว่าพราวนภาคงเป็นฝ่ายตอบแม่เลี้ยงเอง
...ไม่ไปได้ไหม...อย่าไปเลยนะ...
น้ำเสียงเว้าวอนของพราวนภาดังขึ้นในหัวขณะที่ชายหนุ่มเดินกลับบ้านของตนที่อยู่หลังถัดไป
ใช่ว่าเขาอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเสียเมื่อไร แต่เขาจำเป็นต้องไป และไม่ว่าใครก็ห้ามความตั้งใจของเขาไม่ได้ด้วย
เขาขอเวลาแค่สามปีเท่านั้น ถ้าหลังจากสามปีนี้ทุกอย่างยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เขาจะได้ตัดสินใจสักทีว่าควรทำอย่างไรต่อไป
“เยี่ยมเลยเมียจ๋า” วิเศษยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะ ณ เวลานี้นอกจากเขาจะได้นอนมองภูเขาไฟฟูจิแล้ว ตรงหน้าเขาก็ยังมีสาวเปลือยหุ่นเซ็กซี่มาส่ายบั้นท้ายสวย ๆ สร้างความสุขให้เขาอีกด้วย แม้จะเห็นแค่แผ่นหลังของเธอ แต่แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องมากระทบร่างของหญิงสาวจนทำให้ดูเหมือนร่างทั้งร่างของเธอเปล่งประกายขึ้น ก็ยิ่งทำให้ภาพเบื้องหน้าเขาตอนนี้สวยงามราวกับศิลปะชิ้นเอกสองปีกว่าที่อยู่ในฐานะคู่หมั้น แต่เขากับเธอใช้ชีวิตร่วมกันในคอนโดฯ ไม่ต่างจากสามีภรรยาคู่หนึ่ง จะต่างก็แค่พราวนภาไม่ได้นอนค้างกับเขาเพราะต้องกลับไปนอนที่บ้าน เขาเองก็เช่นกันที่ต้องกลับไปนอนบ้านของตัวเอง นอกเหนือจากนั้นเราสองคนต่างดูแลกันและกันเป็นอย่างดีเขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้พราวนภาทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ทั่วไป ให้เงินเธอใช้ และดูแลให้เธอสุขสบายเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ส่วนพราวนภาก็คอยมาดูแลทำความสะอาดห้องในคอนโดฯ ให้เขา ทำกับข้าวให้กิน และดูแลเขาในเรื่องอื่น ๆ ไม่ต่างจากภรรยาคนหนึ่งดังนั้นเขาจึงเห็นว่าถ้าพราวนภาเรียนจบเมื่อไรจึงอยากจัดงานแต่งงานทันที เพราะอยา
พราวนภาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียจากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำราวกับยังไม่ตื่นดี เธอเข้าไปสักพักก็ออกมาด้วยสีหน้าแจ่มใส ตามไรผมมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปรายบ่งบอกว่าเจ้าตัวล้างหน้าเพื่อความสดชื่น“พี่ดินทำเสร็จแล้วหรือ” หญิงสาวมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่วางเรียงรายกันหกเครื่องแล้วก็ห่อปากทำตาโต“โห อย่างกับฐานปฏิบัติการในซีรีส์ฝรั่งเลย แต่พี่ต้องรอให้เขามาติดอินเทอร์เน็ตให้ก่อนใช่ไหม”“ใช่ แต่ทำเรื่องขอไปแล้วละ รอเขาติดต่อกลับมา พราวหิวรึยัง แล้วทำไมดูเหมือนเดินขาสั่น ๆ ล่ะ”เขาแกล้งถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ วันนี้เขาให้หญิงสาวขึ้นคุมเกมทั้งควบทั้งขย่มได้ตามต้องการ เธอเร่าร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็ชอบมากที่หญิงสาวปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาออกมาอย่างเต็มที่ คู่หมั้นของเขาแซ่บลืมโลกขนาดนี้แล้วทำไมเขาต้องรับไมตรีจากผู้หญิงคนอื่นมาทำให้ชีวิตคู่ของเขาต้องวุ่นวายอีกเล่า“ยังจะถามอีกนะ” เธอหันมาค้อนให้วงใหญ่ก่อนจะพูดอีกว่า“พราวไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าคนนิ่ง ๆ แบบพี่ดินจะหื่นจัดได้ขนาดนี้”นฤบดินทร์ห
“พี่ดิน เดี๋ยวพี่ รอผมก่อน” เสียงห้าวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านตะโกนเรียกมาแต่ไกล ทำให้นฤบดินทร์ต้องหยุดรออย่างเสียไม่ได้ เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นวิ่งมาถึงก็ยื่นช่อดอกกุหลาบช่อเล็กที่มักทำขายกันในวันวาเลนไทน์มาให้เขาแล้วพูดว่า“ผมฝากให้พราวหน่อยสิพี่ วันนี้ขี่จักรยานผ่านหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นพราวออกจากบ้านเลย นะพี่นะ”นฤบดินทร์ยืนเท้าเอวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องทันที “นี่ไอ้อั๋น มึงเอากลับไปเลยนะ หรือจะเอาไปให้สาวที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พราว น้องมันเพิ่งอยู่ม.สองมึงจะมาให้ดอกไม้บ้าบออะไรเนี่ย เดี๋ยวกูเตะให้เลย”“โธ่พี่ผมไหว้ล่ะ ผมชอบพราวจริง ๆ นะแต่ผมไม่กล้าเอาไปให้ที่บ้าน ผมกลัวพ่อเขาน่ะ” อั๋นยิ้มแหยเมื่อพูดถึงบิดาของพราวนภานฤบดินทร์ทำทีเป็นหักนิ้วดังเป๊าะ ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “แล้วมึงไม่กลัวกูรึไง กูก็มีศักดิ์เป็นน้าของพราวนะเว้ยมึงอย่าลืม หลานกูยังเด็ก โอเค้ มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลยก่อนที่กูจะของขึ้น”“โธ่พี่ จะหวงไว้กินเองรึไงเนี่ย เหวอ!”
“ไม่จริงมั้งพี่ต่าย วันก่อนผมเห็นนะว่าพี่ควงสาวไปกินซูชิน่ะ สาวคนนั้นก็หน้าคุ้น ๆ ซะด้วยสิเหมือนว่าจะทำงานที่นี่เหมือนกันด้วยนี่นา” เขาพูดไปแค่นั้น ในแผนกก็ฮือฮาขึ้นทันที ต่างพากันรุมถามกันยกใหญ่ว่าหญิงสาวที่ต่ายพาไปออกเดตนั้นคือใคร แต่นฤบดินทร์ไม่ตอบเพราะต้องการให้เจ้าตัวพูดเอง“แหมไอ้นี่ พี่อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่เห็นแกกับสาวนักศึกษาคนนั้นแล้วนะ แต่แกเสือกเห็นพี่ด้วยหรือวะ” ต่ายพูดไปยิ้มไป ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย“เห็นสิพี่ ผมยังชี้ให้แฟนผมดูเลยว่านั่นน่ะรุ่นที่พี่แผนก ส่วนสาวคนนั้นก็...พวกพี่ไปสอบถามกันเองละกันนะ ผมพับไมค์ละ” เขาเว้นเอาไว้เพราะจะให้ทุกคนไปถามกับเจ้าตัวเลยดีกว่าหลังจากเลิกงาน นฤบดินทร์รีบไปที่คอนโดมิเนียมที่ตนซื้อเอาไว้เพราะช่างโทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินสายไฟเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และอยากให้เขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจดูและทดสอบทุกจุดแล้วไม่มีปัญหา อีกทั้งช่างก็เก็บงาน และทำรางเก็บสายไฟเอาไว้ให้ด้วยทำให้นฤบดินทร์พอใจมาก จึงโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือให้ช่างทันที ครา
“เพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่วันนี่เอง เป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่น่ะ ความจริงแล้วพี่ซื้อดาวน์ต่อมาจากคนอื่นเพราะเขาผ่อนต่อไม่ไหว จะเอาไว้แอบกินอีหนูคนนี้นี่แหละเพราะมีอยู่คนเดียวเนี่ย” เขายื่นหน้าไปจูบริมฝีปากอิ่ม“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ พราวคงต้องติดรถพ่อไปเรียนเหมือนเดิมแล้วละ”“อืม แต่คุณตากับคุณยายยังไม่รู้เลยใช่ไหมว่าพี่ได้งานทำแล้ว” พราวนภายังคงติดเรียกบิดามารดาของเขาว่าคุณตาคุณยายอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากเคี่ยวเข็ญว่าต้องเปลี่ยน เอาที่เธอสบายใจดีกว่า“ใช่ อยากเห็นจริง ๆ ว่าพรุ่งนี้จะทำหน้ากันยังไง คงเหวอน่าดู” เขาหัวเราะคิกคัก คนอื่นอาจจะชอบแกล้งเพื่อนแกล้งแฟน แต่เขาชอบแกล้งบิดามารดาของตัวเอง“คอนโดฯ ที่พี่ดินซื้ออยู่แถวที่ทำงานหรือ” หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนคว่ำแล้วยกตัวช่วงบนขึ้น ส่งผลให้ทรวงอกกลมกลึงชูช่ออะร้าอร่ามอวดสายตาจนชายหนุ่มได้แต่มองตาปรอย“ใช่ เพราะบ้านพี่มันไม่มีพื้นที่สำหรับทำห้องทำงานน่ะ บ้านพี่หลังเล็กไม่ใหญ่เหมือนบ้านพราวก็เลยต้องออกมาซื้อข้างนอกไว้ทำออฟฟิศส่
บิดามารดาของนฤบดินทร์มองดูบุตรชายที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่ทุกข์ร้อน ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกจนกระทั่งหมั้นกับสาวข้างบ้านไปแล้วเรียบร้อย เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะออกไปหางานทำอย่างที่ควรจะเป็น จนในที่สุดผู้เป็นบิดาก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามออกไปในที่สุด“ไอ้ดิน นี่แกไม่คิดจะออกไปหางานหาการทำรึไงเนี่ย แกจะเอ้อระเหยเกินไปแล้วนะ”“ไว้ก่อนครับ ขี้เกียจ” เจ้าตัวตอบมาสั้น ๆ พลางหยิบขนมในจานมากินทั้งที่ยังนอนอยู่“ตาดิน แกจะทำตัวอย่างนี้ไม่ได้นะลูก เรามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วนะ นี่ถ้าบ้านโน้นเขาเห็นแกยังนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ยอมออกไปหางานทำเขาจะคิดยังไง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากเตือนขึ้นมาบ้าง เพราะกิจวัตรประจำวันของบุตรชายตอนนี้นอกจากไปรับส่งคู่หมั้นสาวที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกนอกจากนอนดูโทรทัศน์“เอาน่า ถ้าผมอยากไปหางานทำเมื่อไรเดี๋ยวก็ไปเองนั่นแหละ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยิ่งได้ยินบิดามารดาบ่นกันตามประสาคนแก่ เขาก็แทบกลั้นขำไม่ไหว นั่นเ
Comments