อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากทั้งคู่คบหากันตั้งแต่ตอนนี้ และถ้าวันข้างหน้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเจอคนที่ใช่กว่า สุดท้ายคงไม่พ้นต้องเลิกรา และมองหน้ากันไม่ติดทั้งสองบ้านแน่นอน
“เชื่อแม่นะหนูพราว ถ้าหนูกับเขาเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ ยังไงก็ต้องได้อยู่ด้วยกันอีกแน่ แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้เราดึงดันยังไงมันก็ไม่ใช่อยู่วันยังค่ำ ตอนนี้แม่อยากให้หนูใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่มากกว่า”
พราวนภายิ้มพลางลุกขึ้นนั่งแล้วกอดจันทร์เจ้าอย่างออดอ้อน
“ค่ะคุณแม่ หนูพราวเชื่อคุณแม่ค่ะ”
แต่แล้วหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มแหยให้ “แต่หนูพราวขอร้องคุณแม่อย่างหนึ่งนะคะ อย่าบอกเรื่องที่หนูชอบพี่ดินให้คุณพ่อกับแม่มะลิรู้เชียวนะ คุณแม่มะลิน่ะไม่เท่าไรหรอกค่ะ แต่คุณพ่อนี่สิถ้ารู้ละก็ระเบิดลงแน่”
จันทร์เจ้าหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้ารับปาก ทั้งที่ตนอยากบอกเหลือเกินว่าทุกคนน่าจะรู้กันหมดแล้ว รวมทั้งภาวิน คุณพ่อจอมหวงนั่นก็ด้วย
สองวันถัดมา นฤบดินทร์เดินออกจากห้องน้ำโดยนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเปิดตู้เสื้อผ้านั้น เขาก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กจากข้างล่างจึงเดินไปเปิดประตูห้องแล้วเงี่ยหูฟัง มีเสียงน้ำไหลจากก๊อก และเสียงจานชามกระทบกันเบา ๆ ราวกับมีใครบางคนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัว
มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มบาง ๆ พร้อมกับสองเท้าที่ก้าวเดินเร็ว ๆ ลงบันไดไปชั้นล่างแล้วตรงดิ่งไปทางห้องครัวทันที
ทว่าเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัวแล้ว ใบหน้าที่เกือบมีรอยยิ้มของเขาก็กลับมาเรียบเฉยดังเดิม
“อ้าว พี่มะลิเองหรือ มาทำไร”
“ถามได้ว่ามาทำอะไร อิฉันก็มาทำความสะอาดให้น่ะสิคะคุณชาย แล้วก็เอากับข้าวมาเสิร์ฟให้ด้วยเจ้าค่ะ” มัลลิกาค้อนให้น้องชาย ผู้ซึ่งไม่เคยแตะต้องงานบ้านงานครัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ไม่เห็นต้องทำเลย เย็นนี้แม่บ้านก็จะเข้ามาทำอยู่แล้วนี่” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบพลางเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม ขณะที่ผู้เป็นพี่สาวนั้นมองน้องชายที่นุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวด้วยความแปลกใจ
“แล้วนี่แกจะรีบลงมาทำไมนักหนาเสื้อผ้าก็ไม่ใส่ อ๋อ...รู้แล้ว สงสัยคิดว่าพี่เป็นหนูพราวล่ะสิถึงได้รีบขนาดนั้น”
นฤบดินทร์เหลือบมองพี่สาวแต่ไม่พูดอะไร ทำทีเป็นเปิดฝาชีเพื่อดูกับข้าวที่อีกฝ่ายเอามาฝาก ขณะที่มัลลิกาได้แต่ยิ้มที่พูดแทงใจดำน้องชายได้ ทว่าเธอก็ต้องเอ่ยปากเตือนชายหนุ่มบ้าง
“เฮ้อ...ไอ้ดินนะไอ้ดิน นี่ดีนะที่เป็นพี่มายืนอยู่ตรงนี้น่ะ ถ้าเป็นหนูพราวมาจริง ๆ แล้วแกวิ่งลงมาทั้งผ้าขนหนูแบบนี้ละก็คงดูไม่จืด หนูพราวเป็นสาวแล้วนะ และใครเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าแกกับหนูพราวไม่ได้เป็นญาติสายเลือดเดียวกัน ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า เขาคงได้เอาไปพูดกันสนุกปากแน่ว่าลูกสาวบ้านโน้นกับลูกชายบ้านนี้มาแอบทำอะไรกันลับ ๆ ล่อ ๆ”
นฤบดินทร์ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ “รู้แล้วน่ะ ย้ำอยู่นั่นแหละ”
มัลลิกายักไหล่ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งแล้วพูดต่อ “ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรหรอก เพราะอย่างที่บอกนั่นแหละว่าแกกับหนูพราวไม่ใช่น้าหลานกันจริง ๆ แต่มันจะโอเคกว่านี้มากถ้าหนูพราวสลัดชุดนักเรียนม.ปลายออกแล้ว อีกแค่ปีเดียวเองแกก็ทนเอาหน่อยเถอะ พี่รู้ว่าแกเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมไอ้ดิน”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดอะไรกับ...” เขายังพูดไม่จบ มัลลิกาก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“แกอย่ามาปฏิเสธฉัน ฉันเป็นพี่สาวแกมากี่ปีทำไมฉันจะเดาใจแกไม่ออก”
“เดาผิดแล้ว”
“ไอ้คนปากแข็ง!” มัลลิกาชี้หน้าน้องชายอย่างคาดโทษ แต่ก็ไม่คิดคาดคั้นให้อีกฝ่ายยอมรับหัวใจตัวเองเพราะรู้จักนิสัยของนฤบดินทร์ดีว่าถ้าเขาไม่ต้องการพูด ต่อให้เอามีดมาจ่อคอเขาก็จะไม่ปริปากพูดอย่างเด็ดขาด
ชายหนุ่มเดินหนีขึ้นห้องของตัวเองเพื่อใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย โดยมีสายตาของพี่สาวมองตามหลังพลางส่ายหน้าช้า ๆ อย่างคิดไม่ตก
ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้ว่านฤบดินทร์คิดกับพราวนภาอย่างไรกันแน่เพราะชายหนุ่มแทบจะไม่แสดงท่าทีอะไรเลย ทว่าตั้งแต่พราวนภารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศ นฤบดินทร์ก็ดูเหมือนจะแคร์ความรู้สึกของหลานนอกไส้คนนี้ไม่น้อย แม้เขาจะไม่เคยพูดอะไรที่เป็นการบอกความรู้สึกของตน แต่สายตาและการกระทำนั้นเริ่มจะปิดไม่มิดเสียแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าภาวิน บิดาของพราวนภาย่อมต้องมองออกแน่นอน ถึงได้พยายามกันไม่ให้ชายหนุ่มอยู่ตามลำพังกับบุตรสาวสุดที่รักของตัวเองนัก
“ไอ้ดินเอ๊ย ถ้าว่าที่พ่อตาของแกเป็นพี่วินจริง ๆ ละก็ แกเตรียมลับสมองเอาไว้ประลองปัญญากับเขาได้เลย”
พูดถึงตรงนี้มัลลิกาก็อดขำไม่ได้ เนื่องจากวันก่อนที่พราวนภาขอให้บิดาขับรถไปส่งที่บ้านของจันทร์เจ้านั้น ภาวินรีบตอบรับทันทีพร้อมกับบอกบุตรสาวอีกด้วยว่าไปค้างนาน ๆ ได้เลย กลับมาตอนเปิดเทอมได้ยิ่งดี เพราะนฤบดินทร์จะเดินทางเดือนหน้านี้แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ยังปิดเทอมอยู่ สามีของเธอกะจะไม่ให้พราวนภาได้เจอกับนฤบดินทร์อีกเลยกระมัง
แต่จะว่าไปแล้ว การที่ภาวินทำแบบนี้ก็มีข้อดีเช่นกัน เพราะไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าในอีกสามปีข้างหน้า ความรู้สึกของหนุ่มสาวคู่นี้จะยังคงเดิมกันอยู่หรือไม่ เวลานี้ต่างอายุน้อยด้วยกันทั้งคู่ ควรห่างกันสักพักเพื่อไปทบทวนความรู้สึกของตัวเองแล้วค่อยกลับมาเจอกันก็ยังไม่สาย เมื่อถึงเวลานั้นหากทั้งสองยังมั่นคงต่อกัน ต่อให้มีกี่สิบภาวินก็ไม่สามารถกีดกันคนทั้งคู่ได้อีกแล้ว
นฤบดินทร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันทีเมื่อถึงห้อง ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่เห็นข้อความที่เคยได้รับทุกวันจากสาวน้อยข้างบ้าน จะว่าไปแล้วตลอดสามวันที่ผ่านมาตั้งแต่พราวนภาไปนอนบ้านมารดา เธอก็ไม่เคยส่งข้อความ หรือโทรศัพท์มาหาเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“โกรธอะไรรึเปล่าวะ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางนึกทบทวนว่าก่อนหน้านี้ตนเผลอพูดจาไม่ดี หรือทำอะไรให้พราวนภาไม่พอใจหรือเปล่า ทว่านึกเท่าไรก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
และด้วยความอึดอัดที่เกาะกินใจ สุดท้ายนฤบดินทร์จึงเป็นฝ่ายส่งข้อความไปหาเธอเสียเอง
Din : กลับวันไหน
หลังจากกดส่งข้อความไปแล้วเขาก็วางโทรศัพท์เอาไว้แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้มาใส่ เสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับมาที่หน้าจอว่าหญิงสาวตอบกลับมาหรือยัง แต่แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจเพราะข้อความที่เขาส่งไปนั้น พราวนภาอ่านมันแล้วแต่ไม่ยอมตอบกลับมา
ขณะเดียวกัน พราวนภาก็มองโทรศัพท์ของตัวเองด้วยรอยยิ้มเต็มวงหน้า แต่เพราะเวลานี้เธอกำลังติดสายคุยกับเพื่อนสนิทอยู่ และหัวข้อสนทนาก็ไม่พ้นเรื่องของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของข้อความที่ส่งมานั่นเอง
“แพม! พี่ดินส่งข้อความมาเว้ย กรี๊ด! ดีใจ วิธีของแกได้ผลจริงด้วย” พราวนภาพูดด้วยความปลาบปลื้ม ขณะที่ปลายสายก็หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า
“เยี่ยมเลยเมียจ๋า” วิเศษยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะ ณ เวลานี้นอกจากเขาจะได้นอนมองภูเขาไฟฟูจิแล้ว ตรงหน้าเขาก็ยังมีสาวเปลือยหุ่นเซ็กซี่มาส่ายบั้นท้ายสวย ๆ สร้างความสุขให้เขาอีกด้วย แม้จะเห็นแค่แผ่นหลังของเธอ แต่แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องมากระทบร่างของหญิงสาวจนทำให้ดูเหมือนร่างทั้งร่างของเธอเปล่งประกายขึ้น ก็ยิ่งทำให้ภาพเบื้องหน้าเขาตอนนี้สวยงามราวกับศิลปะชิ้นเอกสองปีกว่าที่อยู่ในฐานะคู่หมั้น แต่เขากับเธอใช้ชีวิตร่วมกันในคอนโดฯ ไม่ต่างจากสามีภรรยาคู่หนึ่ง จะต่างก็แค่พราวนภาไม่ได้นอนค้างกับเขาเพราะต้องกลับไปนอนที่บ้าน เขาเองก็เช่นกันที่ต้องกลับไปนอนบ้านของตัวเอง นอกเหนือจากนั้นเราสองคนต่างดูแลกันและกันเป็นอย่างดีเขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้พราวนภาทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ทั่วไป ให้เงินเธอใช้ และดูแลให้เธอสุขสบายเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ส่วนพราวนภาก็คอยมาดูแลทำความสะอาดห้องในคอนโดฯ ให้เขา ทำกับข้าวให้กิน และดูแลเขาในเรื่องอื่น ๆ ไม่ต่างจากภรรยาคนหนึ่งดังนั้นเขาจึงเห็นว่าถ้าพราวนภาเรียนจบเมื่อไรจึงอยากจัดงานแต่งงานทันที เพราะอยา
พราวนภาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียจากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำราวกับยังไม่ตื่นดี เธอเข้าไปสักพักก็ออกมาด้วยสีหน้าแจ่มใส ตามไรผมมีหยดน้ำเกาะอยู่ประปรายบ่งบอกว่าเจ้าตัวล้างหน้าเพื่อความสดชื่น“พี่ดินทำเสร็จแล้วหรือ” หญิงสาวมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่วางเรียงรายกันหกเครื่องแล้วก็ห่อปากทำตาโต“โห อย่างกับฐานปฏิบัติการในซีรีส์ฝรั่งเลย แต่พี่ต้องรอให้เขามาติดอินเทอร์เน็ตให้ก่อนใช่ไหม”“ใช่ แต่ทำเรื่องขอไปแล้วละ รอเขาติดต่อกลับมา พราวหิวรึยัง แล้วทำไมดูเหมือนเดินขาสั่น ๆ ล่ะ”เขาแกล้งถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ วันนี้เขาให้หญิงสาวขึ้นคุมเกมทั้งควบทั้งขย่มได้ตามต้องการ เธอเร่าร้อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็ชอบมากที่หญิงสาวปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาออกมาอย่างเต็มที่ คู่หมั้นของเขาแซ่บลืมโลกขนาดนี้แล้วทำไมเขาต้องรับไมตรีจากผู้หญิงคนอื่นมาทำให้ชีวิตคู่ของเขาต้องวุ่นวายอีกเล่า“ยังจะถามอีกนะ” เธอหันมาค้อนให้วงใหญ่ก่อนจะพูดอีกว่า“พราวไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าคนนิ่ง ๆ แบบพี่ดินจะหื่นจัดได้ขนาดนี้”นฤบดินทร์ห
“พี่ดิน เดี๋ยวพี่ รอผมก่อน” เสียงห้าวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านตะโกนเรียกมาแต่ไกล ทำให้นฤบดินทร์ต้องหยุดรออย่างเสียไม่ได้ เมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นวิ่งมาถึงก็ยื่นช่อดอกกุหลาบช่อเล็กที่มักทำขายกันในวันวาเลนไทน์มาให้เขาแล้วพูดว่า“ผมฝากให้พราวหน่อยสิพี่ วันนี้ขี่จักรยานผ่านหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นพราวออกจากบ้านเลย นะพี่นะ”นฤบดินทร์ยืนเท้าเอวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องทันที “นี่ไอ้อั๋น มึงเอากลับไปเลยนะ หรือจะเอาไปให้สาวที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่พราว น้องมันเพิ่งอยู่ม.สองมึงจะมาให้ดอกไม้บ้าบออะไรเนี่ย เดี๋ยวกูเตะให้เลย”“โธ่พี่ผมไหว้ล่ะ ผมชอบพราวจริง ๆ นะแต่ผมไม่กล้าเอาไปให้ที่บ้าน ผมกลัวพ่อเขาน่ะ” อั๋นยิ้มแหยเมื่อพูดถึงบิดาของพราวนภานฤบดินทร์ทำทีเป็นหักนิ้วดังเป๊าะ ๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “แล้วมึงไม่กลัวกูรึไง กูก็มีศักดิ์เป็นน้าของพราวนะเว้ยมึงอย่าลืม หลานกูยังเด็ก โอเค้ มึงไปไกล ๆ ตีนกูเลยก่อนที่กูจะของขึ้น”“โธ่พี่ จะหวงไว้กินเองรึไงเนี่ย เหวอ!”
“ไม่จริงมั้งพี่ต่าย วันก่อนผมเห็นนะว่าพี่ควงสาวไปกินซูชิน่ะ สาวคนนั้นก็หน้าคุ้น ๆ ซะด้วยสิเหมือนว่าจะทำงานที่นี่เหมือนกันด้วยนี่นา” เขาพูดไปแค่นั้น ในแผนกก็ฮือฮาขึ้นทันที ต่างพากันรุมถามกันยกใหญ่ว่าหญิงสาวที่ต่ายพาไปออกเดตนั้นคือใคร แต่นฤบดินทร์ไม่ตอบเพราะต้องการให้เจ้าตัวพูดเอง“แหมไอ้นี่ พี่อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่เห็นแกกับสาวนักศึกษาคนนั้นแล้วนะ แต่แกเสือกเห็นพี่ด้วยหรือวะ” ต่ายพูดไปยิ้มไป ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย“เห็นสิพี่ ผมยังชี้ให้แฟนผมดูเลยว่านั่นน่ะรุ่นที่พี่แผนก ส่วนสาวคนนั้นก็...พวกพี่ไปสอบถามกันเองละกันนะ ผมพับไมค์ละ” เขาเว้นเอาไว้เพราะจะให้ทุกคนไปถามกับเจ้าตัวเลยดีกว่าหลังจากเลิกงาน นฤบดินทร์รีบไปที่คอนโดมิเนียมที่ตนซื้อเอาไว้เพราะช่างโทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินสายไฟเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และอยากให้เขาเข้าไปตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจดูและทดสอบทุกจุดแล้วไม่มีปัญหา อีกทั้งช่างก็เก็บงาน และทำรางเก็บสายไฟเอาไว้ให้ด้วยทำให้นฤบดินทร์พอใจมาก จึงโอนเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือให้ช่างทันที ครา
“เพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่วันนี่เอง เป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่น่ะ ความจริงแล้วพี่ซื้อดาวน์ต่อมาจากคนอื่นเพราะเขาผ่อนต่อไม่ไหว จะเอาไว้แอบกินอีหนูคนนี้นี่แหละเพราะมีอยู่คนเดียวเนี่ย” เขายื่นหน้าไปจูบริมฝีปากอิ่ม“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ พราวคงต้องติดรถพ่อไปเรียนเหมือนเดิมแล้วละ”“อืม แต่คุณตากับคุณยายยังไม่รู้เลยใช่ไหมว่าพี่ได้งานทำแล้ว” พราวนภายังคงติดเรียกบิดามารดาของเขาว่าคุณตาคุณยายอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากเคี่ยวเข็ญว่าต้องเปลี่ยน เอาที่เธอสบายใจดีกว่า“ใช่ อยากเห็นจริง ๆ ว่าพรุ่งนี้จะทำหน้ากันยังไง คงเหวอน่าดู” เขาหัวเราะคิกคัก คนอื่นอาจจะชอบแกล้งเพื่อนแกล้งแฟน แต่เขาชอบแกล้งบิดามารดาของตัวเอง“คอนโดฯ ที่พี่ดินซื้ออยู่แถวที่ทำงานหรือ” หญิงสาวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนคว่ำแล้วยกตัวช่วงบนขึ้น ส่งผลให้ทรวงอกกลมกลึงชูช่ออะร้าอร่ามอวดสายตาจนชายหนุ่มได้แต่มองตาปรอย“ใช่ เพราะบ้านพี่มันไม่มีพื้นที่สำหรับทำห้องทำงานน่ะ บ้านพี่หลังเล็กไม่ใหญ่เหมือนบ้านพราวก็เลยต้องออกมาซื้อข้างนอกไว้ทำออฟฟิศส่
บิดามารดาของนฤบดินทร์มองดูบุตรชายที่กำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่ทุกข์ร้อน ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกจนกระทั่งหมั้นกับสาวข้างบ้านไปแล้วเรียบร้อย เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าจะออกไปหางานทำอย่างที่ควรจะเป็น จนในที่สุดผู้เป็นบิดาก็ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถามออกไปในที่สุด“ไอ้ดิน นี่แกไม่คิดจะออกไปหางานหาการทำรึไงเนี่ย แกจะเอ้อระเหยเกินไปแล้วนะ”“ไว้ก่อนครับ ขี้เกียจ” เจ้าตัวตอบมาสั้น ๆ พลางหยิบขนมในจานมากินทั้งที่ยังนอนอยู่“ตาดิน แกจะทำตัวอย่างนี้ไม่ได้นะลูก เรามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วนะ นี่ถ้าบ้านโน้นเขาเห็นแกยังนอนไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ยอมออกไปหางานทำเขาจะคิดยังไง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากเตือนขึ้นมาบ้าง เพราะกิจวัตรประจำวันของบุตรชายตอนนี้นอกจากไปรับส่งคู่หมั้นสาวที่มหาวิทยาลัยทุกวันแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกนอกจากนอนดูโทรทัศน์“เอาน่า ถ้าผมอยากไปหางานทำเมื่อไรเดี๋ยวก็ไปเองนั่นแหละ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงหรอก” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยิ่งได้ยินบิดามารดาบ่นกันตามประสาคนแก่ เขาก็แทบกลั้นขำไม่ไหว นั่นเ