Masuk"เร็น! ทางขวา! หัวมันอยู่ตรงอก!" บาระตะโกน เสียงของเธอเกือบจะถูกกลืนหายไปกับเสียงของเงาปีศาจที่กำลังส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอ เสียงที่ฟังดูเหมือนลมหายใจที่เย็นยะเยือกของสัตว์ร้าย เร็นพุ่งตัวหลบเงาปีศาจตัวหนึ่งที่กวาดแขนมาหมายจะฟาดเขาให้แหลกคามือ แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างเผยให้เห็นถึงเงาปีศาจที่สองที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง เร็นใช้มีดอาคมปัดป้องอย่างรวดเร็ว เสียงมีดกระทบกับความว่างเปล่าของเงาปีศาจดัง ฉะ! ราวกับฟันลงไปในอากาศ
"มันเร็วมาก! สองตัวพร้อมกันแบบนี้...!" เร็นตอบกลับไป มือของเขาที่กำมีดอาคมแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนบ่งบอกถึงความเครียดที่เขากำลังเผชิญอยู่ เหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่หน้าผากของเขา บาระพยายามเพ่งมองนาฬิกาอาคมอีกครั้ง แสงสีแดงยังคงสว่างจ้า แต่จุดที่แสดงตำแหน่งของ "หัว" ของเงาปีศาจกลับกระพริบไม่หยุด เหมือนมันกำลังเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา "มันเปลี่ยนตำแหน่งจุดอ่อน! เร็น ระวัง! มันพยายามหลอกเรา!" เงาปีศาจตัวที่สองฉวยโอกาสที่เร็นเสียจังหวะ พุ่งเข้าใส่หมายจะตะปบเขา แต่เร็นพลิกตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด เขากลิ้งตัวไปตามพื้นหินที่เต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง ก่อนจะยันตัวเองขึ้นมาพร้อมกับมีดอาคมในมือ "ไอ้บ้าเอ๊ย! มันฉลาดกว่าที่เราคิด!" เร็นสบถ "แบบนี้ก็เดายากสิ!" บาระพยายามตั้งสติ เธอหอบหายใจถี่จากความตื่นเต้นและหวาดกลัว เธอต้องใช้สมาธิอย่างมากในการตีความสัญญาณจากนาฬิกาที่กำลังรวน "ลอง... ลองแทงที่จุดที่นาฬิกาบอกเร็วที่สุด!" บาระเสนอแนะ "มันอาจจะเป็นจุดอ่อนจริง ๆ ที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วเสี้ยววินาที!" เร็นพยักหน้าเล็กน้อย เขากัดฟันแน่น "ได้! ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้ความเร็วให้มากกว่านี้!" เขาตัดสินใจพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจตัวที่สองทันทีที่มันกำลังจะง้างแขนโจมตีบาระ มีดอาคมในมือของเขากลายเป็นแสงสีเงินพุ่งตรงไปที่ตำแหน่งที่นาฬิกาของบาระระบุเป็นเวลาสั้นที่สุด ฉัวะ! เสียงกรีดร้องที่ไม่มีเสียงดังออกมาจากเงาปีศาจตัวนั้น มันบิดเบี้ยวและแตกสลายออกเป็นเศษเสี้ยวสีดำก่อนจะหายไปในอากาศ เหลือเพียงดวงวิญญาณสีเทาหม่นอีกดวงที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ "อีกหนึ่งแล้ว! บาระ!" เร็นตะโกนบอก บาระไม่รอช้า เธอเปิดฝา ขวดกักเก็บวิญญาณ อีกครั้ง และเริ่มร่ายคาถาด้วยเสียงที่เร็วขึ้นกว่าเดิม "โอ้ ดวงวิญญาณอันเร่ร่อน บัดนี้จงกลับคืนสู่ที่พำนัก... ด้วยอำนาจแห่งอาคม จงถูกกักเก็บ! บัดนี้!" แสงสีม่วงอ่อน ๆ พุ่งออกจากปากขวดอีกครั้ง ดูดกลืนดวงวิญญาณที่เหลือเข้าสู่ภายใน และฝาขวดก็ปิดลงอย่างแน่นหนา ทั้งสองยืนหอบหายใจ ร่างกายของพวกเขาเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ เร็นมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง แต่ก็ไม่พบวี่แววของเงาปีศาจตัวสุดท้าย หรือตัวอื่น ๆ ที่อาจจะซ่อนอยู่ "มัน... มันไปไหนแล้ว?" บาระถามอย่างหอบเหนื่อย ทันใดนั้นเอง นาฬิกาอาคมของบาระ ก็พลันส่งเสียงเตือนอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เสียงกระพริบ แต่เป็นเสียงเตือนยาวที่ฟังดูเหมือนสัญญาณอันตรายขั้นสูงสุด แสงสีแดงที่เคยสว่างจ้ากลับกลายเป็นสีม่วงเข้มอย่างน่าขนลุก และเข็มนาฬิกาก็ชี้ตรงไปยังจุดหนึ่งที่กลางโถงทางเดิน… จุดที่หีบปริศนาที่พวกเขาเจอที่โรงเรียนควรจะอยู่ "มันบอกว่า... มันอยู่ตรงนั้น!" บาระชี้ไปที่กลางโถง "แต่ไม่มีอะไรเลยนี่?" เร็นเดินนำไปอย่างช้า ๆ มือยังคงกำมีดอาคมแน่น ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังจุดที่บาระชี้ "ฉันรู้สึกถึงพลังงานที่รุนแรงมากตรงนี้ บาระ... มันเป็นพลังงานที่แตกต่างจากเงาปีศาจที่เราเจอมา มันแข็งแกร่งกว่ามาก" ขณะที่เขาก้าวเข้าไปใกล้ แรงกดดันในอากาศก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนรู้สึกเหมือนถูกบีบอัด รอบ ๆ ตัวพวกเขามืดมิดลงกว่าเดิม แม้แต่แสงจันทร์ที่เคยส่องลอดเข้ามาก็ดูเหมือนจะถูกดูดกลืนหายไปในความมืดนั้น "มันกำลังก่อตัวขึ้น!" บาระร้องเสียงหลง เมื่อแสงสีม่วงเข้มจากนาฬิกาของเธอเริ่มสว่างวาบราวกับกำลังจะระเบิดออก พื้นหินเก่าแก่ที่เท้าของพวกเขาสั่นสะเทือนเบา ๆ เสียงครืนครั่นดังมาจากใต้พื้นดิน ราวกับบางสิ่งกำลังตื่นขึ้นจากหลับใหล รอยร้าวปรากฏขึ้นบนพื้นหิน และจากรอยร้าวนั้น เงาขนาดมหึมา ก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมา เงาที่สูงเสียดฟ้าจนศีรษะชนเพดานที่พังทลายของปราสาท รูปร่างของมันบิดเบี้ยวและไม่แน่นอน แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากมัน ดวงตาของเงาปีศาจตนนั้นเป็นสีแดงก่ำราวกับถ่านเพลิงที่ลุกโชน มันไม่ได้มีดวงตาเดียว แต่มีดวงตานับสิบดวงที่กระพริบระยับอยู่บนร่างกายของมันที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม เสียงคำรามของมันไม่ได้เป็นเสียงลม แต่เป็นเสียงที่สั่นสะเทือนจิตใจราวกับเสียงกรีดร้องของดวงวิญญาณนับพันที่ถูกทรมาน "นี่มัน... อะไรกันเนี่ย?!" เร็นอุทานด้วยความตกใจอย่างแท้จริง มือของเขาเริ่มสั่นคลอน มีดอาคมในมือดูเล็กจ้อยไปถนัดตาเมื่อเทียบกับขนาดของปีศาจตรงหน้า "มันคือ... ปีศาจผู้เฝ้าประตู" บาระพูดเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือด "ฉันเคยอ่านเจอในตำนาน... ว่าปราสาทโบราณที่เชื่อมกับมิติอื่น มักจะมีผู้เฝ้าประตูที่แข็งแกร่งคอยปกป้อง..." "ผู้เฝ้าประตู? หมายความว่ามันไม่ใช่เงาปีศาจธรรมดาใช่ไหม?" เร็นถาม "ใช่... มันคือแกนกลางของพลังงานเงาปีศาจทั้งหมดในปราสาทนี้ ถ้าเรากำจัดมันได้... เงาปีศาจตัวอื่น ๆ ก็อาจจะอ่อนแอลงหรือหายไปเลยก็ได้" บาระตอบ แต่เสียงของเธอเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ "แต่มัน... มันแข็งแกร่งเกินไป" เงาปีศาจผู้เฝ้าประตูยกแขนข้างหนึ่งขึ้น มันไม่ได้มีรูปร่างที่ชัดเจน แต่เป็นแขนที่ประกอบขึ้นจากเงาที่รวมตัวกันหนาแน่น แขนนั้นกวาดลงมาหมายจะฟาดบาระและเร็นให้แหลก เร็นไม่รอช้า เขากระโดดเข้าใส่บาระและผลักเธอให้หลบพ้นการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด แรงกระแทกจากการโจมตีของปีศาจทำให้พื้นปราสาทสั่นสะเทือน และเศษหินก็ถล่มลงมาจากเพดาน "บาระ! หาหัวมันให้เจอ! เร็วเข้า!" เร็นตะโกนขณะที่เขายืนขึ้นพร้อมมีดอาคม แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแทงเข้าที่หัวของปีศาจขนาดมหึมาเช่นนี้ บาระพยายามอีกครั้ง เธอจ้องมองนาฬิกาอาคมของเธออย่างตั้งใจ แสงสีม่วงเข้มจากนาฬิกายังคงชี้ไปที่จุดเดิมบนร่างกายของปีศาจ แต่คราวนี้มันไม่ได้กระพริบ มันสว่างคงที่ราวกับกำลังบอกว่าจุดอ่อนนั้นอยู่ตรงนั้นจริง ๆ "เร็น! มัน... มันอยู่ตรงกลางอกของมัน! ใกล้ ๆ กับหัวใจ! แต่มันถูกป้องกันด้วยหนามแหลมคม!" บาระตะโกนบอก "บ้าเอ๊ย! หนามคมขนาดนั้นฉันเข้าไปใกล้ไม่ได้!" เร็นมองไปที่หนามแหลมคมที่ปกคลุมทั่วร่างของปีศาจ โดยเฉพาะบริเวณอกที่หนามเหล่านั้นหนาแน่นและยาวกว่าส่วนอื่น ๆ "ต้องทำยังไงถึงจะเข้าไปได้?!" เงาปีศาจผู้เฝ้าประตูคำรามอีกครั้ง เสียงคำรามนั้นทรงพลังจนทำให้กระจกหน้าต่างที่ยังไม่แตกสั่นสะเทือนและระเบิดออก เศษกระจกกระเด็นไปทั่วพื้น "เราต้องเบี่ยงเบนความสนใจของมันก่อน!" บาระเสนอ "แล้วนายก็ฉวยโอกาสเข้าไปแทง!" "จะเบี่ยงเบนยังไงล่ะ! มันดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย!" เร็นตอบกลับมา เขากำลังพยายามคิดหาวิธี แต่ปีศาจตนนี้เหนือกว่าที่พวกเขาเคยเจอมาทั้งหมด จู่ ๆ บาระก็เหลือบไปเห็นเสาหินที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา เสาหินนั้นใหญ่โตและดูมั่นคง แต่ก็มีรอยร้าวอยู่บนพื้นผิว "เร็น! เสานั่น!" บาระชี้ไปที่เสา "ถ้าเราโค่นเสานั้นลงไป มันอาจจะเบี่ยงเบนความสนใจของมันได้!" เร็นมองตามสายตาของบาระ "แต่เสานั่นใหญ่มากนะ! ฉันคนเดียวทำไม่ได้หรอก!" "ลองใช้มีดอาคมของนายสิ! ถ้ามันแทงเงาปีศาจได้ มันก็น่าจะแทงเสาหินได้!" บาระพูดด้วยความหวัง เร็นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาพยักหน้าและพุ่งตัวไปที่เสาหินทันที โดยมีบาระวิ่งตามหลังเพื่อคอยดูสถานการณ์ "เอาล่ะ... มาดูกันว่ามีดบ้า ๆ นี่จะทำอะไรได้บ้าง!" เร็นพูดพลางยกมีดอาคมขึ้นหมายจะฟันลงไปที่โคนเสาอย่างแรง แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือ เงาปีศาจผู้เฝ้าประตูก็พลันขยับตัว มันไม่ได้โจมตีพวกเขาโดยตรง แต่กลับส่งคลื่นพลังงานสีดำออกมาจากร่างกาย คลื่นพลังงานนั้นพุ่งตรงไปที่บาระและเร็นอย่างรวดเร็ว "หลบ!" เร็นตะโกน เขาดึงบาระให้หลบหลังเสาหินได้ทันเวลา คลื่นพลังงานพุ่งผ่านพวกเขาไปกระทบกับผนังปราสาทที่อยู่ด้านหลัง และผนังนั้นก็พังทลายลงมาเป็นผุยผง สร้างเสียงครืนครั่นกึกก้องไปทั่วทั้งปราสาท "มันโจมตีไม่ได้แค่ระยะประชิด!" บาระพูดด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอขาวซีด "เราจะทำยังไงดีเร็น? มันแข็งแกร่งเกินไป!" เร็นหอบหายใจหนัก เขามองไปที่บาระ ดวงตาของเขาสะท้อนความรู้สึกท้อแท้ที่แทบจะมองไม่เห็น "ฉัน... ฉันไม่รู้ บาระ เราอาจจะ..." คำพูดของเขาขาดหายไปกลางคัน ความคิดที่จะยอมแพ้เริ่มผุดขึ้นมาในใจ แต่แล้วเสียงสัญญาณจากนาฬิกาอาคมของบาระก็พลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แสงสีม่วงเข้ม แต่เป็นแสงสีเขียวอ่อนที่กระพริบอย่างรวดเร็ว และมีเสียงเหมือน "ปี๊บ ๆ" คล้ายสัญญาณเตือนเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด "แบตเตอรี่ใกล้หมด!" บาระอุทาน "ถ้าแบตหมด เราก็จะรู้ไม่ได้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ตรงไหน และเราก็ไม่รู้ว่าจะดูดวิญญาณมันยังไง!" สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปอีก พวกเขาไม่มีเวลามากนักในการตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะติดอยู่ในปราสาทร้างแห่งนี้ตลอดกาล หรือที่เลวร้ายกว่านั้น... กลายเป็นเหยื่อของเงาปีศาจผู้เฝ้าประตูตนนี้ "ต้องลองแล้วบาระ!" เร็นตัดสินใจ เขากลับมามีความมุ่งมั่นอีกครั้ง ดวงตาของเขากลับมาฉายแววแน่วแน่ "ถึงจะยากแค่ไหน เราก็ต้องลอง! เราจะไม่มีวันยอมแพ้!" บาระมองหน้าเร็น เธอเห็นความตั้งใจในแววตาของเขา และนั่นก็เป็นแรงผลักดันให้เธอรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่น "โอเค เร็น! ฟังฉันนะ!" บาระเริ่มวางแผน "ฉันจะพยายามใช้พลังงานที่เหลือของนาฬิกาเพื่อหาจุดอ่อนที่แท้จริงให้ได้นานที่สุด นายต้องพยายามหาจังหวะที่มันโจมตี ให้มันเผยจุดอ่อนออกมา แล้วแทงเข้าไป!" เร็นพยักหน้า "ได้เลย! แต่เธอต้องระวังตัวด้วยนะ บาระ! อย่าให้มันเข้าใกล้เธอได้เด็ดขาด!"หลังจากที่เร็นช่วยบาระออกมาจากกับดักที่ปีกทิศใต้ได้สำเร็จ ทั้งคู่รีบออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ หอสังเกตการณ์ทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ซ่อนของผ้ายันต์ผืนสุดท้าย พวกเขาใช้ แผนที่สู่จุดเริ่มต้น ที่ได้จากบาลาซาร์เป็นเครื่องนำทาง"แผนที่บอกว่าเราต้องผ่านซากปรักหักพังเก่า ๆ ทางทิศใต้ไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง" บาระกล่าวขณะที่ใช้แท่นแก้วใส (กุญแจอาคม) ชี้ทิศทางเร็นพยักหน้า "ต้องระวังให้มาก บาระ พวกเงาปีศาจรู้แล้วว่าเรากำลังจะถึงจุดสุดท้ายของการรวบรวมผ้ายันต์ พวกมันจะส่งทุกอย่างที่มีมาขวางทางเราแน่"เมื่อพวกเขาเดินเข้าสู่บริเวณที่เป็นซากปรักหักพังที่มีกำแพงหินสูงใหญ่เรียงรายอยู่มากมาย ทันใดนั้น แสงรอบตัวก็พลันบิดเบือน พวกเขารู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว"เร็น! นี่มันไม่ใช่แค่ซากปรักหักพัง!" บาระอุทานด้วยความตื่นตระหนก "กำแพงมันเปลี่ยนทิศทาง! เราถูกดึงเข้ามาในอาณาเขตอาคม!"พวกเขาพบว่าตัวเองยืนอยู่กลาง เขาวงกตที่ไร้จุดสิ้นสุด ที่ทำจากกำแพงหินสีดำขัดเงาสูงเสียดฟ้า กำแพงเหล่านี้ไม่ได้อยู่นิ่ง แต่ เลื่อนและเปลี่ยนตำแหน่ง ได้เองตามความตั้งใจของพลังงานมืดมิด"เขาวงกต! นี่คือ เขาวงกตแห
เร็นและบาระใช้ กุญแจอาคม ที่ได้มาจากบาลาซาร์ในการเปิดประตูมิติที่นำไปสู่ สวนต้องห้าม (The Forbidden Gardens) สวนแห่งนี้ไม่ได้มืดมิดเหมือนปราสาท แต่กลับสวยงามอย่างน่าขนลุก ทุกอย่างเป็นสีเขียวมรกตและมีหมอกบาง ๆ ปกคลุมพวกเขาต้องฝ่าฟันกับ กับดักแห่งชีวิต ที่ซับซ้อน: พืชกินคน ที่มีพลังอาคม, ภูติพฤกษา ที่โจมตีด้วยภาพลวงตาแห่งความอุดมสมบูรณ์, และ ทางเดินที่บิดเบือน กาลเวลาในที่สุด พวกเขาก็มาถึงแท่นบูชาที่อยู่ใจกลางสวน ที่นั่น ผ้ายันต์ผืนที่ 4 (ผ้ายันต์แห่งการฟื้นฟูชีวิต) เรืองแสงสีทองอร่ามอยู่"เราทำได้แล้วเร็น!" บาระเอื้อมมือไปเก็บผ้ายันต์ไว้ในทันที พลังงานฟื้นฟู ที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังแผ่ออกมาจากผ้ายันต์ผืนนั้น ทำให้ความอ่อนล้าของพวกเขาบรรเทาลงทันที"ผืนที่สี่แล้วบาระ" เร็นยิ้มอย่างโล่งอก "เหลืออีกแค่ผืนเดียวเท่านั้น... ผ้ายันต์แห่งการหยุดยั้ง!"บทที่ 2: กับดักมรณะและการถูกจับกุมพวกเขาใช้เวลาพักฟื้นเล็กน้อยในสวนต้องห้าม และใช้ แผนที่สู่จุดเริ่มต้น ที่ได้จากบาลาซาร์นำทาง พวกเขาต้องเดินทางผ่าน ปีกทางทิศใต้ของปราสาท เพื่อไปยังผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่เชื่อว่าถูกซ่อนอยู่ในหอสังเกตการณ์ทิศใต้เมื่อ
เร็นและบาระปีนขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอยหลักของปราสาทอย่างทุลักทุเล หลังจากเอาชนะผู้บัญชาการเงา 10 ตนมาได้ พวกเขาทั้งเหนื่อยล้าแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ที่นั่นเป็นห้องขนาดใหญ่ มี คริสตัลเงาสีดำ ขนาดมหึมาลอยอยู่กลางอากาศ มันคือแหล่งพลังงานหลักที่แผ่ความมืดมิดไปทั่วปราสาทเมื่อพวกเขาเตรียมตัวที่จะใช้ ดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ ทำลายคริสตัล ทันใดนั้น แสงสีทองอร่าม ก็พลันสาดส่องลงมาจากเพดานผู้พิทักษ์ ตนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น! เขาไม่ได้ดูเหมือนปีศาจเงาหรือภูตน้ำแข็ง แต่มีรูปลักษณ์ที่สง่างามราวกับ นักปราชญ์โบราณ ที่ล้อมรอบด้วยอักษรรูนสีทอง"จงหยุด ณ ที่แห่งนี้ ผู้ถูกเลือก" ผู้พิทักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจแต่แฝงไว้ด้วยความเมตตา "ข้าคือ 'บาลาซาร์' ผู้พิทักษ์แห่งความสมดุลและหอคอย! ข้ารู้ถึงเจตนาของพวกเจ้า... แต่การทำลายนั้นง่ายเกินไป""เราไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับท่าน บาลาซาร์" บาระกล่าวอย่างระมัดระวัง "เรามาเพื่อหา ผ้ายันต์ผืนที่ 4 และทำลายแหล่งพลังงานที่ชั่วร้ายนี้!"บาลาซาร์ยิ้มอย่างขมขื่น "ผ้ายันต์ผืนที่ 4 ไม่ได้อยู่ที่นี่... แต่มันถูกซ่อนอยู่ใน สวนต้องห้าม และมี กุญแจอาคม ที่จำเป็นในการเปิ
เร็นและบาระไม่ได้มุ่งหน้าสู่ สวนต้องห้าม ทันทีตามที่มาวินสั่ง หลังจากเดินทางผ่านอุโมงค์ลับและออกมาสู่ทางเดินหลักของปราสาท บาระหยุดชะงัก"เร็น... ฉันคิดว่าเราไม่ควรไปสวนต้องห้ามตอนนี้" บาระกล่าวขณะที่มองไปยังยอด หอคอยหลัก ที่สูงเสียดฟ้าของปราสาทที่ปกคลุมด้วยเงามืด"ทำไมล่ะบาระ? มาวินสั่งให้เราไป..." เร็นถามด้วยความแปลกใจ"พลังงานมืดมิดที่แผ่ออกมาจากหอคอยนั้น รุนแรงกว่าเดิมมาก" บาระอธิบาย "ฉันสัมผัสได้ว่าพวกมันกำลังใช้หอคอยนี้เป็น ศูนย์กลางพลัง ในการควบคุมปีศาจทั้งหมด! ถ้าเราไปหาผ้ายันต์ผืนที่ 4 ทันที โดยที่ปล่อยให้แหล่งพลังงานนี้ทำงานต่อไป... การต่อสู้ของเราก็จะไม่มีวันสิ้นสุด! เราต้องทำลายมันก่อน!"เร็นมองไปยังดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ในมือของเขา ดาบนั้นเรืองแสงสีม่วงอ่อน ๆ ราวกับตอบรับกับความมุ่งมั่นของบาระ"ถูกต้อง! เรามีอาวุธใหม่และทักษะใหม่ที่เพิ่งฝึกมา! เราจะทำลายแหล่งกำเนิดพลังงานนี้ก่อน แล้วค่อยไปหาผ้ายันต์ผืนที่ 4! ไปกันเถอะ... สู่หอคอย!"พวกเขาปีนขึ้นไปยังบันไดวนที่ทอดสู่ด้านบนของหอคอย แต่เมื่อพวกเขาเดินมาถึง ชั้นที่สาม ของหอคอย ทางเดินแคบ ๆ ก็พลันถูกสกัดกั้นด้วย ปีศาจเงา ถึง 10 ตน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากการลงอาคมดาบแห่งพันธะสมบูรณ์เสร็จสิ้น มาวินได้เรียก จอมทัพเกรย์ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระองค์ที่เหลือรอดเพียงไม่กี่คน และ อดีตองครักษ์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธมาเข้าพบ"จอมทัพเกรย์!" มาวินออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ดาบแห่งพันธะสมบูรณ์ถูกสร้างขึ้นแล้ว! แต่ดาบที่ทรงพลังนี้จะเป็นเพียงเหล็กไร้ค่า หากผู้ใช้ไม่เชี่ยวชาญ! เจ้าจงใช้เวลา 5 วันเต็ม ในการฝึกฝนเร็นและบาระให้สามารถใช้ดาบนี้ได้อย่างคล่องแคล่วและรู้ถึงขีดจำกัดสูงสุดของมัน!"จอมทัพเกรย์เป็นชายร่างกำยำ มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการสู้รบ แต่ดวงตาของเขายังคงส่องประกายด้วยความภักดีและความมุ่งมั่น เขาคุกเข่าลงต่อหน้ามาวิน"พะยะค่ะ ฝ่าบาท! ข้าน้อยจะทำการฝึกฝนพวกเขาอย่างเข้มงวดที่สุด! พวกเขาจะพร้อมออกรบภายใน 5 วัน!"การฝึกฝนถูกจัดขึ้นในบริเวณที่กว้างที่สุดของห้องโถงแห่งพันธะ ที่นี่กลายเป็น สนามฝึกซ้อมชั่วคราว ที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลและความมุ่งมั่นบทที่ 2: การฝึกฝน 5 วันกับดาบแห่งพันธะสมบูรณ์เป้าหมายหลักของการฝึกฝน 5 วันนี้คือการทำให้เร็นสามารถใช้ดาบได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่า
มาวิน, เร็น, และบาระกลับมาถึงห้องโถงแห่งพันธะด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความสำเร็จ พวกเขามอบ แร่เหล็กแห่งเงาสะท้อน ที่มีประกายคล้ายกระจกให้แก่ไอรอนฮาร์ท ช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่ไอรอนฮาร์ทรับแร่เหล็กนั้นไว้ด้วยความเคารพ เขาใช้มือที่หยาบกร้านสัมผัสผิวของแร่เหล็กราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด"แร่นี้... เป็นเพียงชิ้นส่วนสุดท้ายที่ขาดหายไป" ไอรอนฮาร์ทกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "ข้าขอรับรองต่อหน้าเจ้าชายมาวินและผู้ถูกเลือกทั้งสอง... ข้าจะใช้เวลา 3 วันเต็มในการตีเหล็กให้ได้รูปทรง และอีก 1 วันเต็มในการลงอาคมแห่งพันธะสมบูรณ์!"มาวินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "ข้าฝากความหวังของอาณาจักรไว้ที่ท่านไอรอนฮาร์ท!""แล้วเราจะทำยังไงในช่วงสี่วันนี้คะ? เราควรไปหาผ้ายันต์ผืนต่อไปเลยไหม?" บาระถามด้วยความกระตือรือร้นมาวินส่ายศีรษะ "ไม่ได้บาระ... การบุกเข้าไปใน สวนต้องห้าม โดยไม่มีอาวุธที่สามารถผนึกพลังมืดมิดได้สมบูรณ์เป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป"เอเลน่า ผู้อาวุโสแห่งอาคมก้าวเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "พวกเจ้ายังไม่ได้ใช้เวลาที่นี่อย่างคุ้มค่าเลย... พวกเจ้าอาจได้อาวุธ แต่ คาถาอาค







