ทั้งสองคนแทบจะไม่ได้พบกันอีกเลยหลังจากเรียนจบ จนวันหนึ่งนิรมลได้พบชมพูนุทตอนกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวบริษัท
“ชมพูจริงๆ ด้วย เธอมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ”
นิรมลทักทายเพื่อนด้วยความดีใจ ชมพูนุทเองก็ยินดีที่ได้พบเจอเพื่อนอีกครั้ง แต่สีหน้าอีกฝ่ายดูเศร้าสร้อย หญิงสาวรีบถามเพื่อน
“เป็นอะไรหรือเปล่าชมพู มีอะไรเล่าให้นิวฟังได้นะ”
“ฉันหางานทำอยู่น่ะ นี่ฉันเป็นคนว่างงานมาสามเดือนแล้ว ไปสมัครงานไว้ก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกไปทำเสียที ถ้าเดือนนี้ยังไม่มีงานทำอีก ฉันคงต้องกลับบ้านนอกแล้วละ”
น้ำเสียงของชมพูนุทฟังดูน่าสงสารและน่าเห็นใจ นิรมลนิ่งคิด จะช่วยเหลือเพื่อนอย่างไรดีนะ แล้วหญิงสาวก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“ชมพูไปสมัครงานที่บริษัทของนิวสิ ตอนนี้กำลังเปิดรับสมัครประชาสัมพันธ์อยู่ ถ้าโชคดีเธออาจจะได้มาทำงานด้วยกันนะ”
ชมพูนุทพยักหน้ารับคำ เธอไปสมัครงานที่บริษัทตามคำแนะนำของนิรมล และชมพูนุทก็ได้เข้ามาทำงานที่บริษัทด้วยกัน
............................................
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลมาทำงานตามปกติ เธอลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน หญิงสาวเดินไปยังห้องอาหารของบริษัท
นิรมลหยิบนมไปไว้ในตู้เย็น ขณะที่กำลังจะออกจากห้องอาหาร เธอก็ได้เจอวิญญาณแก้วตาอีกครั้ง คราวนี้มายืนอยู่ที่ประตูห้อง เบิกตาโพลงจนเห็นว่าทั้งดวงตาเป็นสีดำ ซ้ำยังมีเลือดไหลทะลักออกมาจากเบ้าตา จมูกและปาก หญิงสาวหน้าซีด ตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า ใจเต้นระรัวราวกับตีกลอง อยากจะกรีดร้องแต่กลับร้องไม่ออก
“นิว!”
เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง นิรมลสะดุ้งตกใจจนเอกภพรีบเดินเข้ามาดู
“นิว...เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดจัง”
“ช่วยด้วย...”
นิรมลหน้าซีดลงไปอีก ตัวเริ่มสั่นด้วยความกลัว หันมาจับแขนเอกภพไว้แน่น
“หนึ่งพานิวไปห้องทำงานทีสิ...นะ...นิวกลัว”
เอกภพค่อยๆ พยุงพานิรมลไปที่ห้องทำงาน หญิงสาวยังคงตัวสั่น เขามองเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกันแน่
“นิวเป็นอะไรน่ะ ไม่สบายหรือเปล่า จะกลับคอนโดฯ ไหม เดี๋ยวหนึ่งไปส่งเอง”
นิรมลส่ายหน้าปฏิเสธ เธอค้นหายาดมในกระเป๋า หยิบขึ้นมาสูดดมจนรู้สึกว่าอาการดีขึ้น ระหว่างนั้นได้แต่คิดว่าทำไมตัวเธอถึงได้เห็นวิญญาณแบบนี้ แต่ทันใดนั้นเอง หูของเธอก็ได้ยินเสียงดังแว่ว...เสียงที่ไม่อยากได้ยินอีกครั้ง
“ช่วย...ด้วย...ฉันอยากให้เธอช่วย”
นิรมลหลับตา ไม่กล้าลืมตาขึ้นมามองเพราะไม่แน่ใจว่าถ้าลืมตาอาจจะได้เห็นภาพน่ากลัวของวิญญาณแก้วตา แต่คราวนี้เหมือนเธอเริ่มตั้งสติได้ หญิงสาวคิดอธิษฐานอยู่ในใจ
แก้วตา หากเธออยากให้ฉันช่วย ขอให้มาหาฉันในสภาพที่ดีกว่านี้เถอะ แล้วอยากให้ช่วยอะไรเธอก็บอกฉันมา
นิรมลลืมตาขึ้นมา เธอเห็นเอกภพนั่งอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เขาจับมือไว้แน่นราวกับว่าต้องการให้กำลังใจ นั่นทำให้หญิงสาวมีอาการดีขึ้น ความสั่นกลัวค่อยๆ หายไป เธอลุกขึ้นยืน
“จิ๋วไม่เป็นอะไรแล้วละ ไปทำงานเถอะ”
เอกภพมองหน้านิรมลอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าของเธอไม่ได้ซีดขาวอีก แต่ก็ยังดูไม่น่าไว้ใจ เขาเงยหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ฝาผนัง เห็นว่าใกล้เวลาทำงานแล้ว จึงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจทำงานละ ถ้าไม่ไหวก็บอกบีแล้วกันนะ”
นิรมลพยักหน้า เริ่มต้นทำงานและพยายามไม่คิดถึงเรื่องที่เพิ่งพบเจอมา เธอทำงานไปเรื่อยๆ และวันนี้ก็มีโทรศัพท์ของลูกค้าเข้ามาสอบถามไม่ขาดสาย ทำให้หญิงสาววุ่นวายกับงานตรงหน้าจนลืมเรื่องราวที่เจอมา
จนกระทั่งเวลาห้าโมงเย็น เสียงข้อความโทรศัพท์มือถือของนิรมลก็ดังขึ้น หญิงสาวยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิม
‘จิ๋วกลับบ้านหรือยัง บีออกมาพบลูกค้า ไม่ได้กลับเข้าบริษัท’
‘ยังทำงานไม่เสร็จเลยบี คงอยู่อีกสักพักน่ะ’
นิรมลยิ้มเมื่อเอกภพกดสติกเกอร์โกรธกลับมา ข้อความที่พิมพ์ต่อมาก็แฝงไว้ด้วยความห่วงใย
‘บีว่าจิ๋วกลับบ้านเถอะนะ งานไว้ทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้นี่นา อีกอย่าง...ตอนนี้อาการจิ๋วเป็นยังไงบ้าง หนึ่งห่วงว่าจะป่วยอย่างเมื่อเช้าอีก’
‘จิ๋วไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่บีขับรถกลับบ้านดีๆ ละ แค่นี้นะ’
นิรมลรีบทำงานต่อจนหกโมงเย็น ขณะนั้นเพื่อนร่วมงานคนอื่นในแผนกกลับบ้านกันไปหมดแล้ว หญิงสาวรู้สึกเมื่อยล้าจึงลุกขึ้นยืน หยิบถ้วยกาแฟบนโต๊ะขึ้นมาเพื่อนำไปล้างก่อนกลับบ้านโดยลืมเรื่องราวที่พบเจอเมื่อเช้า
หญิงสาวเดินไปห้องอาหารด้วยความเคยชิน เธอยืนหันหลังให้ประตูเพื่อล้างแก้วกาแฟ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าด้านหลังตรงประตูห้องอาหารมีใครคนหนึ่งยืนรอเธออยู่อย่างเงียบๆ
นิรมลล้างแก้วกาแฟเสร็จ เธอหันกลับมาเพื่อจะเดินกลับไปที่แผนก หญิงสาวเห็นร่างโปร่งแสงของแก้วตา แต่คราวนี้มาในสภาพปกติ ไม่มีเลือดไหลหรือหน้าตาที่น่ากลัว ร่างนั้นพูดร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยฉันด้วย...”
นิรมลสะดุ้งด้วยความตกใจ อยากจะเดินหนีออกไปก็ไม่ได้ หญิงสาวทำได้เพียงทรุดตัวลงไปนั่งที่เก้าอี้ ก้มตัวลงหลับตาราวกับไม่ต้องการจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีก
“ฉันอยากให้เธอช่วยเอาสร้อยพระกับเงินที่ฉันซ่อนไว้ที่นี่ เอาไปให้สามีและลูกของฉันหน่อยสิ พวกเขากำลังลำบาก ต้องการเงินทองมาใช้จ่าย แล้วก็อยากให้ลูกชายของฉันได้บวชเณรให้ด้วย”
นิรมลได้ยินเต็มสองหู แต่ตัวเธอไม่ได้พูดหรือตอบคำถามอะไรกับวิญญาณแก้วตาเพราะยังรู้สึกกลัวอยู่ ทำได้แค่ก้มหน้า คิดอธิษฐานอยู่ในใจ
นะ...นิวรับรู้แล้ว ว่าแต่...บะ...บ้านคุณแก้วตาอยู่ที่ไหน...มะ...มีรูปหรือเปล่า
ด้วยความกลัวของนิรมล ทำให้แม้แต่การคิดอธิษฐานอยู่ในใจของเธอกลับตะกุกตะกัก หญิงสาวได้แต่นั่งก้มหน้าหลับตา จึงไม่เห็นว่าร่างโปร่งแสงของแก้วตาหายไปนานแล้ว
นิรมลนั่งก้มหน้าอยู่แบบนั้น นานเท่าไรไม่รู้ได้ เธอมัวแต่ก้มจนเริ่มรู้สึกปวดหลัง จึงเงยหน้าขึ้นแต่ยังคงหลับตาปี๋ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา จึงเห็นว่าร่างโปร่งแสงตรงหน้าหายไปแล้ว หญิงสาวรีบวิ่งออกไปจากห้องอาหาร แต่ก็ยังได้ยินเสียงดังแว่วดังไล่หลังตามมา...
“ไป...วัด...แล้วเธอจะได้คำตอบ”
หลังจากวันนั้น ธันวาก็ฝันซ้ำๆ แบบเดิมติดต่อกันถึงเจ็ดวัน ในแต่ละครั้งเขาจะพูดบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับปากกรกฎ จนกระทั่งในคืนที่เจ็ด เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่มียังคงฝันซ้ำๆ เช่นนี้ รู้สึกเอะใจ คิดว่าน้องชายน่าจะต้องการให้เขาไปจัดการเรื่องที่กรุงเทพฯ และเริ่มมั่นใจว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับน้องชาย“พี่ช่วยมาดูแลห้องพักให้ผมที พี่จะขายหรือจะทำอะไรก็แล้วแต่พี่เลยครับ”ธันวาเดินเข้ามาหากรกฎที่ยืนมองเขาด้วยแววตาที่อาลัยอาวรณ์ เขาคิดว่าน้องชายมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะพูด“กฎมีอะไรจะบอกกับพี่หรือเปล่า นี่พี่ฝันเรื่องเดิมๆ แบบนี้ติดกันเจ็ดวันแล้วนะ”กรกฎยิ้ม แต่ใบหน้าของเขายังคงเศร้าหมองอยู่“ผมอยากให้พี่ไปกรุงเทพฯ จัดการเรื่องทรัพย์สินของผมครับ ถ้าพี่ไปที่โน่น คุณนิรมลจะช่วยจัดการเรื่องให้พี่เอง ผมขอร้องนะครับ”ธันวานิ่งเงียบ ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาคิดวนเวียนอยู่ว่าควรจะไปดีไหม จนไม่ได้สังเกตว่ากรกฎกลับค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากเขา กระทั่งได้ยินเสียงกรกฎดังแว่วมาจากที่ไกล“พี่ไปกรุงเทพฯ ให้ได้นะครับ ผมหมดเวลาแล้ว”ธันวาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขานึกเอ
นิรมลและทีมทำงานที่จังหวัดกาญจนบุรีเพียงสองสัปดาห์ พวกเขาก็ได้ผลงานเกินเป้าหมายที่วางไว้ ลูกค้าที่ไปนำเสนอสินค้าพากันซื้อจนสินค้าที่เอาไปไม่เพียงพอ“ผมคุยกับทางท่านประธานแล้ว ท่านบอกว่าทีมเราทำงานกันได้ดีมาก และอนุญาตให้พวกเราหยุดพักผ่อนกันได้ ถ้าใครไม่มีงานด่วนก็กลับไปทำงานวันจันทร์ หรือจะอยู่เที่ยวแถวนี้ก่อนก็ได้นะ”“ไชโย!”ทุกคนร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ โดยเฉพาะชมพูนุทที่หันมาคุยกับนิรมลและเอกภพ“วันพรุ่งนี้ได้กลับบ้านแล้ว”นิรมลนิ่งเงียบ ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว ส่วนเอกภพเขาหันไปพูดกับทุกคน“ผมว่าพวกเรามาเก็บของกันดีกว่า วันพรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางตั้งแต่เช้า ดีไหมครับหัวหน้า ดีไหมนิว ชมพู”ทุกคนพยักหน้าเห็นดีด้วย โดยเฉพาะนิรมลที่ไม่ได้พยักหน้าเฉยๆ แต่กลับดึงมือชมพูนุทให้ขึ้นไปข้างบนด้วยกัน“ไปเถอะชมพู ของแกเยอะด้วย กว่าจะเก็บเสื้อผ้า เก็บเครื่องสำอางต่างๆ ของแกอีก”............................................เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนตื่นกันตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ และทยอยขนกร
หลังจากที่ชมพูนุทและหัวหน้าขึ้นรถตู้ออกไปแล้ว นิรมลกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง“พวกเขาไปแล้ว พี่กล้ามารับนิวกับหนึ่งได้เลยค่ะ”เพียงครู่เดียว รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งก็วิ่งมา มันเป็นรถกระบะสีดำมีแคปให้นั่ง เอกภพมองรถแล้วพยักหน้าบอกกับนิรมลให้เข้าไปนั่งที่แคปด้านหลังจะดีกว่า“อำเภอสังขละบุรีนี่ไกลไหมคะพี่กล้า”“ไปอีกประมาณห้าสิบกิโลเมตร หรืออาจจะไปไกลกว่านั้นเพราะต้องไปแนวตะเข็บชายแดน ถ้ายังไงคุณลองเปิด GPS ด้วยก็ได้ จะได้รู้ว่าเราหลงกันหรือเปล่าด้วย”เอกภพที่นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับรถจึงต้องเป็นคนที่เปิด GPS เพื่อช่วยเพชรกล้าดูทางตามที่อยู่ตามที่หญิงสาวจดมา“ตอนนี้หาบ้านเลขที่ตามสมุดนี่ไม่เจอเลยนิว เอายังไงดีครับ”เอกภพถามแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดู ในขณะที่รถยนต์จอดติดไฟแดงอยู่ เพชรกล้าขมวดคิ้ว เขากำลังนั่งนึกถึงสถานที่ที่กำลังจะไปว่าควรจะไปที่ไหนดี“ถ้าอย่างนั้น สถานที่ที่ง่ายที่สุด หาง่ายที่สุด น้องลองเลือกสถานที่เป็นที่ว่าการอำเภอสังขละบุรีก่อนก็ได้ ตอนนี้ไปให้ถึงก่อน แล้วค่อยว่ากันเรื่องบ้านเลขที่นี้ว่ามันมีไหมดีกว่านะน้องนิว”
หลังจากกลับมาจากตลาดนัดมาบ้านเช่าชั่วคราว นิรมลที่กำลังเดินเข้าบ้านก็ถูกดึงมือเสียก่อน เธอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเอกภพที่เป็นคนดึงมือเธอไว้“มาคุยกันก่อนสิจิ๋ว”เอกภพเดินนำหน้าเธอ เขาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน หน้าเอกภพคิ้วขมวดมุ่นราวกับมีเรื่องให้คิด ใบหน้าที่เคยอารมณ์ดีหรือยิ้มหัวเราะให้เธอกลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูจริงจัง ทำให้นิรมลคิดว่าเขาคงจะเครียดหรือคิดเรื่องอะไรอยู่“บีมีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาดูจริงจัง จิ๋วทำอะไรผิดหรือเปล่า”“ผู้ชายคนที่คุยด้วยที่ตลาดคือใครเหรอ ทำไมถึงดูสนิทสนมกันจัง”เอกภพถาม หน้าตาดูจริงจัง นิรมลเกือบถอนหายใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของเขาที่มองมาแบบต้องการคำตอบ เธอจึงรีบอธิบาย“เขาคือพี่เพชรกล้า สามีของแก้วตาไง คือว่า...จิ๋วมีเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือน่ะ”“ทำไมต้องขอความช่วยเหลือด้วยล่ะ ทำไมมีอะไรไม่เห็นจะเล่าเรื่องให้บีฟังบ้างเลย”นิรมลแอบถอนหายใจไม่ให้เอกภพเห็น หญิงสาวเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟังตั้งแต่ต้นเท่าที่เธอจำได้ รวมทั้งเรื่องราวที่เธอมีสัมผัสพิเศษ แต่เอกภพที่ฟังแล้วกลับยิ่งคิ้วขมวดมากขึ้น เมื่
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลเดินออกมาจากห้องพัก พอดีกับที่รติมา แฟนของกรกฎเปิดประตูออกมาจากห้องข้างๆ เช่นกัน นิรมลทักทายอีกฝ่ายทันที“สวัสดีค่ะคุณรติ เมื่อคืนเข้ามาพักที่นี่เหรอคะ นิวไม่รู้เลยว่าคุณมา”“ค่ะ รติเข้ามาที่นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว รติมาเก็บของ ตั้งใจจะไปพักที่บ้านแม่ค่ะ”รติมาพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นิรมลเดินมาหาอีกฝ่ายเพื่อจะมาปลอบใจ เธอมองอีกฝ่ายถือของเต็มทั้งสองมือจึงอาสาช่วยเหลือ“ถ้าอย่างนั้นนิวช่วยนะคะ กล่องที่วางหน้าห้องนั่นก็ด้วยใช่ไหม”“ขอบคุณค่ะคุณนิว”รติมายิ้มให้ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ นิรมลยกกล่องกระดาษขึ้นมา ไม่หนักสักเท่าไรหรอก พอถือไหวในระหว่างที่กำลังลงลิฟต์ นิรมลก็ชวนอีกฝ่ายคุยถึงเรื่องของกรกฎ“ว่าแต่ทำไมคุณรติไม่อยู่ห้องนี้ต่อล่ะคะ ทำไมย้ายออกไป?”“บ้านแม่อยู่ใกล้ที่ทำงานรติมากกว่าค่ะ อีกอย่างรติก็รู้สึกผิดกับกฎมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แล้วก็...”รติมาพูดแล้วหยุดชะงัก เธอลังเลว่าควรจะเล่าดีหรือไม่ นิรมลที่กำลังฟังอยู่จึงซักถามให้อีกฝ่ายเล่าต่อ“ยังไงต่อเหรอคะคุณรติ”“เมื่อคืน
เมื่อเข้าห้องพักได้ นิรมลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทร. มาหา แต่ปรากฏว่าหน้าจอโทรศัพท์ไม่มีข้อความหรือสัญญาณสายเรียกเข้าขึ้นมาเลย ทำให้หญิงสาวยืนงงอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างแต่ภาพที่เห็น...ทำเอานิรมลมือไม้อ่อนจนโทรศัพท์แทบจะหลุดจากมือ ตรงบริเวณประตูห้อง เธอเห็นวิญญาณของกรกฎยืนมองเธออยู่ แต่เขาไม่ได้เข้ามาใกล้มากกว่านี้วิญญาณกรกฎยิ้มให้นิรมล เขาไม่ได้มาหาในสภาพที่น่ากลัวอีก และในวันนี้เขามาบอกรายละเอียดในการตามหาพี่ชายให้หญิงสาวรับรู้ และขอให้เธอช่วยทำอะไรบางอย่างในสิ่งที่เขาไม่สามารถทำเองได้แล้ว“พี่ชายของผมอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาทำงานอะไร แล้วจะยอมมาดูแลห้องพักให้ผมหรือเปล่า แล้วก็...ผมอยากขอให้ช่วยสืบเรื่องแฟนผมด้วยว่าเธอจงใจหรือตั้งใจทำร้ายผมหรือเปล่า”นิรมลนิ่งเงียบฟังข้อมูลที่กรกฎบอก คิ้วขมวดและนึกอะไรบางอย่าง เธอถามเขาก่อนที่กรกฎจะพูดออกมา“ถ้าอย่างนั้นต้องคิดเรื่องการตามหาพี่ชายของคุณก่อนก็แล้วกัน พี่ชายคุณชื่ออะไรคะ แล้วที่บอกว่าอยู่จังหวัดกาญจนบุรีนี่อยู่ตรงไหน จังหวัดนี้มันไม่ใช