ห้าสิบปีแล้วนับต้องแต่วันสิ้นโลกได้เริ่มต้นขึ้น เพื่อเอาชนะสงครามกับปรสิตต่างดาวที่กินเวลามายาวนานทหารหน่วยพลีชีพจึงถือกำเนิดขึ้น แต่มีทหารหน่วยพลีชีพอยู่สามคนที่เอาชีวิตรอดมาได้ตลอด พวกเขาจะเอาชีวิตรอดไปได้อีกนานแค่ไหนและความสัมพันธ์พิเศษที่พวกเขาไม่คิดว่ามันเป็นมากกว่าเพื่อนจะลงเอยไปอย่างไร เรื่องราวกับทหารในวันสิ้นโลกทั้งสามคน #3P #โอเมก้า #อัลฟ่า #วันสิ้นโลก #ต่อสู้ #ความรักแต่คิดเพื่อนโซน
View More[1] [ตายตอนนี้ก็คงมีแค่นรกที่เปิดรับ]
เสียงระเบิด เสียงปืน และเสียงกรีดร้องทั้งจากมนุษย์และจากปรสิตต่างดาว เสียงพวกนี้บ่งบอกว่าสถานการณ์ในสนามรบตอนนี้กำลังโกลาหลได้ที่ แต่ถึงจะมีเสียงพวกนี้ดังเข้ามาในโสตประสาทเพื่อย้ำเตือนถึงสถานการณ์รอบตัวในตอนนี้แล้วพลทหารหญิงสโนว์ก็ยังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นสนามรบราวกับยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
ซึ่งสโนว์ก็ยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วจริงๆ เพราะตั้งแต่จำความได้เธอก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ในสนามรบระหว่างมนุษย์และปรสิตต่างดาวมาตลอด ตอนนี้สโนว์ตัดสินใจแล้วว่ามันถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจ…
“หวังว่าเจ้าพวกนั้นจะไม่โกรธถ้าฉันไปสวรรค์ก่อน…”
เพียะ!
“ตื่น สวรรค์ของโลกนี้ไม่ต้อนรับคนในตอนนี้หรอก มีแต่นรกเท่านั้นล่ะที่ต้อนรับคนในตอนนี้”
สั่งเสียเสร็จก็ตั้งใจจะไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเลยแต่กลับโดนบางอย่างตบหน้าเรียกสติก่อนและยังโดนบอกว่าสวรรค์ไม่ต้อนรับอีก
เธอไม่ได้เลวขนาดที่สวรรค์รับไม่ได้สักหน่อย!
ตั้งใจจะลืมตาขึ้นมาโวยวายใส่คนที่บังอาจมาขัดขวางการนอนพักผ่อนตลอดกาลของตัวเอง แต่ความคิดนั้นก็ต้องพับเก็บไปเมื่อสโนว์ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเธอ มันคือสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีหน้าตาเหมือนแกะและมีขนาดเท่าฝ่ามือและมีปีกด้วย
เจ้าก้อนขนดูนุ่มนิ่มและน่ารักตัวนี้มันคืออะไร?
“มนุษย์พิเศษอย่างเธอยังตายไม่ได้” สิ่งมีชีวิตประหลาดตรงหน้าได้กล่าวกับเธอ “เธอต้องทำภารกิจกำจัดพวกปรสิตพวกนั้นในสำเร็จก่อน!”
ทันใดนั้นดวงตาสีเขียวของสโนว์ก็มีแววตามุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง ภารกิจยังไม่สำเร็จเธอจะยังตายไม่ได้เด็ดขาด
เพื่อที่จะดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อไปสโนว์จึงจำใจฝืนลุกขึ้นยืนแม้ว่าบาดแผลที่ต้นขาและหน้าท้องจะทำให้เธอเจ็บจนแทบไม่อยากเคลื่อนไหวเลยก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จะต้องฝืนลากสังขารของตัวเองออกไปจากสนามรบแห่งนี้ให้ได้เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง
แต่พอเดินไปได้ไม่ไกลสโนว์ก็เหนื่อยเกินกว่าจะยกขาก้าวต่อไปแล้ว สโนว์สบถด่าร่างกายของตัวเองในใจ ทั้งที่ร่างกายได้วิวัฒนาการจากการได้รับการกระตุ้นจากเซรุ่มพิเศษของกองทัพทหารแล้วแต่ร่างกายของเธอก็ยังอ่อนแอเกินไปสำหรับสงครามนี้อยู่ดี
“สโนว์! สโนว์!”
ในขณะที่เธอกำลังวุ่นวายกับการควบคุมร่างกายของตัวเองให้เดินต่อไปอยู่นั้นเสียงตะโกนเรียกชื่อของเธอก็ดังขึ้นมาแข่งกับเสียงระเบิดรอบตัวและไม่ทันที่สมองของสโนว์จะได้ประมวลผลว่าใครเป็นคนเรียกเธอ ทันใดนั้นร่างกายของสโนว์ก็ถูกคนที่ตะโกนเรียกเมื่อครู่จับอุ้มพาดบ่า
“ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม!?” เขาตะโกนถามเธอพร้อมกับวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนพวกปรสิตที่วิ่งตามหลังมาวิ่งตามไม่ทัน
“ฉันไม่ยอมตายหรอกจนกว่าจะคิดบัญชีเรื่องที่นายแย่งลูกอมของฉันไปกินเมื่อสองปีก่อน!”
“นี่เธอยังแค้นไม่เลิกอีกเหรอ?” วินเตอร์ยิ้มแห้งกับความแค้นอันฝังลึกของเพื่อนสาวเพียงคนเดียว
“ระเบิดจะระเบิดในอีก 30 วินาที!” ฟรอสต์ เพื่อนทหารร่วมรบอีกคนของพวกเธอขี่มอเตอร์ไซค์ตามพวกเธอมา จากนั้นเขาก็ตะโกนบอกข่าวร้ายขณะเดียวกันก็ใช้ปืนยิงพวกปรสิตที่วิ่งตามพวกเธอมาจนหมด
“พวกเรายังอยู่ในรัศมีของระเบิดอยู่เลยนะ!” วินเตอร์เอ่ยเสียงเครียด
“มีบางอย่างผิดพลาดกับระเบิดทำให้เวลาถูกเร่ง เราต้องไปหาที่หลบก่อน” ฟรอสต์อธิบาย
“เฮงซวย!” สโนว์สบถอย่างอดไม่ได้
เพื่อหลบหนีออกห่างจากเขตที่จะได้รับผลกระทบจากแรงระเบิด วินเตอร์จึงวิ่งในความเร็วที่มากขึ้นและฟรอสต์จึงต้องเร่งความเร็วของมอเตอร์ไซค์ตามไปด้วย เนื่องด้วยความพิเศษของร่างกายวินเตอร์จึงสามารถวิ่งได้เร็วเทียบเท่ากับความเร็วสูงสุดของมอเตอร์ไซค์ของฟรอสต์เลยทีเดียว หากช้าฟรอสต์คงตามไม่ทันแน่
“ข้างหน้ามีหลุม” ฟรอสต์เอ่ยเพื่อชี้ทางให้กับวินเตอร์ หลุมที่ฟรอสต์เห็นมันเป็นหลุมที่เกิดมาจากระเบิดขนาดเล็กที่พวกเขาใช้ระเบิดพวกปรสิตตัวหนึ่ง มันไม่ใหญ่มากแต่ก็มากพอสำหรับให้คนสามคนใช้หลบ
วินเตอร์และฟรอสต์จึงไม่รอช้าที่จะกระโดดลงไปในหลุมตรงหน้า แต่แค่นั้นก็ยังไม่น่าวางใจได้ว่ามันจะปลอดภัยวินเตอร์จึงวางสโนว์ลงก่อนและรีบวิ่งไปดึงรถถังพังๆ มาปิดปากหลุมและเสริมด้วยโล่สีใสที่เกิดจากพลังพิเศษของเขามาคลุมอีกชั้น
ตูม!!
เสี้ยววินาทีหลังจากนั้นระเบิดที่มีอานุภาพรุนแรงที่สุดของมนุษย์ก็ระเบิดออก มันราวกับโลกจะแตกเพราะเสียงระเบิดมันดังมากและสร้างปรากฏการณ์แผ่นดินไหวได้รุนแรงมากและคลื่นลมจากแรงระเบิดก็ทำเอารถถังหนักหลายตันเหนือหัวพวกสโนว์ปลิวหายไป หากไม่มีโล่ของวินเตอร์ที่ช่วยป้องกันอีกชั้นพวกเธอคงถูกเศษซากสิ่งต่างๆ ที่ปลิวมาหล่นลงมาทับตาย
นานหลายนาทีกว่าที่ทุกอย่างจะสงบ พวกเธอปลอดภัยจากแรงระเบิดแต่สโนว์คิดว่าเธอกำลังตายเพราะเสียเลือดมาก สติของเธอเริ่มเลือนรางจึงไม่มีสติพอที่จะทำแผลห้ามเลือดให้ตัวเองได้
“สโนว์?” ฟรอสต์สังเกตเห็นความผิดปกติของสโนว์เมื่อเห็นว่าเธอวางหัวบนไหล่ของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรงและพอเขามองไปเห็นชุดทหารสีดำของสโนว์เปียกชุ่มเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือเลือด “วินเตอร์! สโนว์กำลังบาดเจ็บหนัก!”
ฟรอสต์รีบหันไปบอกวินเตอร์ขณะที่เขารีบนำอุปกรณ์ทำแผลและยาออกมาจากมิติซึ่งเป็นพลังพิเศษของเขา ส่วนทางด้านวินเตอร์เมื่อได้ยินคำบอกของฟรอสต์เขาก็ฉีกเสื้อทหารที่หนาแน่นของสโนว์ทิ้งทันทีเพื่อที่จะได้ทำแผลได้อย่างสะดวก
“มีแผลที่ต้นขาและหน้าท้อง” วินเตอร์เอ่ยเพื่อบอกฟรอสต์
ไม่ต้องพูดอะไรกันมากมายพวกเขาก็แบ่งหน้าที่กันอย่างรู้งาน วินเตอร์รับผิดชอบทำแผลที่ต้นขาของสโนว์ส่วนฟรอสต์ก็ทำแผลบริเวณหน้าท้องของสโนว์ เนื่องจากว่าพวกเขาถูกฝึกมาเป็นทหารตั้งแต่จำความได้ เรื่องการทำแผลจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาและพวกเขาก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ทำแผลให้สโนว์เรียบร้อยเหลือเพียงให้ร่างกายของเธอรักษาตัวเองเท่านั้น เพราะสำหรับร่างกายที่ได้รับสารพิเศษจนวิวัฒนาการแล้วสามารถฟื้นฟูร่างกายที่บาดเจ็บหนักได้เพียงแค่พักผ่อนสามวัน
“รู้สึกหิวซะแล้วสิ” เมื่อสโนว์ได้สติเธอก็บ่นขึ้นมา ฟรอสต์หลับตาหนีอย่างเอือมระอากับความตะกละของเธอ
“ท้องเป็นรูรั่วอยู่ไม่ใช่รึไง” ฟรอสต์กล่าว แต่เขาก็เอาอาหารแห้งออกมาจากมิติและป้อนให้กับสโนว์
“ให้ฉันด้วยสิ” วินเตอร์อ้าปากรอการป้อนจากฟรอสต์เหมือนกับลูกนก ฟรอสต์โยนอาหารแห้งเข้าปากวินเตอร์อย่างปฏิเสธไม่ได้ อีกอย่างยังไงซะเขาก็ทำหน้าที่ป้อนหาอาหารให้ลูกนกสองตัวนี้บ่อยๆ อยู่แล้ว เขาค่อนข้างชินกับมัน
พวกเขาทั้งสามคนจะต้องหลบอยู่ในหลุมสักพักจนกว่าพวกปรสิตจะโดนสารพิษที่มาพร้อมกับระเบิดเมื่อครู่ฆ่าตายทั้งหมด ระหว่างนั้นพวกเขาจึงถือโอกาสพักเติมพลังเพื่อจะได้มีแรงปฏิบัติงานต่อ
“ครั้งนี้…หน่วยของเรามีใครรอดบ้าง” วินเตอร์เริ่มบทสนทนาขึ้นมากะทันหัน สโนว์ที่กำลังเคลิ้มหลับจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมามองวินเตอร์ ก่อนที่เธอจะเบนสายตาขึ้นไปมองท้องฟ้าสีเทาเพราะถูกควันระเบิดปกคลุมไว้ทั้งหมด
พวกเขาทั้งสามคนเงียบ คำตอบของคำถามจึงเข้าใจได้ไม่ยากนอกจาก…มีแค่พวกเธอสามคนอีกแล้วที่รอดชีวิตมาได้
พวกเธอเป็นทหารหน่วยพลีชีพ หน้าที่ของทหารหน่วยพลีชีพก็คือบุกทะลวงเข้าไปในรังของพวกปรสิตเพื่อวางระเบิดบวกสารพิษที่เป็นอันตรายต่อพวกปรสิตเพื่อฆ่าล้างพวกมันในคราวเดียว ซึ่งหน้าที่นี้มันเป็นหน้าที่ที่เสี่ยงตายมากเพราะกว่าจะบุกทะลวงฝ่าดงปรสิตเข้าไปได้พวกเขาก็ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมรบไปมากมาย
ทหารหน่วยนี้ได้ชื่อว่าทหารหน่วยพลีชีพเพราะว่าทำงานเสร็จแล้วก็ตายยังไงล่ะ
[44] [กลิ่นป่าน้ำแข็ง]ก่อนดวงอาทิตย์ตกดินเด็กทั้งสองคนได้นำทางทหารทั้งสิบคนไปยังหลุมหลบภัยได้อย่างราบรื่นเพราะปรสิตที่ปรากฏตัวระหว่างทางถูกทหารหน่วยพลีชีพกำจัดจนหมดอย่างง่ายดายเด็กทั้งสองมองทหารหน่วยพลีชีพด้วยสายตาทั้งหวาดกลัวและชื่นชม อาจจะด้วยความต้องการพึ่งพาผู้แข็งแกร่งพวกเขาจึงเริ่มกล้าเปิดปากพูดมากขึ้น“ที่นี่คือหลุมหลบภัยที่พวกเราอาศัยอยู่มาตลอด มันอาจจะดูเก่าไปหน่อยแต่มันแข็งแรงมากและปรสิตก็ไม่เคยหาพวกเราเจอ” เด็กชายกล่าวขณะดึงประตูกิ่งไม้ที่ถูกเถาวัลย์หนาปกคลุมจนสามารถปกปิดประตูโลหะที่หนาและแข็งแกร่งไว้ได้อย่างแนบเนียนเมื่อเปิดประตูเข้าไปพวกเขาก็จะพบเจอกับเส้นทางที่จะนำพาลงไปใต้ดินและพบกับห้องขนาดใหญ่ที่เหมือนว่าจะเป็นด่านป้องกันแรกหากปรสิตบุกรุกเข้ามาได้ และถ้าเข้าไปลึกมากขึ้นก็จะพบกับประตูโลหะอีกบาน ข้างหลังประตูนั่นมีพื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างเรียบง่ายและเนื่องจากหลุมหลบภัยน่าจะไม่ได้รับการดูแลและปรับปรุงเป็นอย่างดีเป็นเวลานานสภาพแวดล้อมภายในหลุมหลบภัยไม่ถือว่าดีมากนัก ซึ่งมันก็ปรากฏให้เห็นชัดเจนบนผนังที่แตกร้าวและมีวัชพืชเติบโตมากมายพร้อมด้วยทั้งกลิ่นชื้นแล
[43] [ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นสาม]ในที่สุดคำสั่งก็ส่งมาถึงทหารหน่วยพลีชีพ แต่ยังไม่ใช่คำสั่งออกรบแต่อย่างใดมันเป็นคำสั่งให้พวกเขาฝึกฝนเพื่อเตรียมตัวสำหรับภารกิจลับต่อไป ซึ่งการเตรียมพร้อมเพื่อภารกิจลับมันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ที่ทหารหน่วยพลีชีพรุ่นแรกและทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามได้มาเจอกันและได้รวมหน่วยเป็นหน่วยพลีชีพเดียวกันตามคำสั่งของผู้บัญชาการ จากนี้ไปก่อนเริ่มทำภารกิจลับที่กำลังจะมาถึงหลังจากนี้ในอีกไม่นานพวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้คุ้นชินกับพลังและทักษะการต่อสู้ของกันและกัน“พบเป้าหมายที่ชั้นสามของอาคาร มันกำลังเข้าใกล้หน้าต่าง จำนวนไม่แน่ชัด” สโนว์กล่าวเสียงไร้อารมณ์เพื่อรายงานไปยังวิทยุสื่อสาร[รับทราบ] เสียงตอบกลับเป็นเสียงของชายหนุ่มที่อ่อนวัยที่ไม่คุ้นเคยเพราะเขาคือสมาชิกทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่สามที่เพิ่งได้รวมหน่วยเข้ากับทหารหน่วยพลีชีพรุ่นที่หนึ่งอย่างพวกเธอ“ฉันจะรอรับชมอยู่ตรงนี้” สโนว์ยืนอยู่บนยอดอาคารร้างอย่างสบายอารมณ์ในตอนนี้ทหารทั้งสองรุ่นได้ออกมาทำภารกิจร่วมกันเป็นครั้งแรกเพื่อประเมินพลังและความสามารถและสร้างความคุ้นชินซึ่งกันและกันก่อนจะต้องออกรบร่วมกันในสง
[42] [สามวันสองคืนที่ร้อนแรง]กลิ่นฟีโรโมนอันรุนแรงของคนสองคนที่ผสมผสานกันในห้องนอนแคบทำให้คนสองคนข้างในห้องมึนเมาด้วยอารมณ์ทางเพศมากยิ่งขึ้น พวกเขาจึงไม่สนใจที่จะคิดคำนวณสิ่งที่ต้องทำ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามสัญชาตญาณเท่านั้นนั่นทำให้ขณะที่สโนว์และวินเตอร์กอดรัดกันและกันอย่างไร้สติสิ่งของรอบตัวของพวกเขาก็ได้รับความเสียหาย หมอนและผ้าห่มกระจัดกระจายอยู่บนพื้นตั้งแต่เริ่มต้น ฟูกที่นอนที่อ่อนนุ่มมากที่สุดในห้องมีร่องรอยการฉีกขาดมากมายจนไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำอีกหลังจากนี้ โครงเตียงที่ทำมาจากเหล็กก็โค้งงอและมีร่องรอยเหมือนถูกนิ้วมือมนุษย์กำแน่นจนบิดเบี้ยว ตู้เล็กๆ ข้างเตียงถูกชนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบและไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมของมัน ผนังห้องที่ถูกสร้างขึ้นมาให้หนาเป็นพิเศษเพื่อปิดกั้นกลิ่นและเสียงก็มีร่องรอยความเสียหายหลายแห่ง บางรอยเหมือนรอยข่วนยาวของกรงเล็บสัตว์ป่า บางรอยเป็นหลุมเหมือนถูกชกอย่างแรงสิ่งของในห้องเสียหายเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตามราวกับว่าคนที่จัดเตรียมห้องจะรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นสิ่งของในห้องจึงไม่ได้มีอะไรมากนัก หากพวกมันเสียหายมันก็ไม่เป็นปัญหามากนัก ซึ่งมันช่วยลดความเสียหา
[41] [มาใช้เวลารอบฮีทด้วยกันเถอะ!]สัญญาณเตือนรอบฮีทของวินเตอร์ปรากฏขึ้นในวันต่อมา สิ่งที่เขาได้รับก็คือห้องส่วนตัวหนึ่งห้องพร้อมกับยาระงับฮีทชนิดรุนแรงหนึ่งแผง หากวินเตอร์พักผ่อนและกินยาอย่างถูกต้องกลิ่นฟีโรโมนของเขาก็จะถูกระงับไว้และรอบฮีทของเขาก็จะสามารถสงบลงได้ภายในสองถึงสามวันซึ่งจะแตกต่างจากรอบฮีทครั้งก่อนที่เขาไม่ได้พักผ่อนหลังจากกินยาระงับ ฤทธิ์ยาจึงหมดอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง และด้วยความกลัวว่าฟีโรโมนของตนจะไปดึงดูดปรสิตให้รู้ตัวก่อนที่แผนการช่วยเหลือสโนว์จะสำเร็จเขาจึงกินยาระงับฮีทเกินขนาดจนรอบฮีทถูกดึงให้ยาวนานขึ้นเป็นสัปดาห์นั่นเองแต่เพื่อช่วยสโนว์เขาจึงยังกินยาระงับอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการฮีทจะหายไป ซึ่งนั่นจึงทำให้ยาระงับที่เป็นส่วนของฟรอสต์หมดลงไปด้วยและกลายเป็นว่าฟรอสต์ต้องระงับอาการฮีทด้วยการระบายออกมาทางร่างกายแทนเรื่องนั้นได้ทำให้วินเตอร์อิจฉามากมันเป็นอารมณ์ที่วินเตอร์ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแต่หลังจากนั้นมันทำให้เขารู้สึกชัดเจนกับสิ่งที่เขาต้องการจะทำวินเตอร์จึงนำแผงยาระงับฮีทที่เขาไม่ต้องการยัดเข้าไปใต้ฟูกที่นอนและทำเป็นลืมมันไป ยาแผงนี้น่าจะไม่ถูกนำออกมาอี
[40] [อาการก่อนฮีท]เดิมทีการที่มนุษย์ได้รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของราชาปรสิตมันเป็นความหวังที่จะทำให้พวกเขาเอาชนะเหล่าปรสิตได้ แต่เมื่อราชาปรสิตเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีของมนุษย์เพื่อประกาศอำนาจของตัวเอง จากความหวังมันก็กลายเป็นความสิ้นหวังเผ่าพันธุ์มนุษย์ตกอยู่ในความวุ่นวายครั้งใหญ่อีกครั้ง ตอนนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อโต้กลับและสร้างความหวังให้กับมนุษย์อีกครั้ง ด้วยเหตุนี้มนุษยชาติที่หลงเหลืออยู่ทั่วโลกจึงมีแผนการที่จะร่วมมือกันเพื่อต่อกรกับศัตรูของโลกรวบรวมผู้นำผู้รอดชีวิตทั่วโลก ผนวกกองกำลังเข้าด้วยกัน ส่งกองกำลังรบแนวหน้าออกไปรับมือกับเหล่าปรสิตที่บ้าคลั่ง ต่อต้านไม่ให้พวกมันกลืนกินพื้นที่ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของมนุษย์ไปมากกว่านี้ แน่นอนว่าในขณะเดียวกันกองกำลังลับก็ถูกส่งออกไปเพื่อตามหาอุกกาบาตต้นกำเนิดของพวกปรสิตเพื่อที่เหล่ามนุษย์จะได้เปิดสงครามสุดท้ายกับราชาปรสิตอย่างเต็มตัวอย่างไรก็ตามปฏิบัติการทั้งหมดนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับทหารหน่วยพลีชีพเลย พวกเขามีภารกิจสำคัญอย่างอื่นในอนาคตข้างหน้า คำสั่งที่ทหารหน่วยพลีชีพได้รับในตอนนี้ก็คือคำสั่งรวมหน่วยและรอรับคำ
[39] ประกาศตัวตนของราชาเหล่ามนุษยชาติผู้รอดชีวิตทั่วโลกได้รับข่าวใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี นั่นคือข่าวการปรากฏตัวของราชาปรสิตที่พวกเขาไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่มาก่อน นั่นอาจจะเป็นข่าวดีก็ได้และเป็นข่าวร้ายในเวลาเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายการปรากฏตัวของราชาปรสิตก็ได้ทำให้เหล่ามนุษยชาติที่อยู่แยกและตัดขาดออกจากกันเพราะสถานที่หลบภัยอย่างโดมเริ่มกลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับราชาปรสิต พวกเขาจึงได้คาดการกันว่าสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างมนุษยชาติและปรสิตต่างดาวอาจจะใกล้สิ้นสุดลงแล้วก็ได้จะชนะหรือแพ้ก็ต้องรอตัดสินในสงครามครั้งสุดท้ายนี้แล้วอย่างไรก็ตามก่อนสงครามครั้งสุดท้ายจะเริ่มต้นขึ้นมนุษยชาติก็ต้องเตรียมตัวอีกมากเพราะหลังการล่มสลายของหลายประเทศและผู้คนต่างก็อาศัยอยู่ในโดมแบบกระจัดกระจายการที่จะร่วมมือกันในการต่อสู้ครั้งใหญ่จำเป็นจะต้องเตรียมตัวหลายขั้นตอนอย่างไรก็ตามการเตรียมการเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับพลทหารหน่วยพลีชีพ สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือรอรับภารกิจที่แสนสำคัญและยิ่งใหญ่เท่านั้น ระหว่างนั้นก็ทำได้แต่พักผ่อนและฝึกฝนร่างกายให้พร้อมรบ“สโนว์! สโนว์! ชื่อเ
[38] [จ้องรอจังหวะ]เคียร่าเคยได้ยินคนโบราณกล่าวไว้ว่าแมวคิดจะยึดครองโลกและมันอาจจะเป็นความจริงก็ได้เพราะเขาถูกแมวที่ตัวเองเลี้ยงแย่งทุกอย่างไป!เซบาสเตียนที่เขาเชื่อว่าเป็นพ่อบ้านที่ภักดีต่อเขามากที่สุดตอนนี้กลับก้มหัวรับใช้แมวขาวตัวนั้นที่เปิดเผยตัวออกมาว่าคือราชาปรสิต จากที่รู้สึกว่ามันน่ารักจนรับมาเลี้ยงดูอย่างดี ตอนนี้แค่นึกถึงหน้ามันก็รู้สึกหมั่นไส้แล้วและยิ่งได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมันก็นึกเกลียดชังมาก เคียร่ามานึกเสียใจทีหลังเสียแล้วที่รับมันมาเลี้ยง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเขามีบุญคุณที่รับมันมาเลี้ยงรึเปล่ามันถึงยังไว้ชีวิตของเขาอยู่ใช่แล้ว หลังจากที่วินเตอร์และฟรอสต์หนีไปโดยไม่ได้พาเคียร่าไปด้วย เคียร่าก็ไม่ได้ถูกฆ่าแต่อย่างใด เขายังมีชีวิตอยู่ในฐานทัพขององค์กรไกด์ ซึ่งเป็นองค์กรที่ทรยศมนุษยชาติและร่วมมือกับปรสิต แต่ถึงจะมีชีวิตอยู่การใช้ชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนไปทั้งหมด จากเจ้าชายที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราตามใจ เขาถูกยึดทุกอย่างไปและต้องอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ และสกปรกและมีอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและไม่อร่อยเลยสักนิด อย่างไรก็ตามพวกนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะขังเคียร่าไว้ในห้อง เคียร่าสามารถออ
[37] [โอเมก้าน่ะ XXX จัดนะ]ยิ่งสโนว์สูดดมกลิ่นฟีโรโมนป่าสนฤดูหนาวของฟรอสต์มากเท่าไหร่ร่างกายของเธอก็ยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองมากขึ้นเท่านั้น ร่างกายของเธอเริ่มรู้สึกร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่กำลังอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ดูเหมือนว่าความหนาวเย็นภายในถ้ำน้ำแข็งจะไม่ช่วยคลายความร้อนให้เธอได้เลย ทว่าคนที่รู้สึกร้อนมากที่สุดไม่ใช่เธอ แต่เป็นฟรอสต์ที่กำลังฮีทต่างหากล่ะตอนนี้สโนว์และฟรอสต์ได้เข้ามาอยู่ในส่วนที่ลึกมากที่สุดของถ้ำเพื่อไม่ให้กลิ่นฟีโรโมนเล็ดลอดออกไปข้างนอกและที่สำคัญคือความเป็นส่วนตัวฟรอสต์ได้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาอย่างไม่กลัวความหนาวเพราะตอนนี้ร่างกายของเขาร้อนมากจนแทบจะสามารถละลายน้ำแข็งได้แล้ว เมื่อถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดและเขาก็คิดจะฉีกเสื้อผ้าของสโนว์ทิ้งด้วย“เดี๋ยว ฉันจำเป็นต้องถอดด้วยเหรอ” สโนว์ที่คิดเพียงว่าจะใช้กลิ่นอัลฟ่าของเธอเพื่อบรรเทาอาการของเขาเท่านั้นได้เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“เธอจะช่วยฉันใช่ไหม?” ฟรอสต์ถามขณะที่จังหวะลมหายใจของเขาเริ่มถี่มากขึ้น สโนว์สัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนระอุของฟรอสต์ที่พัดผ่านบนผิวของเธอได้อย่างชัดเจนและดวงตาสีน้ำเงินของเขาที่จ้องมองมายังเ
[36] [รวมตัวกันอีกครั้ง]ฟรอสต์ได้พาสโนว์ผ่านประตูมิติมายังถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่ง มันน่าจะเป็นถ้ำสักแห่งที่มีอยู่ในเขตภูเขาหิมะที่กว้างใหญ่นั่นแหละเพราะระยะทางการข้ามผ่านมิติของฟรอสต์ไม่ได้กว้างใหญ่มากนักและดูเหมือนว่ามันจะกินพลังค่อนข้างมาก ฟรอสต์ที่สีหน้าเหนื่อยอ่อนอย่างชัดเจนแต่เขาก็ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนที่กำลังโอบอุ้มสโนว์อยู่เขาเอาเตาผิงพกพาขนาดเล็กออกมาจากมิติและจุดไฟจากนั้นก็นั่งลงข้างๆ โดยที่ให้สโนว์นั่งพิงอยู่บนตัก จากนั้นเขาก็เริ่มทำลายกำไลที่เป็นเครื่องควบคุมบนข้อมือและข้อเท้าและคอของเธอออก เขาเอามันออกด้วยการทำให้มันหายไปด้วยพลังมิติของเขา สโนว์จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไร“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” ฟรอสต์ถามเพราะยังเห็นว่าเธอยังดูอ่อนแรงผิดปกติ เขาจับสำรวจไปทั่วร่างกายของเธอ“ไม่…แค่ต้องรอให้ยาหมดฤทธิ์” สโนว์นั่งหลับตาและไม่พูดอะไรอีกฟรอสต์หรี่ตามองคนบนตักอย่างเงียบเชียบ เสื้อตัวบางที่สโนว์สวมอยู่ไม่สามารถปกปิดร่องรอยเบาบางบนร่างกายของเธอได้ เพียงแค่คิดว่าไอ้นั่นสัมผัสเธออย่างไรก่อนที่เขาจะไปถึงมันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับมีไฟสุมอยู่ในอก เขาคว้าผ้าห่มออกมาจากมิติและคลุมร่างกายของเธอก่อนจ
Comments