LOGINจากสาวนักธุรกิจหมื่นล้านที่ถูกหักหลังสู่หญิงสาวชนบทปี 1978 ที่กำลังจะอดตายแต่เธอมีระบบวิเคราะห์ความสำเร็จในหัวความจนหรืออดีตหยุดเธอไม่ได้อีกต่อไปเพราะสิ่งที่เดียวที่เธอรู้คือ เธอรวยแน่100%!!
View Moreรวยแน่ 100%
บทที่ 1 เถ้าธุลีแห่งจักรพรรดินี
ปี 2024, นครเซี่ยงไฮ้
บนชั้นสูงสุดของตึก ฟีนิกซ์ทาวเวอร์ ตึกระฟ้าที่เสียดแทงก้อนเมฆและเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจทางเทคโนโลยีของเอเชียไป่หลิง นั่งอยู่บนหัวโต๊ะ ร่างระหงในชุดเดรสสูทสีดำสนิทขับเน้นรัศมีอันน่าเกรงขามของเธอออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
ดวงตาเรียวคมกริบดุจใบมีดของเธอกวาดมองไปทั่วห้องประชุมที่เงียบงันราวกับป่าช้า บรรดาผู้บริหารระดับสูงที่ปกติมีเงินเดือนหลายล้านหยวน บัดนี้กลับนั่งตัวลีบหลังงุ้ม ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเธอตรงๆ
เธอคือไป่หลิง จักรพรรดินีแห่งHorizon Techอาณาจักรเทคโนโลยีมูลค่าหลายหมื่นล้านที่เธอปั้นขึ้นมาจากสองมือเปล่า วันนี้... คือวันพิพากษา
"โปรเจกต์ โอไรออน" เสียงของเธอเย็นเยียบแต่ก้องกังวาน "ใช้งบประมาณไปหนึ่งพันสามพันร้อยล้านหยวน ใช้เวลาพัฒนาสองปีเต็ม ผลลัพธ์ที่ได้คือแอปพลิเคชันที่ล่มตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว สร้างความเสียหายให้บริษัทประเมินค่าไม่ได้... คุณหลิว ในฐานะหัวหน้าโปรเจกต์ มีอะไรจะแก้ตัวไหม?"
ชายวัยกลางคนชื่อหลิวสะดุ้งสุดตัว เหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นเต็มหน้าผาก "ท่านประธานครับ มัน...มันเป็นเหตุสุดวิสัย..."
"สุดวิสัย?"
ไป่หลิงแค่นยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองหนาวเยือกไปถึงกระดูก
"สุดวิสัยคือการที่เซิร์ฟเวอร์หลักของคุณตั้งอยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงน้ำท่วมโดยไม่มีแผนสำรองงั้นหรือ? หรือสุดวิสัยคือการที่คุณอนุมัติโค้ดที่มีช่องโหว่ร้ายแรงโดยไม่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยขั้นสุดท้าย? ในพจนานุกรมของฉัน คำว่า 'สุดวิสัย' มีไว้สำหรับคนขี้แพ้ ส่วนสิ่งที่คุณทำ เขาเรียกว่า 'ความประมาทเลินเล่อขั้นหายนะ'"
เธอเคาะนิ้วลงบนโต๊ะกระจก เกิดเสียง
"คลิก" เบาๆ แต่หนักแน่นดุจค้อนของผู้พิพากษา
"คุณถูกไล่ออก เก็บของส่วนตัวแล้วไปรับเงินชดเชยที่ฝ่ายบุคคลได้ภายในหนึ่งชั่วโมง"
สิ้นคำประกาศิต ชายคนนั้นก็ทรุดลงบนเก้าอี้ราวกับไร้กระดูกสันหลัง ไม่มีใครในห้องกล้าคัดค้าน นั่นคืออำนาจของไป่หลิง... เด็ดขาด เฉียบคม และไร้ความปรานี
เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง ผู้บริหารคนอื่นๆ ก็รีบทยอยออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงคนสามคนในห้องกว้าง
ไป่หลิงถอนหายใจยาว เปลือกตาที่แข็งกร้าวเมื่อครู่พลันอ่อนแสงลง เธอนวดขมับเบาๆ ความเหนื่อยล้าฉายชัดบนดวงหน้าอันงดงาม
"เหนื่อยหน่อยนะ หลิงเอ๋อร์" เสียงทุ้มนุ่มนวลดังขึ้นข้างกายเฉินเฟิงชายหนุ่มรูปงามผู้เป็นคนรักและประธานฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท เดินเข้ามาโอบไหล่เธออย่างปลอบโยน
"ฉันแค่ผิดหวัง" เธอตอบ พลางเอนศีรษะซบไหล่กว้างของเขา
"เราทุ่มเทกับโอไรออนไปมาก"
"ไม่เป็นไรหรอก" ชายอีกคนพูดขึ้น เขาคือลู่เหว่ยเพื่อนสนิทและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท
"เราพลาดได้ แต่เราก็ลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ"
ไป่หลิงยิ้มบางๆ "นั่นสินะ... โชคดีที่ฉันยังมีพวกนายสองคนอยู่"
เฉินเฟิงยิ้มละมุน
"แน่นอนสิ เราจะอยู่ข้างเธอเสมอ" เขาพูดพลางยื่นปากกาและเอกสารปึกหนึ่งให้เธอ
"นี่คือเอกสารอนุมัติงบประมาณก้อนใหม่สำหรับโปรเจกต์ฟื้นฟู แค่เธอเซ็น ทุกอย่างก็จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้"
"ขอบใจนะ" ไป่หลิงรับเอกสารมาโดยไม่ได้มองรายละเอียด... อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่เธอแสร้งทำ ดวงตาเหลือบมองลายน้ำพิเศษที่มุมกระดาษเพียงเสี้ยววินาที... เป็นลายน้ำที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ในฐานะคนที่สร้างบริษัทมากับมือ ไม่มีรายละเอียดใดที่รอดพ้นสายตาเธอไปได้ แม้แต่กระดาษที่ใช้ในบริษัท! หัวใจของเธอเย็นเยียบลงทันที แต่ใบหน้ายังคงระบายยิ้มไว้วางใจเช่นเดิม เธอรู้ตัวมาหลายสัปดาห์แล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล การเงินที่รั่วไหลอย่างผิดสังเกต พฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ของคนทั้งสอง... ไป่หลิงไม่ใช่คนโง่ เธอไม่ใช่เด็กสาวที่เพิ่งเข้าสู่วงการธุรกิจอีกต่อไป
เธอจรดปลายปากกาเซ็นชื่อของตัวเองลงไป... แต่เป็นลายเซ็นที่ต่างจากปกติเล็กน้อย... เป็นลายเซ็นที่เธอใช้สำหรับเอกสาร ‘ที่เป็นโมฆะ’ ซึ่งมีเพียงเธอและทนายความส่วนตัวเท่านั้นที่รู้
ทว่า... ทันทีที่เธอวางปากกาลง บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไป
รอยยิ้มของเฉินเฟิงที่เคยอบอุ่นกลับกลายเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่น่าขนลุก ลู่เหว่ยที่เคยดูซื่อสัตย์จริงใจ บัดนี้กลับยืนกอดอกมองเธอด้วยแววตาของผู้ชนะ
"ในที่สุด... เธอก็เซ็น" เฉินเฟิงหัวเราะในลำคอ
"เอกสารพวกนี้ไม่ใช่คำของบประมาณใหม่หรอกนะ ที่รัก มันคือเอกสารโอนหุ้นทั้งหมดของเธอ... ให้กับฉันและลู่เหว่ยแต่เพียงผู้เดียว"
ราวกับมีค้อนยักษ์ทุบลงกลางศีรษะ โลกทั้งใบของไป่หลิงหมุนคว้าง แต่เธอกลับฝืนยืนหยัดอย่างมั่นคง ความเจ็บปวดแล่นริ้วในอก แต่ดวงตาของเธอกลับวาวโรจน์ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
"ฉันรู้อยู่แล้ว"
คำพูดของเธอทำให้คนทั้งสองชะงักไป เฉินเฟิงขมวดคิ้ว
"เธอว่าอะไรนะ?"
ไป่หลิงหัวเราะเบาๆ เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสมเพช "พวกนายคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ? คิดว่าฉันจะไม่สังเกตเห็นเงินทุนที่ถูกยักยอกไปเข้าบัญชีลับในต่างประเทศของนายเหรอ เฉินเฟิง? หรือคิดว่าฉันจะไม่รู้เรื่องที่นายแอบไปพบกับคู่แข่งของเราบ่อยๆ เหรอ ลู่เหว่ย?"
ใบหน้าของทั้งคู่ซีดเผือด
"เธอ...เธอรู้ได้ยังไง!" ลู่เหว่ยอุทาน
"พวกนายทิ้งร่องรอยไว้เยอะเกินไป" ไป่หลิงกล่าวอย่างเย็นชา
"ฉันให้โอกาสพวกนายแล้ว... ให้โอกาสสารภาพ แต่พวกนายกลับเลือกหนทางที่เลวร้ายที่สุด"
เธอชี้นิ้วไปที่กองเอกสาร "เอกสารพวกนั้นน่ะเหรอ? ลายเซ็นนั่นเป็นโมฆะ ทนายของฉันได้รับการยืนยันแล้ว และแน่นอนว่าการกระทำของพวกนายก็ถูกบันทึกไว้หมดแล้ว... ทั้งภาพและเสียง" เธอมองไปยังกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วที่ซ่อนอยู่ในเครื่องฟอกอากาศ
เฉินเฟิงหน้าถอดสี แต่แล้วเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
"แล้วยังไง! เธอคิดว่าแค่นี้จะหยุดพวกเราได้เหรอ? หุ้นส่วนใหญ่ในบอร์ดบริหารอยู่ข้างฉัน! ต่อให้เอกสารนี้เป็นโมฆะ พวกเขาก็จะโหวตเธอออกจากตำแหน่งอยู่ดี! เธอมันจบแล้วไป่หลิง! จบแล้ว!"
"ฉันอาจจะจบ... แต่พวกนายก็ต้องล่มจมไปพร้อมกับฉัน!" ไป่หลิงสวนกลับทันควัน ดวงตาของเธอฉายแววอำมหิต
"เฉินเฟิง... นายคงลืมไปสินะว่ากองทุนส่วนตัวทั้งหมดของนาย... ที่นายเอาเงินของบริษัทไปฟอก... นายลงทุนผ่านโบรกเกอร์ที่ฉันเป็นคนแนะนำให้"
หัวใจของเฉินเฟิงหล่นวูบ "เธอ... เธอหมายความว่ายังไง"
"ฉันหมายความว่า... เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ขณะที่พวกเรากำลังประชุมกันอยู่ ทนายของฉันได้ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้กับโบรกเกอร์ของนาย... เป็นเอกสารมอบอำนาจที่นายเคยเซ็นให้ฉันไว้เมื่อนานมาแล้วตอนที่เรายัง 'รัก' กันดี นายคงจำไม่ได้สินะ?"
เฉินเฟิงเบิกตากว้าง ความทรงจำแล่นกลับเข้ามา... เอกสารที่เขาเซ็นอย่างไม่ใส่ใจตอนไป่หลิงบอกว่าจะช่วยจัดการเรื่องการลงทุนที่ซับซ้อนให้
"ฉันใช้เอกสารฉบับนั้น... สั่งขายชอร์ต (Short Sell) หุ้นของบริษัทคู่แข่งทั้งหมด โดยใช้เงินในกองทุนของนายเป็นหลักประกัน... และในขณะเดียวกัน ก็ปล่อยข่าวลวงที่นายเตรียมไว้เพื่อทำลาย Horizon Tech ออกไปสู่ตลาด... แต่เปลี่ยนเป้าหมายเป็นบริษัทนั้นแทน"
ติ๊ง!
โทรศัพท์มือถือของเฉินเฟิงและลู่เหว่ยดังขึ้นพร้อมกัน ข้อความด่วนจากตลาดหลักทรัพย์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
[หุ้นของ 'Stellar Corp' ดิ่งเหว 80% หลังมีข่าวลือเรื่องการล้มละลาย]
"เงินทั้งหมดของนาย... หลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งหมดของนาย... มันหายไปแล้ว เฉินเฟิง" ไป่หลิงกล่าวสรุปด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึก "นายไม่ได้แค่ล้มละลาย... แต่นายยังเป็นหนี้มหาศาลจากการทำ Short Sell ผิดพลาดอีกด้วย ยินดีด้วยนะ... จากมหาเศรษฐีคนใหม่ กลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน"
"ไม่จริง!!! อ๊ากกกกกก!นังบ้า ฉันจะฆ่าแก่" เฉินเฟิงกรีดร้องอย่างเสียสติ เขาพุ่งเข้าใส่ไป่หลิงราวกับสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ แต่หน่วยรักษาความปลอดภัยที่เขาเรียกมาเองกลับเข้ามารวบตัวเขาไว้ก่อน
"เอาตัวมันออกไป!ลากมันออกไป!!!" เขาตะโกนลั่น
หน่วยรักษาความปลอดภัยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะทำตามคำสั่งของผู้ที่ (ณ เวลานี้) ดูเหมือนจะเป็นผู้ชนะ พวกเขาลากไป่หลิงออกจากห้องประชุม
ไป่หลิงไม่ได้ขัดขืน เธอเดินออกมาอย่างผู้แพ้ที่ยังคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรี เธออาจจะสูญเสียบริษัท แต่เธอก็ได้ลากคนที่ทรยศเธอลงนรกไปด้วย แม้มันจะเป็นชัยชนะที่ว่างเปล่าและเจ็บปวดก็ตาม
เธอถูกผลักออกมาสู่ทางเท้าด้านนอกตึกระฟ้าที่เคยเป็นของเธอ
ซ่า...
ฝนเม็ดใหญ่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารับรู้ความพ่ายแพ้ และผิดพลาดที่เธอเลือกไว้ใจคนผิด และนี่คือสิ่งที่เธอต้องชดใช้ ไป่หลิงยืนตากฝน เนื้อตัวเปียกปอน แต่กลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด หัวใจของเธอ...มันด้านชาไปหมดแล้ว เธอมองขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของตึก เห็นเงาของลู่เหว่ยที่ยืนมองลงมาด้วยสีหน้าซับซ้อน ส่วนเฉินเฟิงคงกำลังคลุ้มคลั่งอยู่ข้างใน
จบแล้ว... ทุกอย่างที่เธอสร้างมา พังทลายลงในพริบตา...เพียงเพราะความไว้ใจ...โง่เพราะรักและไว้ใจ...
/////
บทที133 ตอนพิเศษ... สมการรักนิรันดร์ณ คฤหาสน์ตระกูลหวังในสวนอันเงียบสงบ หลิวเจียยืนอยู่เบื้องหน้าหวังหลิน ไม่ใช่ในฐานะอัจฉริยะผู้เย็นชา แต่เป็นเพียงชายหนุ่มที่ตรรกะทั้งชีวิตได้พังทลายลงเพราะสตรีเพียงคนเดียว"หวังหลิน... ผมขอโทษ" น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ"สมการที่ผมเคยเชื่อว่าสมบูรณ์แบบมันผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ผมมองข้ามตัวแปรที่สำคัญที่สุดนั่นคือหัวใจของเธอ"หวังหลินมองลึกเข้าไปในดวงตาที่สับสนของเขา ก่อนจะยิ้มออกมาบางเบา"สมการที่ซับซ้อนที่สุด ก็อาจมีคำตอบที่เรียบง่ายที่สุดค่ะ รุ่นพี่ฉันไม่เคยต้องการให้ใครมาคำนวณคุณค่าของฉัน ฉันแค่ต้องการใครสักคนที่มองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น"คำพูดนั้นปลดเปลื้องความหนักอึ้งในใจของหลิวเจียจนหมดสิ้นเมื่อทั้งสองเดินกลับเข้ามาในตัวคฤหาสน์ หวังเทียนซานนั่งรออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แววตาฉายแววหยั่งรู้ หลิวเจียไม่ลังเล เขาก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมที่สุดในชีวิต"ท่านลุงหวังครับ ผมได้กระทำการอันโง่เขลาและเย่อหยิ่งต่อคุณหนูหวังหลิน ผมใช้ตรรกะที่เย็นชาของตัวเองตัดสินคุณค่าของเธออย่างผิดพลาด ผมยอมรับผิดทุกประการและมาเพื่อขอโอกาส... โอกาสที่จะได้พิสูจน์ว่าผมคู่ควร
บทที่ 132 บทส่งท้าย...แต่งงานกันเถอะ!!อาณาจักรของกลุ่มพันธมิตรก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเซี่ยงไฮ้เท่านั้นหากคุณเดินทางไปที่ใดก็ตามในประเทศจีนยุคใหม่นี้... เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่พบเห็นสัญลักษณ์ของพวกเขาณ กรุงปักกิ่ง... เด็กนักศึกษาสาวกำลังเปิดถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ หงส์เพลิงกินแก้หิวในช่วงอ่านหนังสือสอบตอนดึก โลโก้รูปหงส์สีแดงสดของมันคือสัญลักษณ์ของคุณภาพและความอร่อยที่ทุกคนวางใจณ นครฉงชิ่ง... ในห้องครัวของทุกบ้าน จะต้องมีขวดซอสพริกเสฉวนและเครื่องปรุงรสสูตรเด็ดของแบรนด์ หงส์เพลิง วางอยู่คู่ครัวเสมอ มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรสชาติที่ทุกครอบครัวคุ้นเคยณ นครกว่างโจว... บนทางด่วนที่ทอดยาวข้ามเมือง ตู้คอนเทนเนอร์นับร้อยที่ติดโลโก้เฟิงหลง โลจิสติกส์กำลังลำเลียงสินค้าออกสู่ท่าเรือเพื่อส่งออกไปทั่วโลกณ มหานครเซี่ยงไฮ้... ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดใจกลางย่านการเงินนั้นมีป้ายชื่อขนาดใหญ่ติดอยู่...สำนักงานใหญ่กลุ่มบริษัทเฟิงหลงไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อในหมู่บ้านห่างไกล หรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวง... ผลิตภัณฑ์ของหงส์เพลิง ได้แทรกซึมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนจีนไปแ
บทที่ 131 ความสำเร็จของเหล่าลูกหงส์ ตระกูลเฟิงกาลเวลาหมุนเวียนผันผ่าน ฤดูแล้วฤดูเล่า... ปีแล้วปีเล่า...เหล่าทายาทแห่งตระกูลเฟิงและพันธมิตรที่เคยยืนเคียงข้างกันในวันวาน ต่างแยกย้ายกันไปบนเส้นทางแห่งการเติบโตของตนเอง พวกเขาก้มหน้าก้มตาศึกษาเล่าเรียนอย่างหนักหน่วง อดทนต่อความเหนื่อยล้าและความกดดัน ลับคมดาบแห่งสติปัญญาและความสามารถของตนให้คมกริบ เพื่อรอวันที่จะกลับมาพบกันอีกครั้งอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิมและบัดนี้... เมื่อเวลาอันควรมาถึง เมล็ดพันธุ์ที่ตระกูลเฟิงได้หว่านเพาะไว้ในดินแดนต่างๆ ก็ได้เติบใหญ่เป็นต้นไม้ที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะแผ่กิ่งก้านสาขาและออกดอกผลอย่างงดงามในที่สุด... ลูกหลานของตระกูลเฟิงที่แยกกันไปศึกษาเล่าเรียน ต่างก็ประสบความสำเร็จในด้านการศึกษาของตัวเองอย่างสมบูรณ์ รอวันที่จะนำความรู้ความสามารถทั้งหมดที่สั่งสมมา กลับมาเป็นกำลังสำคัญในการสร้างอาณาจักรของตระกูลให้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานที่ปักกิ่ง เฟิงเจีย ไม่ได้เป็นเพียงดาวเด่นแห่งคณะเศรษฐศาสตร์ แต่เขาได้กลายเป็น ศาสตราจารย์น้อยผู้เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของมหาวิทยาลัยไปแล้ว บทวิเคราะห์ที่เฉียบคมและมองการณ์ไกลของเขา ไม่ได้หยุดอ
บทที่ 130 ประตูสู่อนาคตความเย้ายวนที่ทำลายล้างและวินาทีนั้นเองหวังหลินก็ได้รู้แล้วว่าโลกของเธอได้กลับตาลปัตรไปแล้วโดยสิ้นเชิง...จูบนั้นจบลงแล้ว... แต่พายุอารมณ์ที่มันทิ้งไว้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นหวังหลินยืนนิ่งงันราวกับถูกแช่แข็ง สัมผัสร้อนผ่าวที่รุนแรงและเอาแต่ใจยังคงตราตรึงอยู่บนริมฝีปากของเธอ สมองขาวโพลนไปชั่วขณะเธอไม่เข้าใจ... บุรุษที่เพิ่งผลักไสเธออย่างเลือดเย็นเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน บัดนี้กลับมาทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในตัวเธออย่างดุเดือด... เขาต้องการอะไรกันแน่?ส่วนหลิวเจีย ทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออกมา ป้อมปราการแห่งเหตุผลที่พังทลายไปชั่วขณะก็เริ่มซ่อมแซมตัวเองอย่างรวดเร็ว ความเย็นชากลับคืนสู่ดวงตาของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ มันแฝงไปด้วยความสับสนที่ปิดไม่มิด เขาตกใจในการกระทำของตัวเอง เขาเกลียดการสูญเสียการควบคุม และผู้หญิงตรงหน้าคือสาเหตุของมันทั้งหมด…เธอต้องรับผิดชอบเขา!!เขาไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เพียงแค่จ้องมองนางนิ่งๆ ราวกับจะจารึกภาพใบหน้าที่แดงก่ำและแววตาที่สั่นไหวของนางไว้ในความทรงจำ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้หวังหลินยืนอยู่กับคำถามนับล้านในใจสองวันต่อมา บรรยากา
บทที่ 129 ลูกผู้ชายวัดกันที่หมัด!เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ดังราวกับฟ้าผ่าลงกลางปฐพี ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความเป็นเจ้าของอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หวังหลินได้แต่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ส่วนหวงเฟยหลงยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้า แต่สายตาที่เขามองมาที่หลิวเจียกลับแฝงไว้ด้วยความเย็นชาท้าทายถึงขีดสุด"แล้วถ้าฉันอยากเป็นคนสอนการบ้านรุ่นน้องหวังหลินตลอดไปล่ะ?" หวงเฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงท้าทาย"คนของนายเหรอ?? ..." เขาเว้นช่วงไปก่อนจะมองไปรอบๆ ร่างกายแสนสวยของรุ่นน้องหวังหลินราวกับจะหาอะไรสักอย่างก่อนจะเอ่ยว่า"ไม่เห็นมีป้ายติดเอาไว้นี่"สิ้นคำพูดนั้น ทุกตรรกะและเหตุผลในสมองของหลิวเจียก็ขาดสะบั้นลงในพริบตา ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่ ดิบเถื่อนและรุนแรงเข้าครอบงำเขาจนหมดสิ้นหลิวเจียแค่นหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะที่ไร้อารมณ์ใดๆ ก่อนที่กำปั้นของเขาจะพุ่ง"หึหึหึ! อยากจะดูป้ายแสดงความเป็นเจ้าของใช่ไหม ได้!!"เข้าหาใบหน้าหล่อเหลาของหวงเฟยหลงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าผัวะ!หมัดแรกถูกชกเข้าที่แก้มซ้ายของหวงเฟยหลงอย่างจังจนร่างสูงเซไปเล็กน้อย แต่หวงเฟยหลงนั้นถึงแม้ถูกต่อยแต่ยังคงเท่อย
บทที่ 128 สมการที่ไร้คำตอบ และกรรมสิทธิ์เหนือดอกทานตะวัน!!ความมุ่งมั่น... คือทรัพยากรเพียงอย่างเดียวที่หวังหลินมีอยู่อย่างไม่จำกัด หลังจากคืนนั้นที่คฤหาสน์ตระกูลหวัง เธอก็ได้ตัดสินใจแล้ว ในเมื่อการเป็นดาวบริวารที่โคจรอยู่ห่างๆ นั้นไร้ความหมาย เธอก็จะลองเสี่ยงเดินเข้าไปในใจกลางพายุ... เผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์ที่แผดเผาโดยตรง แม้ว่าจะต้องมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านก็ตามสองวันต่อมา หวังหลินดักรอหลิวเจียที่ทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารคณะเศรษฐศาสตร์และห้องสมุดกลาง เธอรู้ตารางเรียนของเขา ไม่สิ ต้องบอกว่าเธอจดจำทุกอย่างที่เป็นของเขาได้ขึ้นใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เขาชอบ เสื้อผ้าที่เขาชอบใส่ หรือว่าเวลาส่วนใหญ่เขาเอาไปใช้ทำอะไร เด็กสาวล้วนรู้หมด เธอเฝ้ารออย่างใจจดจ่ออยู่ไม่นานร่างสูงโปร่งที่แสนจะหล่อเหลาและคุ้นเคยปรากฏขึ้น หัวใจดวงน้อยของเด็กสาวก็เต้นระรัว แต่คราวนี้... เธอไม่หลีกทางให้เขาอีกต่อไป"รุ่นพี่หลิวเจียคะ!"หลิวเจียชะงักฝีเท้า เขาหรี่ตามองเธอเล็กน้อย แววตาฉายแววรำคาญอย่างไม่ปิดบัง เขาถอนหายใจออกมาเสียงดัง ไม่พยายามที่จะปกปิดความรู้สึกด้วยซ้ำ"หวังหลินใช่ไหม!!! ฉันคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ ห






Comments