นิรมลคงจะปิดตากรีดร้องอยู่ในรถอีกนาน หากเธอไม่ได้ยินเสียงแตรรถด้านหลังที่เร่งให้รีบขับออกไป ไม่ใช่จอดรถแช่อยู่แบบนี้
หญิงสาวสะดุ้ง รีบเงยหน้าขึ้นมองถนน...ไม่สิ ต้องบอกว่าเธอหันไปมองเกาะกลางถนนอีกครั้ง รู้สึกโล่งใจที่ไม่เห็นวิญญาณแก้วตาอีก นิรมลรีบขับรถยนต์ออกไปจากตรงนั้นเพื่อกลับคอนโดฯ
นิรมลรีบขึ้นไปที่ห้อง เมื่อถึงห้องเธอก็ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า ตั้งใจจะเล่าให้เอกภพฟังถึงเรื่องราวที่น่ากลัวสำหรับเธอในวันนี้ แต่เมื่อหยิบมือถือขึ้นมาดู ที่หน้าจอกลับมีสายเรียกเข้ามาแทน
‘แกเป็นไงบ้างเนี่ยนิว เมื่อกี้เพื่อนฉันโทร. มาหา เล่าให้ฟังว่าเจอแกที่ห้องอาหาร ท่าทางเหมือนจะไม่สบาย พวกนั้นขอให้ฉันโทร. หาแกเนี่ยว่าเป็นยังไงบ้าง’
นิรมลยิ้มอย่างโล่งใจที่ได้คุยกับใครสักคน กำลังจะเล่าให้ชมพูนุทฟังว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง แต่อยู่ๆ หญิงสาวก็ได้ยินเสียงแหบๆ พูดกระซิบที่ข้างหูของเธอ
“อย่าเล่า!”
นิรมลหยุดชะงัก หันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจว่าเสียงใครกันแน่ มือยังคงถือโทรศัพท์ค้างอยู่อย่างนั้น
‘นิว! ยังอยู่หรือเปล่า’
เสียงจากโทรศัพท์ดังลั่นออกมา ทำให้นิรมลสะดุ้งอีกครั้ง หญิงสาวรีบตั้งสติ ก่อนจะรีบตอบคำถาม
“ยังอยู่ เมื่อกี้ทำโทรศัพท์หลุดมือน่ะ นั่งประชุมทั้งวัน ปวดหัวไปหมด”
‘แกเป็นอะไรมากหรือเปล่า แล้วตอนนี้กลับถึงคอนโดฯ หรือยัง’
“ถึงแล้ว เดี๋ยวจะนอนพักสักตื่นคงดีขึ้นแน่ๆ”
นิรมลพูดเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ ทางด้านโน้นได้แต่ถอนหายใจยาวด้วยความเป็นห่วง
‘ฉันว่าแกก็เพลาๆ งานลงบ้างเหอะนิว ออกไปกินข้าวข้างนอกบ้าง วันๆ อยู่แต่ในบริษัท นั่งทำงานอยู่แต่ที่โต๊ะ ฉันอยากให้แกออกไปข้างนอกเพื่อผ่อนคลายบ้าง วันพรุ่งนี้ออกไปกินข้าวด้วยกันไหมล่ะ’
“เอาสิ ฉันขอชวนหนึ่งออกไปด้วยนะ นานแล้วนะที่ไม่ได้ออกไปกินข้าวด้วยกัน”
‘ตามใจแกสิยะ จะชวนแฟนไปด้วยกันก็ได้ ฉันขออย่างเดียว...อย่ามาสวีตหวานต่อหน้าฉันก็แล้วกัน อิจฉา!’
นิรมลหัวเราะ เธอวางสายแล้วนึกขึ้นได้ว่าเอกภพยังอยู่ที่ทำงาน จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งถึงเอกภพอีกครั้ง
‘ว่าไงจิ๋ว บีกำลังจะกลับบ้าน จิ๋วจะกลับหรือยัง จะได้กลับด้วยกันเลย’
นิรมลนิ่งอึ้ง นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองหนีกลับบ้านก่อน เธอกำลังคิดว่าจะอธิบายให้เอกภพฟังว่ายังไงดี จนเอกภพต้องส่งข้อความถามอีกครั้ง
‘จิ๋ว...ยังอยู่หรือเปล่า เป็นอะไรทำไมไม่ตอบบี’
‘เอ่อ ขอโทษทีนะบี ตอนนี้จิ๋วกลับมาถึงคอนโดฯ แล้วอะ คือ...เมื่อกี้จิ๋วรู้สึกปวดหัว ก็เลยกลับมาห้องแล้ว ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกบีก่อน’
‘โธ่...บีก็นึกว่าเป็นอะไร ถ้างั้นจิ๋วนอนพักก่อนเถอะ หรือว่าจะให้บีซื้ออะไรไปให้หรือเปล่า’
นิรมลมองนาฬิกา ในตอนนั้นเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว ใจหนึ่งก็นึกอยากเจอหน้าเอกภพ อีกใจก็เห็นใจว่าเขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว คงอยากจะกลับบ้านไปพักผ่อนมากกว่า
‘จิ๋วไม่เป็นอะไรแล้วละ บีรีบกลับบ้านเถอะ ขับรถกลับดีๆ นะ’
............................................
วันรุ่งขึ้น นิรมลทำตามที่พูดไว้ เธอจัดการชวนเอกภพไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน เอกภพรับปากเป็นอย่างดี แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ เขากลับไปด้วยไม่ได้
“ขอโทษทีนะจิ๋ว บีติดงานด่วน ตอนบ่ายต้องออกไปพบลูกค้า ยังเตรียมของไม่เสร็จเลย จิ๋วไปกินข้าวกับชมพูก่อนก็แล้วกันนะ”
นิรมลเดินมาหาชมพูนุทที่นั่งรออยู่ข้างล่าง อีกฝ่ายได้แต่มองด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงลงมาเพียงคนเดียว
“หนึ่งไปไหนล่ะ ทำไมแกลงมาคนเดียวล่ะนิว”
“หนึ่งต้องออกไปพบลูกค้าตอนบ่าย ก็เลยไม่ออกไปกินข้าวข้างนอกกับพวกเราแล้ว”
นิรมลตอบคำถาม สายตามองไปที่ชมพูนุทอย่างสงสัย
“อ้าว แล้วคนอื่นๆ ล่ะชมพู วันนี้ไม่มีใครมากินข้าวด้วยเหรอ มีแต่เธอกับฉันหรือไง”
ชมพูนุทพยักหน้าตอบรับ เธอก้มลงมองนาฬิกาเห็นว่าเลยเวลาพักเที่ยงแล้ว จึงเร่งนิรมลให้รีบออกไป
“รีบไปกินข้าวเหอะแก ฉันโทร. ไปสั่งข้าวให้แล้ว ไปรถฉันเถอะ”
ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังไปที่ร้านอาหาร ทั้งคู่นั่งเงียบกริบ นิรมลนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือฆ่าเวลา อยู่ๆ ชมพูนุทก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
“เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันแบบนี้นานแล้วเนอะ ตั้งแต่เรียนจบจากมหาวิทยาลัย”
นิรมลพยักหน้ารับ นึกย้อนไปถึงอดีตที่ผ่านมา
............................................
ทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ทั้งคู่เรียนที่คณะเดียวกันแต่คนละสาขาวิชา นิรมลเรียนบริหารธุรกิจ ส่วนชมพูนุทเรียนประชาสัมพันธ์
ทั้งสองคนมาเจอกันเมื่อเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม ทั้งนิรมลและชมพูนุทเลือกเรียนวิชาเดียวกัน วันหนึ่งชมพูนุทมาสาย ที่นั่งด้านหลังประจำกลับมีเพื่อนคนอื่นนั่งอยู่เต็มไปหมด หญิงสาวมองไปรอบห้อง เห็นว่ามีที่นั่งว่างเฉพาะด้านหน้าเท่านั้น ชมพูนุทรีบเดินไปนั่งก่อนที่จะถูกอาจารย์ตำหนิ รีบหยิบสมุดขึ้นมาจดตามที่อาจารย์สอนอย่างตั้งใจ
จนอาจารย์สอนเสร็จ จึงสั่งให้ทำรายงาน โดยให้นักศึกษาจับคู่กับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ชมพูนุทหันหน้าไปมองเพื่อนที่นั่งข้างเธอ อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ตัว หันมายิ้มให้ แล้วพูดแนะนำตัวก่อน
“ฉันชื่อนิว เธอล่ะ”
“ฉันชื่อชมพู เธอมีคู่ทำงานหรือยัง”
นิรมลหันไปมองเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้านหลัง ก็เห็นว่าทุกคนจับคู่กันหมดแล้ว เธอหันไปหาชมพูนุท
“คนอื่นจับคู่กันไปหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันทำงานคู่กับเธอก็แล้วกัน”
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองคนเริ่มรู้จักกัน ทั้งคู่แลกไลน์และนัดกันเพื่อทำงานคู่ โดยส่วนใหญ่ชมพูนุทจะเป็นฝ่ายเสนอไอเดียมากกว่า
“ฉันว่าเรื่องนี้ ด้านนี้ต้องมีคนอื่นทำไปแล้วแน่ๆ ฉันว่ามาเลือกหัวข้อนี้ดีกว่า รับรองว่าใครก็คิดไม่ถึง”
ชมพูนุทและนิรมลนัดกันทำงานที่ห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย หญิงสาวเสนอแนะพร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาชี้ให้นิรมลดูข้อมูล อีกฝ่ายอ่านแล้วคิดตามที่เพื่อนนำเสนอให้ฟัง
“ก็ดีนะ นำเสนอมุมมองอีกด้าน ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะยังไม่มีใครทำแน่นอน”
ชมพูนุทยิ้มให้ด้วยความพอใจ
“ถ้าแกตกลงตามนี้ งั้นเดี๋ยวฉันเขียนร่างให้แกก่อน แล้วแกก็เอาไปพิมพ์ต่อก็แล้วกันนะนิว”
“อ้าว! ไม่พิมพ์งานด้วยกันเหรอชมพู นี่เพิ่งจะบ่ายสามเองนะ”
ชมพูนุทไม่ตอบ หยิบกระเป๋าขึ้นมาถือ เตรียมตัวจะกลับ ทำให้นิรมลเรียกอีกครั้ง
“อ้าว นี่กลับจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่อยู่ช่วยกันก่อนล่ะชมพู จะได้ทำให้เสร็จ”
ชมพูนุทก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฉันต้องไปทำงานน่ะ เอาเป็นว่า...งานพวกนี้แกก็หาข้อมูลแล้วก็ทำไปก่อน เดี๋ยวเราค่อยมานัดกันอีกที”
นิรมลพยักหน้ารับรู้ นั่งพิมพ์งานและหาข้อมูลอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ โดยมีชมพูนุทช่วยเสนอแนะและบอกให้เพิ่มเติมข้อมูลอะไรบ้างเท่านั้น จนนิรมลนำงานชิ้นนั้นมาส่งอาจารย์และได้คะแนนเต็มเพียงชิ้นเดียว อาจารย์จึงให้ทั้งสองคนมานำเสนองาน แต่ในครั้งนี้ชมพูนุทขอนำเสนองานเอง
“แกพิมพ์รายงานแล้ว รอบนี้นำเสนอฉันขอออกไปเอง”
นิรมลตกลง ชมพูนุทนำเสนองานได้ดีกว่าที่เธอคิดไว้ และอาจารย์ก็ชื่นชมงานของทั้งสองคนว่าสามารถทำออกมาได้ดี หญิงสาวยิ้มให้กับเพื่อนที่มานั่งข้างๆ และพูดยกยอการทำรายงานของเธอ
“นิวทำงานเก่งมากๆ เลยอะ ถ้าฉันไม่ได้จับคู่กับนิวคงไม่ได้คะแนนเต็มแบบนี้แน่ๆ”
ชมพูนุทพูดชื่นชม แต่นิรมลกลับพูดเพียงแค่ว่า
“งานชิ้นนี้เราสองคนช่วยกัน”
นับตั้งแต่เรียนจบวิชานั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้เรียนวิชาเดียวกันอีกเลย แต่ยังคงพบเจอกันอยู่บ้างภายในมหาวิทยาลัย ทักทายกันบ้างเมื่อพบเจอกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลมาทำงานตามปกติ ในวันนี้พนักงานส่วนใหญ่ใส่เสื้อผ้าสีดำกัน เนื่องจากในคืนนี้ทางบริษัทรับเป็นเจ้าภาพงานศพของแก้วตา นิรมลก็สวมใส่เสื้อสีดำเพื่อไปงานเช่นกันก่อนเริ่มทำงาน นิรมลนึกถึงคำร้องขอของแก้วตาขึ้นมาได้ เธอจึงเดินไปยังห้องพักของแม่บ้านที่ชั้นหนึ่ง ไม่มีใครอยู่ในห้อง หญิงสาวเดินไปที่ตู้ล็อกเกอร์ที่ใช้เก็บของ มองหาตู้เก็บของที่มีชื่อแก้วตา แต่ไม่สามารถเปิดได้เพราะมีกุญแจล็อกอยู่นิรมลมองซ้ายมองขวา หาอุปกรณ์ที่จะนำมางัดตู้ล็อกเกอร์ ระหว่างที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่นั้น มีแม่บ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพักแห่งนี้ มองหญิงสาวอย่างสงสัย“คุณทำอะไรคะ ต้องการอะไรหรือเปล่า”นิรมลชะงัก เริ่มอึกอัก มองซ้ายมองขวาเหมือนหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ แม่บ้านยืนมองด้วยสีหน้าแปลกใจ หญิงสาวยืนนิ่ง ได้แต่บอกเสียงอ่อย“คะ...คือ...นิวอยากจะเปิดตู้ล็อกเกอร์ของแก้วตาค่ะ”“คุณจะเปิดตู้ล็อกเกอร์ของแก้วตาทำไมล่ะคะ มีอะไรหรือเปล่า”นิรมลนึกหาคำตอบ แล้วอยู่ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้“เมื่อวันก่อนที่แ
ทั้งสองคนแทบจะไม่ได้พบกันอีกเลยหลังจากเรียนจบ จนวันหนึ่งนิรมลได้พบชมพูนุทตอนกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวบริษัท“ชมพูจริงๆ ด้วย เธอมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ”นิรมลทักทายเพื่อนด้วยความดีใจ ชมพูนุทเองก็ยินดีที่ได้พบเจอเพื่อนอีกครั้ง แต่สีหน้าอีกฝ่ายดูเศร้าสร้อย หญิงสาวรีบถามเพื่อน“เป็นอะไรหรือเปล่าชมพู มีอะไรเล่าให้นิวฟังได้นะ”“ฉันหางานทำอยู่น่ะ นี่ฉันเป็นคนว่างงานมาสามเดือนแล้ว ไปสมัครงานไว้ก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกไปทำเสียที ถ้าเดือนนี้ยังไม่มีงานทำอีก ฉันคงต้องกลับบ้านนอกแล้วละ”น้ำเสียงของชมพูนุทฟังดูน่าสงสารและน่าเห็นใจ นิรมลนิ่งคิด จะช่วยเหลือเพื่อนอย่างไรดีนะ แล้วหญิงสาวก็นึกอะไรขึ้นมาได้“ชมพูไปสมัครงานที่บริษัทของนิวสิ ตอนนี้กำลังเปิดรับสมัครประชาสัมพันธ์อยู่ ถ้าโชคดีเธออาจจะได้มาทำงานด้วยกันนะ”ชมพูนุทพยักหน้ารับคำ เธอไปสมัครงานที่บริษัทตามคำแนะนำของนิรมล และชมพูนุทก็ได้เข้ามาทำงานที่บริษัทด้วยกัน............................................เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลมาทำงานตามปกติ เธอลืมเรื่องราวท
นิรมลคงจะปิดตากรีดร้องอยู่ในรถอีกนาน หากเธอไม่ได้ยินเสียงแตรรถด้านหลังที่เร่งให้รีบขับออกไป ไม่ใช่จอดรถแช่อยู่แบบนี้หญิงสาวสะดุ้ง รีบเงยหน้าขึ้นมองถนน...ไม่สิ ต้องบอกว่าเธอหันไปมองเกาะกลางถนนอีกครั้ง รู้สึกโล่งใจที่ไม่เห็นวิญญาณแก้วตาอีก นิรมลรีบขับรถยนต์ออกไปจากตรงนั้นเพื่อกลับคอนโดฯนิรมลรีบขึ้นไปที่ห้อง เมื่อถึงห้องเธอก็ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า ตั้งใจจะเล่าให้เอกภพฟังถึงเรื่องราวที่น่ากลัวสำหรับเธอในวันนี้ แต่เมื่อหยิบมือถือขึ้นมาดู ที่หน้าจอกลับมีสายเรียกเข้ามาแทน‘แกเป็นไงบ้างเนี่ยนิว เมื่อกี้เพื่อนฉันโทร. มาหา เล่าให้ฟังว่าเจอแกที่ห้องอาหาร ท่าทางเหมือนจะไม่สบาย พวกนั้นขอให้ฉันโทร. หาแกเนี่ยว่าเป็นยังไงบ้าง’นิรมลยิ้มอย่างโล่งใจที่ได้คุยกับใครสักคน กำลังจะเล่าให้ชมพูนุทฟังว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง แต่อยู่ๆ หญิงสาวก็ได้ยินเสียงแหบๆ พูดกระซิบที่ข้างหูของเธอ“อย่าเล่า!”นิรมลหยุดชะงัก หันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจว่าเสียงใครกันแน่ มือยังคงถือโทรศัพท์ค้างอยู่อย่างนั้น‘นิว! ยังอยู่หรือเ
ในระหว่างที่นั่งทำงานไป นึกหวนถึงอดีตไป นิรมลก็รู้สึกหิว นึกขึ้นมาได้ว่าเธอซื้อนมกล่องใส่ตู้เย็นไว้ จึงเดินไปยังห้องอาหารของบริษัทที่อยู่ชั้นสอง เมื่อเดินออกจากห้องทำงานก็พบว่าตึกทั้งตึกเงียบมาก พนักงานส่วนใหญ่กลับบ้านกันเกือบหมดแล้ว เหลืออยู่ทำงานล่วงเวลาเพียงไม่กี่คน หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องอาหาร เธอเห็นแม่บ้านคนหนึ่งยืนหันหลังให้ตรงหน้าต่าง นึกแปลกใจที่เวลานี้ยังมีแม่บ้านทำงานอยู่“ยังไม่กลับบ้านเหรอคะ”นิรมลพูดทักทายตามปกติ เดินตรงไปที่ตู้เย็นเพื่อค้นหานมกล่องจนเจอ หญิงสาวกำลังเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร นึกเอะใจที่แม่บ้านคนนี้ยืนนิ่งผิดปกติ เธอกำลังจะถามอีกครั้งก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นกระเบื้องและเสียงคุยกันดังก้อง“เมื่อวานแกเห็นหรือเปล่าละ ฉันเห็นแกออกไปกินข้าวนี่นา”“จะบ้าเหรอ...ใครที่ไหนจะเดินไปดูศพแล้วกินข้าวกันล่ะ ขนาดไม่เห็นกับตา ฉันยังนึกสภาพออกเลยว่าเป็นไง”ผู้ที่เดินเข้ามาใหม่สองคนอยู่แผนกประชาสัมพันธ์ ทั้งสองคนเดินไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบของออกมา นิรมลมองตาม ทั้งคู่สะพายกระเป๋าเ
ทั้งนิรมลและเอกภพหายไปหนึ่งเดือน เพราะไปติดต่อกับมหาวิทยาลัยเพื่อยื่นจบการศึกษา และทั้งคู่ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งในวันที่เข้ามาทำงานวันแรกติ๊ง...เสียงลิฟต์ดังขึ้นที่ชั้นหนึ่ง พนักงานบริษัทที่ยืนรออยู่ต่างก็เดินเข้าไปในลิฟต์ ในตอนนั้นทุกคนยืนเบียดเสียดกันเข้าไปในสถานที่แคบๆ ไม่มีใครมองหน้าใคร“รอด้วยค่ะ...”เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้ามาในลิฟต์นั้น แต่เมื่อเธอก้าวเข้าไป ก็มีเสียงดังเกิดขึ้นตืด...“น้ำหนักเกินแล้ว น้องรอไปรอบหน้าก็แล้วกันนะ”พี่คนหนึ่งพูดขึ้น นิรมลก้มหัวให้แล้วออกมายืนรอด้วยความเซ็ง“โธ่เอ๊ย อุตส่าห์รีบวิ่งมาแล้วเชียว แล้วนี่จะขึ้นไปสแกนนิ้วทันไหมเนี่ย”นิรมลก้มมองนาฬิกาและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา โดยไม่ได้สนใจมองรอบข้างว่าจะมีใครมายืนอยู่ด้วยหรือไม่ เธอคงจะยืนเล่นอยู่อีกนานกว่านี้ หากไม่มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง“ไม่คิดจะรีบเข้างานหรือไง หรือว่าอยากจะมีประวัติมาทำงานสายตั้งแต่วันแ
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลไปทำงานตามปกติ โดยไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่บริษัทบ้าง หญิงสาวหยิบแฟ้มสรุปงานเมื่อวานที่ไปพบลูกค้ามาเพื่อจะรายงานหัวหน้า ขณะเดียวกันเพื่อนที่นั่งทำงานโต๊ะข้างๆ ก็เดินเข้ามาพอดี เธอรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหานิรมลเพื่อจะสนทนาถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้“นิว...เมื่อวานเธอไม่อยู่...”“นิวมาหรือยัง?”เสียงดังมาจากข้างหลัง ทุกคนหันหน้าไปมองตามเสียง เพื่อนคนที่กำลังจะเล่าเรื่องหยุดชะงักและถอยห่างจากนิรมลเมื่อเห็นสีหน้าคนถามที่ดูเคร่งเครียด“เมื่อวานผลเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวคุณเข้าไปสรุปให้ผมฟังที แล้วก็เตรียมข้อมูลและเข้าประชุมกับบอร์ดบริหารกับผมด้วย”“ได้ค่ะ”นิรมลรับคำแล้วรีบถือแฟ้มงานตามเข้าไปในห้องหัวหน้า เพื่อรายงานผลงานเมื่อวานนี้ และออกมาเตรียมเอกสารการประชุมด้วยความเคร่งเครียด จนเพื่อนคนที่จะเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟังได้แต่นั่งมองห่างๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ว่ามีคนมอง“เมื่อเช้านี้พี่จะเล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่าคะ หัวหน้ามาพอดีเลยไม่ได้คุยกันต่อ”“ไม่มีอะไรหรอก นิวรีบทำงานเหอะ อีกห้านาทีต้องเข้าประชุมแล้ว เดี๋ยวเตรียมเอกสารไม่ทัน”นิรมลพยักหน้าให้“งั้นค่อยคุยกันนะคะ”นิรม