เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลมาทำงานตามปกติ ในวันนี้พนักงานส่วนใหญ่ใส่เสื้อผ้าสีดำกัน เนื่องจากในคืนนี้ทางบริษัทรับเป็นเจ้าภาพงานศพของแก้วตา นิรมลก็สวมใส่เสื้อสีดำเพื่อไปงานเช่นกัน
ก่อนเริ่มทำงาน นิรมลนึกถึงคำร้องขอของแก้วตาขึ้นมาได้ เธอจึงเดินไปยังห้องพักของแม่บ้านที่ชั้นหนึ่ง ไม่มีใครอยู่ในห้อง หญิงสาวเดินไปที่ตู้ล็อกเกอร์ที่ใช้เก็บของ มองหาตู้เก็บของที่มีชื่อแก้วตา แต่ไม่สามารถเปิดได้เพราะมีกุญแจล็อกอยู่
นิรมลมองซ้ายมองขวา หาอุปกรณ์ที่จะนำมางัดตู้ล็อกเกอร์ ระหว่างที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่นั้น มีแม่บ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพักแห่งนี้ มองหญิงสาวอย่างสงสัย
“คุณทำอะไรคะ ต้องการอะไรหรือเปล่า”
นิรมลชะงัก เริ่มอึกอัก มองซ้ายมองขวาเหมือนหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ แม่บ้านยืนมองด้วยสีหน้าแปลกใจ หญิงสาวยืนนิ่ง ได้แต่บอกเสียงอ่อย
“คะ...คือ...นิวอยากจะเปิดตู้ล็อกเกอร์ของแก้วตาค่ะ”
“คุณจะเปิดตู้ล็อกเกอร์ของแก้วตาทำไมล่ะคะ มีอะไรหรือเปล่า”
นิรมลนึกหาคำตอบ แล้วอยู่ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เมื่อวันก่อนที่แก้วตาจะเสีย มาขอยืมของนิวไปค่ะ ตอนนี้อยากจะได้ของคืน ก็เลยคิดเอาเองว่าเธอน่าจะเก็บของไว้ที่นี่ค่ะ”
แม่บ้านคิ้วขมวด สีหน้าแสดงความสงสัยแต่ไม่ได้พูดว่าไม่เชื่อ หันมาบอกกับหญิงสาวที่มีสีหน้าวิตกกังวล
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปเอากุญแจล็อกเกอร์สำรองมาเปิดให้ค่ะ คุณรออยู่ตรงนี้แหละ”
แม่บ้านหายไปครู่หนึ่งก็กลับเข้ามา พร้อมด้วยกุญแจสำรองที่ถือเข้ามา แม่บ้านมาไขให้แล้วหันมาบอกกับนิรมล
“หาของได้เลยค่ะคุณนิว”
นิรมลค้นหาของ ซึ่งข้างในตู้เล็กๆ นั้นมีกระดาษเอสี่ และของใช้ส่วนตัวของแก้วตา ในขณะที่แม่บ้านยืนมองอยู่ด้านหลัง เธอทำเป็นค้นหาของกุกกักราวกับหาของไม่เจอ ทั้งๆ ที่ตู้ก็เล็กเพียงแค่นั้น ในขณะที่กำลังทำเป็นหาของอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเสียงโทรศัพท์ของแม่บ้าน
“ฮัลโหล เออ...ฉันอยู่ที่ห้องพักของเราเนี่ยแหละ เดี๋ยวขึ้นไป แค่นี้แหละ”
นิรมลได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบหันมาทันที
“พี่ไปทำงานต่อเถอะค่ะ นิวเจอของแล้ว”
นิรมลพูด หยิบสายชาร์จแบตเตอรี่ขึ้นมาแล้วเดินออกไป ทำทีว่าไม่สนใจอะไรอีก แม่บ้านคนนั้นรีบวิ่งออกไปทันทีโดยไม่ได้สนใจจะปิดประตูตู้ล็อกเกอร์ของแก้วตา
นิรมลเดินถอยกลับมา เธอเดินมาดูของในล็อกเกอร์แก้วตาอีกครั้ง เจอสร้อยพระและเงินตามที่แก้วตาบอก หญิงสาวรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้
หลังจากที่ได้ของตามต้องการ นิรมลตั้งใจว่าเย็นนี้เธอจะนำไปให้สามีและลูกของแก้วตาที่วัด แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่แรก เมื่อหัวหน้างานของเธอสั่งให้ไปพบลูกค้าวีไอพีภายในวันนี้ ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะขอต่อรองก็ตาม
“นิวขอไปพบลูกค้าวันพรุ่งนี้แทนได้ไหมคะ”
“ไม่ได้หรอก ลูกค้าบอกว่าอยากให้เราไปเสนอสินค้าภายในวันนี้ เขามีเวลาให้เราถึงบ่ายสามโมงนะคุณนิว ผมถามหน่อยเถอะว่าทำไมคุณถึงจะไม่ไปล่ะ ตอนนี้คุณไม่มีงานด่วนนี่”
นิรมลอึกอัก หากตอบตามความจริงออกไปน่าจะโดนดุแน่นอน แต่ว่า...ถ้าไม่ลองพูดดูก็จะไม่รู้ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่เธอคิดไว้
“คะ...คือ นิวตั้งใจว่าวันนี้จะไปวัด ไปงานของแก้วตาค่ะ วันนี้บริษัทเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมไม่ใช่เหรอคะ”
“งานมีตั้งทุ่มสองทุ่มโน่น คุณไปพบลูกค้ากลับมาก็ยังทันอยู่ดี อีกอย่างงานนี้ก็สำคัญกับบริษัทมากทีเดียว”
นิรมลไม่มีทางเลือก เธอจำใจเตรียมเอกสารและสิ่งของเพื่อไปพบลูกค้าวีไอพีที่อยู่ค่อนข้างไกลจากบริษัทตามที่หัวหน้าสั่ง
หญิงสาวไปนำเสนองาน โชคดีที่ลูกค้าซื้อสินค้าชุดใหญ่ และซื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้เธอต้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะวันนี้เธอนำสินค้ามาไม่พอกับที่ลูกค้าต้องการ
“นิวขอเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้าไว้ก่อนก็แล้วกันค่ะ วันนี้สินค้ามีไม่พอ นิวขอเวลาสักห้าวันนะคะ”
“ได้สิครับ ยังไงคุณนิวติดต่อผ่านเลขาฯ ของผมได้เลยนะครับ”
กว่านิรมลจะออกมาจากบริษัทของลูกค้าได้ก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว หญิงสาวดูนาฬิกาข้อมือ บ่นพึมพำกับตัวเอง
“นี่ฉันจะไปวัดทันไหมเนี่ย”
แต่ดูเหมือนว่าเย็นนั้นการจราจรบนท้องถนนจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย รถยนต์ติดหนักแทบไม่ขยับเขยื้อน กว่าหญิงสาวจะถึงคอนโดฯ ตัวเองก็ล่วงไปจนเวลาสามทุ่ม เธอได้แต่ดูรูปงานศพของแก้วตาที่เพื่อนร่วมงานถ่ายรูปเอาไว้ นึกเสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยอย่างที่ตั้งใจ
“วันพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
............................................
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลทำงานจนถึงเวลาพักเที่ยง หญิงสาวชวนเอกภพออกไปรับประทานอาหารกลางวันข้างนอกแถวบริษัท เพื่อที่จะได้รีบไปรีบกลับ ในระหว่างที่นั่งรออาหาร เธอก็เอ่ยถามเอกภพเรื่องไปงานศพของแก้วตา เขาก็ไม่ได้ไปงานนี้เช่นกัน
“จิ๋วมีอะไรหรือเปล่า?”
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว จิ๋วจะชวนไปฝ่ายบุคคลด้วยกันหน่อยนะ”
นิรมลชวนเขา เอกภพคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
“ไปทำไมล่ะ จิ๋วมีเรื่องอะไรที่ต้องติดต่อฝ่ายบุคคล”
นิรมลไม่ตอบ ได้แต่ถอนหายใจ เธอเงยหน้ามองเอกภพแล้วตัดสินใจพูดเลี่ยงๆ ไม่บอกเขาตรงๆ ว่าเธอเจออะไรมาบ้าง
“คือ...จิ๋วอยากจะไปบ้านของแก้วตาน่ะ เมื่อวานตั้งใจจะไปงานศพ แต่กลับมาไม่ทัน คือ...เธอฝากของไว้ให้เอาไปให้สามีและลูก”
เอกภพมองหน้านิรมล ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่สีหน้าของเขาแสดงความแปลกใจมากกว่าว่าหญิงสาวจะเอาของอะไรไปให้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่พยักหน้าให้
“กินเสร็จพอดี ไปกันเถอะจิ๋ว เดี๋ยวจะเข้างานสาย”
เอกภพพูด แล้วลุกขึ้นไปจ่ายเงินค่าอาหาร ก่อนเดินนำหน้าเธอเพื่อกลับเข้าบริษัท นิรมลรีบลุกขึ้นตามไป เอกภพเดินพาเธอมาจนถึงห้องที่อยู่ชั้นหนึ่ง ด้านหน้ามีป้ายเขียนไว้ว่า ‘ฝ่ายบุคคล’
“มีอะไรหรือเปล่าน้องนิว วันนี้ลงมาถึงห้องนี้ได้”
นิรมลยิ้มให้กับทุกคนในห้อง ตามปกติเธอไม่ได้ลงมาห้องนี้บ่อยนัก หากวันไหนเธอเดินลงมา นั่นแสดงว่าวันนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง
“นิวแค่อยากจะมาขอที่อยู่ของแก้วตาค่ะ บังเอิญว่าก่อนที่แก้วตาจะเสียชีวิต เธอฝากของไว้กับนิว ก็เลยจะเอาของไปคืนให้สามีกับลูกของเธอค่ะ”
............................................
ในระหว่างที่นิรมลอยู่ในห้องนั้น เอกภพที่ยืนรออยู่หน้าห้องก็มองว่าเธอจะทำอย่างไร เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในห้องนั้นเพราะประตูห้องเป็นกระจกใส มองเห็นได้ว่าใครทำอะไร
“อ้าว...หนึ่ง มายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ ไม่ไปทำงานหรือไง”
เอกภพหันไปมอง ชมพูนุทนั่นเองที่ทักทายเขา
“มายืนรอเป็นเพื่อนนิวน่ะ เข้าไปติดต่อฝ่ายบุคคลอยู่ตรงนั้น”
เขาพูดพร้อมชี้ให้ชมพูนุทดู เธอเห็นนิรมลยืนจดอะไรบางอย่างอยู่ที่แฟ้ม กำลังจะถามเอกภพต่อ แต่เธอกลับรู้สึกว่ามีใครบางคนสะกิดไหล่
“ชมพู หัวหน้าเรียกเข้าห้องทำงานแล้ว เดี๋ยวตอนบ่ายมีประชุมนะ”
ชมพูนุทหันหน้าไปมอง เพื่อนคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ นั่นเอง เธอพยักหน้าให้ พูดเบาๆ เพียงแค่ว่า
“เดี๋ยวฉันตามไป”
“ชมพูไปทำงานเถอะ เดี๋ยวนิวออกมาแล้วหนึ่งก็จะไปทำงานเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นชมพูไปทำงานก่อนก็แล้วกัน”
ชมพูนุทเดินจากไป พอดีกับที่นิรมลเดินยิ้มออกมาจากห้องฝ่ายบุคคล เธอมองหน้าเอกภพ และมองตามหลังชมพูนุทที่เดินหายเข้าห้องประชาสัมพันธ์ที่อยู่ติดกัน
“อ้าว! ชมพูรีบไปไหนล่ะหนึ่ง นี่ยังไม่ถึงเวลาเข้าทำงานเลยนี่นา”
“ได้ยินว่าตอนบ่ายมีประชุมน่ะ ก็เลยต้องรีบเข้าห้องไปก่อน แล้วได้มาไหม ที่อยู่ของแก้วตาน่ะ”
นิรมลยิ้มให้ และชูกระดาษขึ้นให้เอกภพเห็นชัดเจน
“นี่ไง โชคดีนะที่เขาเปิดแฟ้มของแก้วตาอยู่พอดี นิวเห็นก็เลยขอจดที่อยู่ไว้ก่อน เสียดายที่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์”
เอกภพพยักหน้า ยิ้มให้นิรมลด้วยความดีใจตามไปด้วย
“ดีแล้วละนิว ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นไปทำงานกันเถอะ จวนจะบ่ายโมงแล้ว”
เอกภพพูดแล้วเดินไปที่ลิฟต์ เขากดเพื่อขึ้นไปชั้นสามซึ่งเป็นห้องทำงานของนิรมล เมื่อทั้งสองคนก้าวเข้าไปในลิฟต์ และอยู่กันตามลำพัง เขาก็ถามหญิงสาวอีกครั้ง
“จิ๋วจะเอาของอะไรไปให้เหรอ ถ้าจิ๋วไปจริงๆ บีจะไปเป็นเพื่อนนะ บีเป็นห่วงไม่อยากให้ไปคนเดียว”
นิรมลยิ้มให้ แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไรออกมา ประตูลิฟต์ก็เปิดออก
ติ๊ง!
“งั้นนิวไปก่อนนะ ขอบใจที่มาส่งนะหนึ่ง”
“อ้าว! นิว”
เอกภพตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างเล็กบางนั้น เธอกลับเดินเข้าไปในห้องกระจกเพื่อทำงานต่อ เขาได้แต่ยืนมอง ถอนหายใจยาว พูดพึมพำอยู่คนเดียว
“ช่างเถอะ เดี๋ยววันเสาร์ค่อยคุยกัน”
หลังจากวันนั้น ธันวาก็ฝันซ้ำๆ แบบเดิมติดต่อกันถึงเจ็ดวัน ในแต่ละครั้งเขาจะพูดบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับปากกรกฎ จนกระทั่งในคืนที่เจ็ด เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่มียังคงฝันซ้ำๆ เช่นนี้ รู้สึกเอะใจ คิดว่าน้องชายน่าจะต้องการให้เขาไปจัดการเรื่องที่กรุงเทพฯ และเริ่มมั่นใจว่าน่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับน้องชาย“พี่ช่วยมาดูแลห้องพักให้ผมที พี่จะขายหรือจะทำอะไรก็แล้วแต่พี่เลยครับ”ธันวาเดินเข้ามาหากรกฎที่ยืนมองเขาด้วยแววตาที่อาลัยอาวรณ์ เขาคิดว่าน้องชายมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากจะพูด“กฎมีอะไรจะบอกกับพี่หรือเปล่า นี่พี่ฝันเรื่องเดิมๆ แบบนี้ติดกันเจ็ดวันแล้วนะ”กรกฎยิ้ม แต่ใบหน้าของเขายังคงเศร้าหมองอยู่“ผมอยากให้พี่ไปกรุงเทพฯ จัดการเรื่องทรัพย์สินของผมครับ ถ้าพี่ไปที่โน่น คุณนิรมลจะช่วยจัดการเรื่องให้พี่เอง ผมขอร้องนะครับ”ธันวานิ่งเงียบ ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาคิดวนเวียนอยู่ว่าควรจะไปดีไหม จนไม่ได้สังเกตว่ากรกฎกลับค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากเขา กระทั่งได้ยินเสียงกรกฎดังแว่วมาจากที่ไกล“พี่ไปกรุงเทพฯ ให้ได้นะครับ ผมหมดเวลาแล้ว”ธันวาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขานึกเอ
นิรมลและทีมทำงานที่จังหวัดกาญจนบุรีเพียงสองสัปดาห์ พวกเขาก็ได้ผลงานเกินเป้าหมายที่วางไว้ ลูกค้าที่ไปนำเสนอสินค้าพากันซื้อจนสินค้าที่เอาไปไม่เพียงพอ“ผมคุยกับทางท่านประธานแล้ว ท่านบอกว่าทีมเราทำงานกันได้ดีมาก และอนุญาตให้พวกเราหยุดพักผ่อนกันได้ ถ้าใครไม่มีงานด่วนก็กลับไปทำงานวันจันทร์ หรือจะอยู่เที่ยวแถวนี้ก่อนก็ได้นะ”“ไชโย!”ทุกคนร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ โดยเฉพาะชมพูนุทที่หันมาคุยกับนิรมลและเอกภพ“วันพรุ่งนี้ได้กลับบ้านแล้ว”นิรมลนิ่งเงียบ ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว ส่วนเอกภพเขาหันไปพูดกับทุกคน“ผมว่าพวกเรามาเก็บของกันดีกว่า วันพรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางตั้งแต่เช้า ดีไหมครับหัวหน้า ดีไหมนิว ชมพู”ทุกคนพยักหน้าเห็นดีด้วย โดยเฉพาะนิรมลที่ไม่ได้พยักหน้าเฉยๆ แต่กลับดึงมือชมพูนุทให้ขึ้นไปข้างบนด้วยกัน“ไปเถอะชมพู ของแกเยอะด้วย กว่าจะเก็บเสื้อผ้า เก็บเครื่องสำอางต่างๆ ของแกอีก”............................................เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนตื่นกันตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ และทยอยขนกร
หลังจากที่ชมพูนุทและหัวหน้าขึ้นรถตู้ออกไปแล้ว นิรมลกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง“พวกเขาไปแล้ว พี่กล้ามารับนิวกับหนึ่งได้เลยค่ะ”เพียงครู่เดียว รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งก็วิ่งมา มันเป็นรถกระบะสีดำมีแคปให้นั่ง เอกภพมองรถแล้วพยักหน้าบอกกับนิรมลให้เข้าไปนั่งที่แคปด้านหลังจะดีกว่า“อำเภอสังขละบุรีนี่ไกลไหมคะพี่กล้า”“ไปอีกประมาณห้าสิบกิโลเมตร หรืออาจจะไปไกลกว่านั้นเพราะต้องไปแนวตะเข็บชายแดน ถ้ายังไงคุณลองเปิด GPS ด้วยก็ได้ จะได้รู้ว่าเราหลงกันหรือเปล่าด้วย”เอกภพที่นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับรถจึงต้องเป็นคนที่เปิด GPS เพื่อช่วยเพชรกล้าดูทางตามที่อยู่ตามที่หญิงสาวจดมา“ตอนนี้หาบ้านเลขที่ตามสมุดนี่ไม่เจอเลยนิว เอายังไงดีครับ”เอกภพถามแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดู ในขณะที่รถยนต์จอดติดไฟแดงอยู่ เพชรกล้าขมวดคิ้ว เขากำลังนั่งนึกถึงสถานที่ที่กำลังจะไปว่าควรจะไปที่ไหนดี“ถ้าอย่างนั้น สถานที่ที่ง่ายที่สุด หาง่ายที่สุด น้องลองเลือกสถานที่เป็นที่ว่าการอำเภอสังขละบุรีก่อนก็ได้ ตอนนี้ไปให้ถึงก่อน แล้วค่อยว่ากันเรื่องบ้านเลขที่นี้ว่ามันมีไหมดีกว่านะน้องนิว”
หลังจากกลับมาจากตลาดนัดมาบ้านเช่าชั่วคราว นิรมลที่กำลังเดินเข้าบ้านก็ถูกดึงมือเสียก่อน เธอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเอกภพที่เป็นคนดึงมือเธอไว้“มาคุยกันก่อนสิจิ๋ว”เอกภพเดินนำหน้าเธอ เขาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน หน้าเอกภพคิ้วขมวดมุ่นราวกับมีเรื่องให้คิด ใบหน้าที่เคยอารมณ์ดีหรือยิ้มหัวเราะให้เธอกลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูจริงจัง ทำให้นิรมลคิดว่าเขาคงจะเครียดหรือคิดเรื่องอะไรอยู่“บีมีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาดูจริงจัง จิ๋วทำอะไรผิดหรือเปล่า”“ผู้ชายคนที่คุยด้วยที่ตลาดคือใครเหรอ ทำไมถึงดูสนิทสนมกันจัง”เอกภพถาม หน้าตาดูจริงจัง นิรมลเกือบถอนหายใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของเขาที่มองมาแบบต้องการคำตอบ เธอจึงรีบอธิบาย“เขาคือพี่เพชรกล้า สามีของแก้วตาไง คือว่า...จิ๋วมีเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือน่ะ”“ทำไมต้องขอความช่วยเหลือด้วยล่ะ ทำไมมีอะไรไม่เห็นจะเล่าเรื่องให้บีฟังบ้างเลย”นิรมลแอบถอนหายใจไม่ให้เอกภพเห็น หญิงสาวเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟังตั้งแต่ต้นเท่าที่เธอจำได้ รวมทั้งเรื่องราวที่เธอมีสัมผัสพิเศษ แต่เอกภพที่ฟังแล้วกลับยิ่งคิ้วขมวดมากขึ้น เมื่
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลเดินออกมาจากห้องพัก พอดีกับที่รติมา แฟนของกรกฎเปิดประตูออกมาจากห้องข้างๆ เช่นกัน นิรมลทักทายอีกฝ่ายทันที“สวัสดีค่ะคุณรติ เมื่อคืนเข้ามาพักที่นี่เหรอคะ นิวไม่รู้เลยว่าคุณมา”“ค่ะ รติเข้ามาที่นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว รติมาเก็บของ ตั้งใจจะไปพักที่บ้านแม่ค่ะ”รติมาพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง นิรมลเดินมาหาอีกฝ่ายเพื่อจะมาปลอบใจ เธอมองอีกฝ่ายถือของเต็มทั้งสองมือจึงอาสาช่วยเหลือ“ถ้าอย่างนั้นนิวช่วยนะคะ กล่องที่วางหน้าห้องนั่นก็ด้วยใช่ไหม”“ขอบคุณค่ะคุณนิว”รติมายิ้มให้ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ นิรมลยกกล่องกระดาษขึ้นมา ไม่หนักสักเท่าไรหรอก พอถือไหวในระหว่างที่กำลังลงลิฟต์ นิรมลก็ชวนอีกฝ่ายคุยถึงเรื่องของกรกฎ“ว่าแต่ทำไมคุณรติไม่อยู่ห้องนี้ต่อล่ะคะ ทำไมย้ายออกไป?”“บ้านแม่อยู่ใกล้ที่ทำงานรติมากกว่าค่ะ อีกอย่างรติก็รู้สึกผิดกับกฎมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แล้วก็...”รติมาพูดแล้วหยุดชะงัก เธอลังเลว่าควรจะเล่าดีหรือไม่ นิรมลที่กำลังฟังอยู่จึงซักถามให้อีกฝ่ายเล่าต่อ“ยังไงต่อเหรอคะคุณรติ”“เมื่อคืน
เมื่อเข้าห้องพักได้ นิรมลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทร. มาหา แต่ปรากฏว่าหน้าจอโทรศัพท์ไม่มีข้อความหรือสัญญาณสายเรียกเข้าขึ้นมาเลย ทำให้หญิงสาวยืนงงอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างแต่ภาพที่เห็น...ทำเอานิรมลมือไม้อ่อนจนโทรศัพท์แทบจะหลุดจากมือ ตรงบริเวณประตูห้อง เธอเห็นวิญญาณของกรกฎยืนมองเธออยู่ แต่เขาไม่ได้เข้ามาใกล้มากกว่านี้วิญญาณกรกฎยิ้มให้นิรมล เขาไม่ได้มาหาในสภาพที่น่ากลัวอีก และในวันนี้เขามาบอกรายละเอียดในการตามหาพี่ชายให้หญิงสาวรับรู้ และขอให้เธอช่วยทำอะไรบางอย่างในสิ่งที่เขาไม่สามารถทำเองได้แล้ว“พี่ชายของผมอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาทำงานอะไร แล้วจะยอมมาดูแลห้องพักให้ผมหรือเปล่า แล้วก็...ผมอยากขอให้ช่วยสืบเรื่องแฟนผมด้วยว่าเธอจงใจหรือตั้งใจทำร้ายผมหรือเปล่า”นิรมลนิ่งเงียบฟังข้อมูลที่กรกฎบอก คิ้วขมวดและนึกอะไรบางอย่าง เธอถามเขาก่อนที่กรกฎจะพูดออกมา“ถ้าอย่างนั้นต้องคิดเรื่องการตามหาพี่ชายของคุณก่อนก็แล้วกัน พี่ชายคุณชื่ออะไรคะ แล้วที่บอกว่าอยู่จังหวัดกาญจนบุรีนี่อยู่ตรงไหน จังหวัดนี้มันไม่ใช