Mag-log in‘นิรมล’ หญิงสาวผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต วิญญาณของเธอได้ลงไปยังยมโลกและนึกสงสัยการเสียชีวิตของตัวเอง จนต้องร้องขอท่านยมบาลกลับมาสืบหาความจริงว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอกันแน่ แต่ว่า...การย้อนเวลาย่อมมีการแลกเปลี่ยน นิรมลเสนอตัวช่วยเหลือดวงวิญญาณที่กำลังเดือดร้อนจำนวน 5 ดวงด้วยกัน แลกกับการที่ท่านยมบาลยินยอมให้หญิงสาวย้อนเวลากลับไปได้เพียง 90 วันเท่านั้น นิรมลได้ย้อนเวลากลับไปใช้ชีวิตอีกครั้ง แต่ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิม หญิงสาวกลายเป็นคนเห็นผี การช่วยเหลือดวงวิญญาณน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เธอต้องมาพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน และได้เรียนรู้ว่าจิตใจคนยากแท้หยั่งถึง ไม่ว่าจะเป็นแฟนอย่าง ‘เอกภพ’ หรือ ‘ชมพูนุท’ เพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ล้วนแต่น่าสงสัยด้วยกันทั้งนั้น แล้วใครกันนะที่เป็นคนคิดทำร้ายเธอ!?!
view moreวันที่ 31 เดือนตุลาคม...
รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว บนถนนที่กำลังออกนอกจังหวัดกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดนครปฐม มีรถยนต์ผ่านมาบ้างเพียงสามสี่คัน ภายในรถยนต์คันนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นผู้ขับ เธอสวมแว่นตาดำขับรถมาจนถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองมาเป็นสีแดงภายในพริบตา
หญิงสาวเงยหน้ามองเห็นไฟจราจรเปลี่ยน เท้าเหยียบเบรกรถยนต์ แต่...เบรกกลับไม่ยอมทำงานอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้หญิงสาวบนรถเริ่มมีสีหน้าตื่นตระหนก เธอกรีดร้องเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่ารถไม่ยอมหยุด
“กรี๊ดดด!!!”
โครม!!!
รถยนต์ของหญิงสาวพุ่งชนกับรถอีกคันหนึ่ง เศษกระจกแตกกระจายเกลื่อนกลางสี่แยก รวมถึงชิ้นส่วนอื่นๆ ที่กระจัดกระจาย เสียงคนกรีดร้องจากริมถนนและรถยนต์คันอื่นที่จอดติดสัญญาณไฟแดงอยู่แถวนั้น เพียงครู่เดียวก็มีพลเมืองดีโทรศัพท์เรียกหน่วยกู้ภัยและตำรวจทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ
น่าแปลก...ที่รถยนต์ของฝ่ายหลังถึงจะพังยับเยิน แต่คนขับรถที่เป็นผู้ชายกลับไม่เป็นอะไรเลย แค่ฟกช้ำจากการถูกกระแทกเพียงเล็กน้อย
กลับกัน...หญิงสาวในรถยนต์อีกคัน ร่างกายกระแทกกับพวงมาลัยรถ เศษกระจกบาดตามตัวของเธอผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น มีชิ้นหนึ่งบาดเข้าที่คอจนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ทำให้เสียเลือดไปมาก
เจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งเปิดประตูรถยนต์คันนั้นและได้เห็นสภาพของหญิงสาวที่ฟุบอยู่ตรงพวงมาลัยรถ พร้อมกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว เขาจับชีพจรของเธอ มองไปยังเบาะรถยนต์ด้านหลัง เห็นกระเป๋าถือของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายวางอยู่ เขากำลังจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋านั้นมาดู แต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา
“เฮ้ย!”
เขาร้องอุทานด้วยความตกใจ แต่เมื่อตั้งสติได้ว่าเสียงนั้นดังมาจากกระเป๋าตรงหน้าจึงเปิดกระเป๋าออกดู ก่อนพบกับโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้า หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาว่า ‘น้องสาว’
เจ้าหน้าที่กู้ภัยหันมาเจอตำรวจคนหนึ่งยืนอยู่แถวนั้น เขายื่นโทรศัพท์ให้ตำรวจ แล้วหันมาค้นในกระเป๋าต่อจนเจอกระเป๋าสตางค์ของเธอ เขาเปิดออกดูหาบัตรประชาชน จะได้รู้ว่าหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายคนนี้คือใคร?
“เจอแล้วครับ ชื่อผู้ตาย นางสาวนิรมล...”
“ที่นี่...ที่ไหนกันนะ?”
หญิงสาวหันมองรอบตัวที่มืดมิดจนไม่รู้ทิศทาง หูได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของมนุษย์หรือสัตว์กันแน่ เธอหันซ้ายหันขวามองหาที่มาของเสียง และคงหันมองรอบตัวอีกนาน หากไม่ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
“ยังมีดวงวิญญาณหลงเหลืออีกหรือนี่ เจ้าน่ะชื่ออะไร?”
หญิงสาวหันหน้าไปมองก็พบชายคนหนึ่ง รูปร่างดูสูงใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่สวมเสื้อ นุ่งโจงกระเบนสีแดง เมื่อเธอหันหน้ามามองเห็นว่าเขามายืนใกล้ชิดจนต้องถอยหลังหนี ด้วยความรู้สึกเกรงกลัวอะไรบางอย่างจาก ‘เขา’
“เจ้ามากับข้าทางนี้เถิด”
ชายคนนั้นเดินนำหน้าหญิงสาวที่ยังคงหันมองรอบทิศทาง หูยังคงเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเริ่มรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ยังคงเดินตามหลังทั้งที่ในหัวยังคงมีคำถามอยู่ตลอดเวลาว่าที่นี่คือที่ไหน จนเห็นสะพานเล็กๆ ตรงหน้า
“เจ้าเดินข้ามสะพานไปด้านโน้นเถิด”
หญิงสาวทำตามโดยดี แต่ก็ยังคงคิ้วขมวดด้วยความสงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้
“ที่นี่คือที่ไหนคะ?”
“ที่นี่คือยมโลกยังไงละ หากเจ้าเดินข้ามสะพานไปทางด้านโน้น เจ้าจะได้พบกับท่านยมบาล”
ชายร่างสูงใหญ่นั้นคือ ‘ยมทูต’ นั่นเอง หญิงสาวก้มลงมองตัวเอง ก่อนพบว่าร่างของเธอโปร่งแสง แทบมองไม่เห็นแม้แต่มือ เธอได้แต่พึมพำอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“นี่...ฉะ...ฉันตายแล้วเหรอ แล้ว...ฉันตายได้ยังไงคะ”
“นี่เจ้าจำไม่ได้จริงๆ หรือว่าเจ้าตายได้ยังไง เจ้าเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ของเจ้าพุ่งชนกับรถอีกคันกลางสี่แยก”
หญิงสาวค่อยๆ นึกทบทวนความทรงจำ
“ใช่ ฉันจำได้ว่าเบรกรถยนต์ไม่ทำงาน พยายามเหยียบเบรก...แต่...”
‘ยมทูต’ คิดว่าถ้าปล่อยให้หญิงสาวถามอยู่แบบนี้ เธอคงไม่เดินไปไหนแน่ เขาใช้มือลากหญิงสาวให้เดินข้ามไปด้วยกัน
“เจ้าเดินข้ามสะพานไปเถิด ข้าไม่มีเวลาแล้ว เดี๋ยวข้าจะต้องไปรับดวงวิญญาณดวงอื่นอีก เจ้ามาทางนี้”
หญิงสาวจะร้องโวยวายหรือขัดขืน แต่เหมือนโดนสะกดให้ต้องทำตาม ระหว่างนั้นเธอหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้น ภาพในหัวเริ่มค่อยๆ ปะติดปะต่อ และเริ่มชัดเจนโดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ อยู่ๆ พูดโพล่งออกมา
“ใครตัดสายเบรกหรือเปล่า?”
ยมทูตที่พาเดินนำหน้ามาหยุดชะงัก
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
“เอ่อ ฉะ...ฉันไม่แน่ใจ ทะ...ท่านจะพาฉันไปไหนคะ”
หญิงสาวมีอาการหวาดกลัวเพิ่มขึ้น ยิ่งกำลังจะเดินข้ามสะพานไปอีกด้าน เธอหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ตัว แต่กลับไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด หูยังคงได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ดังขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งผู้ที่เดินนำหน้าเธอหยุดเดิน ทำให้หญิงสาวหันมามองตรงหน้า
ด้านหน้าของหญิงสาวมีชายผู้หนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่สูงจนเธอต้องแหงนหน้ามอง ท่าทางดูมีอำนาจและดูน่าเกรงขาม ยมทูตที่พาเธอเข้ามารีบบอกอีกฝ่าย
“ยังมีดวงวิญญาณอีกหนึ่งดวง กระผมพามาจากด้านหน้านี่เองขอรับ”
“เจ้าชื่ออะไร?”
หญิงสาวกำลังจะตอบ แต่แล้วกลับมีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นจนเธอตกใจ ท่านยมบาลรีบออกคำสั่งกับยมทูตตรงหน้า
“เจ้าไปดูทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น”
ยมทูตหายไปตามคำบัญชา ท่านยมบาลหันมามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังมองซ้ายขวา มือข้างหนึ่งจับที่หน้าอก ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เสียงกรีดร้องโหยหวนจากที่ดังอยู่แล้วกลับยิ่งดังมากขึ้น จนท่านยมบาลต้องถามซ้ำอีกครั้ง
“เจ้าชื่ออะไร?”
“ดะ...ดิฉันชื่อ นิรมล ติยะสกุลค่ะ”
หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก ท่านยมบาลเปิดประวัติดู คิ้วขมวดด้วยความสงสัยกับข้อมูลตรงหน้า ต่างจากเธอที่มีอาการ ‘กลัว’ อย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าเป็นอะไรหรือ”
หญิงสาวหันซ้ายหันขวา ยังคงได้ยินเสียงร้องโหยหวนที่น่ากลัวนั้นอยู่ ปากพูดพึมพำโดยไม่ได้สนใจท่านยมบาลตรงหน้าสักนิด
“ฉันตายแล้วจริงๆ เหรอ ที่นี่คือยมโลก...ฉะ...ฉันตายแล้ว...”
“ใช่ เจ้าตายแล้ว ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนเหล่านั้นหรือไม่ นั่นคือเสียงพวกใจบาปหยาบหนาที่ข้ากำลังลงทัณฑ์พวกมันอยู่!”
หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก ในใจคิดถึงบาปบุญที่เคยทำมา ท่านยมบาลเหมือนจะรู้ความในใจของเธอจึงพูดขึ้นมา
“หากที่ผ่านมาเจ้าทำบุญหรือทำดี ข้าคิดว่าไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวดอก”
คำพูดประโยคนั้นไม่ได้ช่วยให้หญิงสาวรู้สึกใจชื้นขึ้น แต่กลับนึกถึงสาเหตุการตายของตัวเองจนอดที่จะถาม ‘ท่าน’ ไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้สึกเกรงกลัว
“ฉันสงสัยการตายของตัวเองค่ะ ฉะ...ฉันขับรถมา อยู่ๆ เบรกก็ไม่ทำงาน ต้องมีใครคิดทำร้ายฉันแน่”
“เจ้าตายไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องบนโลกมนุษย์อีก”
ท่านยมบาลพูดเตือนสติ แต่นิรมลอึกอัก คิดลังเลอยู่ในใจ จะพูดดีไหมนะ แต่ถ้าไม่พูด...เธอก็จะไม่มีวันรู้แน่นอน...
“ฉันอยากจะขอร้องท่าน ขอย้อนเวลากลับไปยังโลกมนุษย์อีกครั้งค่ะ อยากขอโอกาสจากท่าน...อยากรู้ว่าฉันไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า หรือว่าไปทำอะไรไม่ดี ถึงต้องมาทำร้ายฉัน...จนตาย”
นิรมลพูดอ้อนวอนท่านยมบาล ถึงแม้ว่าเธอกลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าเงยหน้าสบสายตากับ ‘ท่าน’ ได้แต่นั่งก้มหน้า แต่สิ่งที่สงสัยอยู่ในใจกลับมีมากกว่า อีกฝ่ายมองหญิงสาวนิ่ง
“ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้น ไหนลองบอกข้าที ถ้ามีเหตุผลมากพอ ข้าอาจจะรับฟังเจ้า”
นิรมลนิ่งคิด ค่อยๆ คิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา แต่...เธอกลับนึกอะไรไม่ออกเสียเลย
“ฉะ...ฉัน...เป็นเสาหลักของครอบครัว พ่อแม่คงลำบากแน่ถ้าฉันเสียชีวิต น้องสาวก็ยังเรียนหนังสืออยู่ ไหนจะหน้าที่การงานอีก ฉันยังตายไม่ได้”
ท่านยมบาลมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ไม่พูดอะไรอีก ทำให้นิรมลพูดขอร้องอีกครั้ง
“ฉันรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง แต่...ฉันอยากจะขอร้องท่านสักครั้ง ขอย้อนเวลากลับไปโลกมนุษย์ แค่ครั้งเดียวก็ยังดีค่ะ”
“เจ้าขอร้องข้าขนาดนี้ เจ้ามีสิ่งแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่ ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะได้มาง่ายๆ ดอก”
หญิงสาวนิ่งคิด ต้องมีสิ่งทดแทนสินะ จะเอาอะไรไปแลกเปลี่ยนดี? เธอนั่งนิ่งไม่พูดอะไรอยู่นานจนอีกฝ่ายไม่พอใจ
“เจ้าจะว่าอย่างไร ข้าไม่ได้มีเวลามานั่งเฝ้ารอคำตอบจากเจ้าเช่นนี้ดอกนะ”
นิรมลสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นสบสายตากับอีกฝ่าย แววตาแสดงความรู้สึกกลัวและไม่มั่นใจ แต่ก็ตัดสินใจพูดออกมา
“คะ...คือ ฉันจะช่วยเหลือดวงวิญญาณที่กำลังเดือดร้อนค่ะ จะได้เป็นบุญกุศลกับตัวฉัน และช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณเหล่านั้นด้วย”
ท่านยมบาลนิ่ง อ่านประวัติของหญิงสาวตรงหน้าเพื่อคิดทบทวนอีกครั้ง
“ได้ ความจริงแล้วเจ้ายังไม่ถึงฆาต ยังไม่ถึงเวลาของเจ้า ข้ายินยอมตามที่ร้องขอ แต่เจ้าจะย้อนเวลากลับไปได้เพียงเก้าสิบวันเท่านั้น และมอบสัมผัสพิเศษเปิดดวงตาที่สามให้เจ้ามองเห็น เจ้าต้องช่วยเหลือดวงวิญญาณห้าดวงตามที่พวกเขาร้องขอ เจ้าจะตกลงตามนี้หรือไม่”
“ตกลงค่ะ”
เมื่อสิ้นสุดคำว่า ‘ตกลง’ หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเบา คล้ายๆ จะลอยไปไหนสักแห่ง และในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติ หูของเธอได้ยินเสียงดังแว่ว
“แต่เจ้าจะจดจำช่วงเวลาเก้าสิบวันที่ผ่านมาไม่ได้ ยกเว้น...”
ชมพูนุทปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าเธอไม่ได้ทำ แต่หลักฐานทุกอย่างมัดตัวแน่นหนา ถึงแม้ว่าเธอจะปฏิเสธและหาทนายความเพื่อสู้คดีและยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัว แต่เนื่องจากเป็นคดีร้ายแรงจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวออกมาแม่และยายของชมพูนุทมาเยี่ยมเธอเพียงครั้งเดียว ยายได้แต่ร้องไห้เสียใจในการกระทำของเธออยากจะมาเยี่ยมหลานบ่อยๆ แต่ไม่สะดวกในการเดินทาง ส่วนแม่ของเธอ สามีของแม่ไม่ต้องการให้เข้ามายุ่งเกี่ยวอีก“คุณไม่ต้องยุ่งกับลูกของคุณแล้วละ ในเมื่อเขาทำผิดก็ต้องชดใช้”ทางด้านแม่ของเอกภพออกจากโรงพยาบาลในอีกสามวันต่อมา คราวนี้ทั้งเอกภพและนิรมลเป็นคนไปรับ หญิงสาวไปด้วยเพราะต้องไปรับรถยนต์ที่อู่ซ่อมรถ แม่ของเอกภพที่พอรู้เรื่องราวของหญิงสาวอยู่บ้างจึงพูดปลอบโยนเธอ“หนูนิวปลอดภัยดีนะ ตอนนี้คนร้ายก็ถูกจับตัวไปแล้ว ต่อไปคงมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตนะ”นิรมลยกมือไหว้ขอบคุณแม่ของเอกภพเช่นกัน เธอยิ้มให้“นิวก็หวังไว้อย่างนั้นค่ะ ต่อไปคงมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา”ในคืนนั้น นิรมลฝันอีกครั้ง เธอยืนอยู่ในบรรยากาศที่มืดมิดอีกครั้ง แต่ในค
เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ นิรมลเดินนำเอกภพเข้าไปด้วยความมั่นใจ เนื่องจากเมื่อวานเธออยู่ตรงนี้ เกือบทั้งวันแล้ว เอกภพเห็นนิรมลเดินนำหน้าเข้าไปในห้องสืบสวน และได้พบกับตำรวจคนหนึ่ง ผิวดำแดง ตัวสูงแต่รูปร่างผอมบางกว่าเขามากทีเดียว“สวัสดีค่ะหมวด ฉันเอาหลักฐานชิ้นใหม่มาให้ดูค่ะ เพื่อแจ้งความเรื่องคุณพิษณุถูกฆาตกรรมค่ะ”ตำรวจคนนั้นเปิดฮาร์ดดิสก์ออกดู นำมาดูในคอมพิวเตอร์ เมื่อเห็นในคลิปชัดเจนว่าใครทำอะไร เขาก็รีบจดข้อมูลทันที แต่ก็หันไปสอบถามกับนิรมลเพิ่มอีก“คุณรู้ใช่ไหมว่าคนในคลิปเป็นใคร? ผู้ชายที่อยู่ในคลิปนี้เสียชีวิตแล้วใช่ไหมครับ”นิรมลพยักหน้ารับ เธอหยิบสมุดบันทึกออกมาพร้อมกับอธิบายให้ข้อมูลเพิ่มเติม“ผู้ชายที่อยู่ในคลิปชื่อพิษณุค่ะ เขาเสียชีวิตเมื่อสามปีที่แล้ว แต่...ฉันไม่แน่ใจว่าคดีของเขา ตำรวจคนไหนเป็นเจ้าของคดี ผู้หญิงคนนี้คิดวางยาแต่ไม่สำเร็จค่ะ เธอก็เลยจ้างคนมาตัดสายเบรกรถยนต์ หลักฐานทุกอย่างอยู่ในคลิปวิดีโอและสมุดบันทึกเล่มนี้ค่ะ”เอกภพและนรีนันท์อยู่ให้ปากคำถึงสองชั่วโมง ทั้งสองคนชี้เบาะแสเรื่องของการวางยาเบื่อและขอให้เชิญพ
เอกภพรีบพาแม่มาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็ว หมอเห็นอาการของแม่รีบพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินล้างท้องทันที เขายืนกอดน้องสาวคนเล็กที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายด้วยความกลัว“พี่หนึ่ง...แม่ จะตายไหม”“แม่ต้องไม่เป็นอะไร แม่ถึงมือหมอแล้ว หมอต้องช่วยแม่ได้ ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ”............................................เช้าวันนี้อาการของนิรมลดีขึ้น สองคนพี่น้องจึงคุยกันว่าจะไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ของใช้หมดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม กระดาษทิชชู รวมถึงของแห้งอย่างพวกข้าวสารหรืออื่นๆ ที่จำเป็นแต่เมื่อเอกภพโทรศัพท์มาแจ้งข่าวว่าแม่ของเขาเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน แผนการในวันนี้จึงต้องเปลี่ยนไป ทั้งสองคนพี่น้องพากันไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมแม่ของเอกภพโชคดีเมื่อนิรมลและนรีนันท์ไปถึง แม่ของเอกภพก็อาการปลอดภัยพ้นขีดอันตราย ทางโรงพยาบาลกำลังหาห้องพักพิเศษตามที่เอกภพแจ้งความประสงค์ไว้ นิรมลเดินไปหาเขาที่กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียด“ทำไมอยู่ๆ แม่เป็นแบบนี้ล่ะ กินอะไรไปเหรอ”“แม่กินต้มแซ่บที่หนึ่งเอามาจากคอนโดฯ นิวเมื่อวานน่ะสิ!”นิรมลมีสีหน้าไม่สบายใจเมื่อเดินลงมายังที่จอดรถยนต์กับนรีนันท์ เธอนึกถึง
เช้าวันรุ่งขึ้น นิรมลลุกขึ้นมาจากเตียงนอน เธอลุกขึ้นมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อที่จะไปทำงานตามปกติ หญิงสาวเดินออกมาจากห้องนอนก็พบนรีนันท์ที่กำลังอุ่นอาหารอยู่“พี่นิวจะไปไหน กลับเข้าไปนอนต่อเลย”“พี่หายแล้ว ไปทำงานได้แล้ว”นรีนันท์เดินมาแตะหน้าผากพี่สาว“หายป่วยอะไรกันคะ ตัวยังร้อนอยู่เลย พี่นิวอย่าดื้อเลยค่ะ นอนพักให้หายดีก่อนเถอะ พี่หนึ่งบอกว่าจะลางานให้พี่นิวพักผ่อนถึงวันจันทร์เลยค่ะ”นิรมลนิ่ง นึกทบทวนว่าวันนี้วันอะไร...เพิ่งวันพฤหัสบดีเองนี่นา“งานด่วนพี่ก็มีนะ อยู่ๆ จะให้พี่ไม่ไปทำงานแบบนี้ได้ยังไง”แต่นรีนันท์กลับส่ายหน้าไม่ให้ไปไหน เธอจัดการอุ่นอาหารให้พี่สาวเสร็จก็เตรียมถือสิ่งของสัมภาระออกไปทำงาน และไม่ลืมที่จะหยิบกุญแจรถยนต์ของพี่สาวมาด้วย เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องรบกวนเอกภพให้มาส่ง และหันมาบอกพี่สาว“นัทขอยืมรถยนต์พี่นิวไปทำงานก่อนก็แล้วกันค่ะ ส่วนอาหาร นัทอุ่นไว้ให้แล้วนะคะ”............................................นรีนันท์เข้าไปที่บริษัททำงานตามปกติ เธอเจอกับเอกภพที่เพิ่งอ
สิ่งที่เอกภพคาดการณ์ไว้ก็เป็นจริง เมื่ออีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาขวดน้ำเกลือหมดขวด หมอเดินมาดูอาการนิรมลอีกครั้งก่อนที่จะอนุญาตให้หญิงสาวกลับบ้านได้เอกภพพานิรมลมาส่งที่คอนโดฯ แล้วตั้งใจจะกลับไปทำงานที่บริษัทต่อ ก่อนจะไปเขาบอกให้หญิงสาวพักผ่อน“จิ๋วนอนพักนะ ไม่ใช่ว่าลุกขึ้นมาทำงานล่ะ”“รู้แล้วน่า จิ๋วยังไม่หายดีหรอก จะพยายามนอนพักให้หายก่อนค่อยกลับมาลุยงานใหม่”“ดีแล้ว ยังไงตอนเย็นบีจะแวะมาหาอีกรอบก็แล้วกันนะ จะพานัทกลับมาส่งด้วย โอเคไหม”นิรมลยิ้มให้กับเอกภพ“ขอบคุณนะที่ช่วยดูแลจิ๋วกับนัทด้วย ไม่ต้องซื้ออะไรมาเยอะหรอกนะ หรือว่าถ้ามีธุระด่วน ฝากนัทมาให้ก็ได้”เอกภพพยักหน้ารับก่อนที่จะกลับมาทำงานต่อ เขานั่งทำงานอยู่จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน จึงส่งข้อความไปหานรีนันท์‘เย็นนี้กลับกี่โมง เลิกงานหรือยัง เดี๋ยวพี่ไปส่งนัทกลับคอนโดฯ แล้วก็จะได้ซื้ออาหารไปให้พี่นิวด้วย’‘งานนัทยังไม่เสร็จเลยค่ะพี่หนึ่ง นัทตั้งใจว่าจะกลับสักหกโมงเย็น พี่หนึ่งรีบกลับบ้านหรือเปล่าคะ ถ้าพี่มีธุระกลับก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวนัทนั่งแท็กซี่กลับเอง’เอกภพหยิบ
ชมพูนุทพิมพ์เท่านี้ก็วางโทรศัพท์ลง นั่งครุ่นคิดเรื่องของตัวเองต่อโดยไม่ได้สนใจเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ตรงหน้า หญิงสาวได้แต่บ่นพึมพำ“ใครจะไปรับ คงโทรฯ มาด่าอีกแหง เห็นทีต้องหางานเสริมอย่างที่แม่ว่าจริงๆ นั่นแหละ”ชมพูนุทนั่งคิดถึงเรื่องหางานเสริม งานนั้นต้องได้เงินเยอะมากพอที่จะทำให้ความเป็นอยู่ดีกว่านี้ เธอจึงตัดสินใจเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ พิมพ์ข้อความค้นหาแล้วก็เจอกลุ่มลับกลุ่มหนึ่ง ในนั้นมีข้อความเชิญชวนให้ทำงานบางอย่าง...‘มองหาสาวสวยที่ต้องการรายได้เสริม ไม่ต้องมีประสบการณ์ สนใจติดต่อได้ที่...’ข้อความนั้นทำให้ชมพูนุทตัดสินใจเข้ากลุ่มโดยไม่ลังเลอีก เธอเข้ากลุ่มเพื่อทำงานเป็นผู้หญิงไซด์ไลน์ และใช้ชื่อในวงการว่า ‘พิงค์กี้’ แน่นอนว่าเธอตั้งใจทำงานเพื่อซื้อของใช้และของแบรนด์เนมที่เธออยากได้ หญิงสาวคิดเพียงแค่ว่าเงินนี้เธอได้มาโดยสุจริต อย่างน้อยทำงานมาโดยใช้ตัวเข้าแลกเงินชมพูนุททำงานนี้มาตลอดโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวมีอาชีพเสริมอะไร จนกระทั่งวันหนึ่ง ชมพูนุทก็ได้เจอกับพิษณุที่บริษัท เขาเห็นหน้าเธอเพียงแวบแรกก็นึกพอใจ และจะติ
Mga Comments